สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ผมจะขอมารีวิว Oculus Rift CV1 หลังจากที่รอคิวมาเกือบ 6 เดือน ในที่สุดก็ได้ของซักที
ก่อนอื่นเลย ถ้าคุณกำลังตั้งคำถามว่า นี่มันคืออะไร? มันก็คือ แว่น VR หรือที่คนไทยนิยมเรียกกันว่า แว่นตา 3 มิติ, คือ.. แว่น VR มันไม่ใช่แค่แว่น 3 มิติ.. มันไม่ใช่แว่นที่คุณใส่กันเวลาดูหนัง 3 มิติ.. มันเหนือกว่านั้นเยอะ มันสามารถจำลองโลกอีกโลกหนึ่ง ให้เราได้เข้าไปเห็นแบบจริงๆ ซึ่ง ถ้าพูดถึงแว่น VR บางคนอาจจะคิดถึงสิ่งนี้
นี่คือ VR Box หรือที่เข้าใจในนามของ Google Cardboard (การ์ดบอร์ด)
แล้วการ์ดบอร์ด ทำอะไรได้? มันคืออุปกรณ์ ที่แปลงโทรศัพท์มือถือ Smartphone ของคุณ ให้เป็นเครื่องเล่น VR ,ช่วยให้คุณสามารถเห็นภาพ 3 มิติรอบด้าน ผ่านมือถือของคุณได้ รวมถึง Samsung Gear VR ก็จัดอยู่ในประเภทการ์ดบอร์ดเช่นกัน แต่จะอยู่ในระดับท็อปละ เพราะต้องเล่นผ่าน Samsung Galaxy S6 / 7 หรือพวก Note 4 / 5 ซึ่งจะให้ภาพที่สวยกว่าการ์ดบอร์ดทั่วไป ราคาก็แพงกว่าเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม พวกการ์ดบอร์ดที่นิยมใช้กันนั้น มีขีดจำกัดอยู่ ตรงที่ประสิทธิภาพของมือถือ Smartphone นั้น ไม่สามารถสร้างภาพที่เหมือนจริงมากพอจะมาหลอกให้เหมือนคุณหลุดไปอีกโลกนึงได้ ซึ่ง Oculus Rift คือ เครื่องเล่น (แว่น) VR ที่เล่นผ่านคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง ซึ่งให้ภาพที่สวยและเหมือนจริงกว่าพวกแว่นการ์ดบอร์ดหลายขุม เรียกได้ว่า เป็นระดับ Hi-End ของเทคโนโลยี VR เลยก็ว่าได้
Credit:
http://www.etr.fr/
ขอเล่าประวัติของ Rift คร่าวๆก่อนละกัน, ก่อนที่จะมาเป็น Oculus Rift รุ่น CV1 นี้ ประธาน Palmer Luckey ได้วางขาย Oculus Rift รุ่นแรก DK1 (ภาพบนทางขวา) ให้กับพวกนักพัฒนา, ผู้คนที่สนใจ และพวก Kickstarter ทั้งหลายได้เอาไปลองใช้กัน จากนั้น เค้าก็ฟังคำวิจารณ์ และนำไปพัฒนาต่อเป็นรุ่น DK2 (ทางซ้าย) ซึ่ง DK2 นั้น ได้แก้ข้อเสียของ DK1 เกือบทั้งหมด มันดีมากจนกลายเป็นว่า ผู้คนสั่งซื้อมาเล่นกันเต็มไปหมด ถึงขั้นมีคนไปทำเป็น Arcade ที่พัทยา.. และในที่สุด Oculus ก็ทำเวอร์ชั่นที่ดีมากพอที่จะเอามาวางขายตามร้านค้าจริงๆได้ นั่นคือรุ่น CV1 ,ซึ่งดีขึ้นไปกว่า DK2 อีก 1 ขั้น
ในปัจจุบัน ตลาด VR Hi-End ตอนนี้ ถูกครอบครองโดย 3 บริษัท
Credit:
http://www.tomshardware.com/
คือ Oculus Rift, HTC Vive และ Sony PlayStation VR
Oculus Rift และ HTC Vive ตอนนี้ เป็นคู่แข่งกันในตลาด Hi-End สำหรับ VR ที่เล่นผ่านคอมพิวเตอร์ ขณะที่ PlayStation VR (ตอนนี้ยังไม่วางขาย) จะรองรับผ่านเครื่อง PS4
OK คุณคงขี้เกียจอ่านกันละ มาดูกล่องกันเลยดีกว่า
ด้านหน้ากล่อง วัสดุที่ใช้ดีมาก และกล่องดูดีจริงๆ มีที่หิ้วดึงออกมาได้
ด้านหลัง ก็จะอธิบายว่าในกล่องมีอะไรบ้าง และเกม bundle ที่ให้มา ก็จะมี Lucky tale, Far lands กับ EVE Valkyrie (อันนี้จะให้ฟรีเฉพาะผู้ที่สั่ง Pre-Order เท่านั้น)
พอเปิดกล่องออกมา บอกได้เลยว่า แพคเกจวางออกมาดูดีมาก
เปิดฝาออก ชั้นล่าง สิ่งแรกที่เห็นคือจอย Xbox One Wireless ถ้าใครที่มีอยู่แล้ว ยินดีด้วย คุณจะได้มาเพิ่มอีก 1 อัน
เอาหล่ะ นี่คือทุกอย่างที่อยู่ในกล่อง ประกอบไปด้วย Oculus Rift CV1 (แน่นอน -_-) , Constellation (กล้องตรวจจับทิศทาง), รีโมท, จอย Xbox One Wireless, หัวรับสัญญาณ, สาย USB Extender, ถ่าน AA 2 ก้อน, ผ้าเช็ดเลนส์, ไขควงพลาสติก, คู่มือต่างๆ, สติกเกอร์เต็มไปหมด, และ ถุงห้ามกิน 2 ถุง
เริ่มจากรีโมทก่อนละกัน รีโมทใช้ในการควบคุมฟังก์ชั่นบางตัวของ Rift เช่น เพิ่ม/ลดเสียง, ควบคุม UI บางตัว, ปุ่มโฮม, ปุ่มย้อนกลับ เป็นต้น
อันนี้ก็รู้ๆกันอยู่ นี่คือจอย Xbox One แบบ Wireless ,คือว่า Oculus Touch มันยังไม่วางขาย เค้าก็เลยแถมจอย Xbox มาให้เล่นแก้ขัดไปก่อน... ไม่ใช่ละ เหตุผลหลักๆคือ เกมหลายๆเกม มันไม่ซัพพอร์ตระบบ Touch ยังต้องเล่นผ่านจอยอยู่
อันนี้ คือ Constellation ซึ่งเป็นกล้อง IR ที่ใช้ตรวจจับทิศทางของ Oculus Rift ,ถ้าถามว่า แค่ตรวจจับทิศทาง ใช้ Accelerometer แบบใน iPhone ก็ได้นิ?, ก็จริง แต่ว่า ใช้กล้องตรวจจับ มันแม่นยำกว่ามากๆ ซึ่งกล้องตัวนี้ จะเชื่อมต่อผ่าน USB 3.0 แล้วไปประมวลผลตำแหน่งของหัวคุณในคอมพิวเตอร์, ถ้าคุณย่อตัวลง ในเกมมันก็ย่อตาม ต่างกับพวกการ์ดบอร์ด ที่ไม่มีระบบตรวจจับตำแหน่งหัว, ถ้าเป็นของ HTC Vive ก็จะใช้หลักการตรงกันข้าม เรียกว่า Lighthouse ที่มีความแม่นยำสูงกว่ากล้องของ Rift อีก
และสุดท้าย ก็ตัว Oculus Rift CV1
หลังจากสัมผัสดูแล้ว บอกได้เลยว่า ชิ้นงานดีเอามากๆ เป็นพลาสติก ไม่แน่ใจว่าประเภทไหน แต่ที่แน่ๆคือแข็งแรง และน้ำหนักเบากว่าแว่น VR รุ่นอื่นๆพอควร รอบๆตัวแว่นเคลือบด้วยวัสดุประเภท Fabric จับแล้วสบายมือมาก แต่ว่าเลอะง่าย ถ้าจกส้มตำเสร็จ อย่ามาจับเด็ดขาด กลิ่นจะติดไปหลายวันแน่ๆ -_-
อ้อมมาดูด้านหลัง จะสังเกตุเห็นว่ามีแกนแข็ง 2 แกน มารัดข้างหัว กับสายรัดครอบบนหัว จริงๆแล้ว แกนแข็งนี้ดูเหมือนจะแข็ง แต่ว่ายืดหยุ่นได้มาก ใส่แล้วไม่เจ็บหัวเลย แถมใส่สบายมากด้วย เพราะว่าแกนแข็ง 2 แกนนี้ ช่วยถ่ายน้ำหนัก ของแว่นด้านหน้าไปที่ท้ายทอยส่วนบน ทำให้แว่นไม่ค่อยกดจมูก ซึ่งสามารถใส่ได้เป็นชม.ๆ ใส่สบายดีกว่าพวกการ์ดบอร์ดมาก
ส่วนด้านข้าง มีแถบตีนตุ๊กแกไว้ปรับขนาด มีระบบสปริงช่วยรัดหัว อยู่ในระดับที่กำลังสบาย เวลาใส่ ไม่ต้องคอยปรับตีนตุ๊กแกใหม่ แค่ดึงแกนไปข้างหลัง แล้วใส่เหมือนใส่หมวดแก๊ป สายเชื่อมต่อ จะอยู่ทางซ้าย และต่อออกไปถึงหลังหัว ด้านข้างจะมีหูฟังติดอยู่
มาในส่วนของหูฟัง ซึ่งเป็นประเภท On-Ear มีแกนยื่นลงมา ประกบข้างหูพอดี สามารถปรับระดับได้ หูใหญ่/เล็ก ใส่ได้ไม่มีปัญหา สามารถถอดออกแล้วใช้หูฟังตัวเองได้ ถ้าต้องการ แต่หลังจากที่ใช้มาพอประมาณแล้ว บอกได้เลยว่าคุณภาพเสียงนั้นเกินคาดมาก แน่นอน ว่าคงมันไม่ดีเท่าพวกหูฟัง Audiophile หรือ Monitor, แต่สำหรับใช้เล่นเกม / ดูหนัง มันดีเกินพอแล้ว
ที่ครอบหน้า ทำมาจากฟองน้ำ ใส่สบาย ถอดออกมาทำความสะอาดได้ ข้างในมีพื้นที่มากพอที่จะใส่แว่นสายตาขณะเล่นได้ กว้างยาวราวๆ 6 x 12 CM กับความลึกระดับที่แว่นจะไม่ขูดเลนส์ ถ้าแว่นคุณไม่ใหญ่แบบอินดี้นะ
มองจากข้างล่าง จะเห็นได้ชัดเลยว่า รูสำหรับจมูกใหญ่มากก ใครเป็นคนไม่มีดั้ง บอกได้เลยว่าจะเห็นช่องโหว่ด้านล่างขณะเล่นแน่นอน คงต้องปิดไฟเล่น ไม่งั้นแสงจากข้างนอกแยงตา T-T ถัดมาทางซ้ายจะเห็นที่ปรับ IPD หรือที่เรียกว่าระยะห่างระหว่างตา 2 ข้าง บางคนตาชิด บางคนตาห่าง ไม่มีปัญหา
ส่วนของหน้าจอ เป็นประเภท OLED, ความละเอียดอยู่ที่ 2160 x 1200, อัตราการ Refresh 90Hz มีค่า FoV อยู่ที่ 110 องศา, ตัวเลนส์ เป็นเลนส์ประเภท Fresnel Lens ซึ่งตั้งโฟกัสไปที่ Infinity, หมายความว่า คนสายตาสั้น ต้องใส่แว่นเล่น ไม่งั้นภาพจะเบลอเหมือนตอนมองออกไกลๆ, แต่แนะนำว่าใช้คอนแทคเลนส์สบายกว่า เพราะ Rift มันค่อนข้างจะบีบแว่นเวลาเล่นและถอดเข้าออกลำบาก (HTC Vive จะใส่สบายกว่าสำหรับคนมีแว่น)
ขออธิบายด้านเทคนิคนิดนึง จากความเห็นส่วนตัว จอความละเอียดระดับนี้ ถือว่าค่อนข้างน้อยสำหรับ VR, แต่ต้องขอบคุณเลนส์คุณภาพสูงของ Rift ที่ช่วยเบลอขอบ Pixel และลด Screen Door Effect ได้มาก, ที่สำคัญก็คือ จอมีค่า Refresh สูงถึง 90Hz ซึ่งให้ความลื่นไหลเป็นธรรมชาติกว่ารุ่นก่อนๆมาก บวกกับค่า FoV สูงถึง 110 องศา ถามว่ามันคืออะไร มันคือภาพที่คุณจะเห็นจากมุมซ้ายสุดไปมุมขวาสุด ยิ่งค่า FoV สูง ภาพก็ยิ่งดูเหมือนในชีวิตจริง, พวกการ์ดบอร์ดส่วนใหญ่ ให้ FoV ราวๆ 70 - 90 ขึ้นอยู่กับขนาดจอมือถือ, GearVR มีค่า FoV 96, DK2 ค่า FoV 100 , ดังนั้น CV1 จึงมี FoV สูงที่สุดในบรรดาแว่น VR ทั้งหมดก็ว่าได้ (Vive ก็ 110 นะ)
Credit:
http://www.polygon.com/
อย่างไรก็ตาม Oculus Rift ตอนนี้ ยังไม่เข้าไทยครับ น่าจะเข้าประมาณสิงหา ไม่ก็กันยา แต่คิดว่าของคงเข้ามาน้อย เพราะคนที่ Pre-Order ยังได้ของกันไม่ครบเลย (ผม Pre-Order นาทีที่ 20 หลังจากเค้าเปิดรับ Order, รอ 6 เดือน..)
ส่วนค่าตัวของ Oculus Rift นั้น จะอยู่ที่ประมาณ 599 USD หรือราวๆ 22000 บาท ซึ่ง นั่นคือ ราคาอเมริกา สำหรับคนที่อยู่นอกอเมริกา ไม่ต้องห่วงครับ คุณจะโดนค่าภาษี ค่าส่ง ค่าอะไรไม่รู้เต็มไปหมด สรุปผมโดนไปประมาณ 30000 บาท -_- ถ้าใครจะสั่งจากพ่อค้าคนกลาง เช่น ebay คุณอาจจะได้ของทันที แต่คุณจะโดนคิดค่าหัวคิวไปอีกเยอะ
และแน่นอน นี่คือราคาของ Rift อย่างเดียว ไม่รวม Oculus Touch ที่เค้าขายแยก (รูปด้านบน) และไม่รวมราคาของคอมพิวเตอร์ PC ที่จะใช้เล่น Rift ที่เค้าขายพร้อมกัน เรียกว่า Oculus Ready PC, เริ่มต้นที่ราวๆ 35000 บาท จนถึงหลักแสน ตามความแรงสเป็กเครื่อง, ซึ่งสำหรับคอมพิวเตอร์ PC แนะนำว่า จัดสเป็กเองถูกกว่า, ใครที่อยากจะเล่น Oculus Rift คงต้องใช้งบเยอะนิดนึง แต่ผมบอกเลยว่าประสบการณ์ที่จะได้รับจาก Oculus Rift นั้น คุ้มค่ามากๆ
ส่วนเรื่องสเป็กคอมพิวเตอร์ที่ต้องใช้, พวก Software ต่างๆ, เรื่องอื่นๆ, ข้อดี / เสีย ,กับบทสรุป
เดี่ยวติดตามต่อ Part 2 นะครับ =/\=
[CR] 6 เดือนที่รอคิว : รีวิว Oculus Rift CV1
ก่อนอื่นเลย ถ้าคุณกำลังตั้งคำถามว่า นี่มันคืออะไร? มันก็คือ แว่น VR หรือที่คนไทยนิยมเรียกกันว่า แว่นตา 3 มิติ, คือ.. แว่น VR มันไม่ใช่แค่แว่น 3 มิติ.. มันไม่ใช่แว่นที่คุณใส่กันเวลาดูหนัง 3 มิติ.. มันเหนือกว่านั้นเยอะ มันสามารถจำลองโลกอีกโลกหนึ่ง ให้เราได้เข้าไปเห็นแบบจริงๆ ซึ่ง ถ้าพูดถึงแว่น VR บางคนอาจจะคิดถึงสิ่งนี้
นี่คือ VR Box หรือที่เข้าใจในนามของ Google Cardboard (การ์ดบอร์ด)
แล้วการ์ดบอร์ด ทำอะไรได้? มันคืออุปกรณ์ ที่แปลงโทรศัพท์มือถือ Smartphone ของคุณ ให้เป็นเครื่องเล่น VR ,ช่วยให้คุณสามารถเห็นภาพ 3 มิติรอบด้าน ผ่านมือถือของคุณได้ รวมถึง Samsung Gear VR ก็จัดอยู่ในประเภทการ์ดบอร์ดเช่นกัน แต่จะอยู่ในระดับท็อปละ เพราะต้องเล่นผ่าน Samsung Galaxy S6 / 7 หรือพวก Note 4 / 5 ซึ่งจะให้ภาพที่สวยกว่าการ์ดบอร์ดทั่วไป ราคาก็แพงกว่าเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม พวกการ์ดบอร์ดที่นิยมใช้กันนั้น มีขีดจำกัดอยู่ ตรงที่ประสิทธิภาพของมือถือ Smartphone นั้น ไม่สามารถสร้างภาพที่เหมือนจริงมากพอจะมาหลอกให้เหมือนคุณหลุดไปอีกโลกนึงได้ ซึ่ง Oculus Rift คือ เครื่องเล่น (แว่น) VR ที่เล่นผ่านคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง ซึ่งให้ภาพที่สวยและเหมือนจริงกว่าพวกแว่นการ์ดบอร์ดหลายขุม เรียกได้ว่า เป็นระดับ Hi-End ของเทคโนโลยี VR เลยก็ว่าได้
Credit: http://www.etr.fr/
ขอเล่าประวัติของ Rift คร่าวๆก่อนละกัน, ก่อนที่จะมาเป็น Oculus Rift รุ่น CV1 นี้ ประธาน Palmer Luckey ได้วางขาย Oculus Rift รุ่นแรก DK1 (ภาพบนทางขวา) ให้กับพวกนักพัฒนา, ผู้คนที่สนใจ และพวก Kickstarter ทั้งหลายได้เอาไปลองใช้กัน จากนั้น เค้าก็ฟังคำวิจารณ์ และนำไปพัฒนาต่อเป็นรุ่น DK2 (ทางซ้าย) ซึ่ง DK2 นั้น ได้แก้ข้อเสียของ DK1 เกือบทั้งหมด มันดีมากจนกลายเป็นว่า ผู้คนสั่งซื้อมาเล่นกันเต็มไปหมด ถึงขั้นมีคนไปทำเป็น Arcade ที่พัทยา.. และในที่สุด Oculus ก็ทำเวอร์ชั่นที่ดีมากพอที่จะเอามาวางขายตามร้านค้าจริงๆได้ นั่นคือรุ่น CV1 ,ซึ่งดีขึ้นไปกว่า DK2 อีก 1 ขั้น
ในปัจจุบัน ตลาด VR Hi-End ตอนนี้ ถูกครอบครองโดย 3 บริษัท
Credit: http://www.tomshardware.com/
คือ Oculus Rift, HTC Vive และ Sony PlayStation VR
Oculus Rift และ HTC Vive ตอนนี้ เป็นคู่แข่งกันในตลาด Hi-End สำหรับ VR ที่เล่นผ่านคอมพิวเตอร์ ขณะที่ PlayStation VR (ตอนนี้ยังไม่วางขาย) จะรองรับผ่านเครื่อง PS4
OK คุณคงขี้เกียจอ่านกันละ มาดูกล่องกันเลยดีกว่า
ด้านหน้ากล่อง วัสดุที่ใช้ดีมาก และกล่องดูดีจริงๆ มีที่หิ้วดึงออกมาได้
ด้านหลัง ก็จะอธิบายว่าในกล่องมีอะไรบ้าง และเกม bundle ที่ให้มา ก็จะมี Lucky tale, Far lands กับ EVE Valkyrie (อันนี้จะให้ฟรีเฉพาะผู้ที่สั่ง Pre-Order เท่านั้น)
พอเปิดกล่องออกมา บอกได้เลยว่า แพคเกจวางออกมาดูดีมาก
เปิดฝาออก ชั้นล่าง สิ่งแรกที่เห็นคือจอย Xbox One Wireless ถ้าใครที่มีอยู่แล้ว ยินดีด้วย คุณจะได้มาเพิ่มอีก 1 อัน
เอาหล่ะ นี่คือทุกอย่างที่อยู่ในกล่อง ประกอบไปด้วย Oculus Rift CV1 (แน่นอน -_-) , Constellation (กล้องตรวจจับทิศทาง), รีโมท, จอย Xbox One Wireless, หัวรับสัญญาณ, สาย USB Extender, ถ่าน AA 2 ก้อน, ผ้าเช็ดเลนส์, ไขควงพลาสติก, คู่มือต่างๆ, สติกเกอร์เต็มไปหมด, และ ถุงห้ามกิน 2 ถุง
เริ่มจากรีโมทก่อนละกัน รีโมทใช้ในการควบคุมฟังก์ชั่นบางตัวของ Rift เช่น เพิ่ม/ลดเสียง, ควบคุม UI บางตัว, ปุ่มโฮม, ปุ่มย้อนกลับ เป็นต้น
อันนี้ก็รู้ๆกันอยู่ นี่คือจอย Xbox One แบบ Wireless ,คือว่า Oculus Touch มันยังไม่วางขาย เค้าก็เลยแถมจอย Xbox มาให้เล่นแก้ขัดไปก่อน... ไม่ใช่ละ เหตุผลหลักๆคือ เกมหลายๆเกม มันไม่ซัพพอร์ตระบบ Touch ยังต้องเล่นผ่านจอยอยู่
อันนี้ คือ Constellation ซึ่งเป็นกล้อง IR ที่ใช้ตรวจจับทิศทางของ Oculus Rift ,ถ้าถามว่า แค่ตรวจจับทิศทาง ใช้ Accelerometer แบบใน iPhone ก็ได้นิ?, ก็จริง แต่ว่า ใช้กล้องตรวจจับ มันแม่นยำกว่ามากๆ ซึ่งกล้องตัวนี้ จะเชื่อมต่อผ่าน USB 3.0 แล้วไปประมวลผลตำแหน่งของหัวคุณในคอมพิวเตอร์, ถ้าคุณย่อตัวลง ในเกมมันก็ย่อตาม ต่างกับพวกการ์ดบอร์ด ที่ไม่มีระบบตรวจจับตำแหน่งหัว, ถ้าเป็นของ HTC Vive ก็จะใช้หลักการตรงกันข้าม เรียกว่า Lighthouse ที่มีความแม่นยำสูงกว่ากล้องของ Rift อีก
และสุดท้าย ก็ตัว Oculus Rift CV1
หลังจากสัมผัสดูแล้ว บอกได้เลยว่า ชิ้นงานดีเอามากๆ เป็นพลาสติก ไม่แน่ใจว่าประเภทไหน แต่ที่แน่ๆคือแข็งแรง และน้ำหนักเบากว่าแว่น VR รุ่นอื่นๆพอควร รอบๆตัวแว่นเคลือบด้วยวัสดุประเภท Fabric จับแล้วสบายมือมาก แต่ว่าเลอะง่าย ถ้าจกส้มตำเสร็จ อย่ามาจับเด็ดขาด กลิ่นจะติดไปหลายวันแน่ๆ -_-
อ้อมมาดูด้านหลัง จะสังเกตุเห็นว่ามีแกนแข็ง 2 แกน มารัดข้างหัว กับสายรัดครอบบนหัว จริงๆแล้ว แกนแข็งนี้ดูเหมือนจะแข็ง แต่ว่ายืดหยุ่นได้มาก ใส่แล้วไม่เจ็บหัวเลย แถมใส่สบายมากด้วย เพราะว่าแกนแข็ง 2 แกนนี้ ช่วยถ่ายน้ำหนัก ของแว่นด้านหน้าไปที่ท้ายทอยส่วนบน ทำให้แว่นไม่ค่อยกดจมูก ซึ่งสามารถใส่ได้เป็นชม.ๆ ใส่สบายดีกว่าพวกการ์ดบอร์ดมาก
ส่วนด้านข้าง มีแถบตีนตุ๊กแกไว้ปรับขนาด มีระบบสปริงช่วยรัดหัว อยู่ในระดับที่กำลังสบาย เวลาใส่ ไม่ต้องคอยปรับตีนตุ๊กแกใหม่ แค่ดึงแกนไปข้างหลัง แล้วใส่เหมือนใส่หมวดแก๊ป สายเชื่อมต่อ จะอยู่ทางซ้าย และต่อออกไปถึงหลังหัว ด้านข้างจะมีหูฟังติดอยู่
มาในส่วนของหูฟัง ซึ่งเป็นประเภท On-Ear มีแกนยื่นลงมา ประกบข้างหูพอดี สามารถปรับระดับได้ หูใหญ่/เล็ก ใส่ได้ไม่มีปัญหา สามารถถอดออกแล้วใช้หูฟังตัวเองได้ ถ้าต้องการ แต่หลังจากที่ใช้มาพอประมาณแล้ว บอกได้เลยว่าคุณภาพเสียงนั้นเกินคาดมาก แน่นอน ว่าคงมันไม่ดีเท่าพวกหูฟัง Audiophile หรือ Monitor, แต่สำหรับใช้เล่นเกม / ดูหนัง มันดีเกินพอแล้ว
ที่ครอบหน้า ทำมาจากฟองน้ำ ใส่สบาย ถอดออกมาทำความสะอาดได้ ข้างในมีพื้นที่มากพอที่จะใส่แว่นสายตาขณะเล่นได้ กว้างยาวราวๆ 6 x 12 CM กับความลึกระดับที่แว่นจะไม่ขูดเลนส์ ถ้าแว่นคุณไม่ใหญ่แบบอินดี้นะ
มองจากข้างล่าง จะเห็นได้ชัดเลยว่า รูสำหรับจมูกใหญ่มากก ใครเป็นคนไม่มีดั้ง บอกได้เลยว่าจะเห็นช่องโหว่ด้านล่างขณะเล่นแน่นอน คงต้องปิดไฟเล่น ไม่งั้นแสงจากข้างนอกแยงตา T-T ถัดมาทางซ้ายจะเห็นที่ปรับ IPD หรือที่เรียกว่าระยะห่างระหว่างตา 2 ข้าง บางคนตาชิด บางคนตาห่าง ไม่มีปัญหา
ส่วนของหน้าจอ เป็นประเภท OLED, ความละเอียดอยู่ที่ 2160 x 1200, อัตราการ Refresh 90Hz มีค่า FoV อยู่ที่ 110 องศา, ตัวเลนส์ เป็นเลนส์ประเภท Fresnel Lens ซึ่งตั้งโฟกัสไปที่ Infinity, หมายความว่า คนสายตาสั้น ต้องใส่แว่นเล่น ไม่งั้นภาพจะเบลอเหมือนตอนมองออกไกลๆ, แต่แนะนำว่าใช้คอนแทคเลนส์สบายกว่า เพราะ Rift มันค่อนข้างจะบีบแว่นเวลาเล่นและถอดเข้าออกลำบาก (HTC Vive จะใส่สบายกว่าสำหรับคนมีแว่น)
ขออธิบายด้านเทคนิคนิดนึง จากความเห็นส่วนตัว จอความละเอียดระดับนี้ ถือว่าค่อนข้างน้อยสำหรับ VR, แต่ต้องขอบคุณเลนส์คุณภาพสูงของ Rift ที่ช่วยเบลอขอบ Pixel และลด Screen Door Effect ได้มาก, ที่สำคัญก็คือ จอมีค่า Refresh สูงถึง 90Hz ซึ่งให้ความลื่นไหลเป็นธรรมชาติกว่ารุ่นก่อนๆมาก บวกกับค่า FoV สูงถึง 110 องศา ถามว่ามันคืออะไร มันคือภาพที่คุณจะเห็นจากมุมซ้ายสุดไปมุมขวาสุด ยิ่งค่า FoV สูง ภาพก็ยิ่งดูเหมือนในชีวิตจริง, พวกการ์ดบอร์ดส่วนใหญ่ ให้ FoV ราวๆ 70 - 90 ขึ้นอยู่กับขนาดจอมือถือ, GearVR มีค่า FoV 96, DK2 ค่า FoV 100 , ดังนั้น CV1 จึงมี FoV สูงที่สุดในบรรดาแว่น VR ทั้งหมดก็ว่าได้ (Vive ก็ 110 นะ)
Credit: http://www.polygon.com/
อย่างไรก็ตาม Oculus Rift ตอนนี้ ยังไม่เข้าไทยครับ น่าจะเข้าประมาณสิงหา ไม่ก็กันยา แต่คิดว่าของคงเข้ามาน้อย เพราะคนที่ Pre-Order ยังได้ของกันไม่ครบเลย (ผม Pre-Order นาทีที่ 20 หลังจากเค้าเปิดรับ Order, รอ 6 เดือน..)
ส่วนค่าตัวของ Oculus Rift นั้น จะอยู่ที่ประมาณ 599 USD หรือราวๆ 22000 บาท ซึ่ง นั่นคือ ราคาอเมริกา สำหรับคนที่อยู่นอกอเมริกา ไม่ต้องห่วงครับ คุณจะโดนค่าภาษี ค่าส่ง ค่าอะไรไม่รู้เต็มไปหมด สรุปผมโดนไปประมาณ 30000 บาท -_- ถ้าใครจะสั่งจากพ่อค้าคนกลาง เช่น ebay คุณอาจจะได้ของทันที แต่คุณจะโดนคิดค่าหัวคิวไปอีกเยอะ
และแน่นอน นี่คือราคาของ Rift อย่างเดียว ไม่รวม Oculus Touch ที่เค้าขายแยก (รูปด้านบน) และไม่รวมราคาของคอมพิวเตอร์ PC ที่จะใช้เล่น Rift ที่เค้าขายพร้อมกัน เรียกว่า Oculus Ready PC, เริ่มต้นที่ราวๆ 35000 บาท จนถึงหลักแสน ตามความแรงสเป็กเครื่อง, ซึ่งสำหรับคอมพิวเตอร์ PC แนะนำว่า จัดสเป็กเองถูกกว่า, ใครที่อยากจะเล่น Oculus Rift คงต้องใช้งบเยอะนิดนึง แต่ผมบอกเลยว่าประสบการณ์ที่จะได้รับจาก Oculus Rift นั้น คุ้มค่ามากๆ
ส่วนเรื่องสเป็กคอมพิวเตอร์ที่ต้องใช้, พวก Software ต่างๆ, เรื่องอื่นๆ, ข้อดี / เสีย ,กับบทสรุป
เดี่ยวติดตามต่อ Part 2 นะครับ =/\=