สารจากผู้เขียน
เรื่องนี้เป็นการรีไร้ท์งานสองเรื่องที่ผูกเข้าด้วยกันค่ะ คือเรื่องเราสามคน กุมภาพันธ์ที่รัก ลิเขียนให้เป็นแนวผีสิงค่ะ ไม่ใช่งานสยองอย่างเดียวตามที่เคยทดลองเขียน
ความเดิมตอนที่ 1 และ 2 ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้นะคะ
http://ppantip.com/topic/35145595
ริษยาซ่อนร่าง ตอนที่ 3
คำทำนายพิศวงของแก๊งค์ซุปเปอร์ฮีโร่ X-MENS
คืนวันผันผ่านไปเรื่อย ๆ ดั่งคำเปรียบเปรยที่ว่า เวลาและวารีไม่เคยคอยใคร ขณะนี้ใกล้จะปิดเทอมแรกของการเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก อีกไม่นานแก๊งค์หกซุปเปอร์ฮีโร่X-Mens ก็จะเรียนจบระดับมัธยมศึกษากันแล้ว เหล่านักเรียนห้อง 6/1 พากันตื่นตัวท่องตำรับตำรา เพื่อเตรียมตัวสำหรับการสอบแข่งขันเข้ามหาวิทยาลัยที่ตนใฝ่ฝัน
"เอ้า เร่เข้ามาจ้าเร่เข้ามา ดูดวงไพ่ยิปซีของแม่หมอแม่น ๆ ได้บัดเดี๋ยวนี้เลย ฟรีจ้าฟรีไม่มีเก็บตังค์..."
หลังหมดคาบเรียนของวันนี้ ก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน ลักขณาที่นั่งอีกฟากของห้องก็เกร่เข้ามาหาเพื่อน ๆ ในแก๊งค์ที่กำลังเก็บสัมภาระเตรียมตัวกลับอยู่ที่โต๊ะเรียนของตนเอง สาวอวบลากเก้าอี้ว่างมานั่งเบียดกับแสงสินี พลางทำตาโตเลิกคิ้วสูงแถมฉีกยิ้มกว้างแทบถึงใบหู พูดเสียงยานคางเลียนแบบแม่มดที่เห็นตามจอภาพยนตร์ ก่อนควักเอาไพ่ยิปซีสำรับหนึ่งจากในกระเป๋าเรียนขึ้นมาวางบนโต๊ะตรงหน้า
"ไพ่ทาโร่ต์ของป้าฉันเอง ก่อนตายแกสอนฉันดูไพ่ แล้วยกมันให้ฉันเป็นมรดกด้วยแหละ" เพื่อนทั้งห้าซึ่งยังอยู่ที่โต๊ะเรียนของตัวเองทำสีหน้าพิศวง เพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าลักขณาดูไพ่ยิปซีเป็น
"ดูเป็นจริงดิ แล้วแกมีป้ากับเขาด้วยเหรอ ไม่เห็นพูดถึงให้ฟังมั่งเลย"
แสงสินีสงสัย แต่ก็นึกในใจว่าไม่แน่ ลักขณามักมีอะไรประหลาด ๆ มาเซอร์ไพรส์เพื่อน ๆ เสมอ
"ป้าฉันชื่อบังอรแกเป็นโสด แกมีไร่องุ่นอยู่ที่โคราช ป้าอรไม่ค่อยติดต่อกับใครยกเว้นพ่อฉัน นาน ๆ พ่อถึงพาไปเยี่ยมที ครั้งสุดท้ายไปเยี่ยมเมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา แกยังทันสอนฉันให้ดูไพ่อยู่เลย บอกว่ายกให้ถ้าแกตาย แกพูดเหมือนรู้ตัวเลย พอเรากลับกรุงเทพได้สองสามวันแกก็เป็นลมตายกะทันหันคาห้องน้ำ" เล่าด้วยน้ำเสียงเศร้านิด ๆ พอเล่าจบก็เริ่มสับไพ่ไปมา
"ฉันดูเป็นสิ ดูดวงตัวเองเรียบร้อยแล้วด้วยว่าได้เข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชื่อดังแหง ๆ ฮ่า ฮ่า เอาละ อย่าเสียเวลาเลย ไม่อยากรู้หรือไงว่าดวงตัวเองจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยในฝันกันได้หรือเปล่า" พูดพลางเปลี่ยนมาหัวเราะร่าได้ตามเดิม เพื่อนคนอื่นพลอยยิ้มขำ เพราะมันเป็นของแน่อยู่แล้วที่สาวอวบต้องได้เรียนในสถานศึกษาชื่อดังที่ว่า ก็พ่อเธอรวยออกอย่างนั้น
"ตกลง งั้นดูก็ได้ แกดูให้ฉันก่อนเลย" บุรินทร์ลากเก้าอี้มานั่งล้อมโต๊ะตัวที่ลักขณาปักหลักนั่งเป็นแม่หมอทำนายไพ่อยู่ คนอื่น ๆ พลอยขยับเก้าอี้เข้าล้อมวง
"ฉันดูต่อบอม" พาฝันกระมิดกระเมี้ยนบอกเสียงค่อย
"ดูได้ทุกอย่างใช่ไหม ทั้งเรื่องเรียน เรื่องเงินทอง กับ...เรื่องความรัก"
ถามแล้วเธอทำหน้าแดง เพื่อน ๆ ต่างหันขวับมามองหน้าสาวแว่น แม่หมอแกล้งกระแอมกระไอก่อนเย้าเพื่อนสาว
"เจาะจงถามเรื่องตัวเองกับหนุ่มนักซิ่งเลยดีไหมแก แหม เดี๋ยวนี้ยายแว่นของเราพัฒนาแซงหน้าสาว ๆ ทุกคนเชียวนะ บอมล่ะ จะดูดวงความรักแข่งกับแพมด้วยไหม อย่าตกใจนะถ้าไพ่บอกว่าคนรักของเธอนั่งอยู่ตรงหน้านี้แล้ว"
แซวบุรินทร์จบก็ทำตาวิบวับ กะพริบตาปริบ ๆ เข้าใส่หัวหน้าห้องรูปหล่อทำนองแม่ไก่หยอกลูกหมา พาฝันกัดริมฝีปากล่าง ถลึงตาใส่คนปากไม่มีหูรูด แล้วลักขณายังถูกแสงสินีซึ่งนั่งใกล้ผลักศีรษะเอาอย่างหมั่นไส้
"ดูให้หมดทุกอย่างนั่นแหละ แล้วดูให้ครบทุกคนด้วย เอ้า เริ่มเสียทีสิยะ นี่ใกล้โรงเรียนเลิกแล้วนะ"
สาวห้าวเตือนพลางหันมองรอบห้อง เธอเห็นเพื่อนนักเรียนในห้องต่างทยอยกันออกไปเกือบหมด ลักขณาแลบลิ้นใส่แม่เพื่อนจอมบงการทีหนึ่งแล้วบอกเพื่อน ๆ ว่า
"ดูทุกอย่างเวลาไม่พอหรอก ฉันจะดูแบบใช้ไพ่ชุดหลักเพียง 22 ใบ มาทำนาย ซึ่งผลการทำนายจะครอบคลุมหมดทุกเรื่อง เวลาหยิบไพ่ขึ้นมาให้พวกแกคิดถึงเรื่องที่อยากรู้ แล้วตั้งจิตอธิษฐาน พอฉันสับไพ่เสร็จจะกรีดวางออกเป็นรูปครึ่งวงกลมคว่ำหน้า พวกแกถึงค่อยหยิบไพ่มาให้ฉันหนึ่งใบเท่านั้น เมื่อหงายไพ่ขึ้นดูแล้วฉันจะทำนายเหตุการณ์ปัจจุบันกับดวงชะตาชีวิตสองอย่างแค่นี้พอ อยากดูอย่างอื่นเอาไว้วันหลังก็แล้วกัน"
ลักขณาอธิบายวิธีดูไพ่ เมื่อเพื่อนทุกคนพยักหน้าแสดงว่าเข้าใจเธอจึงเริ่มสับไพ่ เสร็จแล้วก็พยักหน้าให้บุรินทร์ตัดไพ่และเลือกไพ่ยื่นส่งให้เธอหนึ่งใบ ลักขณาหงายไพ่ขึ้นดู ปรากฏว่าบุรินทร์ได้ไพ่เทพจักรพรรดิ THE EMPERROR
"แกโชคดีว่ะบอม ไพ่ใบนี้บอกว่าแกจะทำการใหญ่สำเร็จ ต่อไปจะมีอำนาจบารมีและชัยชนะ"
แม่หมอจำเป็นอ่านไพ่ให้ฟัง บุรินทร์ยิ้มรับคำทำนายซึ่งเป็นไปในทางที่ดี ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยเชื่อถือเรื่องหมอดูเท่าไหร่ แต่ถ้าได้ยินแต่เรื่องว่าเป็นคนโชคดีก็ย่อมส่งผลให้ฮึกเหิมมีกำลังใจ
คนต่อไปคือพาฝัน สาวแว่นหยิบไพ่แล้วขอพลิกดูเองอย่างตื่นเต้น ไพ่ของเธอคือเทพแห่งความรัก THE LOVERS ลักขณาทำนายทันทีว่าพาฝันกำลังมีความรัก แต่เป็นความสัมพันธ์ที่จำเป็นต้องเลือก
“ไพ่บอกว่าระวังเรื่องชิงสุกก่อนห่ามแน่ะแพม เอ ทำไมคนอย่างแกได้ไพ่เรื่องชู้สาวกับรักสามเส้าล่ะเนี่ย ไพ่แบบนี้มันต้องเป็นของฉันสิถึงจะถูก เอ๊ะ หรือว่าเด็กแกมีแฟนแล้ว” พาฝันค้อนเพื่อน พึมพำสรรเสริญเพื่อนว่าปากเสีย ปฏิเสธว่าตัวเองกับปวุฒิไม่ได้เป็นแฟนกัน ลักขณายักไหล่
“เรื่องของพวกแกสิ แต่อย่ามารักสามเส้ากับบอมก็แล้วกัน ฉันหวง”
พูดทำหน้าตายทีเล่นทีจริง บุรินทร์ซึ่งนั่งฟังเงียบ ๆ ยิ้มแหย สายตาลอบชำเลืองดูเพื่อนสาวใส่แว่น คำพูดของลักขณากระทบสิ่งที่อยู่ในใจอย่างจัง ชายหนุ่มแอบมีความรู้สึกดี ๆ กับสาวสายตาสั้นมานาน พาฝันเป็นผู้หญิงอ่อนโยนใจดี เธอน่ารักบอบบางน่าทะนุถนอม ซึ่งตรงสเปคของเขาอย่างยิ่ง แต่มาระยะหลังเขาเห็นพาฝันมักซ้อนท้ายหนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์มาส่งถึงหน้าโรงเรียนแทบทุกวัน มันทำให้บุรินทร์แอบเสียใจ เขานึกเสียดายที่ปล่อยเวลาสารภาพความในใจเนิ่นนานออกไป ทั้งที่เมื่อก่อนเพื่อนสาวเคยแสดงออกว่าชอบเขามากมาย จนตอนนี้เขาไม่แน่ใจเสียแล้วว่าพาฝันจะหลงเหลือเยื่อใยให้เขาอยู่บ้างหรือไม่
“เอาล่ะ ต่อไปก็เต้ยนะ” แสงสินีทำหน้าที่เป็นผู้จัดการกลุ่มอีกตามเคย เอกกวีเลือกไพ่อย่างไม่ลังเล
“เทพแห่งการบูชายัญ THE HANGED MAN” ลักขณาอุทานออกมา
“มันหมายถึงตกอยู่ในสภาวะที่ยากลำบากหรือหาหนทางก้าวต่อไปข้างหน้าไม่ได้นอกจากยอมแลกกับบางสิ่ง เขาบอกให้ต้องรอคอยและอดทนจึงจะดีที่สุด เอิ่ม...หมายถึงแกต้องเสียสละอะไรบางอย่างเพื่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้า”
เอกกวีได้ยินดังนั้นถึงกับทำหน้าเสีย แสงสินีมองหน้าเพื่อนชายแล้วบอกเสียงดังว่า
“เฮ้ย เอาใหม่ ๆ เริ่มสับไพ่ใหม่ได้ไหมแก เมื่อกี้ขอเป็นโมฆะ ให้เต้ยตั้งจิตอธิษฐานดี ๆ เสียก่อน แกรีบหยิบไพ่เกินไปนะเต้ย ใจเย็น ๆ สิ”
“ไม่ได้...” แม่หมอทำหน้ายุ่ง“ไพ่ยิปซีมีอาถรรพ์ ดูซ้ำจะถูกเวทย์มนต์ของไพ่ครอบงำ ไพ่ที่ได้ก็เป็นแค่เหตุการณ์ช่วงนี้ของชีวิตเท่านั้นเอง ที่จริงพวกเราทุกคนหมู่นี้ก็ตกอยู่ในสภาวะยากลำบากเหมือน ๆ กันนั่นแหละ ต้องใช้ความอดทนและรอคอยด้วยกันทั้งนั้น หรือว่าไม่จริง”
“ไม่เป็นไรหรอกฝน เต้ยไม่ซีเรียส เราดูการพยากรณ์ไง เหมือนพยากรณ์ดินฟ้าอากาศ บอกว่าฝนจะตกบางทีมันก็ไม่ตก ฮ่า ฮ่า”
ชายหนุ่มเจ้าของคำทำนายรีบคลายสีหน้าลง พูดพลางหัวเราะร่วน ความจริงเขาไม่ต้องการให้เพื่อน ๆ เป็นห่วงเพราะคำทำนายในทางไม่ค่อยดีของหมอดูจำเป็น จนทำให้เสียบรรยากาศร่วมสนุกกัน
“ดูให้ฝนต่อได้เลย” เขาบอก เมื่อเห็นเพื่อนชายไม่ใส่ใจคำทำนายแบบนั้นแสงสินีค่อยโล่งอกจึงเงียบเสียงลง เธอมองเพื่อนสาวสับไพ่อย่างคล่องแคล่วอีกครั้ง แล้วเลือกไพ่ใบแรกทางขวาสุดส่งให้ ซึ่งเมื่อหงายไพ่ออกมา ลักขณาก็ทำนายว่า
“ตรงเป๊ะ...ฟังนะ ไพ่ของฝนคือ หญิงสาวผู้แข่งแกร่ง THE STRENGTH เธอผู้สง่างามและแข็งแกร่ง องอาจน่าเกรงขาม ชอบแก้ไขปัญหาด้วยตนเองโดยไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร มีสติปัญญา สุขุมกล้าหาญ ระยะนี้จำเป็นต้องควบคุมอารมณ์และจิตใจของตนเองให้มั่นคงเพื่อเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ อาจต้องเจ็บปวดใจหรือตกระกำลำบากเสียก่อนจึงจะดีภายหลัง...”
ทุกคนถึงกับคราง อืม เพราะไพ่ใบนี้ตรงกับแสงสินีจริง ๆ
“บางทีแกก็แข็งแกร่งเกินไปจนเป็นผู้หญิงน้อยลงทุกทีแล้วว่ะฝน”
บุรินทร์แซวกลั้วเสียงหัวเราะ แสงสินีทำปากยื่นสะบัดหน้าหนีหัวหน้าห้องชายไปอีกทาง ก็เผอิญให้ต้องหันไปเจอเอกกวีกำลังมองมายังเธออย่างขำ ๆ เช่นกันหญิงสาวเลยส่งเสียง ชิ...เข้าใส่เขาอีกคน
“เรื่องของยายฝนพอได้แล้ว ต่อไปก็ตายายแก้มนะ” ลักขณาปรามเพื่อนให้หยุดแซวกันแล้วเริ่มสับไพ่ใหม่ ก่อนเรียงรายลงบนโต๊ะให้กวินตาเลือก เพื่อนสาวคนสวยค่อย ๆ ดึงไพ่ออกมาอย่างไม่มั่นใจ คำทำนายของเอกกวีก่อนหน้าทำเอาชักเสียวสันหลัง
“แก้มได้เทพีแห่งพรหมลิขิต WHEEL OF FORTUNE ซึ่งหมายถึงความทะเยอทะยาน ความก้าวหน้า การเปลี่ยนแปลงและความเจริญรุ่งเรืองในหลายๆ ด้าน โชคชะตาอาจเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ ๆ ควรรีบลงมือทำในสิ่งที่ฝันไว้”
สาวแสนสวยฟังคำทำนายของเพื่อนสาวแล้วค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมาเพราะเป็นคำทำนายดีพอรับได้
“แต่ เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน นี่แก้มหยิบไพ่ซ้อนกันสองใบเหรอ” ลักขณาใช้นิ้วบี้หลังไพ่ที่ติดกันให้แยกออก พลันไพ่อีกใบก็เผยโฉมออกมาให้เห็น
“เทพแห่งความตาย DEATH...” กวินตาอุทานหน้าซีดเผือด ส่วนพาฝันร้อง ว้าย เบา ๆ อย่างคนขวัญอ่อน
“พอ..พอ เลิกดูได้แล้ว พวกเรากลับบ้านกันเหอะ ไพ่ที่ติดมามันโมฆะ เขาไม่นับกันหรอก” แสงสินีรู้สึกไม่ค่อยดี หล่อนรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาอย่างประหลาด รีบโบกมือห้ามแม่หมอไม่ให้พูดต่อแล้วคว้ากระเป๋าเรียนลุกขึ้นยืน ทำให้คนอื่นพลอยลุกตาม
“อ้าว ฉันยังไม่ได้ดูเลยนะเว้ย...” สาวอวบร้องเอะอะ
“แกกลับไปดูให้ตัวเองที่บ้านเหอะอุ้ม แล้วพรุ่งนี้มาเล่าให้ฟังด้วยล่ะ”
แสงสินีหิ้วกระเป๋าขึ้นมาถือ สำทับแม่หมอจำเป็นก่อนหันมาชวนกวินตาและเอกกวีกลับบ้าน ส่วนพาฝันกับบุรินทร์ก็พากันเดินจากไป ทิ้งลักขณาที่ยังไม่ยอมลุกไปไหนให้นั่งสับไพ่อยู่ที่เดิมคนเดียว สาวอวบกะเก็งมองดูไพ่ที่วางเรียง ก่อนดึงไพ่ใบหนึ่งขึ้นมาหงายดู ครั้นเห็นไพ่ที่เลือกถนัดตา ลักขณาก็ครางออกมา
“อุ้ย เทพแห่งความตาย DEATH...อีกแล้วหรือนี่”
ใกล้ปิดเทอมของภาคการศึกษาแรก เด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกต่างพากันตื่นตัวเรื่องสอบเข้าเรียนต่อระดับอุดมศึกษามากขึ้น หกซุปเปอร์ฮีโร่ก็เช่นกัน ถึงแม้ทุกคนจะมีคณะที่อยากเรียนอยู่ในใจแต่บางคนก็ยังไม่แน่ว่าอยากเรียนคณะนี้จริง ๆ หรือเลือกตามเพื่อน
"ตกลงฝนจะเรียนกฎหมายจริงเหรอ"
จู่ ๆ เย็นวันนี้เอกกวีก็เดินเข้ามาถามแสงสินีถึงในบ้าน เด็กทั้งสามกลับจากไปสมัครสอบตรงเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังของเมืองไทยเมื่อตอนกลางวัน แล้วแยกย้ายกันกลับมาลุยอ่านหนังสือต่อ แสงสินีเลือกคณะนิติศาสตร์ กวินตาเลือกคณะแพทย์ศาสตร์ ส่วนเอกกวีเลือกเรียนวิศวกรรมศาสตร์เหมือนกับบุรินทร์ ซึ่งภายหลังเปลี่ยนมาเป็นคณะแพทย์ศาสตร์ตามความประสงค์ของทางบ้าน เพื่อนบางคนยังตัดสินใจไม่ได้ อย่างเช่นพาฝันกับลักขณา จึงยังไม่ยื่นความจำนงสมัครเข้าเรียนต่อที่ไหน
(มีต่อค่ะ)
ริษยาซ่อนร่าง ตอนที่ 1 - 4
เรื่องนี้เป็นการรีไร้ท์งานสองเรื่องที่ผูกเข้าด้วยกันค่ะ คือเรื่องเราสามคน กุมภาพันธ์ที่รัก ลิเขียนให้เป็นแนวผีสิงค่ะ ไม่ใช่งานสยองอย่างเดียวตามที่เคยทดลองเขียน
ความเดิมตอนที่ 1 และ 2 ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้นะคะ
http://ppantip.com/topic/35145595
คืนวันผันผ่านไปเรื่อย ๆ ดั่งคำเปรียบเปรยที่ว่า เวลาและวารีไม่เคยคอยใคร ขณะนี้ใกล้จะปิดเทอมแรกของการเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หก อีกไม่นานแก๊งค์หกซุปเปอร์ฮีโร่X-Mens ก็จะเรียนจบระดับมัธยมศึกษากันแล้ว เหล่านักเรียนห้อง 6/1 พากันตื่นตัวท่องตำรับตำรา เพื่อเตรียมตัวสำหรับการสอบแข่งขันเข้ามหาวิทยาลัยที่ตนใฝ่ฝัน
"เอ้า เร่เข้ามาจ้าเร่เข้ามา ดูดวงไพ่ยิปซีของแม่หมอแม่น ๆ ได้บัดเดี๋ยวนี้เลย ฟรีจ้าฟรีไม่มีเก็บตังค์..."
หลังหมดคาบเรียนของวันนี้ ก่อนแยกย้ายกันกลับบ้าน ลักขณาที่นั่งอีกฟากของห้องก็เกร่เข้ามาหาเพื่อน ๆ ในแก๊งค์ที่กำลังเก็บสัมภาระเตรียมตัวกลับอยู่ที่โต๊ะเรียนของตนเอง สาวอวบลากเก้าอี้ว่างมานั่งเบียดกับแสงสินี พลางทำตาโตเลิกคิ้วสูงแถมฉีกยิ้มกว้างแทบถึงใบหู พูดเสียงยานคางเลียนแบบแม่มดที่เห็นตามจอภาพยนตร์ ก่อนควักเอาไพ่ยิปซีสำรับหนึ่งจากในกระเป๋าเรียนขึ้นมาวางบนโต๊ะตรงหน้า
"ไพ่ทาโร่ต์ของป้าฉันเอง ก่อนตายแกสอนฉันดูไพ่ แล้วยกมันให้ฉันเป็นมรดกด้วยแหละ" เพื่อนทั้งห้าซึ่งยังอยู่ที่โต๊ะเรียนของตัวเองทำสีหน้าพิศวง เพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าลักขณาดูไพ่ยิปซีเป็น
"ดูเป็นจริงดิ แล้วแกมีป้ากับเขาด้วยเหรอ ไม่เห็นพูดถึงให้ฟังมั่งเลย"
แสงสินีสงสัย แต่ก็นึกในใจว่าไม่แน่ ลักขณามักมีอะไรประหลาด ๆ มาเซอร์ไพรส์เพื่อน ๆ เสมอ
"ป้าฉันชื่อบังอรแกเป็นโสด แกมีไร่องุ่นอยู่ที่โคราช ป้าอรไม่ค่อยติดต่อกับใครยกเว้นพ่อฉัน นาน ๆ พ่อถึงพาไปเยี่ยมที ครั้งสุดท้ายไปเยี่ยมเมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา แกยังทันสอนฉันให้ดูไพ่อยู่เลย บอกว่ายกให้ถ้าแกตาย แกพูดเหมือนรู้ตัวเลย พอเรากลับกรุงเทพได้สองสามวันแกก็เป็นลมตายกะทันหันคาห้องน้ำ" เล่าด้วยน้ำเสียงเศร้านิด ๆ พอเล่าจบก็เริ่มสับไพ่ไปมา
"ฉันดูเป็นสิ ดูดวงตัวเองเรียบร้อยแล้วด้วยว่าได้เข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยชื่อดังแหง ๆ ฮ่า ฮ่า เอาละ อย่าเสียเวลาเลย ไม่อยากรู้หรือไงว่าดวงตัวเองจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยในฝันกันได้หรือเปล่า" พูดพลางเปลี่ยนมาหัวเราะร่าได้ตามเดิม เพื่อนคนอื่นพลอยยิ้มขำ เพราะมันเป็นของแน่อยู่แล้วที่สาวอวบต้องได้เรียนในสถานศึกษาชื่อดังที่ว่า ก็พ่อเธอรวยออกอย่างนั้น
"ตกลง งั้นดูก็ได้ แกดูให้ฉันก่อนเลย" บุรินทร์ลากเก้าอี้มานั่งล้อมโต๊ะตัวที่ลักขณาปักหลักนั่งเป็นแม่หมอทำนายไพ่อยู่ คนอื่น ๆ พลอยขยับเก้าอี้เข้าล้อมวง
"ฉันดูต่อบอม" พาฝันกระมิดกระเมี้ยนบอกเสียงค่อย
"ดูได้ทุกอย่างใช่ไหม ทั้งเรื่องเรียน เรื่องเงินทอง กับ...เรื่องความรัก"
ถามแล้วเธอทำหน้าแดง เพื่อน ๆ ต่างหันขวับมามองหน้าสาวแว่น แม่หมอแกล้งกระแอมกระไอก่อนเย้าเพื่อนสาว
"เจาะจงถามเรื่องตัวเองกับหนุ่มนักซิ่งเลยดีไหมแก แหม เดี๋ยวนี้ยายแว่นของเราพัฒนาแซงหน้าสาว ๆ ทุกคนเชียวนะ บอมล่ะ จะดูดวงความรักแข่งกับแพมด้วยไหม อย่าตกใจนะถ้าไพ่บอกว่าคนรักของเธอนั่งอยู่ตรงหน้านี้แล้ว"
แซวบุรินทร์จบก็ทำตาวิบวับ กะพริบตาปริบ ๆ เข้าใส่หัวหน้าห้องรูปหล่อทำนองแม่ไก่หยอกลูกหมา พาฝันกัดริมฝีปากล่าง ถลึงตาใส่คนปากไม่มีหูรูด แล้วลักขณายังถูกแสงสินีซึ่งนั่งใกล้ผลักศีรษะเอาอย่างหมั่นไส้
"ดูให้หมดทุกอย่างนั่นแหละ แล้วดูให้ครบทุกคนด้วย เอ้า เริ่มเสียทีสิยะ นี่ใกล้โรงเรียนเลิกแล้วนะ"
สาวห้าวเตือนพลางหันมองรอบห้อง เธอเห็นเพื่อนนักเรียนในห้องต่างทยอยกันออกไปเกือบหมด ลักขณาแลบลิ้นใส่แม่เพื่อนจอมบงการทีหนึ่งแล้วบอกเพื่อน ๆ ว่า
"ดูทุกอย่างเวลาไม่พอหรอก ฉันจะดูแบบใช้ไพ่ชุดหลักเพียง 22 ใบ มาทำนาย ซึ่งผลการทำนายจะครอบคลุมหมดทุกเรื่อง เวลาหยิบไพ่ขึ้นมาให้พวกแกคิดถึงเรื่องที่อยากรู้ แล้วตั้งจิตอธิษฐาน พอฉันสับไพ่เสร็จจะกรีดวางออกเป็นรูปครึ่งวงกลมคว่ำหน้า พวกแกถึงค่อยหยิบไพ่มาให้ฉันหนึ่งใบเท่านั้น เมื่อหงายไพ่ขึ้นดูแล้วฉันจะทำนายเหตุการณ์ปัจจุบันกับดวงชะตาชีวิตสองอย่างแค่นี้พอ อยากดูอย่างอื่นเอาไว้วันหลังก็แล้วกัน"
ลักขณาอธิบายวิธีดูไพ่ เมื่อเพื่อนทุกคนพยักหน้าแสดงว่าเข้าใจเธอจึงเริ่มสับไพ่ เสร็จแล้วก็พยักหน้าให้บุรินทร์ตัดไพ่และเลือกไพ่ยื่นส่งให้เธอหนึ่งใบ ลักขณาหงายไพ่ขึ้นดู ปรากฏว่าบุรินทร์ได้ไพ่เทพจักรพรรดิ THE EMPERROR
"แกโชคดีว่ะบอม ไพ่ใบนี้บอกว่าแกจะทำการใหญ่สำเร็จ ต่อไปจะมีอำนาจบารมีและชัยชนะ"
แม่หมอจำเป็นอ่านไพ่ให้ฟัง บุรินทร์ยิ้มรับคำทำนายซึ่งเป็นไปในทางที่ดี ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยเชื่อถือเรื่องหมอดูเท่าไหร่ แต่ถ้าได้ยินแต่เรื่องว่าเป็นคนโชคดีก็ย่อมส่งผลให้ฮึกเหิมมีกำลังใจ
คนต่อไปคือพาฝัน สาวแว่นหยิบไพ่แล้วขอพลิกดูเองอย่างตื่นเต้น ไพ่ของเธอคือเทพแห่งความรัก THE LOVERS ลักขณาทำนายทันทีว่าพาฝันกำลังมีความรัก แต่เป็นความสัมพันธ์ที่จำเป็นต้องเลือก
“ไพ่บอกว่าระวังเรื่องชิงสุกก่อนห่ามแน่ะแพม เอ ทำไมคนอย่างแกได้ไพ่เรื่องชู้สาวกับรักสามเส้าล่ะเนี่ย ไพ่แบบนี้มันต้องเป็นของฉันสิถึงจะถูก เอ๊ะ หรือว่าเด็กแกมีแฟนแล้ว” พาฝันค้อนเพื่อน พึมพำสรรเสริญเพื่อนว่าปากเสีย ปฏิเสธว่าตัวเองกับปวุฒิไม่ได้เป็นแฟนกัน ลักขณายักไหล่
“เรื่องของพวกแกสิ แต่อย่ามารักสามเส้ากับบอมก็แล้วกัน ฉันหวง”
พูดทำหน้าตายทีเล่นทีจริง บุรินทร์ซึ่งนั่งฟังเงียบ ๆ ยิ้มแหย สายตาลอบชำเลืองดูเพื่อนสาวใส่แว่น คำพูดของลักขณากระทบสิ่งที่อยู่ในใจอย่างจัง ชายหนุ่มแอบมีความรู้สึกดี ๆ กับสาวสายตาสั้นมานาน พาฝันเป็นผู้หญิงอ่อนโยนใจดี เธอน่ารักบอบบางน่าทะนุถนอม ซึ่งตรงสเปคของเขาอย่างยิ่ง แต่มาระยะหลังเขาเห็นพาฝันมักซ้อนท้ายหนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์มาส่งถึงหน้าโรงเรียนแทบทุกวัน มันทำให้บุรินทร์แอบเสียใจ เขานึกเสียดายที่ปล่อยเวลาสารภาพความในใจเนิ่นนานออกไป ทั้งที่เมื่อก่อนเพื่อนสาวเคยแสดงออกว่าชอบเขามากมาย จนตอนนี้เขาไม่แน่ใจเสียแล้วว่าพาฝันจะหลงเหลือเยื่อใยให้เขาอยู่บ้างหรือไม่
“เอาล่ะ ต่อไปก็เต้ยนะ” แสงสินีทำหน้าที่เป็นผู้จัดการกลุ่มอีกตามเคย เอกกวีเลือกไพ่อย่างไม่ลังเล
“เทพแห่งการบูชายัญ THE HANGED MAN” ลักขณาอุทานออกมา
“มันหมายถึงตกอยู่ในสภาวะที่ยากลำบากหรือหาหนทางก้าวต่อไปข้างหน้าไม่ได้นอกจากยอมแลกกับบางสิ่ง เขาบอกให้ต้องรอคอยและอดทนจึงจะดีที่สุด เอิ่ม...หมายถึงแกต้องเสียสละอะไรบางอย่างเพื่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้า”
เอกกวีได้ยินดังนั้นถึงกับทำหน้าเสีย แสงสินีมองหน้าเพื่อนชายแล้วบอกเสียงดังว่า
“เฮ้ย เอาใหม่ ๆ เริ่มสับไพ่ใหม่ได้ไหมแก เมื่อกี้ขอเป็นโมฆะ ให้เต้ยตั้งจิตอธิษฐานดี ๆ เสียก่อน แกรีบหยิบไพ่เกินไปนะเต้ย ใจเย็น ๆ สิ”
“ไม่ได้...” แม่หมอทำหน้ายุ่ง“ไพ่ยิปซีมีอาถรรพ์ ดูซ้ำจะถูกเวทย์มนต์ของไพ่ครอบงำ ไพ่ที่ได้ก็เป็นแค่เหตุการณ์ช่วงนี้ของชีวิตเท่านั้นเอง ที่จริงพวกเราทุกคนหมู่นี้ก็ตกอยู่ในสภาวะยากลำบากเหมือน ๆ กันนั่นแหละ ต้องใช้ความอดทนและรอคอยด้วยกันทั้งนั้น หรือว่าไม่จริง”
“ไม่เป็นไรหรอกฝน เต้ยไม่ซีเรียส เราดูการพยากรณ์ไง เหมือนพยากรณ์ดินฟ้าอากาศ บอกว่าฝนจะตกบางทีมันก็ไม่ตก ฮ่า ฮ่า”
ชายหนุ่มเจ้าของคำทำนายรีบคลายสีหน้าลง พูดพลางหัวเราะร่วน ความจริงเขาไม่ต้องการให้เพื่อน ๆ เป็นห่วงเพราะคำทำนายในทางไม่ค่อยดีของหมอดูจำเป็น จนทำให้เสียบรรยากาศร่วมสนุกกัน
“ดูให้ฝนต่อได้เลย” เขาบอก เมื่อเห็นเพื่อนชายไม่ใส่ใจคำทำนายแบบนั้นแสงสินีค่อยโล่งอกจึงเงียบเสียงลง เธอมองเพื่อนสาวสับไพ่อย่างคล่องแคล่วอีกครั้ง แล้วเลือกไพ่ใบแรกทางขวาสุดส่งให้ ซึ่งเมื่อหงายไพ่ออกมา ลักขณาก็ทำนายว่า
“ตรงเป๊ะ...ฟังนะ ไพ่ของฝนคือ หญิงสาวผู้แข่งแกร่ง THE STRENGTH เธอผู้สง่างามและแข็งแกร่ง องอาจน่าเกรงขาม ชอบแก้ไขปัญหาด้วยตนเองโดยไม่ขอความช่วยเหลือจากใคร มีสติปัญญา สุขุมกล้าหาญ ระยะนี้จำเป็นต้องควบคุมอารมณ์และจิตใจของตนเองให้มั่นคงเพื่อเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ อาจต้องเจ็บปวดใจหรือตกระกำลำบากเสียก่อนจึงจะดีภายหลัง...”
ทุกคนถึงกับคราง อืม เพราะไพ่ใบนี้ตรงกับแสงสินีจริง ๆ
“บางทีแกก็แข็งแกร่งเกินไปจนเป็นผู้หญิงน้อยลงทุกทีแล้วว่ะฝน”
บุรินทร์แซวกลั้วเสียงหัวเราะ แสงสินีทำปากยื่นสะบัดหน้าหนีหัวหน้าห้องชายไปอีกทาง ก็เผอิญให้ต้องหันไปเจอเอกกวีกำลังมองมายังเธออย่างขำ ๆ เช่นกันหญิงสาวเลยส่งเสียง ชิ...เข้าใส่เขาอีกคน
“เรื่องของยายฝนพอได้แล้ว ต่อไปก็ตายายแก้มนะ” ลักขณาปรามเพื่อนให้หยุดแซวกันแล้วเริ่มสับไพ่ใหม่ ก่อนเรียงรายลงบนโต๊ะให้กวินตาเลือก เพื่อนสาวคนสวยค่อย ๆ ดึงไพ่ออกมาอย่างไม่มั่นใจ คำทำนายของเอกกวีก่อนหน้าทำเอาชักเสียวสันหลัง
“แก้มได้เทพีแห่งพรหมลิขิต WHEEL OF FORTUNE ซึ่งหมายถึงความทะเยอทะยาน ความก้าวหน้า การเปลี่ยนแปลงและความเจริญรุ่งเรืองในหลายๆ ด้าน โชคชะตาอาจเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งใหม่ ๆ ควรรีบลงมือทำในสิ่งที่ฝันไว้”
สาวแสนสวยฟังคำทำนายของเพื่อนสาวแล้วค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมาเพราะเป็นคำทำนายดีพอรับได้
“แต่ เอ๊ะ เดี๋ยวก่อน นี่แก้มหยิบไพ่ซ้อนกันสองใบเหรอ” ลักขณาใช้นิ้วบี้หลังไพ่ที่ติดกันให้แยกออก พลันไพ่อีกใบก็เผยโฉมออกมาให้เห็น
“เทพแห่งความตาย DEATH...” กวินตาอุทานหน้าซีดเผือด ส่วนพาฝันร้อง ว้าย เบา ๆ อย่างคนขวัญอ่อน
“พอ..พอ เลิกดูได้แล้ว พวกเรากลับบ้านกันเหอะ ไพ่ที่ติดมามันโมฆะ เขาไม่นับกันหรอก” แสงสินีรู้สึกไม่ค่อยดี หล่อนรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาอย่างประหลาด รีบโบกมือห้ามแม่หมอไม่ให้พูดต่อแล้วคว้ากระเป๋าเรียนลุกขึ้นยืน ทำให้คนอื่นพลอยลุกตาม
“อ้าว ฉันยังไม่ได้ดูเลยนะเว้ย...” สาวอวบร้องเอะอะ
“แกกลับไปดูให้ตัวเองที่บ้านเหอะอุ้ม แล้วพรุ่งนี้มาเล่าให้ฟังด้วยล่ะ”
แสงสินีหิ้วกระเป๋าขึ้นมาถือ สำทับแม่หมอจำเป็นก่อนหันมาชวนกวินตาและเอกกวีกลับบ้าน ส่วนพาฝันกับบุรินทร์ก็พากันเดินจากไป ทิ้งลักขณาที่ยังไม่ยอมลุกไปไหนให้นั่งสับไพ่อยู่ที่เดิมคนเดียว สาวอวบกะเก็งมองดูไพ่ที่วางเรียง ก่อนดึงไพ่ใบหนึ่งขึ้นมาหงายดู ครั้นเห็นไพ่ที่เลือกถนัดตา ลักขณาก็ครางออกมา
“อุ้ย เทพแห่งความตาย DEATH...อีกแล้วหรือนี่”
ใกล้ปิดเทอมของภาคการศึกษาแรก เด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกต่างพากันตื่นตัวเรื่องสอบเข้าเรียนต่อระดับอุดมศึกษามากขึ้น หกซุปเปอร์ฮีโร่ก็เช่นกัน ถึงแม้ทุกคนจะมีคณะที่อยากเรียนอยู่ในใจแต่บางคนก็ยังไม่แน่ว่าอยากเรียนคณะนี้จริง ๆ หรือเลือกตามเพื่อน
"ตกลงฝนจะเรียนกฎหมายจริงเหรอ"
จู่ ๆ เย็นวันนี้เอกกวีก็เดินเข้ามาถามแสงสินีถึงในบ้าน เด็กทั้งสามกลับจากไปสมัครสอบตรงเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังของเมืองไทยเมื่อตอนกลางวัน แล้วแยกย้ายกันกลับมาลุยอ่านหนังสือต่อ แสงสินีเลือกคณะนิติศาสตร์ กวินตาเลือกคณะแพทย์ศาสตร์ ส่วนเอกกวีเลือกเรียนวิศวกรรมศาสตร์เหมือนกับบุรินทร์ ซึ่งภายหลังเปลี่ยนมาเป็นคณะแพทย์ศาสตร์ตามความประสงค์ของทางบ้าน เพื่อนบางคนยังตัดสินใจไม่ได้ อย่างเช่นพาฝันกับลักขณา จึงยังไม่ยื่นความจำนงสมัครเข้าเรียนต่อที่ไหน
(มีต่อค่ะ)