สวรรค์ล่มของเหล่าลัทธิ "ดาวซวย..ดาวโศก"



พักหลังนี้ ดูเหมือน DSI เงียบไป..... แต่ไอ้เงียบๆแบบนี้  จริงๆ เหล่าธรรมกายลัทธิ กลับรุ้สึกไม่ค่อยสบายใจ เพราะไม่รู้ว่า DSI จะมาแบบไหน บนดินใต้ดิน หรือจะมาพร้อมกับ อาวุธใหม่เอี่ยมติดดาบปลายปืนว่าด้วย ม.44 ที่ใช้ง่าย,คล่อง และเด็ดขาด..แถมเขียวพรึ่บไปทุกประตูวัด!

ในห้วงศรัทธาขาลงที่เหล่าสาวกเริ่มหันรีหันขวาง.. ปะใครที่พออาศัยได้ก็รีบคว้ารีบเกาะปั่นกระแสตามเท่าที่จะทำได้แบบหลังพิงเชือก

อย่างกรณี พล.ต เอก เสรีพิศุทธ์ ที่ออกมาให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกระบวนการตรวจค้น โดยให้ความเห็นไปในทางที่ว่า การเข้าตรวจค้นเพื่อจับกุมธัมมชโยนั้น มีข้อสงสัยในทำนองที่ว่าเหตุใดจึงต้องรีบร้อนและแถมพกความเห็นว่าน่าจะไม่เข้าข่ายฟอกเงิน!

เหล่าสาวกฯ รีบกระดี้กระด้า..คว้าเอามาแอ๊บ ๆ โอ๊บๆ  กันกระหึ่ม ยังกะอึ่งเขียดเจอฝนแรกก็ไม่ปาน

คงไม่ต้องไปวิจารณ์ในสิ่งที่คุณเสรีพิศุทธ์ท่านพูดหรอก เอาแค่อธิบายง่าย ๆ ตามข้อกฎหมายก็คือ  เวลาที่จะออกหมายจับใครสักคน ตำรวจออกเองไม่ได้...ดังนั้น จึงต้องอาศัยกระบวนการที่เหนือขั้นไป  ก็คือ "ศาล"

"ศาล" ท่านก็ไม่ได้แบบใครมาขอท่านจะอนุญาตไปเสียทุกคนทุกเรื่อง...เพราะมันมีหลักมีเกณฑ์ในการพิจารณาจะออกให้หรือไม่อยู่แล้ว  ....

ดังนั้นท่านก็ต้องใช้ดุลยพินิจอย่างรอบคอบพอสมควรที่จะอนุมัติหมายจับ....  นี่มันเรื่องของ "ศาล" ไม่ใช่เรื่องของ DSI  ซึ่ง พล.ต เอกเสรีพิศุทธ์ท่านเองก็ทราบมิใช่หรือ?

ประเด็นต่อมา เมื่อศาลท่านอนุมัติออกหมายจับแล้ว...ตามกฎหมายเหล่าตำรวจจะนั่งบื้อรอให้โจรมันเดินมามอบตัว แบบนี้มันจะมีที่ไหน  ก็มีหน้าที่ต้องออกไปจับมาดำเนินการตามกบิลเมือง!

เพราะกระบวนการภายใต้อำนาจของ DSI ว่าด้วยการให้มอบตัวก็ทั้งขอร้อง..ทั้งกราบวิงวอนมาตั้งแต่ครั้งออกหมายเรียกมันผ่านขั้นตอนไปแล้วไม่ใช่หรือ?

นั่นขนาดเรียกครึ่งหนึ่งก็ไม่สน..สองครั้งก็สะบัดหน้า...ครั้งสามก็อิดออดเล่นแง่บอก "บ้านหมุน"    

สุดท้าย ศาลท่านก็เริ่มเห็นใจ DSI เพราะทั้งการให้การและหลักฐานต่างๆ  ศาลท่านจึงอนุญาตแบบภาษาชาวบ้านในทำนอง  "งั้นไปจับตัวมา!"

แต่เมื่อออกหมายจับแล้ว ถ้าเป็นโจรรายอื่น มีหรือจะรอด .. มามอบตัวก็ใส่กุญแจมือตบบ่าตบแขนบอกไปสู้กันในชั้นศาลตามโทษานุโทษ  ...แต่หาก๋าทำเก่งขัดขืนสู้ก็จัดให้ตามอาการซ่าส์.....   เหล่านี้มันก็เป็นหลักกฎหมายตามปกติที่ต้องใช้กับทุกคนไม่เว้น พระเดชพระคุณไหนๆ  มิใช่หรือ?

แต่เออ.....เมื่อหมายจับออกมาจนทราบกันทั้งประเทศแล้ว แต่หากผู้ต้องหาไม่ยอมให้จับ..... จะให้ตำรวจไทยทำไงละครับ!?  

หรือหลวงพี่หลวงพ่อและบรรดาสาวกคิดว่า ควรทิ้งคดีมันไปเลย..หรือละเว้นไว้สักคนดีมั้ย?

สาระแห่งคดีมันชัดว่า  ผู้ต้องหาคือธัมมชโย และถูกตั้งข้อหา "สมคบกันฟอกเงิน,รับของโจร"    แปลเป็นไทยว่า  มีการไปสมคบร่วมกันกับโจรคนอื่นๆ  กระทำความผิดในข้อหาความผิดต่อรัฐฯ ที่ไม่อาจยอมความได้ ..... อันนี้ชัดมั้ย!?

คุณเสรีพิศุทธ์ ท่านก็พูดชัดเองว่า ในข้อเท็จจริงท่านยังไม่ทราบ..งั้นก็ต้องให้ DSI เค้าดำเนินการไปซิครับ เพราะเค้าทราบข้อเท็จจริงมากกว่าท่าน!

ข้อเท็จจริงมากมายทั้งที่ปรากฎในสำนวนและที่เก็บไว้สำหรับการสืบพยานที่จะแฉออกมาให้สาธารณะประจักษ์ได้ว่า  เงินทองมากมายก่ายกองที่นายศุภชัยยักยอกเอามาแล้วไปบริจาคนั้น  เงินเหล่านั้นมันถูกนำไปเล่นแร่แปรธาตุทำให้กลายเป็นเงินดี ๆ แบบที่ใครจับไม่ได้ ได้อย่างไร

ถ้ายังคิดไม่ออกว่า อลัชชีมันฟอกเงินได้ยังไง?

จำกรณี บักเณรคำ ได้มั๊ยเล่า!?  

ปปง. พบว่า หมอนี่ซื้อรถยนต์ ตีว่า 35 คัน มีมูลค่า 90 ล้านบาท พอซื้อเสร็จแล้วมันก็เอาไปแจกหน่วยงานรัฐฯ บ้าง เอาไปขายคืน โดยยอมที่จะได้เงินมา 60 ล้าน นึกออกไหม ยอมเสีย 30 ล้าน เพื่อเอารถมาใช้ แล้วเปลี่ยนรถใหม่ จึงน่าตั้งข้อสงสัยว่า เกิดการทำให้เงินมันเข้าไปหมุนเวียนในระบบใช้หือไม่

หรืออย่างกรณีอ้างว่าสร้างโน่นนี่ภายในวัดตกลงซูเอี๋ยกับคนนอกว่าจะสร้างพระมรกตสองพันกว่าล้าน ..คนก็บริจาคกันเพียบ ทั้งทำบุญจริงทั้งพวกแอบขอเอาเงินมาฟอกโดยบอกว่าจะขอบริจาคสัก 10 ล้าน แล้วขอคืน 5 ล้าน วัดได้ไปใช้ หมอนั่นได้ฟอกเงิน ฯลฯ  


เลิกยกเรื่อง ยักยอก...แบบ สาวกร่วมกันเยียวยาคืนแล้ว จบกันเสียที!  

เพราะ ปปง. เริ่มตะหงิด ๆ และกำลังเล็งเหมือนกันว่า  ไอ้เงินเยียวยานั่นน่ะ..มีที่มาที่ไปยังไง ใครคนไหนมั่งบริจาคหนึ่งสองสามสี่  

ทำการบ้านให้ดี ๆ .... เพราะยิ่งแก้ยิ่งรัด.... ลิงแก้แหดูแล้วสภาพแล้วมันน่าสงสาร

แต่อลัชชีที่แก้ตัวแบบชักจะไปไม่เป็นนี่..........เห็นแล้ว   ไม่รู้จะว่าไง!?
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่