▼ กำลังโหลดข้อมูล... ▼
แสดงความคิดเห็น
คุณสามารถแสดงความคิดเห็นกับกระทู้นี้ได้ด้วยการเข้าสู่ระบบ
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
บันทึกนักเดินทาง
ภาพถ่ายทิวทัศน์
ภาพถ่าย
เที่ยวต่างประเทศ
เที่ยวญี่ปุ่น
[CR] เที่ยวไม่ง้อรถไฟ บุกไปเดินเล่น Kusatsu เพชรน้ำงามแห่ง Gunma (Exploring North Western Japan Trip) Day 3 - 4
- Kusatsu -
เนื่องจาก Gunma Prefecture กำลังเริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่นิยมการแช่ Onsen ดังนั้น ชื่อของ “Kusatsu” อาจจะยังไม่เป็นที่คุ้นหูสำหรับนักท่องเที่ยวบางกลุ่มมากนัก รวมถึงตัวผมเองก็เช่นกัน แต่หลังจากที่มีเพื่อนแนะนำการไปท่องเที่ยวที่ Kusatsu ผมจึงได้เริ่มหาข้อมูลเกี่ยวกับเมืองๆนี้ และได้พบว่า Kusatsu เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกหนึ่งแห่งหนึ่งที่ธุรกิจ Onsen ประสบความสำเร็จมาก แต่ลักษณะจะแตกต่างไปจาก Takaragawa Onsen เนื่องจากเป็นการเปิดให้นักท่องเที่ยวได้แช่ Onsen ในโรงอาบน้ำสาธารณะ หรือตามเรียวกังที่พักหลายๆแห่งรอบเมืองเป็นส่วนใหญ่ เมื่อได้ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางและ Location มา ก็ยิ่งไม่ลังเลใจในการปักหมุดเป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายการเดินทางในทริปนี้อย่างแน่นอน เนื่องจากอยู่ใกล้กับ Karuizawa มากๆ ใช้เวลาเดินทางเพียงข้ามเขาเล็กน้อย ก็จะถึงเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่แช่ Onsen อันดับต้นๆของญี่ปุ่นกันแล้ว
เมือง Kusatsu ตั้งอยู่ที่ Agatsuma District ซึ่งเป็นพื้นที่บริเวณตะวันตกสุดของ Gunma Prefecture ด้วยความที่ที่ตั้งของเมืองนั้น มีภูเขาไฟอยู่บริเวณใกล้เคียงถึง 3 แห่ง และมีแร่กำมะถันในปริมาณค่อนข้างสูง ทำให้เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงด้านบ่อน้ำร้อน (Onsen) ซึ่งได้ชื่อว่ามีคุณภาพที่สุด โดยเฉพาะบริเวณบ่อน้ำกำมะถันขนาดใหญ่ใจกลางเมืองที่มีชื่อเรียกว่า Yubatake นั้น ได้ถูกจัดให้เป็นแหล่งน้ำพุร้อนหลัก สามารถกระจายน้ำออกสู่โรงอาบน้ำและเรียวกังที่พักรอบๆเมืองได้ถึง 5,000 ลิตร/นาที ดังนั้น หากเดินเตร็ดเตร่อยู่ในบริเวณ Yubatake จะมีควันจากบ่อน้ำร้อนพร้อมกลิ่นกำมะถันล่องลอยอยู่ในอากาศตลอดเวลา แม้กระทั่งการลงแช่บ่อน้ำร้อนในเมือง Kusatsu แห่งนี้ จะรู้สึกว่าน้ำมีกลิ่นกำมะถันที่ค่อนข้างแรงกว่า Onsen ที่เมืองอื่น โรงอาบน้ำหลายๆแห่งใน Kusatsu นั้น เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าอาบน้ำได้โดยไม่คิดค่าบริการอีกด้วย
ผมเดินทางออกจาก Karuizawa ในช่วงเวลาบ่ายแก่ๆ หลังการ Shopping เบาๆที่ Outlet โดยการเดินทางจาก Karuizawa ไปยัง Kusatsu นั้น ไม่ยากมากนัก ผมขับรถตัดออกทางด้านหลังเมือง เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 146 ขึ้นทางด่วนสาย Nihon Romantic Highway ซึ่งจะนำตัดไล่เลาะตามภูเขา ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็จะเข้าสู่เมือง Kusatsu รวมระยะทางทั้งหมด 41 กิโลเมตร แต่ที่ใช้ระยะเวลาเดินทางค่อนข้างนาน ก็เนื่องมาจากทางลาดชันขึ้นเขานั่นเอง ความพิเศษอย่างหนึ่งของ Kusatsu นั้น คือการที่มีเพลงประจำเมือง โดยตามปกติจะมีเสียงระฆังเล่นเพลงประจำเมืองเพลงนี้ตามกำหนดในแต่ละวัน แต่ที่พิเศษมากไปกว่าเสียงระฆังก็คือ ถนนทางเข้าเมือง ซึ่งพื้นผิวถนนบริเวณทางเข้าได้รับการปรับให้มีองศาที่พอดีกับการบดของยางรถยนต์เวลาวิ่งผ่าน ทำให้เสียงยางรถยนต์ที่บดลงบนพื้นถนนบริเวณดังกล่าวที่ได้รับการตัดองศาแล้วดังเป็นเสียงดนตรีทำนองของเพลงประจำเมือง อันนี้คือความพิเศษและเป็น Surprise ที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับเมืองนี้ เมื่อรถวิ่งผ่านเข้ามาในตัวเมือง จะพบว่าถนนหนทางในเมืองเป็นทางลาดขึ้นลงอยู่ค่อนข้างมาก ทำให้ต้องขับรถด้วยความเร็วที่จำกัด ทั้งนี้ สภาพถนนบ้านเมืองนั้นเป็นตรอกซอกซอยเล็กๆ คล้ายๆ Little Kyoto และมีร้านค้าขายของที่ระลึกและขนมท้องถิ่นตลอดทาง นอกจากนี้ ยังสามารถเห็นผู้คนในเมืองแต่งชุดยูกาตะและกิโมโนเดินกันขวักไขว่ นับเป็นภาพที่หาชมได้ยากตามเมืองใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น
เนื่องด้วยเดินทางมาถึง Kusatsu ในเวลาบ่ายแก่ๆแล้ว แผนการท่องเที่ยวในช่วงเย็นวันนี้จึงไม่บู๊อะไรมากมายนัก เริ่มด้วยการเดินเท้าชมบริเวณรอบๆเมือง ซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่โตเกินไปนัก เริ่มแรกจากการเข้า check-in ที่โรงแรมก่อน โดยในคืนนี้ผมเลือกที่พักกายพักใจเป็นเรียวกัง ชื่อว่า Kusatsu Onsen Boun ตามที่ผมดูใน Google Map นั้นตั้งอยู่ใกล้กับ Yubatake หรือบริเวณใจกลางเมือง แต่ Google Map ก็บอกที่ตั้งได้อย่างคร่าวนั่นแหละครับ ไม่สามารถบอกได้แน่ชัดว่าทางเข้าโรงแรมแห่งนี้นั้น อยู่ที่ใด ณ ตอนนั้น Google Map ก็ร้องระงมแล้วว่า Your Destination is on the left แล้วทำไมตูหันขวาเห็นร้านขายขนมหว่า ผมจึงต้องเสียเวลาในการขับวนรอบเมืองตามตรอกซอกซอยเล็กๆและสอบถามชาวเมืองข้างทางอยู่ประมาณ 2 - 3 ครั้ง แล้วค่อยๆคลำๆงมๆไปตามถนนสายเล็กสักพัก ก็มาถึงทางเข้าโรงแรมที่พักด้านหลัง ซึ่งเป็นทางลาดที่รถสามารถวิ่งเข้าได้ ที่สำคัญไม่มีป้ายบอกเป็นภาษาอังกฤษด้วย เห็นแต่ตัวยึกยือที่อ่านไม่ออก
เมื่อนำรถเข้าจอดบริเวณหน้าทางเข้า Lobby และขนกระเป๋าลงจากรถเรียบร้อย ก็มีพนักงาน Valet Parking มารับกุญแจรถเพื่อนำไปจอดให้อย่างเรียบร้อย ผมผ่านขั้นตอนการ check-in ได้ไม่ยากนัก เนื่องจาก website ที่ผมจองโรงแรมมาได้ส่ง Voucher มาให้ทาง e-mail เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ผมแค่แสดง Voucher ให้พนักงานหน้าเคาเตอร์ตรวจสอบก็ได้รับกุญแจห้องมาอย่างง่ายดาย
ห้องนอนในวันนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ แบ่งซอยย่อยเป็นห้องนอนและห้องนั่งเล่นในตัว มีโต๊ะตัวเล็กสำหรับนั่งเล่นตั้งอยู่ริมระเบียงห้อง ซึ่งสามารถเปิดออกไปเป็นสวนสไตล์ญี่ปุ่นแบบย่อมๆได้อีกด้วย บนโต๊ะตัวใหญ่ในห้องนอน มีขนมต้อนรับและผ้าเช็ดมือวางไว้พร้อมสรรพ (เปรียบเทียบได้กับ Welcome Drink ของโรงแรมริมทะเลในบ้านเรานั่นเอง)
เมื่อเก็บกระเป๋าเข้าห้องเรียบร้อยแล้ว ก็ได้เวลาชมเมืองโดยเดินลงเนินด้านหน้าโรงแรมมาสู่ตรอกเล็กๆด้านล่างแล้วเลี้ยวขวาตามทางไปเล็กน้อย ก็จะถึงบริเวณ Yubatake ใจกลางเมือง ซึ่งในเวลานั้น มีนักท่องเที่ยวออกมา Hang Out ในบริเวณดังกล่าวเป็นจำนวนมาก บ้างก็ใส่ชุดยูกาตะมาพร้อมชำระล้างร่างกายและแช่น้ำร้อนตามโรงอาบน้ำกลางเมือง บ้างก็เดินเก็บภาพบรรยากาศรอบเมืองด้วยกล้องประจำตัวของแต่ละคน
Yubatake นั้น เรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางของเมือง Kusatsu อย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากเป็นจตุรัสขนาดใหญ่ มีพื้นที่ลาดเอียงในลักษณะเนินเขาเล็กๆ รายล้อมไปด้วยร้านค้าต่างๆมากมาย บริเวณจตุรัสนั้นคละคลุ้งไปด้วยควันและกลิ่นกำมะถันลอยอยู่ในอากาศรอบด้าน โดยตรงกลางจตุรัสมีลักษณะเป็นบ่อขนาดใหญ่ที่มีน้ำแร่ธรรมชาติไหลผ่าน ภายในบ่อมีท่อไม้เรียงต่อกันหลายๆท่อ ทำหน้าที่ในการลดอุณหภูมิของน้ำแร่ที่ไหลไปตามองศาให้พอเหมาะ โดยไหลลงทางด้านปลายสุดของบ่อทางด้านทางลาดต่ำในลักษณะของน้ำตกขนาดเล็กก่อนจะแจกจ่ายไปยังโรงอาบน้ำและเรียวกังรอบๆตัวเมืองให้ผู้เข้าพักได้แช่กันอย่างสบายตัว
บรรยากาศยามเย็นโดยรอบ Yubatake เป็นไปอย่างคึกคักตลอดเวลา ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวที่ทยอยเดินทางเข้ามา ทำให้บริเวณจุดศูนย์กลางเมืองนั้น กลายเป็น Community Mall จำเป็นอย่างไม่มีทางเลือก
ใช้เวลาเดินดูบรรยากาศโดยรอบของ Yubatake จนท้องฟ้าเริ่มจะมืด จึงลองเดินไปทางด้านฝั่งทางลาดขึ้นเนิน ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัด Kosenyochien ซึ่งเป็นวัดขนาดเล็ก ตั้งอยู่บนเนินฝั่งทางลาดขึ้นของบริเวณ Yubatake โดยการเยี่ยมชมนั้น จะต้องเดินขึ้นบันไดไปบนยอดเนินซึ่งไม่ชันมากนัก ด้านบนเป็นบริเวณลานวัดเล็กๆ มีระฆังให้นักท่องเที่ยวตีอธิษฐานขอพรอยู่หนึ่งใบ โดยด้านข้างจะมีศาลเจ้าเล็กๆ ตั้งอยู่ระหว่างทางเข้าไปในวัด ใช้เวลานานในการเดินชมบริเวณดังกล่าวไม่นานมากนักก็รีบเดินก้าวยาวๆลงจากยอดเนินด้วยความรวดเร็ว เนื่องจากกระเพาะเริ่มจะโอดครวญขออาหารเสียแล้ว