ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพราะแค่อยากนึกสนุก หาประเด็นให้ทุกๆคนช่วยกันคิดหน่อยครับว่า
ถ้ารถไฟฟ้าบีทีเอสไม่มีเสียงโฆษณาภายในรถ สังคมจะดีขึ้นในทางไหนบ้าง ซึ่งความเห็นของผมมีดังต่อไปนี้
๑. ถ้าไม่มีเสียงโฆษณาบนบีทีเอส ผมจะอ่านหนังสือได้โดยไม่จำเป็นต้องใส่หูฟัง และสามารถอ่านหนังสือจบได้อย่างน้อยหนึ่งบทต่อเล่ม ต่อเที่ยวการเดินทาง (ผมขึ้นจากบางหว้า มาลงสยาม แน่ๆละ มันนานพอที่อย่างน้อยสามารถจบได้บทหนึ่งที่ไม่ยาวมากนักได้) สกิลการอ่านหนังสือของผมจะดีขึ้น สมองจะได้รับรู้เนื้อหาดีๆใหม่ๆทุกเช้าหรือทุกเย็น และผมก็จะฉลาดขึ้น รู้ทันโลกและเปิดกว้างมากขึ้นโดยที่ไม่จำเป็นต้องเปิดเช็คเฟสบุคทุกวันอีกต่อไป
๒. ถ้าไม่มีเสียงโฆษณาบนบีทีเอส ผมว่าเด็กๆที่อ่านหนังสือสอบ จะทำคะแนนสอบได้ดีขึ้น เพราะพวกเขาจะมีเวลาได้ทบทวนเนื้อหาก่อนเข้าเรียน หรือก่อนเข้าสอบ เมื่อเด็กนักเรียนคะแนนดี พวกเขาก็มีสิทธิ์ได้ใช้ความรู้เต็มที่ในการสอบหรือการทำงานในอนาคต เราจะได้บุคลากรในประเทศชาติที่ดีขึ้นมากจากการมีสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนเด็กพวกนี้
๓. ถ้าไม่มีเสียงโฆษณาบนบีทีเอส ในบางวันผมอาจจะนอนดึกและตื่นเช้ามาก จนไม่อยากทำอะไรเลยในช่วงเดินทาง ผมจะสามารถนอนหลับหรือยืนหลับได้อย่างเต็มอิ่มในช่วงระยะเวลาสั้นๆก่อนถึงที่หมาย การได้พักผ่อนสั้นๆก่อนเริ่มทำงานคงจะช่วยเรื่อง Productivity ได้บ้างไม่มากก็น้อย แม้ว่าตอนกลางวันเราอาจจะมีง่วงหาวอยู่บ้าง แต่ก็ยังดีกว่าไปถึงโต๊ะเรียนโต๊ะทำงานแล้วแต่ก็ยังรู้สึกอยากนอนทันที อยู่ดี
๔. ถ้าไม่มีเสียงโฆษณาบนบีทีเอส ผมคิดว่า เราคงมีสถานที่ๆเงียบๆในระยะเวลาสั้นๆได้ทบทวนเรื่องราว อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ว่าอะไรได้เกิดขึ้นกับเราบ้าง และจะแก้ไขอย่างไร ใครที่มีปัญหากับปัจจุบันก็คงจะมีเวลามากขึ้นเล็กน้อยในการได้นั่งคิดแก้ปัญหาเรื่อยเปื่อยในสมองอย่างเงียบๆ
๕. ถ้าไม่มีเสียงโฆษณาบนบีทีเอส ผมว่าประชากรในกทม.จะมีอาการปวดล้าสายตา หรือปวดต้นคอ หรือปวดหู ลดลง เพราะสำหรับบางคน แทนที่เขาจะต้องเปิดเพลงกึ่งดังยัดใส่รูหู และเล่นแต่มือถือรับแสงสีน้ำเงินตลอดเวลา พวกเขาอาจใช้ช่วงเวลาเงียบๆไปกับการอ่านหนังสือไม่ก็นั่งหลับยืนหลับไปเสียเลย (ข้อนี้ผมไม่มีปัญหาสำหรับใครก็ตามที่ยังใช้มือถือ แท็บแล็ต เว้นเสียแต่ว่าพวกคุณไปเกะกะกีดขวางทางสัญจร)
๖. ถ้าไม่มีเสียงโฆษณาบนบีทีเอส ผมว่าผู้สัญจรบางท่านจะไม่พลาดสถานีที่ตัวเองจะต้องลง เพราะมัวแต่ดูและฟังเสียงโฆษณาในทีวี
ผมคิดออกแค่นี้แหละ เคยเรียกร้องผ่าน Change.org แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรคืบหน้า
ผมโอเคกับการมีโฆษณานะ เพราะผมเข้าใจธุรกิจของบีทีเอสเขา พื้นที่ว่างๆก็ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์
แต่ผมยังมองไม่เห็นว่า ทำไมต้องเปิดทีวีเสียงดังมาก คือต้องการให้โฆษณาผ่านอากาศไปสู่รูหูของคนจำนวนมากให้ได้ เพื่อให้เกิด Awareness ต่อสินค้าที่มาซื้อโฆษณากับ BTS ใช่หรือไม่ ขอย้ำอีกครั้งว่าผมโอเคกับการมีโฆษณาบนทีวีในขบวนรถ ถ้าโฆษณาไม่มีเสียงมีแต่ภาพเคลื่อนไหว อย่างน้อยผมก็เลือกที่จะไม่มองมันได้ ส่วนใครโอเคอยากดูอะไรเคลื่อนไหวยามเช้าที่ไม่ใช่วิวนอกกระจกก็เลือกที่จะดูทีวีในขบวนก็ได้ไม่ว่ากัน แต่เรื่องเสียงจากทีวีที่ดังมากมันห้ามกันไม่ได้และกระทบต่อผู้สัญจรอย่างผมจริงๆ
ถ้า BTS ไม่มีเสียงโฆษณาภายในรถ มาช่วยกันคิดหน่อยครับว่า สังคมจะดีขึ้นในทางไหนได้บ้าง
ถ้ารถไฟฟ้าบีทีเอสไม่มีเสียงโฆษณาภายในรถ สังคมจะดีขึ้นในทางไหนบ้าง ซึ่งความเห็นของผมมีดังต่อไปนี้
๑. ถ้าไม่มีเสียงโฆษณาบนบีทีเอส ผมจะอ่านหนังสือได้โดยไม่จำเป็นต้องใส่หูฟัง และสามารถอ่านหนังสือจบได้อย่างน้อยหนึ่งบทต่อเล่ม ต่อเที่ยวการเดินทาง (ผมขึ้นจากบางหว้า มาลงสยาม แน่ๆละ มันนานพอที่อย่างน้อยสามารถจบได้บทหนึ่งที่ไม่ยาวมากนักได้) สกิลการอ่านหนังสือของผมจะดีขึ้น สมองจะได้รับรู้เนื้อหาดีๆใหม่ๆทุกเช้าหรือทุกเย็น และผมก็จะฉลาดขึ้น รู้ทันโลกและเปิดกว้างมากขึ้นโดยที่ไม่จำเป็นต้องเปิดเช็คเฟสบุคทุกวันอีกต่อไป
๒. ถ้าไม่มีเสียงโฆษณาบนบีทีเอส ผมว่าเด็กๆที่อ่านหนังสือสอบ จะทำคะแนนสอบได้ดีขึ้น เพราะพวกเขาจะมีเวลาได้ทบทวนเนื้อหาก่อนเข้าเรียน หรือก่อนเข้าสอบ เมื่อเด็กนักเรียนคะแนนดี พวกเขาก็มีสิทธิ์ได้ใช้ความรู้เต็มที่ในการสอบหรือการทำงานในอนาคต เราจะได้บุคลากรในประเทศชาติที่ดีขึ้นมากจากการมีสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนเด็กพวกนี้
๓. ถ้าไม่มีเสียงโฆษณาบนบีทีเอส ในบางวันผมอาจจะนอนดึกและตื่นเช้ามาก จนไม่อยากทำอะไรเลยในช่วงเดินทาง ผมจะสามารถนอนหลับหรือยืนหลับได้อย่างเต็มอิ่มในช่วงระยะเวลาสั้นๆก่อนถึงที่หมาย การได้พักผ่อนสั้นๆก่อนเริ่มทำงานคงจะช่วยเรื่อง Productivity ได้บ้างไม่มากก็น้อย แม้ว่าตอนกลางวันเราอาจจะมีง่วงหาวอยู่บ้าง แต่ก็ยังดีกว่าไปถึงโต๊ะเรียนโต๊ะทำงานแล้วแต่ก็ยังรู้สึกอยากนอนทันที อยู่ดี
๔. ถ้าไม่มีเสียงโฆษณาบนบีทีเอส ผมคิดว่า เราคงมีสถานที่ๆเงียบๆในระยะเวลาสั้นๆได้ทบทวนเรื่องราว อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ว่าอะไรได้เกิดขึ้นกับเราบ้าง และจะแก้ไขอย่างไร ใครที่มีปัญหากับปัจจุบันก็คงจะมีเวลามากขึ้นเล็กน้อยในการได้นั่งคิดแก้ปัญหาเรื่อยเปื่อยในสมองอย่างเงียบๆ
๕. ถ้าไม่มีเสียงโฆษณาบนบีทีเอส ผมว่าประชากรในกทม.จะมีอาการปวดล้าสายตา หรือปวดต้นคอ หรือปวดหู ลดลง เพราะสำหรับบางคน แทนที่เขาจะต้องเปิดเพลงกึ่งดังยัดใส่รูหู และเล่นแต่มือถือรับแสงสีน้ำเงินตลอดเวลา พวกเขาอาจใช้ช่วงเวลาเงียบๆไปกับการอ่านหนังสือไม่ก็นั่งหลับยืนหลับไปเสียเลย (ข้อนี้ผมไม่มีปัญหาสำหรับใครก็ตามที่ยังใช้มือถือ แท็บแล็ต เว้นเสียแต่ว่าพวกคุณไปเกะกะกีดขวางทางสัญจร)
๖. ถ้าไม่มีเสียงโฆษณาบนบีทีเอส ผมว่าผู้สัญจรบางท่านจะไม่พลาดสถานีที่ตัวเองจะต้องลง เพราะมัวแต่ดูและฟังเสียงโฆษณาในทีวี
ผมคิดออกแค่นี้แหละ เคยเรียกร้องผ่าน Change.org แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรคืบหน้า
ผมโอเคกับการมีโฆษณานะ เพราะผมเข้าใจธุรกิจของบีทีเอสเขา พื้นที่ว่างๆก็ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์
แต่ผมยังมองไม่เห็นว่า ทำไมต้องเปิดทีวีเสียงดังมาก คือต้องการให้โฆษณาผ่านอากาศไปสู่รูหูของคนจำนวนมากให้ได้ เพื่อให้เกิด Awareness ต่อสินค้าที่มาซื้อโฆษณากับ BTS ใช่หรือไม่ ขอย้ำอีกครั้งว่าผมโอเคกับการมีโฆษณาบนทีวีในขบวนรถ ถ้าโฆษณาไม่มีเสียงมีแต่ภาพเคลื่อนไหว อย่างน้อยผมก็เลือกที่จะไม่มองมันได้ ส่วนใครโอเคอยากดูอะไรเคลื่อนไหวยามเช้าที่ไม่ใช่วิวนอกกระจกก็เลือกที่จะดูทีวีในขบวนก็ได้ไม่ว่ากัน แต่เรื่องเสียงจากทีวีที่ดังมากมันห้ามกันไม่ได้และกระทบต่อผู้สัญจรอย่างผมจริงๆ