ครับ กระทู้เรื่องผีๆสางๆกระทู้ที่ 3 ของผม
จะขอเล่าก่อนว่า เมืองเก่า หรืออุทยานประวัติศาสตร์นั้น มีทั้งเจ้าที่ เทวดาอารักษ์ และ สัมภเวสี
ผมมีโอกาสได้คุยกับพี่ๆที่ร้านกาแฟครับ คือ แชร์เรื่องที่มันลึกลับน่ากลัว ผมขอแทนชื่อผู้ร่วมเหตุการณ์ มี พี่ชาติ น้องธง น้องชิ และผมเอง
ผมเป็นคนที่มีความผูกพันธ์กับสถานที่นี้มากครับ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชฯ ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้ไปไม่ว่าจะไปปั่นจักรยาน ไปเดินเล่น พาเพื่อนชาวต่างชาติไปเที่ยว เพื่อนจากต่างจังหวัด คือผมเป็นเหมือนไกด์จำเป็น หรือไกด์เถือนก็ไม่เชิง ขอเข้าเรื่องย้อนเวลาไปเมืองตอนที่ผมอายุ 18 19 ช่วงนั้นผมไปลงนะหน้าทอง และทำเหสน่ห์มา ที่กระทู้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://ppantip.com/topic/35327052
ช่วงนั้นผมจะเห็นสิ่งลี้ลับต่างๆบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเจ้าที่หรือสัมภเวสีตามถนนหนทาง ตอนนั้นเองผมก็เห็นครับ คือ ตอนนั้นผมพาหมาไปวิ่งเล่นที่อุทยานแต่ด้วยเดชะบุญของผมที่ผมชอบทำบุญนะครับ ถึงแม้จะหลงผิดไปบ้าง แต่ผมเป็นคนที่เข้าวัดทำบุญตามประสาเด็กบ้านๆหยอดตู้ไหว้พระปิดทองอยู่ตลอด ผมพาไปหมาไปวิ่งเล่นจนลืมคิดไปเลยว่า หน้าหนาวมันมืดไว ช่วงเวลานั้นประมาณ 6 โมงเย็น ผมจึงคิดได้ว่ามันมีดแล้ว เลยพาหมาขึ้นรถกลับบ้าน แต่ผมไม่ได้กลับทางปกติ ซึ้งสมัยก่อนนั้น ทางต่างๆยังไม่ดีสะอาดสะอ้านเหมือนสมัยนี้ ผมขับรถวนไปทางสายหลังก่อนที่จะออกด้านวัดสระไข่น้ำ วัดราหู ซึ้งเป็นวัดที่อยู่นอกกำแพงเมือง ตอนนั้น บรรยากาศมันเปลี่ยนไปหมดครับ เหมือนเราเข้าไปในบรรยากาศหมอกควัญจางๆ เหมือนทุกอย่างมันช้าลง และสิ่งที่ผมเห็นคือสตรีทั้ง 6 นาง กำลังเล่นฟ้อนรำกันอยู่บริเวณลานศิลาแลงของวัดๆหนึ่ง
ลักษณะการแต่งกายคล้ายๆแบบนี้ครับ แต่ไม่ได้สวมใส่มงกุฎชฎาอะไร มีเพียงดอกไม้ทัดตามผมทัดเป็นอุบะมาลัยต่างๆ ชุดมีสีครีมๆนวลๆ การนุ่งผ้าเป็นการนุ่งแบบสุโขทัย คือจีบผ้าเยอะๆ
ตอนนั้นความรู้สึกมันลอยๆแปลกๆครับ เหมือนฝันไป ก่อนที่จะรู้สึกตัวว่า สิ่งที่เราเห็นคืออะไร ตอนนั้นพอสติกลับคืนมา ผมมองไปที่กระจกรถ ชะลอหันกลับไปมอง แต่สิ่งที่ผมเห็นตอนนั้นมันได้กลายเป็นเพียงฐานศิลาแลงธรรมดาๆ เป็นเพียงวัดเก่าๆ ที่ปกคลุมไปด้วยบรรยากาศมืดๆสรัวๆ ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่น้อย ในจิตใจตอนนั้น สิ่งที่แรกที่ฉุกคิดคือ เผ่นดีกว่า ผมขับรถรีกลับบ้านครับ กลับมาถึงก็ประมาน 6 โมงครึ่ง มานั้งคิดทบทวนว่า เราตาฝาดไปหรือเปล่า หรือมันเกิดอะไรขึ้น ผมนั้งคิดทบทวนอยู่นาน จึงตัดสินใจค้นคว้าว่าการแต่งกายสมัยสุโขทัยเป็นอย่างไรในอินเตอร์เนต ก็ได้ความว่า ลักษณะการแต่งกายของผู้หญิง ผม ผมยาวเกล้ามวยบนศีรษะ มีพวงดอกไม้หรือพวงมาลัยสวมรอบมวย หรือไว้ผมแสกกลาง รวบผมไว้ท้ายทอย มีเกี้ยวหรือห่วงกลมคล้องตรงที่รวบ เครื่องประดับ กรองคอ รัดแขน กำไลมือและกำไลเท้า เครื่องปักผมเป็นเข็มเงิน เข็ม ทอง ใส่แหวน รัดเกล้า เครื่องแต่งกาย นุ่งผ้าซิ่นหรือผ้าถุงจับจีบยาวกรอมถึงข้อเท้า
มันก็มีความคล้ายครึงกับสิ่งที่ผมเห็น ผมจึงเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาพี่ที่รู้จัก ซึ้งพี่คนนี้คือ พี่ชาติ พี่ชาติก็เล่าว่า สิ่งที่แกเห็นนั้นเป็นสิ่งดี ไม่ใช้ง่ายเลยที่คนทั่วไปจะได้เห็นนางรำสมัยสุโขทัยแบบแกนะเว้ย พี่ว่านะ แกคงไปเที่ยวบ่อยจนเค้ามาให้เห็นละมั้ง เราก็บอกพี่เค้าตามที่เล่ามาข้างต้น พี่ชาติแกเป็นพวกเล่นของเก่า เล่นพระ ต่างๆ คือความรู้แกก็แน่นในระดับหนึ่ง
จนมาวันหนึ่ง ผม กับน้องธง และ ชิ ได้ไปเที่ยวที่สวรรคโลกกันโดยมอเตอร์ไซต์ ระหว่างทางด้วยอะไรไม่ทราบ ผมตัดสินใจว่าจะขี่ผ่านทางอุทยานประวัติศาสตร์ เข้าหมู่บ้านเกาะน้อย ออกไปทางเตาทุเรียง ระหว่างทางที่เข้าไปทางเตาทุเรียง เราทั้งสามสัมผัษถึงพลังงานบางอย่าง.....
เดียวมาต่อนะครับ 11 โมงแล้ว เดียวขอทำงานแปป ใกล้พักกลางวันแล้วครับ
สิ่งลี้ลับ และสัมภเวสี ที่เมืองเก่าศรีสัช
จะขอเล่าก่อนว่า เมืองเก่า หรืออุทยานประวัติศาสตร์นั้น มีทั้งเจ้าที่ เทวดาอารักษ์ และ สัมภเวสี
ผมมีโอกาสได้คุยกับพี่ๆที่ร้านกาแฟครับ คือ แชร์เรื่องที่มันลึกลับน่ากลัว ผมขอแทนชื่อผู้ร่วมเหตุการณ์ มี พี่ชาติ น้องธง น้องชิ และผมเอง
ผมเป็นคนที่มีความผูกพันธ์กับสถานที่นี้มากครับ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชฯ ผมมีความสุขทุกครั้งที่ได้ไปไม่ว่าจะไปปั่นจักรยาน ไปเดินเล่น พาเพื่อนชาวต่างชาติไปเที่ยว เพื่อนจากต่างจังหวัด คือผมเป็นเหมือนไกด์จำเป็น หรือไกด์เถือนก็ไม่เชิง ขอเข้าเรื่องย้อนเวลาไปเมืองตอนที่ผมอายุ 18 19 ช่วงนั้นผมไปลงนะหน้าทอง และทำเหสน่ห์มา ที่กระทู้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ช่วงนั้นผมจะเห็นสิ่งลี้ลับต่างๆบ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเจ้าที่หรือสัมภเวสีตามถนนหนทาง ตอนนั้นเองผมก็เห็นครับ คือ ตอนนั้นผมพาหมาไปวิ่งเล่นที่อุทยานแต่ด้วยเดชะบุญของผมที่ผมชอบทำบุญนะครับ ถึงแม้จะหลงผิดไปบ้าง แต่ผมเป็นคนที่เข้าวัดทำบุญตามประสาเด็กบ้านๆหยอดตู้ไหว้พระปิดทองอยู่ตลอด ผมพาไปหมาไปวิ่งเล่นจนลืมคิดไปเลยว่า หน้าหนาวมันมืดไว ช่วงเวลานั้นประมาณ 6 โมงเย็น ผมจึงคิดได้ว่ามันมีดแล้ว เลยพาหมาขึ้นรถกลับบ้าน แต่ผมไม่ได้กลับทางปกติ ซึ้งสมัยก่อนนั้น ทางต่างๆยังไม่ดีสะอาดสะอ้านเหมือนสมัยนี้ ผมขับรถวนไปทางสายหลังก่อนที่จะออกด้านวัดสระไข่น้ำ วัดราหู ซึ้งเป็นวัดที่อยู่นอกกำแพงเมือง ตอนนั้น บรรยากาศมันเปลี่ยนไปหมดครับ เหมือนเราเข้าไปในบรรยากาศหมอกควัญจางๆ เหมือนทุกอย่างมันช้าลง และสิ่งที่ผมเห็นคือสตรีทั้ง 6 นาง กำลังเล่นฟ้อนรำกันอยู่บริเวณลานศิลาแลงของวัดๆหนึ่ง
ลักษณะการแต่งกายคล้ายๆแบบนี้ครับ แต่ไม่ได้สวมใส่มงกุฎชฎาอะไร มีเพียงดอกไม้ทัดตามผมทัดเป็นอุบะมาลัยต่างๆ ชุดมีสีครีมๆนวลๆ การนุ่งผ้าเป็นการนุ่งแบบสุโขทัย คือจีบผ้าเยอะๆ
ตอนนั้นความรู้สึกมันลอยๆแปลกๆครับ เหมือนฝันไป ก่อนที่จะรู้สึกตัวว่า สิ่งที่เราเห็นคืออะไร ตอนนั้นพอสติกลับคืนมา ผมมองไปที่กระจกรถ ชะลอหันกลับไปมอง แต่สิ่งที่ผมเห็นตอนนั้นมันได้กลายเป็นเพียงฐานศิลาแลงธรรมดาๆ เป็นเพียงวัดเก่าๆ ที่ปกคลุมไปด้วยบรรยากาศมืดๆสรัวๆ ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่น้อย ในจิตใจตอนนั้น สิ่งที่แรกที่ฉุกคิดคือ เผ่นดีกว่า ผมขับรถรีกลับบ้านครับ กลับมาถึงก็ประมาน 6 โมงครึ่ง มานั้งคิดทบทวนว่า เราตาฝาดไปหรือเปล่า หรือมันเกิดอะไรขึ้น ผมนั้งคิดทบทวนอยู่นาน จึงตัดสินใจค้นคว้าว่าการแต่งกายสมัยสุโขทัยเป็นอย่างไรในอินเตอร์เนต ก็ได้ความว่า ลักษณะการแต่งกายของผู้หญิง ผม ผมยาวเกล้ามวยบนศีรษะ มีพวงดอกไม้หรือพวงมาลัยสวมรอบมวย หรือไว้ผมแสกกลาง รวบผมไว้ท้ายทอย มีเกี้ยวหรือห่วงกลมคล้องตรงที่รวบ เครื่องประดับ กรองคอ รัดแขน กำไลมือและกำไลเท้า เครื่องปักผมเป็นเข็มเงิน เข็ม ทอง ใส่แหวน รัดเกล้า เครื่องแต่งกาย นุ่งผ้าซิ่นหรือผ้าถุงจับจีบยาวกรอมถึงข้อเท้า
มันก็มีความคล้ายครึงกับสิ่งที่ผมเห็น ผมจึงเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาพี่ที่รู้จัก ซึ้งพี่คนนี้คือ พี่ชาติ พี่ชาติก็เล่าว่า สิ่งที่แกเห็นนั้นเป็นสิ่งดี ไม่ใช้ง่ายเลยที่คนทั่วไปจะได้เห็นนางรำสมัยสุโขทัยแบบแกนะเว้ย พี่ว่านะ แกคงไปเที่ยวบ่อยจนเค้ามาให้เห็นละมั้ง เราก็บอกพี่เค้าตามที่เล่ามาข้างต้น พี่ชาติแกเป็นพวกเล่นของเก่า เล่นพระ ต่างๆ คือความรู้แกก็แน่นในระดับหนึ่ง
จนมาวันหนึ่ง ผม กับน้องธง และ ชิ ได้ไปเที่ยวที่สวรรคโลกกันโดยมอเตอร์ไซต์ ระหว่างทางด้วยอะไรไม่ทราบ ผมตัดสินใจว่าจะขี่ผ่านทางอุทยานประวัติศาสตร์ เข้าหมู่บ้านเกาะน้อย ออกไปทางเตาทุเรียง ระหว่างทางที่เข้าไปทางเตาทุเรียง เราทั้งสามสัมผัษถึงพลังงานบางอย่าง.....
เดียวมาต่อนะครับ 11 โมงแล้ว เดียวขอทำงานแปป ใกล้พักกลางวันแล้วครับ