เที่ยวนี้ยอมใจเลิฟจริง ๆ ครับ ใครยึดทฤษฎี "never change a winning team" ถึงกับหน้าแหกตาม ๆ กัน
เลิฟ ไม่เพียง แต่เปลี่ยน แดรกซเลอร์ ที่เล่นได้ดุจเทวดาในรอบ 16 ทีม ออกเท่าทั้น
ยังกล้า ๆ จัด 3-5-2 เป็นครั้งแรกในทัวร์นาเม้นท์ เรียกว่าการถ่ายทอด Tactic สู่ทีมทำได้แบบไม่มีที่ติ
หลังผ่านเกมแห่งชีวิตกับพวกอิตาลี ใครจะกล้าเดาใจการจัดทีมของเลิฟอีก
กับตัวผู้เล่นที่เจ็บ 3 แบน 1 เป้นที่คาดกันว่า เกมเจอฝรั่งเศส แฟนเยอรมันจะไม่ได้เห้น โกเมส เคดิร่า 2 แข้งที่อาจปิดเทอมยาว
และ ชไวนี่ ที่ไม่สมบูรณ์ รวมถึง ฮุมเมิล ที่โดนโทษแบน
ในฐานะแฟนเยอรมันที่ดูมาระดับนึง ขอบอกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตัวเยอรมันเจ็บบานขนาดนี้ จำได้ว่า ก่อนคว้าแชมป์ ยูโร 1996 เยอรมันตัวเจ็บเยอะกว่านี้มากๆ ถึงขนาดขอยูฟ่าเรียกตัวมาเสริมจากที่บ้านเป็นกรณีพิเศษ
รวมถึงสั่งตัดชุด field player ให้กับนายทวารสำรอง อย่าง โอลิเวอร์ คาห์น เผื่อลงสนามเป็นผู้เล่นหากฉุกเฉินมาแล้ว
เรียกว่าครั้งนั้นนี่เจ็บในระดับหายนะอย่างแท้จริง
ในฐานะแฟนบอลเยอรมัน เจอฝรั่งเศสนัดนี้ขอบอกเลยว่า แอบหวั่นใจไม่น้อย
โดยเฉพาะในฐานะแฟนบาเยิร์น ที่ภาพ กรีซมันน์ ยิงให้แอตมาดริด อัดเสือใต้ ที่มีแนวรับ ทีมชาติเยอรมันค่อนทีมตกรอบมาแล้ว
แต่เมื่อมองในภาพทีมชาติ เกมเจอกันล่าสุดของ 2 ทีม ต้องมองไปที่เกมบอลโลก ที่เยอรมันอัดฝรั่งเศสตกรอบ 1-0 และ เกมอุ่นเครื่องที่เยอรมันหงายเก๋ง คา สตาร์ท เดอ ฟร้องซ์ 0-2 (แบบเยอรมันยิงไม่เข้ากรอบเลย)
ไลน์ อัพทีมเยอรมัน ตอนบอลโลก 2014 ที่ถือว่าแน่นและไม่เป็นรองฝรั่งเศสเลย
เลิฟจึงสามารถจัดทีม 4-3-3 ลงไปชนกับ 4-3-3 ของ ฝรั่งเศส แบบตัว ๆ วัดกันจะจะได้ แต่ไม่ใช่กับรองรอบในคราวนี้
ในสภาพที่ไลน์อัพ กองกลางของเยอรมัน ขาดตัวหลักไปถึง 2 คน คือชไวนี่ กับ เคดิร่า
ไม่มีทางที่ เอมเร่ ชาน ไวเกิล หรือหุบคิมมิชมาเล่น จะอุดช่องว่างมโหฬารที่ถูกทิ้งไว้ได้
และเมื่อมองไปยังขุมกำลังฝรั่งเศส ที่มีผู้เล่นอย่าง มาดุยดี้ ก็องเต้ ป้อกบา หรือซิสโซโก้ ทำให้กลางเยอรมันตกเป็นรองอย่างเกือบจะเทียบไม่ได้
อีกทั้ง 3 แนวรุกของฝรั่งเศส อย่าง ปาเย็ต ชิรูด์ หรือ กรีชมันน์ รวมถึงตัวสำรองอย่าง ฌีญัค ที่ยิงเยอรมันในนัดอุนเครื่องเมื่อปีกลายมาแล้ว ล้วนอยู่ในฟอร์มทั้งสิ้น
เมื่อเทียบกับแนวรุกเยอรมันเมื่อสิ้นโกเมส ต้องบอกได้ว่า ไม่ว่าจะส่ง โอซิล มุลเลอร์ เกิ๊ตเซ่ หรือ แดรกซเลอร์ลงมา หาได้มีพิษสงถึงครึ่งของแนวรุกฝรั่งเศสไม่
และยิ่งเมื่อดูฟอร์มล่าสุดในเกมอุ่นเครื่อง (โอเคอาจประเมินผลแท้จริงได้ยาก เนื่องจากช่วงหลังมีเหตุการณ์ที่ทำให้นักเตะขวัญหนีดีฝ่อ)
ตัวผู้เล่นของทั้ง 2 ทีม ในนัดอุ่นเครื่องเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่า อยู่ในระดับ 80% ของทีมที่จะลงเตะในรอบรองนี้
แม้ว่ารูปเกมจะเป็นเยอรมันที่ครองเกมได้มากกว่า แต่ตลอดการเล่นแทบหาจังหวะส่องประตูไม่ได้ และไม่มีลูกยิงที่เข้ากรอบเลยแม้แต่ลูกเดียว.
อีกทั้งผู้เล่นอย่าง ชีรูด์ ฌีญัค ก็ได้ยิงผ่านนอยเออร์มาแล้ว ซึ่งเชื่อว่า เกมนี้จะมีผลในเชิงจิตวิทยา เพื่อเติมความเชื่อมั่นกับทางฝรั่งเศสไม่มากก็น้อย
ไม่ต่างกับเกมที่เยอรมันอุ่นเครื่องชนะอิตาลี่ 4-1 ที่กาลต่อมาได้แปรเป้นผลชนะในรายการเมเจอร์ได้จริง
สรุปภาพรวม รูปแบบเกมการเล่นที่จะเจอกันในรอบนี้ การจัดตัวของทัพอินทรีเหล็ก คิดว่าเลิฟจะมีตัวเลือกในใจอยู่แล้วแน่ ๆ แต่ถึงแม่จะเชื่อมั่นในเลิฟและ เดอะทีมขนาดไหน ก้ต้องยอมรับว่า เจ้าภาพฝรั่งเศสกับความลงตัวของเกมในขณะนี้ อยู่ในระดับที่น่าหวาดหวั่นเสียจริง
ปล. วันก่อนแข่ง คงจะพอเดาๆ อาการของพวกที่บาดเจ็บและตัวผู้เล่นที่คาด ค่อยมาวิจารณ์กันอีกรอบครับ
เยอรมัน ก่อนเกมรอบรองชนะเลิศ ยูโร 2016
เลิฟ ไม่เพียง แต่เปลี่ยน แดรกซเลอร์ ที่เล่นได้ดุจเทวดาในรอบ 16 ทีม ออกเท่าทั้น
ยังกล้า ๆ จัด 3-5-2 เป็นครั้งแรกในทัวร์นาเม้นท์ เรียกว่าการถ่ายทอด Tactic สู่ทีมทำได้แบบไม่มีที่ติ
หลังผ่านเกมแห่งชีวิตกับพวกอิตาลี ใครจะกล้าเดาใจการจัดทีมของเลิฟอีก
กับตัวผู้เล่นที่เจ็บ 3 แบน 1 เป้นที่คาดกันว่า เกมเจอฝรั่งเศส แฟนเยอรมันจะไม่ได้เห้น โกเมส เคดิร่า 2 แข้งที่อาจปิดเทอมยาว
และ ชไวนี่ ที่ไม่สมบูรณ์ รวมถึง ฮุมเมิล ที่โดนโทษแบน
ในฐานะแฟนเยอรมันที่ดูมาระดับนึง ขอบอกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตัวเยอรมันเจ็บบานขนาดนี้ จำได้ว่า ก่อนคว้าแชมป์ ยูโร 1996 เยอรมันตัวเจ็บเยอะกว่านี้มากๆ ถึงขนาดขอยูฟ่าเรียกตัวมาเสริมจากที่บ้านเป็นกรณีพิเศษ
รวมถึงสั่งตัดชุด field player ให้กับนายทวารสำรอง อย่าง โอลิเวอร์ คาห์น เผื่อลงสนามเป็นผู้เล่นหากฉุกเฉินมาแล้ว
เรียกว่าครั้งนั้นนี่เจ็บในระดับหายนะอย่างแท้จริง
ในฐานะแฟนบอลเยอรมัน เจอฝรั่งเศสนัดนี้ขอบอกเลยว่า แอบหวั่นใจไม่น้อย
โดยเฉพาะในฐานะแฟนบาเยิร์น ที่ภาพ กรีซมันน์ ยิงให้แอตมาดริด อัดเสือใต้ ที่มีแนวรับ ทีมชาติเยอรมันค่อนทีมตกรอบมาแล้ว
แต่เมื่อมองในภาพทีมชาติ เกมเจอกันล่าสุดของ 2 ทีม ต้องมองไปที่เกมบอลโลก ที่เยอรมันอัดฝรั่งเศสตกรอบ 1-0 และ เกมอุ่นเครื่องที่เยอรมันหงายเก๋ง คา สตาร์ท เดอ ฟร้องซ์ 0-2 (แบบเยอรมันยิงไม่เข้ากรอบเลย)
ไลน์ อัพทีมเยอรมัน ตอนบอลโลก 2014 ที่ถือว่าแน่นและไม่เป็นรองฝรั่งเศสเลย
เลิฟจึงสามารถจัดทีม 4-3-3 ลงไปชนกับ 4-3-3 ของ ฝรั่งเศส แบบตัว ๆ วัดกันจะจะได้ แต่ไม่ใช่กับรองรอบในคราวนี้
ในสภาพที่ไลน์อัพ กองกลางของเยอรมัน ขาดตัวหลักไปถึง 2 คน คือชไวนี่ กับ เคดิร่า
ไม่มีทางที่ เอมเร่ ชาน ไวเกิล หรือหุบคิมมิชมาเล่น จะอุดช่องว่างมโหฬารที่ถูกทิ้งไว้ได้
และเมื่อมองไปยังขุมกำลังฝรั่งเศส ที่มีผู้เล่นอย่าง มาดุยดี้ ก็องเต้ ป้อกบา หรือซิสโซโก้ ทำให้กลางเยอรมันตกเป็นรองอย่างเกือบจะเทียบไม่ได้
อีกทั้ง 3 แนวรุกของฝรั่งเศส อย่าง ปาเย็ต ชิรูด์ หรือ กรีชมันน์ รวมถึงตัวสำรองอย่าง ฌีญัค ที่ยิงเยอรมันในนัดอุนเครื่องเมื่อปีกลายมาแล้ว ล้วนอยู่ในฟอร์มทั้งสิ้น
เมื่อเทียบกับแนวรุกเยอรมันเมื่อสิ้นโกเมส ต้องบอกได้ว่า ไม่ว่าจะส่ง โอซิล มุลเลอร์ เกิ๊ตเซ่ หรือ แดรกซเลอร์ลงมา หาได้มีพิษสงถึงครึ่งของแนวรุกฝรั่งเศสไม่
และยิ่งเมื่อดูฟอร์มล่าสุดในเกมอุ่นเครื่อง (โอเคอาจประเมินผลแท้จริงได้ยาก เนื่องจากช่วงหลังมีเหตุการณ์ที่ทำให้นักเตะขวัญหนีดีฝ่อ)
ตัวผู้เล่นของทั้ง 2 ทีม ในนัดอุ่นเครื่องเมื่อปลายปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่า อยู่ในระดับ 80% ของทีมที่จะลงเตะในรอบรองนี้
แม้ว่ารูปเกมจะเป็นเยอรมันที่ครองเกมได้มากกว่า แต่ตลอดการเล่นแทบหาจังหวะส่องประตูไม่ได้ และไม่มีลูกยิงที่เข้ากรอบเลยแม้แต่ลูกเดียว.
อีกทั้งผู้เล่นอย่าง ชีรูด์ ฌีญัค ก็ได้ยิงผ่านนอยเออร์มาแล้ว ซึ่งเชื่อว่า เกมนี้จะมีผลในเชิงจิตวิทยา เพื่อเติมความเชื่อมั่นกับทางฝรั่งเศสไม่มากก็น้อย
ไม่ต่างกับเกมที่เยอรมันอุ่นเครื่องชนะอิตาลี่ 4-1 ที่กาลต่อมาได้แปรเป้นผลชนะในรายการเมเจอร์ได้จริง
สรุปภาพรวม รูปแบบเกมการเล่นที่จะเจอกันในรอบนี้ การจัดตัวของทัพอินทรีเหล็ก คิดว่าเลิฟจะมีตัวเลือกในใจอยู่แล้วแน่ ๆ แต่ถึงแม่จะเชื่อมั่นในเลิฟและ เดอะทีมขนาดไหน ก้ต้องยอมรับว่า เจ้าภาพฝรั่งเศสกับความลงตัวของเกมในขณะนี้ อยู่ในระดับที่น่าหวาดหวั่นเสียจริง
ปล. วันก่อนแข่ง คงจะพอเดาๆ อาการของพวกที่บาดเจ็บและตัวผู้เล่นที่คาด ค่อยมาวิจารณ์กันอีกรอบครับ