***ขอบอกก่อนว่าการเผยแพร่ข้อมูลบนพื้นที่สาธารณะนี้ เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัว ไม่มีความประสงค์จะกล่าวต่อว่าการปฏิบัติหน้าที่ของจนท.แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามผู้อ่านควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ใครกันแน่ที่ยื้อเกม?....
วันนี้ดีเอสไอมีอาญาสิทธิ์เหมือนดาบพระแสงขรรปลอกทองคำ อยู่ในมือ คือ หมายจับ จากศาล
ในขณะที่คนไม่ชอบหลวงพ่อธัมมชโยก็ออกมารื่นระเริง เหมือนกบเล่นฝน เพราะสถานการณ์เข้าทาง
อ๊บๆ อ๊บๆ เสียงร้องระงม ต่างบอกว่า "เพราะธัมมชโยยื้อเกมเอง ที่ทำให้เกมมาถึงจุดๆนี้"
แต่ให้ลองคิดในเชิงของพื้นฐานความคิดจิตสำนึกของมนุษย์โดยทั่วไป ก็ชวนให้คิดสงสัยว่า " ใครกันแน่ที่ยื้อเกม? "
เมื่อลองสรุปสถานการณ์และพฤติกรรมของดีเอสไอที่ข้าพเจ้าคิดว่าต้องสงสัยเป็นข้อๆ
1.เมื่อพระธัมมชโยอ้างว่าติดกิจหรือป่วย ไม่ว่ากรณีใดๆ สำหรับการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ถ้าผู้ต้องหามาไม่ได้
ดีเอสไอสามารถดำเนินการใดๆที่จะเอาคณะเข้าไป แจ้งข้อกล่าวหาในเคหะสถานของผู้ต้องหาได้ตามหน้าที่
เพียงแค่มีตัวของผู้ต้องหาอยู่ตรงหน้า จริงไหม?......ทำได้แล้วทำไมทำไม่ได้?
2.หากอ้างว่าป่วย ถึงแม้ใบรับรองแพทย์จะบกพร่องหรือไม่ ถ้ายังทราบว่าผู้ต้องหายังอยู่ในเคหะสถานของตนอยู่ ไม่มีพฤติกรรมหนีหมาย
พูดกันตามจริง... การไปเร่งสรุปว่า ไม่ป่วย หรือ ป่วยแต่มาได้ หรือคิดตีความเอาเองโดยไม่มีการปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ ก็ไม่ควรอย่างยิ่ง
เพราะหากลองคิดชั่งน้ำหนักดูแล้ว...
ลองคิดว่าหากหลวงพ่อป่วยหนักจริงการที่ดีเอสไอจะดำเนินการใดๆที่จะเอาคณะตนและผู้เชี่ยวชาญเข้าไป
ก็เป็นสิ่งที่พึงกระทำได้ตามหน้าที่ โดยที่ไม่เสียหายอะไร กลับเป็นประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย
แต่ในทางกลับกัน การดื้อดึงให้ผู้ต้องหาที่อาจป่วยหนักจริงไปฟังข้อกล่าวหานอกพื้นที่ทำการรักษา หากเกิดอาการทรุดลงไปอีก
ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ป่วยตามอาการ โดยที่ไม่มีใครมารับผิดชอบได้เลย นอกจากมันจะไม่มีใครได้ประโยชน์แล้ว กลับเสียหายโดยฝ่ายเดียว
จริงไหม?......ทำได้ทำไมไม่ทำ?
3.ดีเอสไอยังดูเหมือนพยายามดึงเกม เร่งรัดเกม ยืดเยื้อให้สถานการณ์เข้าสู้กระบวนการของการออกหมายจับ สังเกตุที่การออกหมายจับครั้งแรก
ลองคิดดู เคยมีหรือการที่เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญกฏหมายของกระทรวงยุติธรรม ทำเอกสารหลักฐานลวกๆรนๆไปขอหมายศาล ทำให้ไม่ได้รับอนุมัติหมาย
เพราะพฤติกรรมที่แสดงออกของดีเอสไอจะนำมาสู่ความเคลือบแคลงสงสัยของสังคมได้ จริงไหม?.......ทำไมรีบร้อนแต่ไม่เรียบร้อย?
4.การขอหมายจับครั้งที่สอง ที่ได้รับอนุมัติเพราะครบตามกำหนดของหมายเรียกที่เลื่อนได้สามครั้ง แต่หากย้อนดู... ทำไมการนัดแจ้งข้อกล่าวหาในครั้งนี้กลับดูผิดปกติไป คือเหมือนข้อที่ 1 ไม่ยอมเข้าไปในเคหะสถานทั้งที่พึงกระทำได้ เหมือนข้อที่ 2 คือไม่ยอมรับใบรับรองแพทย์ด้วยความคิดของตนเอง ทั้งยังมีการซ่องสุมกองกำลัง ทำแอบลับๆล่อๆอยู่ ณ ที่นัดหมาย ดูน่าสงสัยมาก จริงไหม?......ที่ทำไม่ควรแต่ที่ควรทำไมไม่ทำ?
5.สุดท้ายการดึงเกมไปสู่การ "บังคับสึก" ด้วยหมายจับ ทั้งที่ยังไม่มีความผิด ร้ายที่สุดคือ ผู้ต้องหายังไม่ได้รับทราบข้อกล่าวหาเลยด้วยซ้ำ
แต่ยื่นสำนวนให้อัยการไปแล้ว การกระทำครั้งนี้ถ้าทำไปแล้วลุไปถึงตอนสุดท้าย ถ้าพระที่ป่วยหนักนั้นไม่มีความผิดแล้วถูกสึก
ก็เท่ากับ "ขบวนการรวมหัวฆ่าพระรูปหนึ่ง" ดีๆนี่เอง
6.น่าคิดว่า ถ้าหากพระรูปนี้ถูกจับสึกแม้จะมีหรือไม่มีความผิด จะเกิดผลประโยชน์ตกสู่บุคคลหรือกลุ่มบุคคลฝ่ายตรงข้ามมากมาย
โดยเฉพาะบุคคลประเภทที่
1.อาศัยศรัทธาเป็นอาหาร
2. อาศัยศรัทธารักษาตัว
3.อาศัยศรัทธานุ่งห่มปกปิด
4.อาศัยศรัทธาเป็นถิ่นที่อยู่
ทั้งบุคคลที่แสร้งเป็นพระผู้ยิ่งใหญ่และแสร้งเป็นคนผู้ยิ่งใหญ่ในประเทศไทยของเรานี้
นึกถึงนิทานการกวนน้ำอัมฤทธิ์ เหมือนเอาของดีๆ มาบี้ด้วยภูเขาลูกโต ถ้าสำเร็จก็มีผลประโยชน์ต่างๆเกิดขึ้นมากมายทั้งหลายเหล่านั้น
ทำให้เหล่าเทวดา นางฟ้า นางสวรรค์ ในเทพนคร เริงร่าสำราญบานตะไท เดี๋ยวก็มีอันนั้นอันนู้นผุดขึ้นมาจากกะเษียณสมุทรเทวดาก็รวบกันไปหมด
จ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
ใครกันแน่ที่ยื้อเกม?
ใครกันแน่ที่ยื้อเกม?....
วันนี้ดีเอสไอมีอาญาสิทธิ์เหมือนดาบพระแสงขรรปลอกทองคำ อยู่ในมือ คือ หมายจับ จากศาล
ในขณะที่คนไม่ชอบหลวงพ่อธัมมชโยก็ออกมารื่นระเริง เหมือนกบเล่นฝน เพราะสถานการณ์เข้าทาง
อ๊บๆ อ๊บๆ เสียงร้องระงม ต่างบอกว่า "เพราะธัมมชโยยื้อเกมเอง ที่ทำให้เกมมาถึงจุดๆนี้"
แต่ให้ลองคิดในเชิงของพื้นฐานความคิดจิตสำนึกของมนุษย์โดยทั่วไป ก็ชวนให้คิดสงสัยว่า " ใครกันแน่ที่ยื้อเกม? "
เมื่อลองสรุปสถานการณ์และพฤติกรรมของดีเอสไอที่ข้าพเจ้าคิดว่าต้องสงสัยเป็นข้อๆ
1.เมื่อพระธัมมชโยอ้างว่าติดกิจหรือป่วย ไม่ว่ากรณีใดๆ สำหรับการแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว ถ้าผู้ต้องหามาไม่ได้
ดีเอสไอสามารถดำเนินการใดๆที่จะเอาคณะเข้าไป แจ้งข้อกล่าวหาในเคหะสถานของผู้ต้องหาได้ตามหน้าที่
เพียงแค่มีตัวของผู้ต้องหาอยู่ตรงหน้า จริงไหม?......ทำได้แล้วทำไมทำไม่ได้?
2.หากอ้างว่าป่วย ถึงแม้ใบรับรองแพทย์จะบกพร่องหรือไม่ ถ้ายังทราบว่าผู้ต้องหายังอยู่ในเคหะสถานของตนอยู่ ไม่มีพฤติกรรมหนีหมาย
พูดกันตามจริง... การไปเร่งสรุปว่า ไม่ป่วย หรือ ป่วยแต่มาได้ หรือคิดตีความเอาเองโดยไม่มีการปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ ก็ไม่ควรอย่างยิ่ง
เพราะหากลองคิดชั่งน้ำหนักดูแล้ว...
ลองคิดว่าหากหลวงพ่อป่วยหนักจริงการที่ดีเอสไอจะดำเนินการใดๆที่จะเอาคณะตนและผู้เชี่ยวชาญเข้าไป
ก็เป็นสิ่งที่พึงกระทำได้ตามหน้าที่ โดยที่ไม่เสียหายอะไร กลับเป็นประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย
แต่ในทางกลับกัน การดื้อดึงให้ผู้ต้องหาที่อาจป่วยหนักจริงไปฟังข้อกล่าวหานอกพื้นที่ทำการรักษา หากเกิดอาการทรุดลงไปอีก
ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ป่วยตามอาการ โดยที่ไม่มีใครมารับผิดชอบได้เลย นอกจากมันจะไม่มีใครได้ประโยชน์แล้ว กลับเสียหายโดยฝ่ายเดียว
จริงไหม?......ทำได้ทำไมไม่ทำ?
3.ดีเอสไอยังดูเหมือนพยายามดึงเกม เร่งรัดเกม ยืดเยื้อให้สถานการณ์เข้าสู้กระบวนการของการออกหมายจับ สังเกตุที่การออกหมายจับครั้งแรก
ลองคิดดู เคยมีหรือการที่เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญกฏหมายของกระทรวงยุติธรรม ทำเอกสารหลักฐานลวกๆรนๆไปขอหมายศาล ทำให้ไม่ได้รับอนุมัติหมาย
เพราะพฤติกรรมที่แสดงออกของดีเอสไอจะนำมาสู่ความเคลือบแคลงสงสัยของสังคมได้ จริงไหม?.......ทำไมรีบร้อนแต่ไม่เรียบร้อย?
4.การขอหมายจับครั้งที่สอง ที่ได้รับอนุมัติเพราะครบตามกำหนดของหมายเรียกที่เลื่อนได้สามครั้ง แต่หากย้อนดู... ทำไมการนัดแจ้งข้อกล่าวหาในครั้งนี้กลับดูผิดปกติไป คือเหมือนข้อที่ 1 ไม่ยอมเข้าไปในเคหะสถานทั้งที่พึงกระทำได้ เหมือนข้อที่ 2 คือไม่ยอมรับใบรับรองแพทย์ด้วยความคิดของตนเอง ทั้งยังมีการซ่องสุมกองกำลัง ทำแอบลับๆล่อๆอยู่ ณ ที่นัดหมาย ดูน่าสงสัยมาก จริงไหม?......ที่ทำไม่ควรแต่ที่ควรทำไมไม่ทำ?
5.สุดท้ายการดึงเกมไปสู่การ "บังคับสึก" ด้วยหมายจับ ทั้งที่ยังไม่มีความผิด ร้ายที่สุดคือ ผู้ต้องหายังไม่ได้รับทราบข้อกล่าวหาเลยด้วยซ้ำ
แต่ยื่นสำนวนให้อัยการไปแล้ว การกระทำครั้งนี้ถ้าทำไปแล้วลุไปถึงตอนสุดท้าย ถ้าพระที่ป่วยหนักนั้นไม่มีความผิดแล้วถูกสึก
ก็เท่ากับ "ขบวนการรวมหัวฆ่าพระรูปหนึ่ง" ดีๆนี่เอง
6.น่าคิดว่า ถ้าหากพระรูปนี้ถูกจับสึกแม้จะมีหรือไม่มีความผิด จะเกิดผลประโยชน์ตกสู่บุคคลหรือกลุ่มบุคคลฝ่ายตรงข้ามมากมาย
โดยเฉพาะบุคคลประเภทที่
1.อาศัยศรัทธาเป็นอาหาร
2. อาศัยศรัทธารักษาตัว
3.อาศัยศรัทธานุ่งห่มปกปิด
4.อาศัยศรัทธาเป็นถิ่นที่อยู่
ทั้งบุคคลที่แสร้งเป็นพระผู้ยิ่งใหญ่และแสร้งเป็นคนผู้ยิ่งใหญ่ในประเทศไทยของเรานี้
นึกถึงนิทานการกวนน้ำอัมฤทธิ์ เหมือนเอาของดีๆ มาบี้ด้วยภูเขาลูกโต ถ้าสำเร็จก็มีผลประโยชน์ต่างๆเกิดขึ้นมากมายทั้งหลายเหล่านั้น
ทำให้เหล่าเทวดา นางฟ้า นางสวรรค์ ในเทพนคร เริงร่าสำราญบานตะไท เดี๋ยวก็มีอันนั้นอันนู้นผุดขึ้นมาจากกะเษียณสมุทรเทวดาก็รวบกันไปหมด
จ้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา