ธรรมมะจากหมาคุ้ยขยะตัวหนึ่ง

ชายคนหนึ่งได้หยิบกล่องอาหารสปาเก็ตตี้สำเร็จรูป และเอแคร์หนึ่งห่อออกมาแล้วเดินไปที่เคาเตอร์เพื่อจะชำระสตางค์
ขณะชำระสตางค์เป็นค่าสินค้า 2 ชิ้น ด้วยความหิว ชายคนนั้นจึงรีบเดินออกจากร้านค้าปลีกชื่อดังแห่งหนึ่งขณะกำลังจะเดินผ่านประตูซึ่งมีเสียงตื้ดตื้อดังลอยตามลมออกมา     สายตาก็ได้เหลือบไปเห็นหมาตัวหนึ่งกำลังคุ้ยขยะอยู่หน้าร้านค้านั้นกระจุยกระจาย
   หมาตัวนั้นได้คุ้ยไปจนเจอเศษอาหารที่เหลือทิ้งจากถุงขยะใบหนึ่งปากงับเข้าไปที่เศษอาหารในถุงนั้นเคี้ยวกิน เลียถุงขยะอย่างเอร็ดอร่อยประดุจได้เข้าไปนั่งกินอาหารในภัตตาคารชื่อดังย่านสีลม โดยไม่สนใจสายตาที่จ้องมองของชายคนนั้นแม้แต่น้อย
   ชายคนนั้นได้จ้องมองพร้อมครุ่นคิดไปต่างๆนาๆ   

  เอ...ปุจฉาว่าหมาตัวนั้นเมื่อชาติที่แล้วเป็นมนุษย์ได้กินอาหารเหลาขึ้นชื่อมาแล้วมากมาย กรรมพัดพาให้ไปเป็นสุนัขข้างถนน เหตุไฉนเล่าชาตินี้จึงพอใจอย่างยิ่งยวดที่จะคุ้ยขยะกินอย่างเอร็ดอร่อยกันเล่า
   ชายคนนั้นยังคิดต่อไปอีกว่า เมื่อเวลานี้เราเป็นมนุษย์เรารู้สึกรังเกียจในอาหารของภพภูมิเดรัจฉานเหล่านั้นแต่สัตว์เหล่านั้นกลับรู้สึกพอใจ  เหล่าภพภูมิเทวดาหรือเหล่าชั้นเทพพรหมที่เขาว่ากันว่าอิ่มทิพย์ และเป็นภพภูมิที่อยู่สูงกว่ามนุษย์ก็คงรู้สึกรังเกียจในอาหารของเหล่ามนุษย์เป็นแน่เช่นกัน ไม่ต่างกับมองเราเหมือนหมาตัวนั้นกำลังคุ้ยถุงขยะอยู่เป็นแน่แท้
   
    วิสัจฉนาก็ออกมาจากใจของชายคนนั้น ใช่แล้วอายตนะ ขันธ์ 5 ทั้งหลาย ที่หลงไปยึดไปคิดว่าเป็นของเรา แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นสร้างกรรม เพื่อครอบครองทรัพยากรธาตุที่ไม่จีรัง พลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเปลี่ยนมือ ท้ายที่สุดไม่วันใดก็วันหนึ่งทรัพยกรเหล่านั้นก็ถึงวันดับแตกสลาย เพียงเพราะหลงขันธ์ที่ไม่จีรังยั่งยืน แต่กลับนึกกลับปรุงแต่งราวกับว่าตนจะเป็นอมตะจึงสร้างกรรม ขอแค่ได้ครอบครองสิ่งนั้นสัก 5 ปี 10 ปีตนก็ยอม

    หมาตัวนั้นไม่ได้ยึดถือหรือถือตัวเหมือนเรา จึงกินเพื่อให้ขันธ์อยู่ได้เพียงเท่านั้น หากจิตถือตัวจะมารอกินแต่เอแคร์ หรือข้าวกล่องในมือเรา ขันธ์นั้นก็ต้องแตกดับอยู่ไม่ได้เป็นแน่ เพราะต้องอดตาย เฉกเช่นมนุษย์เพียงกินเพื่อให้ขันธ์อยู่ได้เพื่อรอเปลี่ยนผ่านไปสู่ภพภูมิใหม่ในเวลาที่เหมาะสมแค่นั้นเอง พระพุทธเจ้าจึงสอนให้ปฏิบัติอาหาเรปฏิกูลสัญญาเพื่อลดอัตตา ประดุจให้มองเฉกเช่นเทวดามองเรากำลังคุ้ยขยะกินอาหารเหมือนหมาตัวนั้นเอง

    ชายคนนั้นได้หยิบเอแคร์มาก้อนหนึ่งหยิบเข้าไปปากไปเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยเหมือนหมาตนนั้น แต่สิ่งที่แตกต่างจากการกินครั้งก่อนคือความคิดของชายคนนั้นได้เปลี่ยนไป

    แล้วชายคนนั้นก็ได้มองหมาตัวนั้นเป็นแค่ก้อนเนื้อก้อนหนึ่ง  แต่ในก้อนเนื้อนั้น มีจิตที่สว่างสว่างไสวแอบอยู่ รอวันที่สิ่งปกคลุมปิดบังจิตที่สว่างไสวนั้นหลุดออกไป เฉกเช่นก้อนเนื้อมนุษย์อย่างเราทุกคน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่