เรา: "ป๊าคิดว่าจะไปเซี่ยงไฮ้ด้วยดีไหม เพิ่มค่าตั๋วเครื่องบินอีก 2 3 พัน"
...........................(เงียบ 5 วิ)
พ่อ: "เซี่ยงไฮ้อ่ะน่าไป"
สวัสดีค่ะ ขอบอกก่อนว่ากระทู้นี้ "ไม่ใช่" กระทู้ที่อาจเกิดประโยชน์มากมายสำหรับคนที่กำลังไปเซี่ยงไฮ้ ไม่ใช่การรีวิวอย่างละเอียด แต่เป็นกระทู้ที่พูดถึงแต่ตัวเอง แค่อยากแชร์ประสบการณ์แบกเป้ไปเซี่ยงไฮ้คนเดียวเท่านั้น ทริปนี้เริ่มต้นจากเพื่อนคนหนึ่งที่เรียนอยู่กุ้ยหลิน มันชวนให้มาเที่ยวกุ้ยหลินเป็นเวลา 1 อาทิตย์ แต่พ่อบอกว่า "น้อยไป"

มันเลยจุดประกายความคิดแบคแพคคนเดียว เป็นการกระพือปีกออกต่างประเทศครั้งแรกของเราด้วย ทีนี้ ก็เลยเริ่มหาเส้นทางที่ตั๋วเครื่องบินถูกโดยยึดกุ้ยหลินเป็นที่ตั้ง จับพลัดจับผลูมาอยู่เซี่ยงไฮ้แล้วอ่ะ (16-18 มิ.ย. 2559)
เขาว่ากันว่า "ถ้าอยากเห็นปัจจุบันของจีนต้องไปปักกิ่ง อยากเห็นอดีตของจีนต้องไปซีอาน และดูอนาคตของจีนต้องไปเซี่ยงไฮ้"
สมัยนี้ หลาย ๆ คนก็ไปเที่ยวคนเดียว อินี่ก็อยากลองบ้างนั่นแหละ จัดการเรื่องวีซ่า ที่พัก ตั๋วเครื่องบิน ส่วนแพลนเที่ยวนั้น เราไม่ได้แพลนอะไรเป๊ะมาก เพราะด้วยนิสัยส่วนตัวล้วนๆ คือขี้เกียจ แต่ก็ไม่ถึงกับหลับหูหลับตาไป เพราะเราก็ได้ดูรีวิวที่เกี่ยวกับเซี่ยงไฮ้บ้าง เสิร์ชเอาบ้างว่าอะไรที่ Best of shanghai หรือ must go ไรงี๊ เริ่มเลยค่ะ อย่าอ้อมค้อม............3........2...1 ไปปปปป ทริปนี้มีอาวุธ คือ ปากและมือ ถามประกอบท่าทาง

วันแรกที่มาถึง (16 มิ.ย. 2559)

สิ่งที่แพลนไว้ - ไฟล์ทจะถึงตอน 07.55 น. และก็จะหาที่กินก่อนค่อยเข้าโรงแรม เย่ๆ ถึงแต่เช้า จะได้เที่ยวทั้งวัน

ความเป็นจริง - สายการบินดีเลย์ 5 ชั่วโมง กรี๊ดดดดดดดด มาถึงเซี่ยงไฮ้ตอน 13.00 น. กว่าจะได้ลงจากเครื่อง ผ่าน ตม. อี๊กก
.............สนามบินของเซี่ยงไฮ้สะดวกมาก คือ เชื่อมกับ Subway หาไม่ยาก มีป้ายบอกตลอดทางทั้งจีนและอังกฤษ Subway ขายบัตรผ่านตู้อัตโนมัติ คล้ายๆ ของไทย แต่เส้นทางรถไฟใต้ดินในเซี่ยงไฮ้มันค่อนข้างเยอะและซับซ้อนหน่อย

มีประมาณ 13-14 สาย

เหมือนมองซากแมงมุมแปดขาทับถมกันอยู่อ่ะ กดไม่เป็นค่ะ จริงๆ มันไม่ยาก แต่แล้วไง เราทำไม่เป็น ตามสเต็ปค่ะ หันไปขอความช่วยเหลือจากคนที่อยู่ใกล้ที่สุด พูดอิ้งบ้างจีนบ้าง บางคนโบกมือลา บางคนเดินมาช่วย
ที่มา:
https://www.travelchinaguide.com/cityguides/shanghai/transportation/metro-subway-map.htm
ตู้อัตโนมัตินี้ก็ให้บริการทั้งภาษาจีนและอังกฤษ
............เป้าหมายของเราตอนนี้คือไปให้ถึงโรงแรม Chunshenjiang ใจกลางย่าน The Bund อันเลื่องชื่อ นั่ง Subway ไปที่สถานี people's square นั่งมาสักระยะก็ถึงสถานีหนึ่งที่คนลงกันหมด เราก็งง- เห้ย สถานี people's square ยังไม่ถึงเลย ลงไปไหนกันวะ กำลังจะลงตาม แต่ก็มีคนขึ้นมาใหม่ เราเลยนั่งต่อจ้า สักพัก Subway ย้อนกลับไปทางเดิม หันไปมองเส้นทาง Subway อีกครั้ง เอ๊า

ต้องเปลี่ยนสายตรงที่คนแห่กันลงกันเมื่อกี๊นี่หว่า @#%#^*(*)*$^%#@(*&
.............ในที่สุดก็มาถึง สถานี people's square ตามที่อ่านๆ มา คือจากสถานีนี้ไม่ไกลจากที่พัก

เราปริ้นใบโรงแรมมาและเดินถามเขาไปเรื่อย บางคนก็เดินหนี บางคนก็ให้ความร่วมมือดี แต่ก็รู้บ้างไม่รู้บ้าง และที่งงหนักคือ ในเมื่อบอกว่ามันไม่ไกล แต่ทำไมคนส่วนใหญ่ที่ถามไปเขาไม่รู้จักแม้แต่ถนนที่ตั้งของโรงแรมด้วยซ้ำ ชาตินี้กูจะถึงโรงแรมไหมวะ เพราะเดินมาสักพักยังไม่มีวี่แวว ถามแท็กซี่เป็นภาษาจีน เขาตอบกลับมาว่า "ทิงปู้ต่ง" คือเราพูดไม่รู้เรื่องเปล่าวะ จะยื่นใบจองโรงแรมให้ดู ก็เป็นภาษาอังกฤษหมด ไม่รู้เรื่องอีก อ่ะ ผ่านไปอีกสักพัก เริ่มตึงเครียด เพราะตอนจองโรงแรมผ่านทาง Booking เขาให้เชคอินตอน 17.59 น. ถ้ามา 18.00 ต้องโดนปรับ 198 yuan หรือประมาณพันกว่าบาท สุดท้ายเลยเดินเข้าไปในห้าง ถามพนักงานเคาน์เตอร์แบรนด์เครื่องสำอางค์ว่ารู้จักถนนนี้ไหม เธอให้ความร่วมมือดีมากค่ะ เราถามเป็นภาษาจีนปนอังกฤษบ้าง เพราะภาษาจีนไม่ได้ดีมาก แต่ที่ดีมากคือ "ภาษามือ" เธอพูดภาษาจีนกลับมา ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง แต่พอเดาๆ ได้ จากภาษามือนี่แหละ ระหว่างเดินมาตามทางก็ถามคนไปเรื่อยๆ เพื่อสร้างความมั่นใจว่ามาถูกทางแล้ว
.............คนสุดท้ายที่เราถามว่าโรงแรม Chunshenjiang อยู่ที่ไหน เป็นทอมวัยรุ่น น่ารัก ร่างเล็ก สะพายกล้อง นางชี้ไปข้างหน้าเรา555555555 เจอแล้ววว โรงแรมอยู่ตรงหน้าแค่ข้ามถนนไป แต่ดันมองไม่เห็นเอง สรุป มาถึงโรงแรมตอน เกือบ 5 โมงเย็นได้ จัดการธุระเสร็จก็ออกเที่ยวทันที
.............ที่เที่ยวแรกของเรา คือ The Bund ย่านช็อปปิ้งเลื่องชื่อ
ที่พักอยู่ใจกลาง The Bund เลย ใกล้กับ สถานี East Nanjing Road (Subway สาย 2)
.............เริ่มออกเดินทาง เราออกเดินทางโดยไม่มีไวไฟค่ะ เนื่องจากอาศัยแต่ไวไฟของโรงแรม พอออกจากโรงแรมปุ๊บ ก็บ๊ายบายอินเตอร์เน็ตปั๊บ เราเลยแคปรูปสถานที่ที่จะไปเอาไว้เพื่อถามคนอื่นเอา วันนี้ตั้งใจว่าจะไปหอไข่มุก Rare Item ของเซี่ยงไฮ้ เดินไปถามทางไป เหมือนเดิมค่ะ เดินหนีบ้าง โบกมือประมาณว่าอย่ามายุ่งบ้าง และบางคนที่เดินเข้ามาหาเรา ก็พยายามจะเสนอหรือพูดอะไรสักอย่างที่เราฟังไม่ออก เราก็เดินหนีลูกเดียวค่ะ ทำเป็นพูดอิ้งใส่ ประมาณว่าฉันคุยกับเธอไม่รู้เรื่องหรอก ไม่คุยด้วยไรงี๊ ส่วนตัวเลยคิดว่า นี่แหละ คงเป็นสาเหตุให้คนส่วนใหญ่เดินหนีเรา เขาคงคิดว่าเราเป็นคนพวกเดียวกับคนพวกนี้ แต่ยังไงก็ตาม คนที่ตอบคำถามเราก็มีพอสมควร
..........ระหว่างเดินทางก็หาอะไรกินไปด้วย มีร้านอาหาร ของกินมากมาย เราไม่คิดจะนั่ง เดี๋ยวไปเที่ยวไม่ทัน ก็เลยเลือกเดินกินเอาค่ะ พุ่งไปร้านหนึ่งที่สะดุดตาเพราะคนต่อคิวเยอะ

ขายเนื้อแกะ เนื้อหมู เนื้อวัว และเนื้อไก่ เหมือนเนื้อแกะจะขายดีสุด แต่เราไม่กินอ่ะ กินเนื้อไก่แทน คือ นุ่ม หอม มีขนมปังแปะอยู่ด้านบนตามที่เห็นอ่ะ ร้านตั้งอยู่ในย่าน The Bund แหละ ติดถนนเลย เป็นห้องเล็ก ๆ ยืนต่อคิวซื้อเอาหน้าร้าน ไม่มีที่นั่งนะจ๊ะ
..........ระหว่างเดินทางไปหาหอไข่มุก
อันนี้เป็นรถบัส Sightseeing คือซื้อตั๋วแล้วรถจะพาทัวร์รอบ ๆ เมืองเซี่ยงไฮ้ประมาณนี้ จะขึ้นจะลงเมื่อไรก็ตามใจ (ตามระยะเวลาที่ตั๋วระบุไว้) รายละเอียดไม่ทราบเพราะไม่ได้ขึ้น
..........มาถึงแล้ววววว แต่ไม่ใช่หอไข่มุก มันคือ... จุดชมวิวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามหอไข่มุก (The Oriental Pearl Tower) คือยังไปไม่ถึงหอไข่มุกที่ตั้งใจไว้ จะมืดแล้วด้วย เดินมาก็ใช้เวลาพอสมควร วันนี้เลยมองข้ามแม่น้ำไปก่อนแล้วกัน ปักเสาเข็มไว้ พรุ่งนี้กูจะไปอยู่ฝั่งนู้นนน ฝั่งหอไข่มุก
..........สำหรับการถ่ายรูป เราก็มองหาคนช่วยถ่ายรูปตาม sense เลยค่ะ แบบว่า คนนี้ไม่น่าจะขโมยแน่นอน เดินพุ่งไปขอให้เขาถ่ายรูปให้เป็นภาษาจีน "หนี่ หนี่ ปาง หว่อ จ้าว พาย เขอ อี่ ปะ" พอถ่ายเสร็จ ก็ "เซี่ย เซี่ย หนี่"
..........หลายคนก็มาถ่ายรูปให้เราค่ะ แต่ก็ไม่ถูกใจเราสักที ก็หาคนถ่ายให้ใหม่ไปเรื่อยๆ ด้วยประโยคเดิม จนได้ภาพนี้มา เราใช้ประโยคนี้ในการให้คนอื่นถ่ายภาพให้เกือบทั้งทริป และสุดท้ายก็ได้รู้จากคนจีนคนหนึ่งว่า "พาย จ้าว" ต่างหากที่แปลว่า "ถ่ายรูป" ไม่ใช่ "จ้าว พาย" แต่เอาเป็นว่าทุกคนก็เข้าใจนะคะ
..........จุดที่ยืนอยู่นี้ เป็นภาพที่ทำให้อยากไปเซี่ยงไฮ้มาก ถ่ายมาไม่สวยเท่าไร ของจริงสวยกว่านี้ คือเข้าใจป่ะ ได้สัมผัสแบบ 4D อ่ะ ตามองเห็น จมูกได้กลิ่น หูได้ยิน มันให้อารมณ์มากกว่านั่งดูภาพผ่านจอเยอะ มาที่นี่ตั้งแต่ช่วงเย็นๆ ตอนแรกหมอกลง แต่พอเริ่มมืด แสงสีก็เริ่มทำหน้าที่ หมอกจางหายไป จากจุดนี้ก็เดินไปตามทางเรียงรายไปด้วยตึกที่มีสถาปัตยกรรมโดดเด่น ประกอบกับแสงไฟที่ทำให้ตึกเป็นสีทอง
..........ทางซ้ายจะเป็นแม่น้ำผู่เจียง(Pujiang River) ที่มองข้ามไปจะเห็นหอไข่มุกตระหง่านอยู่ ฝั่งขวาเต็มไปด้วยตึกเรียงรายไปตามทางอย่างที่เห็น

เมื่อยอย่างแรง ขอนั่งพักชิวๆ แปบ ดูคนสัญจรไปมา เวลานี้ก็ 2 -3 ทุ่มได้ ตามเวลาท้องถิ่น (เร็วกว่าไทย 1 ชม.) อากาศเย็นสบายมาก
..........เดินกลับโรงแรมประมาณ 3-4 ทุ่ม The Bund ยังครึกครื้นอยู่ คนพลุกพล่าน
..........ประทับใจ ๆ สไตล์ Shanghainese
.
.

วันที่ 2 วันแรกของการเที่ยวอย่างเต็มวัน (17 มิ.ย. 2559)

สิ่งที่แพลนไว้ - เริ่มออกเที่ยวตั้งแต่ 8 โมงเช้า

ความเป็นจริง - ตื่นมาด้วยแอร์เย็นฉ่ำ 10 โมง กว่าจะอาบน้ำแต่งตัว หาข้าวเที่ยงพอดีค่ะ
..........เพื่อไม่ให้เสียเวลา มื้อนี้ต้องเดินกินค่ะ ในย่าน The Bund ที่พักอยู่นี้ ของกินเพียบค่ะ เราซื้อทาโกะยากิที่อยู่ติดกับร้านสารพัดเนื้อที่ซื้อกินเมื่อวานนี้นั่นแหละค่ะ อร่อยค่ะ ฉ่ำซอส เต็มปากเต็มคำเว่อร์ มี 6 ลูก จำราคาไม่ได้ แหะๆ
..........จากนั้นก็เดินไปที่สถานี East Nanjing เพื่อขึ้น Subway ไปเที่ยววัดจิ้งอาน (Jing An Temple) เนื่องจากเป็นวัดดังในเซี่ยงไฮ้ค่ะ วันนี้สายบุญ จะเอารูปไปฝากคุณพ่อ คิคิ
..........เราถามทางคนอื่นไปเรื่อย แล้วก็มีอาเฮียใจดีที่พูดอิ้งได้เข้ามาช่วยเหลือ อาเฮียก็ไม่มั่นใจว่าไปวัดจิ้งอานไปยังไง เลยให้เราตามเขาไปถามพนักงานที่เคาน์เตอร์ แล้วอาเฮียก็มากดบัตรโดยสารให้เรา น่ารักฝุดๆ
การเดินทางไม่ยากเลยค่ะ เราจำสาย Subway ไม่ได้ จำได้แค่ว่าลงสถานีที่เป็นชื่อวัดนี่แหละ Jing An Temple ขึ้นมาปุ๊บ ถึงปั๊บบบบ
_________________________________________________
[CR] ไสหัวไปเซี่ยงไฮ้ 上海
...........................(เงียบ 5 วิ)
พ่อ: "เซี่ยงไฮ้อ่ะน่าไป"
สวัสดีค่ะ ขอบอกก่อนว่ากระทู้นี้ "ไม่ใช่" กระทู้ที่อาจเกิดประโยชน์มากมายสำหรับคนที่กำลังไปเซี่ยงไฮ้ ไม่ใช่การรีวิวอย่างละเอียด แต่เป็นกระทู้ที่พูดถึงแต่ตัวเอง แค่อยากแชร์ประสบการณ์แบกเป้ไปเซี่ยงไฮ้คนเดียวเท่านั้น ทริปนี้เริ่มต้นจากเพื่อนคนหนึ่งที่เรียนอยู่กุ้ยหลิน มันชวนให้มาเที่ยวกุ้ยหลินเป็นเวลา 1 อาทิตย์ แต่พ่อบอกว่า "น้อยไป"
สมัยนี้ หลาย ๆ คนก็ไปเที่ยวคนเดียว อินี่ก็อยากลองบ้างนั่นแหละ จัดการเรื่องวีซ่า ที่พัก ตั๋วเครื่องบิน ส่วนแพลนเที่ยวนั้น เราไม่ได้แพลนอะไรเป๊ะมาก เพราะด้วยนิสัยส่วนตัวล้วนๆ คือขี้เกียจ แต่ก็ไม่ถึงกับหลับหูหลับตาไป เพราะเราก็ได้ดูรีวิวที่เกี่ยวกับเซี่ยงไฮ้บ้าง เสิร์ชเอาบ้างว่าอะไรที่ Best of shanghai หรือ must go ไรงี๊ เริ่มเลยค่ะ อย่าอ้อมค้อม............3........2...1 ไปปปปป ทริปนี้มีอาวุธ คือ ปากและมือ ถามประกอบท่าทาง
.............สนามบินของเซี่ยงไฮ้สะดวกมาก คือ เชื่อมกับ Subway หาไม่ยาก มีป้ายบอกตลอดทางทั้งจีนและอังกฤษ Subway ขายบัตรผ่านตู้อัตโนมัติ คล้ายๆ ของไทย แต่เส้นทางรถไฟใต้ดินในเซี่ยงไฮ้มันค่อนข้างเยอะและซับซ้อนหน่อย
ที่มา: https://www.travelchinaguide.com/cityguides/shanghai/transportation/metro-subway-map.htm
ตู้อัตโนมัตินี้ก็ให้บริการทั้งภาษาจีนและอังกฤษ
............เป้าหมายของเราตอนนี้คือไปให้ถึงโรงแรม Chunshenjiang ใจกลางย่าน The Bund อันเลื่องชื่อ นั่ง Subway ไปที่สถานี people's square นั่งมาสักระยะก็ถึงสถานีหนึ่งที่คนลงกันหมด เราก็งง- เห้ย สถานี people's square ยังไม่ถึงเลย ลงไปไหนกันวะ กำลังจะลงตาม แต่ก็มีคนขึ้นมาใหม่ เราเลยนั่งต่อจ้า สักพัก Subway ย้อนกลับไปทางเดิม หันไปมองเส้นทาง Subway อีกครั้ง เอ๊า
.............ในที่สุดก็มาถึง สถานี people's square ตามที่อ่านๆ มา คือจากสถานีนี้ไม่ไกลจากที่พัก
.............คนสุดท้ายที่เราถามว่าโรงแรม Chunshenjiang อยู่ที่ไหน เป็นทอมวัยรุ่น น่ารัก ร่างเล็ก สะพายกล้อง นางชี้ไปข้างหน้าเรา555555555 เจอแล้ววว โรงแรมอยู่ตรงหน้าแค่ข้ามถนนไป แต่ดันมองไม่เห็นเอง สรุป มาถึงโรงแรมตอน เกือบ 5 โมงเย็นได้ จัดการธุระเสร็จก็ออกเที่ยวทันที
.............ที่เที่ยวแรกของเรา คือ The Bund ย่านช็อปปิ้งเลื่องชื่อ
ที่พักอยู่ใจกลาง The Bund เลย ใกล้กับ สถานี East Nanjing Road (Subway สาย 2)
.............เริ่มออกเดินทาง เราออกเดินทางโดยไม่มีไวไฟค่ะ เนื่องจากอาศัยแต่ไวไฟของโรงแรม พอออกจากโรงแรมปุ๊บ ก็บ๊ายบายอินเตอร์เน็ตปั๊บ เราเลยแคปรูปสถานที่ที่จะไปเอาไว้เพื่อถามคนอื่นเอา วันนี้ตั้งใจว่าจะไปหอไข่มุก Rare Item ของเซี่ยงไฮ้ เดินไปถามทางไป เหมือนเดิมค่ะ เดินหนีบ้าง โบกมือประมาณว่าอย่ามายุ่งบ้าง และบางคนที่เดินเข้ามาหาเรา ก็พยายามจะเสนอหรือพูดอะไรสักอย่างที่เราฟังไม่ออก เราก็เดินหนีลูกเดียวค่ะ ทำเป็นพูดอิ้งใส่ ประมาณว่าฉันคุยกับเธอไม่รู้เรื่องหรอก ไม่คุยด้วยไรงี๊ ส่วนตัวเลยคิดว่า นี่แหละ คงเป็นสาเหตุให้คนส่วนใหญ่เดินหนีเรา เขาคงคิดว่าเราเป็นคนพวกเดียวกับคนพวกนี้ แต่ยังไงก็ตาม คนที่ตอบคำถามเราก็มีพอสมควร
..........ระหว่างเดินทางก็หาอะไรกินไปด้วย มีร้านอาหาร ของกินมากมาย เราไม่คิดจะนั่ง เดี๋ยวไปเที่ยวไม่ทัน ก็เลยเลือกเดินกินเอาค่ะ พุ่งไปร้านหนึ่งที่สะดุดตาเพราะคนต่อคิวเยอะ
..........ระหว่างเดินทางไปหาหอไข่มุก
อันนี้เป็นรถบัส Sightseeing คือซื้อตั๋วแล้วรถจะพาทัวร์รอบ ๆ เมืองเซี่ยงไฮ้ประมาณนี้ จะขึ้นจะลงเมื่อไรก็ตามใจ (ตามระยะเวลาที่ตั๋วระบุไว้) รายละเอียดไม่ทราบเพราะไม่ได้ขึ้น
..........มาถึงแล้ววววว แต่ไม่ใช่หอไข่มุก มันคือ... จุดชมวิวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามหอไข่มุก (The Oriental Pearl Tower) คือยังไปไม่ถึงหอไข่มุกที่ตั้งใจไว้ จะมืดแล้วด้วย เดินมาก็ใช้เวลาพอสมควร วันนี้เลยมองข้ามแม่น้ำไปก่อนแล้วกัน ปักเสาเข็มไว้ พรุ่งนี้กูจะไปอยู่ฝั่งนู้นนน ฝั่งหอไข่มุก
..........สำหรับการถ่ายรูป เราก็มองหาคนช่วยถ่ายรูปตาม sense เลยค่ะ แบบว่า คนนี้ไม่น่าจะขโมยแน่นอน เดินพุ่งไปขอให้เขาถ่ายรูปให้เป็นภาษาจีน "หนี่ หนี่ ปาง หว่อ จ้าว พาย เขอ อี่ ปะ" พอถ่ายเสร็จ ก็ "เซี่ย เซี่ย หนี่"
..........หลายคนก็มาถ่ายรูปให้เราค่ะ แต่ก็ไม่ถูกใจเราสักที ก็หาคนถ่ายให้ใหม่ไปเรื่อยๆ ด้วยประโยคเดิม จนได้ภาพนี้มา เราใช้ประโยคนี้ในการให้คนอื่นถ่ายภาพให้เกือบทั้งทริป และสุดท้ายก็ได้รู้จากคนจีนคนหนึ่งว่า "พาย จ้าว" ต่างหากที่แปลว่า "ถ่ายรูป" ไม่ใช่ "จ้าว พาย" แต่เอาเป็นว่าทุกคนก็เข้าใจนะคะ
..........จุดที่ยืนอยู่นี้ เป็นภาพที่ทำให้อยากไปเซี่ยงไฮ้มาก ถ่ายมาไม่สวยเท่าไร ของจริงสวยกว่านี้ คือเข้าใจป่ะ ได้สัมผัสแบบ 4D อ่ะ ตามองเห็น จมูกได้กลิ่น หูได้ยิน มันให้อารมณ์มากกว่านั่งดูภาพผ่านจอเยอะ มาที่นี่ตั้งแต่ช่วงเย็นๆ ตอนแรกหมอกลง แต่พอเริ่มมืด แสงสีก็เริ่มทำหน้าที่ หมอกจางหายไป จากจุดนี้ก็เดินไปตามทางเรียงรายไปด้วยตึกที่มีสถาปัตยกรรมโดดเด่น ประกอบกับแสงไฟที่ทำให้ตึกเป็นสีทอง
..........ทางซ้ายจะเป็นแม่น้ำผู่เจียง(Pujiang River) ที่มองข้ามไปจะเห็นหอไข่มุกตระหง่านอยู่ ฝั่งขวาเต็มไปด้วยตึกเรียงรายไปตามทางอย่างที่เห็น
..........เดินกลับโรงแรมประมาณ 3-4 ทุ่ม The Bund ยังครึกครื้นอยู่ คนพลุกพล่าน
..........ประทับใจ ๆ สไตล์ Shanghainese
.
.
..........เพื่อไม่ให้เสียเวลา มื้อนี้ต้องเดินกินค่ะ ในย่าน The Bund ที่พักอยู่นี้ ของกินเพียบค่ะ เราซื้อทาโกะยากิที่อยู่ติดกับร้านสารพัดเนื้อที่ซื้อกินเมื่อวานนี้นั่นแหละค่ะ อร่อยค่ะ ฉ่ำซอส เต็มปากเต็มคำเว่อร์ มี 6 ลูก จำราคาไม่ได้ แหะๆ
..........จากนั้นก็เดินไปที่สถานี East Nanjing เพื่อขึ้น Subway ไปเที่ยววัดจิ้งอาน (Jing An Temple) เนื่องจากเป็นวัดดังในเซี่ยงไฮ้ค่ะ วันนี้สายบุญ จะเอารูปไปฝากคุณพ่อ คิคิ
..........เราถามทางคนอื่นไปเรื่อย แล้วก็มีอาเฮียใจดีที่พูดอิ้งได้เข้ามาช่วยเหลือ อาเฮียก็ไม่มั่นใจว่าไปวัดจิ้งอานไปยังไง เลยให้เราตามเขาไปถามพนักงานที่เคาน์เตอร์ แล้วอาเฮียก็มากดบัตรโดยสารให้เรา น่ารักฝุดๆ
การเดินทางไม่ยากเลยค่ะ เราจำสาย Subway ไม่ได้ จำได้แค่ว่าลงสถานีที่เป็นชื่อวัดนี่แหละ Jing An Temple ขึ้นมาปุ๊บ ถึงปั๊บบบบ