Flash plus 2 นั้นอย่างที่รู้กันว่าต้องซื้อจาก Lazada เท่านั้นซึ่งบริการค่อนข้างใช้ได้ทีเดียวครับ ผมซื้อโดยเลือกชำระเงินปลายทางสะดวกดี
Unbox
สภาพกล่องเมื่อมาถึงมือผม
แผ่นกันกระแทกนี่ที่ดูเบี้ยวๆ เพราะผมดันไปแกะออกมาก่อนแล้วลืมถ่ายเลยต้องห่อกลับไปใหม่ ฮาๆ
กล่องใสปิ้งครับ
Flash plus 2 ตัวเป็นๆ
อย่างโล่งด้านใน มีแค่สาย USB กับที่ชาร์ตมาให้
Set up
เนื่องจากเครื่องรุ่นนี้ ณ ตอนนี้นั้นยังมีความเสี่ยงเรื่อง SD Card ดังนี้ควรหลีกเลี่ยงการใส่เพิ่มไปก่อนนะครับ สิ่งที่ควรทำหลังจากได้เครื่องมาแล้ว
1. จัดการต่อ WiFi ก่อนเลยครับ แชร์จากเครื่องเก่าหรือ Router เน็ตที่ใช้อยู่ก็ได้แล้วจัดการอัพเดตรอมก่อนเลยครับ เวอร์ชั่นตอนนี้คือ 1003
2. เข้า Play store อัพเดตแอพให้เรียบร้อย
3. โหลดแอพกล้องเป็นการด่วนที่สุด แอพกล้องที่ติดมากับเครื่องนั้นสภาพพอๆ กับ IE6 ส่วนตัวผมใช้ Open Camera เนื่องจากเป็น Open source
4. จัดการตั้งค่า Permission ต่างๆ ให้เรียบร้อย Android M 6.0 นี้เราสามารถตั้งค่าอนุญาตการเข้าถึงข้อมูลของแอพต่างๆ ได้ด้วย ดังนี้ถ้าใครกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว Privacy แล้วละก็สบายใจได้ในระดับหนึ่งครับ (ถึงอนุญาตไปแล้วก็กลับไปปิดได้ครับ)
5. สำหรับท่านที่มีความรู้ระดับหนึ่งผมแนะนำให้โหลดแอพ Netstat Plus ติดเครื่องเอาไว้ด้วย
6. อย่าลืมตั้งค่าพวก Voice, Google Now ด้วยนะครับ ตรงนี้ผมค่อนข้างประทับใจมากเพราะผู้ช่วยของดร๋อยฟังผมรู้เรื่องกว่าเจ๊โคทาน่า
7. หลังจากตั้งค่าภาษาต่างๆ เสร็จเรียบร้อยแล้วก็จัดการลงแอพตามชอบใจเลยครับ
Review
เนื่องจากเครื่องนี้เป็นดร๋อยตัวแรกที่ผมใช้จึงค่อนข้างมีอะไรที่ต้องเรียนรู้พอสมควร
ตัว Widget นี่ถ้าไม่เปิด Google หานี่คงงมไม่เจอจริงๆ
เข้าเรื่องรีวิวกันจริงๆ ดีกว่า
1. Performance ซึ่งหลังจากอัพเดตอะไรเสร็จแล้วผมก็ดิ่งเข้าไปเช็คแรมก่อนว่าใช้ไปเท่าไหรซึ่งผมคิดว่ารอมมาชเมโลว์นี้ค่อนข้างใช้แรมค่อนข้างมากเลยทีเดียว เปิดตัวมาที่ 1.1 - 1.4 GB ซึ่งถ้าใครใช้รุ่น 2GB ก็จะเหลือแรมแค่ประมาณ 600 MB แม้จะไม่ได้ลงหรือเปิดแอพอะไร(หรืออาจน้อยกว่านั้นเนื่องจากตัวแรมจริงๆ ไม่เคยมาเต็มอย่างที่บอกเพราะศัพย์การตลาดมักจะใช้เลขฐาน10 ส่วนการคำนวนแรมจริงๆ จะใช้เลขฐาน 8)
สำหรับในรุ่น 3 GB นั้นแรมค่อนข้างมีใช้อย่างพอเพียงซึ่งผมยังไม่เจอปัญหาเรื่องการ lag หรือกระตุกใดๆ
2. ความอึดของแบต ใช้งานทั่วไปแบบเปิดหน้าจอเอาไว้ตลอดแต่ไม่ได้เล่นเกมส์อะไรอยู่ได้ค่อนข้างนานพอสมควรน่าจะอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
3. แอพติดเครื่องมาไม่ค่อยเวิร์คซักเท่าไหรเช่นแอพกล้อง แอพจัดการไฟล์ แต่ก็สามารถหาแอพอื่นทดแทนได้ แต่มีเรื่องระบบกันสั่นตอนถ่ายวิดีโอนี่แหละที่ผมหาแอพฟรีที่มีระบบกันสั่นเทียบเท่าใน Lumia 520 ไม่ได้ซึ่งส่วนตัวผมถ่ายวิดีโอค่อนข้างบ่อยและมากด้วย(ไม่ค่อยถ่ายเป็นภาพซักเท่าไหร)
4. ความเสี่ยงปัญหาจาก SD Card ที่เกิดจากรอม สำหรับเครื่องรุ่น 3 GB นี้จะมีพื้นทีใน rom เหลือประมาณ 22 GB ให้ใช้ซึ่งก็ค่อนข้างพอเพียงสำหรับผมแต่อาจไม่พอสำหรับคนอื่น ดังนี้ถ้าใครคิดว่า 22 GB นั้นไม่พอเพียงอาจจะรอตัวรอมรุ่นสเถียรหรือดูรุ่นอื่นแทนได้ครับ
5. ตรงนี้ค่อนข้างแปลกสำหรับผม การปิดแอพนั้นใน Windows phone ถ้าเรากด back ออกมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าโฮมแล้วตัวแอพจะเปิดตัวเองโดยปริยาย แต่สำหรับดร๋อยนั้นแอพจะไม่ปิดเอง ต้องกดปุ่ม menu แล้วไล่ปิดเอาเองซึ่งไม่ค่อยสะดวกซักเท่าไหรแถมยังทำคนไม่รู้เปิดแอพกินแรมทิ้งเอาไว้ได้มากมายอีกด้วย
6. Stock rom ยังไม่ออกแถมยังไม่นิ่งด้วย อย่าไปพูดถึง root เลย เอาแค่ใช้งานปรกติยังไม่อยากจะทำอะไรแผลงๆ เพราะไม่มีรอมให้แฟลช ยิ่งเอง custom rom คงยังไม่ต้องคุยในเร็ววันนี้
Conclusion
โดยรวมสำหรับผมถือว่ายังแค่พอใช้ได้ ไม่ดีเด่นแต่ก็ไม่แย่อะไรในราคานี้(ได้ CPU 8 หัวที่ถึงมันจะแบ่งใช้ทีละ 4 หัวก็เถอะนะครับ) สำหรับใครที่สนใจ ถ้า 22 GB นั้นเพียงต่อการลงเพลง ใส่หนัง ถ่ายรูป ถ่ายคลิป เล่นเกมส์และโอเคกับกล้องก็เป็นมือถือที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่งครับ จอใหญ่ แลดูหรูกระทบไหล่กับรุ่นสูงๆ ได้อย่างไม่อาย
ปล. เรื่องกล้องผมไม่รีวิวละนะครับเนื่องจากคนรีวิวเยอะแล้ว + ผมยังไม่ได้ว่างเอาไปถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอที่ไหน
ปล2. เรื่อง Fingerprint นี่แรกๆ ก็ดูเห่อๆ แต่ก็ไม่ค่อยช่วยเท่าไหร ต้องลงปั้มลายนิ้วมือคนใกล้ตัวลงไปด้วยอยู่ดี ... เดินมาเคาะๆ นิ้วจิ้มปลดล็อคเครื่องสไลด์เช็คข้อความในมือถือได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้นโดยทำทั้งหมดได้เพียงแค่นิ้วๆ เดียวไม่จำเป็นต้องยกถือประคองโทรศัพย์แต่อย่างใด ...
ปล3. กล่องค่อยๆ แกะแล้วไม่ต้องเก็บเอาไปไหน เอามาใช้เป็นถาดรองมือถือสะดวกทีเดียวครับ ฮาๆ
[CR] [Dev unbox + review] Flash plus 2 (3GB, 32GB) มือถือดร๋อยตัวแรกของผม
Unbox
สภาพกล่องเมื่อมาถึงมือผม
แผ่นกันกระแทกนี่ที่ดูเบี้ยวๆ เพราะผมดันไปแกะออกมาก่อนแล้วลืมถ่ายเลยต้องห่อกลับไปใหม่ ฮาๆ
กล่องใสปิ้งครับ
Flash plus 2 ตัวเป็นๆ
อย่างโล่งด้านใน มีแค่สาย USB กับที่ชาร์ตมาให้
Set up
เนื่องจากเครื่องรุ่นนี้ ณ ตอนนี้นั้นยังมีความเสี่ยงเรื่อง SD Card ดังนี้ควรหลีกเลี่ยงการใส่เพิ่มไปก่อนนะครับ สิ่งที่ควรทำหลังจากได้เครื่องมาแล้ว
1. จัดการต่อ WiFi ก่อนเลยครับ แชร์จากเครื่องเก่าหรือ Router เน็ตที่ใช้อยู่ก็ได้แล้วจัดการอัพเดตรอมก่อนเลยครับ เวอร์ชั่นตอนนี้คือ 1003
2. เข้า Play store อัพเดตแอพให้เรียบร้อย
3. โหลดแอพกล้องเป็นการด่วนที่สุด แอพกล้องที่ติดมากับเครื่องนั้นสภาพพอๆ กับ IE6 ส่วนตัวผมใช้ Open Camera เนื่องจากเป็น Open source
4. จัดการตั้งค่า Permission ต่างๆ ให้เรียบร้อย Android M 6.0 นี้เราสามารถตั้งค่าอนุญาตการเข้าถึงข้อมูลของแอพต่างๆ ได้ด้วย ดังนี้ถ้าใครกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว Privacy แล้วละก็สบายใจได้ในระดับหนึ่งครับ (ถึงอนุญาตไปแล้วก็กลับไปปิดได้ครับ)
5. สำหรับท่านที่มีความรู้ระดับหนึ่งผมแนะนำให้โหลดแอพ Netstat Plus ติดเครื่องเอาไว้ด้วย
6. อย่าลืมตั้งค่าพวก Voice, Google Now ด้วยนะครับ ตรงนี้ผมค่อนข้างประทับใจมากเพราะผู้ช่วยของดร๋อยฟังผมรู้เรื่องกว่าเจ๊โคทาน่า
7. หลังจากตั้งค่าภาษาต่างๆ เสร็จเรียบร้อยแล้วก็จัดการลงแอพตามชอบใจเลยครับ
Review
เนื่องจากเครื่องนี้เป็นดร๋อยตัวแรกที่ผมใช้จึงค่อนข้างมีอะไรที่ต้องเรียนรู้พอสมควร
ตัว Widget นี่ถ้าไม่เปิด Google หานี่คงงมไม่เจอจริงๆ
เข้าเรื่องรีวิวกันจริงๆ ดีกว่า
1. Performance ซึ่งหลังจากอัพเดตอะไรเสร็จแล้วผมก็ดิ่งเข้าไปเช็คแรมก่อนว่าใช้ไปเท่าไหรซึ่งผมคิดว่ารอมมาชเมโลว์นี้ค่อนข้างใช้แรมค่อนข้างมากเลยทีเดียว เปิดตัวมาที่ 1.1 - 1.4 GB ซึ่งถ้าใครใช้รุ่น 2GB ก็จะเหลือแรมแค่ประมาณ 600 MB แม้จะไม่ได้ลงหรือเปิดแอพอะไร(หรืออาจน้อยกว่านั้นเนื่องจากตัวแรมจริงๆ ไม่เคยมาเต็มอย่างที่บอกเพราะศัพย์การตลาดมักจะใช้เลขฐาน10 ส่วนการคำนวนแรมจริงๆ จะใช้เลขฐาน 8)
สำหรับในรุ่น 3 GB นั้นแรมค่อนข้างมีใช้อย่างพอเพียงซึ่งผมยังไม่เจอปัญหาเรื่องการ lag หรือกระตุกใดๆ
2. ความอึดของแบต ใช้งานทั่วไปแบบเปิดหน้าจอเอาไว้ตลอดแต่ไม่ได้เล่นเกมส์อะไรอยู่ได้ค่อนข้างนานพอสมควรน่าจะอย่างน้อย 8 ชั่วโมง
3. แอพติดเครื่องมาไม่ค่อยเวิร์คซักเท่าไหรเช่นแอพกล้อง แอพจัดการไฟล์ แต่ก็สามารถหาแอพอื่นทดแทนได้ แต่มีเรื่องระบบกันสั่นตอนถ่ายวิดีโอนี่แหละที่ผมหาแอพฟรีที่มีระบบกันสั่นเทียบเท่าใน Lumia 520 ไม่ได้ซึ่งส่วนตัวผมถ่ายวิดีโอค่อนข้างบ่อยและมากด้วย(ไม่ค่อยถ่ายเป็นภาพซักเท่าไหร)
4. ความเสี่ยงปัญหาจาก SD Card ที่เกิดจากรอม สำหรับเครื่องรุ่น 3 GB นี้จะมีพื้นทีใน rom เหลือประมาณ 22 GB ให้ใช้ซึ่งก็ค่อนข้างพอเพียงสำหรับผมแต่อาจไม่พอสำหรับคนอื่น ดังนี้ถ้าใครคิดว่า 22 GB นั้นไม่พอเพียงอาจจะรอตัวรอมรุ่นสเถียรหรือดูรุ่นอื่นแทนได้ครับ
5. ตรงนี้ค่อนข้างแปลกสำหรับผม การปิดแอพนั้นใน Windows phone ถ้าเรากด back ออกมาเรื่อยๆ จนถึงหน้าโฮมแล้วตัวแอพจะเปิดตัวเองโดยปริยาย แต่สำหรับดร๋อยนั้นแอพจะไม่ปิดเอง ต้องกดปุ่ม menu แล้วไล่ปิดเอาเองซึ่งไม่ค่อยสะดวกซักเท่าไหรแถมยังทำคนไม่รู้เปิดแอพกินแรมทิ้งเอาไว้ได้มากมายอีกด้วย
6. Stock rom ยังไม่ออกแถมยังไม่นิ่งด้วย อย่าไปพูดถึง root เลย เอาแค่ใช้งานปรกติยังไม่อยากจะทำอะไรแผลงๆ เพราะไม่มีรอมให้แฟลช ยิ่งเอง custom rom คงยังไม่ต้องคุยในเร็ววันนี้
Conclusion
โดยรวมสำหรับผมถือว่ายังแค่พอใช้ได้ ไม่ดีเด่นแต่ก็ไม่แย่อะไรในราคานี้(ได้ CPU 8 หัวที่ถึงมันจะแบ่งใช้ทีละ 4 หัวก็เถอะนะครับ) สำหรับใครที่สนใจ ถ้า 22 GB นั้นเพียงต่อการลงเพลง ใส่หนัง ถ่ายรูป ถ่ายคลิป เล่นเกมส์และโอเคกับกล้องก็เป็นมือถือที่น่าสนใจอีกตัวหนึ่งครับ จอใหญ่ แลดูหรูกระทบไหล่กับรุ่นสูงๆ ได้อย่างไม่อาย
ปล. เรื่องกล้องผมไม่รีวิวละนะครับเนื่องจากคนรีวิวเยอะแล้ว + ผมยังไม่ได้ว่างเอาไปถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอที่ไหน
ปล2. เรื่อง Fingerprint นี่แรกๆ ก็ดูเห่อๆ แต่ก็ไม่ค่อยช่วยเท่าไหร ต้องลงปั้มลายนิ้วมือคนใกล้ตัวลงไปด้วยอยู่ดี ... เดินมาเคาะๆ นิ้วจิ้มปลดล็อคเครื่องสไลด์เช็คข้อความในมือถือได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้นโดยทำทั้งหมดได้เพียงแค่นิ้วๆ เดียวไม่จำเป็นต้องยกถือประคองโทรศัพย์แต่อย่างใด ...
ปล3. กล่องค่อยๆ แกะแล้วไม่ต้องเก็บเอาไปไหน เอามาใช้เป็นถาดรองมือถือสะดวกทีเดียวครับ ฮาๆ