ขออนุญาตรีวิวครับเพิ่งเคยรีวิวครั้งแรกครับ
เชียงคาน ภูทอก กับมอไซต์คู่ใจที่ยังไงต้องไปให้ได้
“พี่เบียร์ๆ ไปภูทอกกัน” นายต้อมมือสองชวนผมอย่างกระสับกระส่ายอยากเดินทาง ระหว่างการนั่งกินเหล้ากันผมตอบตกลงอย่างไม่ต้องตัดสินอะไรมาก ไม่เคยไป และอยากไปเชียงคานด้วยมอเตอร์ไซค์อยู่แล้วเป็นทุนเดิม เนื่องจากเมื่อไม่กี่เดือนก่อนมาถ่ายงานที่จังหวัดเลย แล้วประทับใจในโค้งเหลือเกิน แอบบ่นให้เมียฟังว่าจะมาอีกให้ได้ พี่เต้ยนั่งอยู่ในวงเหล้าด้วย แกเป็นสายเดินทางคนนึงเหมือนกัน แกบอกเอาดิเดี๋ยวเคลียร์วัน เคลียร์งาน ถ้าไปด้วยได้จะไปด้วย ผมบอกว่ามันต้องไปแบบ 3 วัน 2 คืนนะ มันไกลอยู่ พี่เต้ยโอเค จบเรื่องการวางแผนการเดินทาง เราจะไปกันแบบเพลินๆ เรื่อยๆ นะ
วันเดินทางนัดเจอกันที่ ปตท. มอกรุงเทพ คณะเดินทางมี 4 คน ผมและเมีย พี่เต้ย และต้อมครับ สามคัน สายเดินทางทุกคัน ครั้งนี้เราใช้เส้นทาง สระบุรี ลพบุรี หล่มเก่า และเลย ขี่ไปได้ไม่ไกลไฟ LED ผมคลอนและแตกจะการกระแทกหลุมบริเวณที่ทำทางช่วงลพบุรี แวะซ่อมดิ โชคดีฮะมีช่างเต้ยมาด้วย ช่วยเอาสายรัดสายไฟรัดไปก่อน อยู่แน่นอน ซ่อมกันอยู่พักใหญ่ๆ ในปั๊ม เมียนอนรอ พี่เต้ยโทรศัพท์เรื่องงานมาเป็นระยะ เนื่องจากหนีงานมาในวันธรรมดา กินข้าวเรียบร้อย แล้วออกเดินทางต่อ วันนี้เราไม่ได้พักนานๆ หลายๆ ที่เนื่องจากเป็นระยะทางไกล เกือบ 700 โล เลยไม่ค่อยมีเรื่องเล่าใดๆ
ผ่าน อ. หล่มเก่า แวะหาพี่อ้วนเพื่อนต้อมที่เคยมาแวะเมื่อครั้งทริปภูทับเบิก มื้อนี้เรากินขนมจีนร้านอร่อยจากคำแนะนำของเพื่อนต้อมครับ อร่อยเด็ดขาดจริงๆ จำชื่อร้านไม่ได้ฮะ ข้ามไปเลย หล่มเก่านี้ขนมจีนอร่อยทุกร้าน กินเสร็จแล้วออกเดินทางกันต่อ ไปจบที่ริมโขงเชียงคานกันเกือบ 5 โมงเย็น เข้าที่พัก เราพักกันที่บ้านบำรุงสุข เป็นที่พักซึ่งเป็นญาติกับเต๋าเพื่อนของผม ห้องพักน่านอนมากครับ ห้องเตียงเดี่ยว ขนาดกลางๆ มีปรับอากาศ และมีน้ำอุ่น มีไม่กี่ห้อง นั่นดีมากเลย เปิดแยกสองห้อง ปล่อยให้ต้อมได้ผรับความเข้าใจกับเต้ยในคืนนี้ ที่พักไม่ได้ติดริมแม่น้ำโขงนะฮะแต่เดินได้ไม่ไกลเลย ประมาณ ซัก 30 เมตรมั้ง จัดว่าแจ๋วมาก พี่เจ้าของที่พักเดินมาคุยด้วย บอกให้เอารถไปจอดตรงนู้น มีลานจอดได้สบายกว่า จอดริมถนนตรงนี้ แลัวก็ถามพวกเราถึงจุดหมายต่อไป ผมบอกเค้าว่า พรุ่งนี้จะไปภูทอก พี่เค้าบอก อ๋อจอดรถไว้นี่แล้วนั่งรถกระบะไปสิ คนละไม่กี่บาท ผมบอกว่า ไม่ใช่ฮะ พวกผมจะไปภูทอกที่ จ. บึงกาฬ แล้วก็กลับมานอนที่แหละ พี่เจ้าของทำหน้างง ๆ แล้วไม่พูดอะไร
เรานอนพัก เปลี่ยนชุดกันซักพัก ใกล้ๆ หกโมงเย็น พวกเราก็พากันออกไปเดินเล่นที่ถนนเชียงคาน ไปเดินดูพระอาทิตย์ตกที่ริมน้ำโขง สวยงามครับ ฟ้าสีสวยมาก วันนี้ยังไม่โดนฝนหนักๆ เดินหาซื้อของกิน ของฝากกันบนถนนเชียงคาน สนุกสนานและเปรี้ยวตีนมาก สภาพบ้านเรือนบนถนนนี้ดูน่าจะอนุรักษ์ไว้นะครับ เป็นลักษณะบ้านไม้เก่าๆ ตกแต่งสไตล์ไทยประยุกต์ สวยงามทีเดียว อารมณ์เหมือนอยู่ปาย และเริ่มมีธุรกิจเข้ามาเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของฝาก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ บางร้านเป็นคนพื้นที่แต่งดั้งเดิม บางร้านเป็นคนจากที่อื่นมาเปิดกิจการที่เชียงคาน อาหารค่ำวันนี้เป็นผัดไทฮะ ริมถนนนั่นแหละ พวกเราอิ่มกันเลยทีเดียว
หัวข้อสนทนาในวงผัดไทวันนี้คือ การเดินทางในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากบังเอิญจริงๆ ผม
คุยเรื่องแผนการว่าเราจะตื่นกันกี่โมงดี พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดดูระยะทาง เยะเขร้ 500 โล ..........
ความรู้สึกแรกคือ งง ครับ กดผิดหรอ ลองใหม่ 500 โล ซูมแผนที่ออกมาดู อูยยยยย ไม่ผิดและ 500 โล เลาะริมโขง GPS บอกใช้เวลาเดินทาง 7 ชม. ครกเอ๊ย กูรู้และทำไมพี่เจ้าของที่พักถึงมองแปลกๆ ตอนบอกว่าจะไปนู่นและกลับมานอนที่นี่ พวกผมล้มเลิกแผนการกินเบียร์อย่างบ้าเลือดเหมือนๆ กับทุกๆ ทริปสำหรับคืนนี้ เข้านอนเก็บแรงไว้ขี่รถยาวๆ อีกพรุ่งนี้ นี่เป็นข้อเสียของการไม่วางแผน ไม่ดูแผนที่ก่อนออกทริป ทุกคนบ่นหมด แต่ทำไรไม่ได้ อ้อมมา 500 โลเอง เบาๆ เชรี่ยยยยย โดนเมียด่าหนักมาก โดนมันตบหมวกไปหลายที ข้อหาให้มันซ้อนรถฝ่าโค้งมาเป็นร้อยโค้ง
เช้าวันที่สอง
ตื่นแต่เช้ามืด ไปใส่บาตร เดินถ่ายรูปกันอย่างชิล ราวกับว่าจะขึ้นเครื่องบินกลับกันในวันนี้ กินโจ๊กริมถนน พลางบ่นเรื่องเส้นทางไปเรื่อยๆ กลับไปเก็บของ พี่เต้ยยังคงคุยโทรศัพท์เรื่องงานอยู่ คุยโทรศัพท์บ่อยมากฮะทริปนี้ กว่าจะได้ออกเดินทางก็ปาเข้าไป 9 โมงกว่า เราขี่รถเลาะริมโขงจาก เชียงคาน ไป จ.บึงกาฬ ไม่ค่อยได้แวะอะไร มีแวะกินข้าว แวะเติมน้ำมัน แวะโทรศัพท์ กินกาแฟ แค่นั้น เนื่องจาก GPS บอกว่าใช้เวลา 7 ชั่วโมงเดินทาง ช่วงไหนชัดได้ ชัด ช่วงไหนเบาก็เบา ขี่ไปเรื่อยๆ สลับกับจอดให้พี่เต้ยคุยโทรศัพท์เป็นระยะๆ จริง ๆ พี่เต้ยมี บลูทูธติดหมวกกันน็อคนะ แต่ว่างานหนักเกิน Level ที่จะคุยกันในหมวก ผมเองได้ทีก็โทรเคลียร์งานกับทางกรุงเทพเรื่อยๆ เหมือนกัน
มาถึงวัดภูทอกเอาเกือบหกโมง มองขึ้นไปบนยอดเห็นศาลามั้ง แล้วละเหี่ยใจ ถอนหายใจ ผมบอกให้ขึ้นพรุ่งนี้เถอะมันจะมืดแล้ว เมาผมสวนทันทีว่าขึ้นไปเลย ขึ้นพรุ่งนี้ลงมาแล้วต้องขี่รถกลับกัน จะตายเอา พี่เต้ยบอกกูไงก็ได้ ไอ้ต้อมบอกลุย โอเคพวกเราลุย ต้อมรีบแกะกล้องออกมาเตรียมพร้อมเดินขึ้นเขา บอกเราขึ้นไปข้างบนกันเถอะ นิดเดียวเอง ผมมองขึ้นไป เอ้าขึ้นๆ ว่าแล้วก็เดินเกาะกลุ่มกันไป พลังแห่งวัยรุ่น
สุดยอดจริงๆ ขี่รถกันมาทั้งวันแล้วก็เดินขึ้นเขาต่อเลย เดินเข้าไปเรื่อยๆ ก็สวนกับคนที่เดินลงมาเรื่อยๆ ผมอ้วนเข่าไม่ดี เลยต้องค่อยๆ ขึ้น บอกต้อมกับพี่เต้ยว่า ผมไปเร็วไม่ได้ เดี๋ยวเจอกันข้างบนนะ แล้วก็เดินแยกออกเป็นสองกลุ่ม ไอ้ต้อมสะพายกล้องเดินนำไปก่อน ส่งสายตามามองห่างๆ แล้วทำท่ามีพลัง พร้อมเดินจากไป พี่เต้ยบอกเรื่องเล็กเลยระยะทางแค่นี้กูเป็นกรรมกร
ผมเดินไปเรื่อยๆ เนินแรกผ่านไป เหนื่อยดิ นั่งพักบ้างไรบ้าง ไปเรื่อยๆ ก็ขึ้นไปถึงชั้น 5 เจอพี่เต้ยยืนอยู่คนเดียว พี่เต้ยเล่าให้ฟังว่า ไอ้ต้อม
จะตายแล้ว นอนหน้าเขียวลิ้นห้อยอยู่ตรงโน้น จังหวะพระอาทิตย์กำลังจะตกพอดี เราก็ยืนดูมัน โดยไม่สนใจไอ้ต้อมที่นอนตายอยู่ห่างๆ แอบถ่ายรูปมันมารูปนึง ตลกมากฮะ เมื่อกี้ทำเป็นมีพลัง เราจัดสินใจเดินเล่นบนวัดภูทอก บรรยากาศดีเชียวครับ
วัดภูทอกนี้ จริงๆ ชื่อวัดเจติยาคีรีวิหาร ชื่อ
เรียกยากมากเลยฮะ กลับมาถึงบ้านผมยังจำชื่อไม่ได้ เรียกว่าวัดภูทอกแล้วกันนะ วัดนี้มีลักษณะเป็นภูเขาโดดเดี่ยวลูกเดียวกลางป่าแถว ๆ นั้น ทำให้สามารถเห็นวิวสูงของพื้นที่แถวๆ นั้นได้รอบทิศทาง มีมุมนึงที่สามารถมองเห็นภูกระดึงได้เลยนะครับ มีทางเดินทำจากไม้กระดานขัดไว้กับเนินเขา เดินๆ ไปแล้ว เสียววูบไปเรื่อยๆ ตอนนี้พวกเราเดินเล่นมาถึงชั้นที่ 6 แล้ว กำลังจะไปต่อชั้นที่ 7 ไอ้ต้อมเดินมาด้วยท่าทางชนิดที่ว่ากูไม่น่าขึ้นมาเลย กล้องอะไรก็เอาให้พี่เต้ยถือหมด
หมดแรง อ่อนแอ ด้านหน้าบันไดที่จะขึ้นไปชั้น 7 ก่อนที่จะมาโทรถามพี่รีฟมาก่อน พี่รีฟบอกว่าชั้น 7 งูเยอะมาก มากมาก และมากมากอีกครั้งนึง ประกอบกับเวลาตอนที่อยู่ข้างบนนั้นพระอาทิตย์กำลังจะตกไปพอดี ทุกอย่างเริ่มมืด ไฟฉายก็ไม่มี ใช้ไฟฉายโทรศัพท์ ส่องเอา พวกเราเลยไม่ได้ขึ้นไปที่ชั้น 7 เดินลงกันทั้งมืดๆ ลงมาถึงพื้นด้านล่าง ไม่มีคนแล้วววว เหลือแต่หมา บรรยากาศวัดป่า น่ากลัวดี ขี่รถออกมาได้หน่อยนึง รถไอ้ต้อมน้ำมันจะหมด ปั๊มที่ไกล้ที่สุด 40 โล ค่อยๆ ขี่ ห้ามซัด โชคดีเจอปั๊มหลอด เติมมาร้อยนึง ไปต่อได้
เข้าเมืองจังหวัดบึงกาฬเกือบสามทุ่ม เราไปหาที่พักได้เป็นโรงแรมใหม่ เรือนรัตนะรีสอร์ท ห้องใหญ่สะอาด ราคาไม่แพงมาก รู้สึกจะ 500 บาทมั้ง ได้เกินราคามาก แนะนำเลยครับสำหรับจังหวัดนี้ ว่าแล้วก็เก็บของขี่รถออกมากินข้าวกัน วันนี้กินข้าวมื้อใหญ่เพราะว่าหมดพลังไปกับการเดินขึ้นเขาแล้ว ซื้อเบียร์มากิน ที่นี่มีเบียร์เวียดนามขายด้วย ลองดิจะเหลืออะไร วันนี้พวกเราก็ได้ปาร์ตี้กันที่โรงแรมสมใจอยาก ไม่เกินตีหนึ่งเลิก พรุ่งนี้ต้องขี่รถกลับบ้านไกล
วันที่สามวันกลับ
วันนี้ขี่อย่างเดียวเนื่องจากระยะทางไกลมาก 800 โลถึงบ้าน มาเรื่อยๆ แวะกินข้าว แวะกินกาแฟ ไอ้ต้อมกินแบรนด์ เอ็มร้อย กาแฟและซีวิต แบบนี้ประมาณ 3 รอบ ทุกๆ ปั๊ม ทำท่าดีด ๆ แล้วมันก็บ่นง่วงเหมือนเดิม จนพวกผมจำได้ มื้อกลางวันแวะกินส้มตำที่จังหวัดอะไรไม่รู้จำไม่ได้ อยู่ระหว่างทาง กลับมาถึงสระบุรีแวะกินสเต๊กเทพประธานอร่อยดี ราคาไม่แพง แวะทุกครั้งที่ผ่านบนเส้นนี้ ขากลับพี่เต้ยซิ่งจนกันดีดที่เพิ่งเอาไปเครมมาหลุด ไอ้ต้อมขา Spotlight หัก ผมจอดรถแซวสนุกปากมาก กลับมาถึงรังสิตจอดแวะพักรถรอบสุดท้ายก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน เต้ยหันมาเห็นกันดีดของผมก็หายไปเหมือนกัน โดนล้อกลับ สนุกกันไป สิ้นสุดระยะทางเกือบพันเก้าร้อยโล คิดถึงแมวที่บ้าน วันนี้เป็นเรื่องสั้นจริงๆ นะ เต้ยบอกมันมาก ๆ
ดูรูปเพิ่มเติม หรือทริปเพิ่มเติมของพวกเราได้ที่
http://www.gulovebigbike.com/36073619363636113607365636293591364836073637365636183623.html
ขออภัยหากผิดพลาดประการใดครับ
เจอกันใหม่ทริปหน้าครับผม
นายเบียร์
[CR] เชียงคาน ภูทอก กับมอไซต์คู่ใจที่ยังไงต้องไปให้ได้
เชียงคาน ภูทอก กับมอไซต์คู่ใจที่ยังไงต้องไปให้ได้
“พี่เบียร์ๆ ไปภูทอกกัน” นายต้อมมือสองชวนผมอย่างกระสับกระส่ายอยากเดินทาง ระหว่างการนั่งกินเหล้ากันผมตอบตกลงอย่างไม่ต้องตัดสินอะไรมาก ไม่เคยไป และอยากไปเชียงคานด้วยมอเตอร์ไซค์อยู่แล้วเป็นทุนเดิม เนื่องจากเมื่อไม่กี่เดือนก่อนมาถ่ายงานที่จังหวัดเลย แล้วประทับใจในโค้งเหลือเกิน แอบบ่นให้เมียฟังว่าจะมาอีกให้ได้ พี่เต้ยนั่งอยู่ในวงเหล้าด้วย แกเป็นสายเดินทางคนนึงเหมือนกัน แกบอกเอาดิเดี๋ยวเคลียร์วัน เคลียร์งาน ถ้าไปด้วยได้จะไปด้วย ผมบอกว่ามันต้องไปแบบ 3 วัน 2 คืนนะ มันไกลอยู่ พี่เต้ยโอเค จบเรื่องการวางแผนการเดินทาง เราจะไปกันแบบเพลินๆ เรื่อยๆ นะ
วันเดินทางนัดเจอกันที่ ปตท. มอกรุงเทพ คณะเดินทางมี 4 คน ผมและเมีย พี่เต้ย และต้อมครับ สามคัน สายเดินทางทุกคัน ครั้งนี้เราใช้เส้นทาง สระบุรี ลพบุรี หล่มเก่า และเลย ขี่ไปได้ไม่ไกลไฟ LED ผมคลอนและแตกจะการกระแทกหลุมบริเวณที่ทำทางช่วงลพบุรี แวะซ่อมดิ โชคดีฮะมีช่างเต้ยมาด้วย ช่วยเอาสายรัดสายไฟรัดไปก่อน อยู่แน่นอน ซ่อมกันอยู่พักใหญ่ๆ ในปั๊ม เมียนอนรอ พี่เต้ยโทรศัพท์เรื่องงานมาเป็นระยะ เนื่องจากหนีงานมาในวันธรรมดา กินข้าวเรียบร้อย แล้วออกเดินทางต่อ วันนี้เราไม่ได้พักนานๆ หลายๆ ที่เนื่องจากเป็นระยะทางไกล เกือบ 700 โล เลยไม่ค่อยมีเรื่องเล่าใดๆ
ผ่าน อ. หล่มเก่า แวะหาพี่อ้วนเพื่อนต้อมที่เคยมาแวะเมื่อครั้งทริปภูทับเบิก มื้อนี้เรากินขนมจีนร้านอร่อยจากคำแนะนำของเพื่อนต้อมครับ อร่อยเด็ดขาดจริงๆ จำชื่อร้านไม่ได้ฮะ ข้ามไปเลย หล่มเก่านี้ขนมจีนอร่อยทุกร้าน กินเสร็จแล้วออกเดินทางกันต่อ ไปจบที่ริมโขงเชียงคานกันเกือบ 5 โมงเย็น เข้าที่พัก เราพักกันที่บ้านบำรุงสุข เป็นที่พักซึ่งเป็นญาติกับเต๋าเพื่อนของผม ห้องพักน่านอนมากครับ ห้องเตียงเดี่ยว ขนาดกลางๆ มีปรับอากาศ และมีน้ำอุ่น มีไม่กี่ห้อง นั่นดีมากเลย เปิดแยกสองห้อง ปล่อยให้ต้อมได้ผรับความเข้าใจกับเต้ยในคืนนี้ ที่พักไม่ได้ติดริมแม่น้ำโขงนะฮะแต่เดินได้ไม่ไกลเลย ประมาณ ซัก 30 เมตรมั้ง จัดว่าแจ๋วมาก พี่เจ้าของที่พักเดินมาคุยด้วย บอกให้เอารถไปจอดตรงนู้น มีลานจอดได้สบายกว่า จอดริมถนนตรงนี้ แลัวก็ถามพวกเราถึงจุดหมายต่อไป ผมบอกเค้าว่า พรุ่งนี้จะไปภูทอก พี่เค้าบอก อ๋อจอดรถไว้นี่แล้วนั่งรถกระบะไปสิ คนละไม่กี่บาท ผมบอกว่า ไม่ใช่ฮะ พวกผมจะไปภูทอกที่ จ. บึงกาฬ แล้วก็กลับมานอนที่แหละ พี่เจ้าของทำหน้างง ๆ แล้วไม่พูดอะไร
เรานอนพัก เปลี่ยนชุดกันซักพัก ใกล้ๆ หกโมงเย็น พวกเราก็พากันออกไปเดินเล่นที่ถนนเชียงคาน ไปเดินดูพระอาทิตย์ตกที่ริมน้ำโขง สวยงามครับ ฟ้าสีสวยมาก วันนี้ยังไม่โดนฝนหนักๆ เดินหาซื้อของกิน ของฝากกันบนถนนเชียงคาน สนุกสนานและเปรี้ยวตีนมาก สภาพบ้านเรือนบนถนนนี้ดูน่าจะอนุรักษ์ไว้นะครับ เป็นลักษณะบ้านไม้เก่าๆ ตกแต่งสไตล์ไทยประยุกต์ สวยงามทีเดียว อารมณ์เหมือนอยู่ปาย และเริ่มมีธุรกิจเข้ามาเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นร้านขายของฝาก ร้านอาหาร ร้านกาแฟ บางร้านเป็นคนพื้นที่แต่งดั้งเดิม บางร้านเป็นคนจากที่อื่นมาเปิดกิจการที่เชียงคาน อาหารค่ำวันนี้เป็นผัดไทฮะ ริมถนนนั่นแหละ พวกเราอิ่มกันเลยทีเดียว
หัวข้อสนทนาในวงผัดไทวันนี้คือ การเดินทางในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากบังเอิญจริงๆ ผมคุยเรื่องแผนการว่าเราจะตื่นกันกี่โมงดี พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดดูระยะทาง เยะเขร้ 500 โล ..........
ความรู้สึกแรกคือ งง ครับ กดผิดหรอ ลองใหม่ 500 โล ซูมแผนที่ออกมาดู อูยยยยย ไม่ผิดและ 500 โล เลาะริมโขง GPS บอกใช้เวลาเดินทาง 7 ชม. ครกเอ๊ย กูรู้และทำไมพี่เจ้าของที่พักถึงมองแปลกๆ ตอนบอกว่าจะไปนู่นและกลับมานอนที่นี่ พวกผมล้มเลิกแผนการกินเบียร์อย่างบ้าเลือดเหมือนๆ กับทุกๆ ทริปสำหรับคืนนี้ เข้านอนเก็บแรงไว้ขี่รถยาวๆ อีกพรุ่งนี้ นี่เป็นข้อเสียของการไม่วางแผน ไม่ดูแผนที่ก่อนออกทริป ทุกคนบ่นหมด แต่ทำไรไม่ได้ อ้อมมา 500 โลเอง เบาๆ เชรี่ยยยยย โดนเมียด่าหนักมาก โดนมันตบหมวกไปหลายที ข้อหาให้มันซ้อนรถฝ่าโค้งมาเป็นร้อยโค้ง
เช้าวันที่สอง
ตื่นแต่เช้ามืด ไปใส่บาตร เดินถ่ายรูปกันอย่างชิล ราวกับว่าจะขึ้นเครื่องบินกลับกันในวันนี้ กินโจ๊กริมถนน พลางบ่นเรื่องเส้นทางไปเรื่อยๆ กลับไปเก็บของ พี่เต้ยยังคงคุยโทรศัพท์เรื่องงานอยู่ คุยโทรศัพท์บ่อยมากฮะทริปนี้ กว่าจะได้ออกเดินทางก็ปาเข้าไป 9 โมงกว่า เราขี่รถเลาะริมโขงจาก เชียงคาน ไป จ.บึงกาฬ ไม่ค่อยได้แวะอะไร มีแวะกินข้าว แวะเติมน้ำมัน แวะโทรศัพท์ กินกาแฟ แค่นั้น เนื่องจาก GPS บอกว่าใช้เวลา 7 ชั่วโมงเดินทาง ช่วงไหนชัดได้ ชัด ช่วงไหนเบาก็เบา ขี่ไปเรื่อยๆ สลับกับจอดให้พี่เต้ยคุยโทรศัพท์เป็นระยะๆ จริง ๆ พี่เต้ยมี บลูทูธติดหมวกกันน็อคนะ แต่ว่างานหนักเกิน Level ที่จะคุยกันในหมวก ผมเองได้ทีก็โทรเคลียร์งานกับทางกรุงเทพเรื่อยๆ เหมือนกัน
มาถึงวัดภูทอกเอาเกือบหกโมง มองขึ้นไปบนยอดเห็นศาลามั้ง แล้วละเหี่ยใจ ถอนหายใจ ผมบอกให้ขึ้นพรุ่งนี้เถอะมันจะมืดแล้ว เมาผมสวนทันทีว่าขึ้นไปเลย ขึ้นพรุ่งนี้ลงมาแล้วต้องขี่รถกลับกัน จะตายเอา พี่เต้ยบอกกูไงก็ได้ ไอ้ต้อมบอกลุย โอเคพวกเราลุย ต้อมรีบแกะกล้องออกมาเตรียมพร้อมเดินขึ้นเขา บอกเราขึ้นไปข้างบนกันเถอะ นิดเดียวเอง ผมมองขึ้นไป เอ้าขึ้นๆ ว่าแล้วก็เดินเกาะกลุ่มกันไป พลังแห่งวัยรุ่นสุดยอดจริงๆ ขี่รถกันมาทั้งวันแล้วก็เดินขึ้นเขาต่อเลย เดินเข้าไปเรื่อยๆ ก็สวนกับคนที่เดินลงมาเรื่อยๆ ผมอ้วนเข่าไม่ดี เลยต้องค่อยๆ ขึ้น บอกต้อมกับพี่เต้ยว่า ผมไปเร็วไม่ได้ เดี๋ยวเจอกันข้างบนนะ แล้วก็เดินแยกออกเป็นสองกลุ่ม ไอ้ต้อมสะพายกล้องเดินนำไปก่อน ส่งสายตามามองห่างๆ แล้วทำท่ามีพลัง พร้อมเดินจากไป พี่เต้ยบอกเรื่องเล็กเลยระยะทางแค่นี้กูเป็นกรรมกร
ผมเดินไปเรื่อยๆ เนินแรกผ่านไป เหนื่อยดิ นั่งพักบ้างไรบ้าง ไปเรื่อยๆ ก็ขึ้นไปถึงชั้น 5 เจอพี่เต้ยยืนอยู่คนเดียว พี่เต้ยเล่าให้ฟังว่า ไอ้ต้อมจะตายแล้ว นอนหน้าเขียวลิ้นห้อยอยู่ตรงโน้น จังหวะพระอาทิตย์กำลังจะตกพอดี เราก็ยืนดูมัน โดยไม่สนใจไอ้ต้อมที่นอนตายอยู่ห่างๆ แอบถ่ายรูปมันมารูปนึง ตลกมากฮะ เมื่อกี้ทำเป็นมีพลัง เราจัดสินใจเดินเล่นบนวัดภูทอก บรรยากาศดีเชียวครับ
วัดภูทอกนี้ จริงๆ ชื่อวัดเจติยาคีรีวิหาร ชื่อเรียกยากมากเลยฮะ กลับมาถึงบ้านผมยังจำชื่อไม่ได้ เรียกว่าวัดภูทอกแล้วกันนะ วัดนี้มีลักษณะเป็นภูเขาโดดเดี่ยวลูกเดียวกลางป่าแถว ๆ นั้น ทำให้สามารถเห็นวิวสูงของพื้นที่แถวๆ นั้นได้รอบทิศทาง มีมุมนึงที่สามารถมองเห็นภูกระดึงได้เลยนะครับ มีทางเดินทำจากไม้กระดานขัดไว้กับเนินเขา เดินๆ ไปแล้ว เสียววูบไปเรื่อยๆ ตอนนี้พวกเราเดินเล่นมาถึงชั้นที่ 6 แล้ว กำลังจะไปต่อชั้นที่ 7 ไอ้ต้อมเดินมาด้วยท่าทางชนิดที่ว่ากูไม่น่าขึ้นมาเลย กล้องอะไรก็เอาให้พี่เต้ยถือหมด หมดแรง อ่อนแอ ด้านหน้าบันไดที่จะขึ้นไปชั้น 7 ก่อนที่จะมาโทรถามพี่รีฟมาก่อน พี่รีฟบอกว่าชั้น 7 งูเยอะมาก มากมาก และมากมากอีกครั้งนึง ประกอบกับเวลาตอนที่อยู่ข้างบนนั้นพระอาทิตย์กำลังจะตกไปพอดี ทุกอย่างเริ่มมืด ไฟฉายก็ไม่มี ใช้ไฟฉายโทรศัพท์ ส่องเอา พวกเราเลยไม่ได้ขึ้นไปที่ชั้น 7 เดินลงกันทั้งมืดๆ ลงมาถึงพื้นด้านล่าง ไม่มีคนแล้วววว เหลือแต่หมา บรรยากาศวัดป่า น่ากลัวดี ขี่รถออกมาได้หน่อยนึง รถไอ้ต้อมน้ำมันจะหมด ปั๊มที่ไกล้ที่สุด 40 โล ค่อยๆ ขี่ ห้ามซัด โชคดีเจอปั๊มหลอด เติมมาร้อยนึง ไปต่อได้
เข้าเมืองจังหวัดบึงกาฬเกือบสามทุ่ม เราไปหาที่พักได้เป็นโรงแรมใหม่ เรือนรัตนะรีสอร์ท ห้องใหญ่สะอาด ราคาไม่แพงมาก รู้สึกจะ 500 บาทมั้ง ได้เกินราคามาก แนะนำเลยครับสำหรับจังหวัดนี้ ว่าแล้วก็เก็บของขี่รถออกมากินข้าวกัน วันนี้กินข้าวมื้อใหญ่เพราะว่าหมดพลังไปกับการเดินขึ้นเขาแล้ว ซื้อเบียร์มากิน ที่นี่มีเบียร์เวียดนามขายด้วย ลองดิจะเหลืออะไร วันนี้พวกเราก็ได้ปาร์ตี้กันที่โรงแรมสมใจอยาก ไม่เกินตีหนึ่งเลิก พรุ่งนี้ต้องขี่รถกลับบ้านไกล
วันที่สามวันกลับ
วันนี้ขี่อย่างเดียวเนื่องจากระยะทางไกลมาก 800 โลถึงบ้าน มาเรื่อยๆ แวะกินข้าว แวะกินกาแฟ ไอ้ต้อมกินแบรนด์ เอ็มร้อย กาแฟและซีวิต แบบนี้ประมาณ 3 รอบ ทุกๆ ปั๊ม ทำท่าดีด ๆ แล้วมันก็บ่นง่วงเหมือนเดิม จนพวกผมจำได้ มื้อกลางวันแวะกินส้มตำที่จังหวัดอะไรไม่รู้จำไม่ได้ อยู่ระหว่างทาง กลับมาถึงสระบุรีแวะกินสเต๊กเทพประธานอร่อยดี ราคาไม่แพง แวะทุกครั้งที่ผ่านบนเส้นนี้ ขากลับพี่เต้ยซิ่งจนกันดีดที่เพิ่งเอาไปเครมมาหลุด ไอ้ต้อมขา Spotlight หัก ผมจอดรถแซวสนุกปากมาก กลับมาถึงรังสิตจอดแวะพักรถรอบสุดท้ายก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน เต้ยหันมาเห็นกันดีดของผมก็หายไปเหมือนกัน โดนล้อกลับ สนุกกันไป สิ้นสุดระยะทางเกือบพันเก้าร้อยโล คิดถึงแมวที่บ้าน วันนี้เป็นเรื่องสั้นจริงๆ นะ เต้ยบอกมันมาก ๆ
ดูรูปเพิ่มเติม หรือทริปเพิ่มเติมของพวกเราได้ที่
http://www.gulovebigbike.com/36073619363636113607365636293591364836073637365636183623.html
ขออภัยหากผิดพลาดประการใดครับ
เจอกันใหม่ทริปหน้าครับผม
นายเบียร์