ความสุขของคนแก่ ๓ ก.ค.๕๙

บันทึกของผู้เฒ่า


    
ความสุขของคนแก่     
ความสุขของคนแก่

เมื่อต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๓ คอมพิวเตอร์ชำรุดหลายประการ ให้ลูกน้องเก่าที่มีความรู้มาดู ก็บอกว่าต้องซื้ออะไหล่มาเปลี่ยน ก็ลองไปปรึกษาลูกชายที่อยู่โรงงานน้ำตาลสระบุรี เขาบอกว่าซ่อมได้แต่เครื่องมันเก่าอายุหกปีแล้ว อะไหล่หายาก ซ่อมแล้วก็เป็นเครื่องรุ่นเก่าอย่างเดิม ซื้อรุ่นใหม่มาเปลี่ยนดีกว่า เราก็เสียดายเงิน จึงยังเฉยอยู่ พอเขามาบ้านเมื่อ ๑๐ มกราคม เขาก็เอาเครื่องใหม่มาติดตั้งให้ เป็นแบบจอแบน กว้างมากกว่าสูง ราคาก็ไม่ถูกกว่าของเดิม

เขาบอกว่าราคาคงจะไม่ต่ำกว่านี้ แต่เทคโนโลยีใหม่กว่า เขาให้เป็นของขวัญวันเกิดพ่อ ที่จะมาถึงในเดือนมีนาคม ก็ได้แต่ขอบคุณเขา เพราะเครื่องที่แล้วเมื่อหกปีก่อน เขาก็ให้เป็นของขวัญวันเกิดเหมือนกัน สรุปว่าตั้งแต่เกษียณอายุราชการมา เป็นเวลาสิบแปดปี ใช้คอมพิวเตอร์มาสามชุดแล้ว ชุดนี้เป็นเครื่องที่สี่ก็คงจะรับใช้ไปได้อีกอย่างน้อยก็ห้าปี

เมื่อยังไม่เกษียณอายุ ก็ใช้เครื่องของราชการพิมพ์ต้นฉบับ พอออกจากราชการปีแรก เริ่มมีคอมพิวเตอร์ของตัวเองเป็นชุดแรก ก็นั่งพิมพ์หนังสือที่จะส่งไปสำนักพิมพ์ต่าง ๆ วันละไม่น้อยกว่าหกชั่วโมง เหมือนกับเวลาทำราชการ ในช่วงเวลาสิบปีได้ต้นฉบับมากมายก่ายกอง และก็ได้ค่าตอบแทนคุ้มกับราคาเครื่องสามชุดนั้น และเหลือพอที่จะใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเหมือนเมื่อยังรับเงินเดือนอยู่

จากนั้นก็ค่อย ๆ ลดลง จนเดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้เขียนเรื่องใหม่แล้ว จึงไม่ต้องซื้อเครื่องปริ๊นเตอร์ใหม่ แทนของเก่าที่ใช้การไม่ได้ ถ้ามีงานที่จะต้องพิมพ์ก็ไปจ้างร้านคอมพ์ปริ๊นท์ให้ แผ่นละสองบาทเท่านั้น เวลาส่วนใหญ่ก็เข้ามาอ่านเรื่องในห้องต่าง ๆ ของพันทิป แต่จะวางกระทู้และตอบกระทู้ในห้องไร้สังกัด ห้องสมุด และถนนนักเขียนเท่านั้น เพราะนั่งเคาะแป้นแค่สามสิบนาทีก็เจ็บหลังแล้ว

เมื่อนึกถึงสังขารของตนเองแล้ว ก็รู้ได้ว่ามันเสื่อมลงกว่าตอนเกษียณอายุใหม่ ๆ เป็นอันมาก ของขวัญที่ลูกให้มาคราวนี้ น่าจะใช้เป็นเครื่องสุดท้ายของชีวิตก็ได้ ก็ไม่ได้วิตกหรือห่วงใยอะไร เตรียมใจมาตั้งแต่เมื่อสามสิบปีก่อน แล้วก็อยู่มาจนเขียนหนังสือได้ตั้งเจ็ดแปดร้อยชิ้น ได้พิมพ์เป็นเล่มจำนวนเก้าเล่ม คงจะไม่ต้องการอะไรอีก

เมื่อพิมพ์ไม่ค่อยได้ ก็หันไปหาหนังสือมาอ่าน ในเรื่องราวที่ไม่เกี่ยวกับการบ้านการเมือง จึงไปค้นเอานิตยสารทหารสื่อสาร สมัยเมื่อ ๒๐-๓๐ ปีก่อน ซึ่งได้จัดทำมากับมือ อ่านไปก็รำลึกถึงความหลังไป ตามประสาคนเฒ่าคนแก่ ที่ชื่นชมผลงานของตนในอดีต

เมื่อรำลึกถึงความแก่ ก็ต้องนึกถึงอีกสองเรื่อง คือ ความเจ็บกับความตาย เพราะเป็นสิ่งที่มาด้วยกัน และไปด้วยกัน เมื่อเกิดแล้วก็แก่ทันที แก่ขึ้นตั้งแต่วันที่ถัดจากวันที่เกิดนั้นเอง แก่ขึ้นไปเรื่อยจนถึงอายุหกสิบปี เขาปลดเกษียณออกจากราชการ ตั้งแต่นั้นก็แก่ลงไปเรื่อย พร้อม ๆ กับความเจ็บป่วยที่มาเยี่ยมเยือนตามโอกาส ก็คงจะเหลือแต่ความตายที่ไม่รู้ว่าจะมาเมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

แต่ก่อนที่จะตายตั้งใจว่าจะเป็นคนแก่ที่ดี อย่างที่ได้เคยอ่านหนังสือของท่านศาสตราจารย์ นายแพทย์ เสนอ อินทรสุขศรี เรื่อง ฉันจะเป็นคนแก่ที่มีความสุข แล้วก็ได้พยายามประพฤติปฏิบัติตนตามที่ท่านเขียนไว้เป็นส่วนใหญ่ เช่น

เป็นคนแก่ที่ ความคิด มีเหตุผล มีประสบการณ์ ที่จะให้คำแนะนำแก่คนรุ่นหลังได้

สามารถทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมได้

สามารถทำงานตามความถนัดได้ โดยไม่ใช่โลภเห็นแก่รายได้

ไม่อวดดื้อถือดีว่ารู้มาก หรือเก่งกว่าคนอื่น สามารถรับฟังข้อขัดแย้ง และเคารพความคิดเห็นของผู้อื่นเสมอ

เลิกแสดงความหงุดหงิดเกรี้ยวกราด เพราะทุกเรื่องเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ทั้งเจตนาและไม่เจตนา ถือว่าการให้อภัยเป็นสิ่งที่มีค่าสูง

รักษาสุขภาพกายตามสมควร เมื่อเจ็บป่วยก็ไปหาแพทย์ให้รักษา ไม่เป็นคนไข้ที่ทำความหนักใจให้ใคร

รักษาสุขภาพจิตด้วยความสงบในทางพุทธศาสนา ไม่หลงใหลเชื่อถือ ในเรื่องเหลวไหลนอกศาสนา

เพียงเท่านี้ก็น่าจะมีความสุขไม่น้อย เป็นการรอคอยที่ไม่น่าเบื่อหน่ายนัก

คนเราเกิดแล้วแก่แน่หนักหนา
เมื่อชราก็เจ็บไข้ได้ทุกข์ถม
กายมันเจ็บก็เจ็บไปใจไม่ตรม
จนสิ้นลมเลิกหายใจตายไปเอง.

###############
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  เรื่องสั้น แต่งเรื่องสั้น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่