กระทู้นี้เป็นภาคต่อของรีวิวทริปคันไซนะครับ
ใน Part 2 : Day2 [Fushimi Inari > Kiyomizu Temple > Ginkakuji Temple > The National Museum of Modern Art > Yasaka Shrine > Gion]
Day3 [Shitennoji Temple > Osaka Museum Of History > Osaka Castle > Tempozan Ferris Wheel > หอคอย Tsutenkaku / ย่าน Shinsekai > Tombori River Cruise > Dotonbori > HEP Five Ferris Wheel ]
กดอ่าน Part ก่อนหน้า Part 1 : การเตรียมตัว และ Day0-1 ได้ที่ลิงค์นี้ครับ >>
http://ppantip.com/topic/35331197
Part 3 : Day4-5 ได้ที่ลิงค์นี้ครับ >>
http://ppantip.com/topic/35341769
Day 2 [Fushimi Inari > Kiyomizu Temple > Ginkakuji Temple > The National Museum of Modern Art > Yasaka Shrine > Gion ]
วันนี้ก็วันที่ 2 แล้ว หลังจากเดินทางเหนื่อยๆ เมื่อคืนก็เข้านอนเร็วนิดนึงครับ เพราะว่าวันนี้ต้องตื่นเช้าไปหลายที่อยู่ เดินเยอะแน่นอน555555 นอนเก็บแรงกันหน่อย ฮึบบบ!
วันนี้หลักๆผมจะเดินทางด้วย Kyoto City Bus นะครับ เลยซื้อเป็น Pass เหมาจ่ายไปเลย 500 Yen
ผมซื้อจากที่ Hostel ที่ผมพัก แต่จริงๆที่ป้ายรถเมล์ตรงสถานี Kyoto จะมีตู้ขายอยู่ครับ ไปซื้อที่นั่นได้เหมือนกัน
ที่แรกที่จะไปคือ Fushimi Inari (ศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอกอินาริ) หรือศาลเจ้าที่มี เสาโทริอิ สีส้มๆแดงๆเรียงยาวๆอยู่น่ะครับ ที่นี่ก็เป็นอีกที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมากัน เราก็จะไม่พลาดครับ
โดยขึ้นรถไฟ JR จากสถานี Kyoto Station ไปลงที่สถานี Inari
วันนี้ผมไม่ได้ใช้ JR Pass แล้วนะครับ ต้องซื้อตั๋วแยก 140 yen ครับ
จากสถานี Inari เดินนิดเดียวก็จะเห็นทางเข้า
ศาลเจ้า หรือ Fushimi Inari แล้วครับ จะมีเสาโทริอิใหญ่มากๆ ตั้งอยู่หน้าทางเข้าเลย
วัดนี้จะไม่เสียค่าเข้าชมนะครับ เดินชิวๆเข้าไปได้เลย ที่นี่นักท่องเที่ยวก็แอบเยอะอยู่นะครับ แต่ไม่อึดอัดเท่าวัดทอง เพราะวัดค่อนข้างกว้างอยู่
ตอนผมไปเจอทัวร์ลงหลายกลุ่มอยู่ มีทัวร์ไทยด้วย ได้ยินภาษาไทยอยู่ ผมนี่หันควับเลย555555
ก่อนเข้าวัด ตามธรรมเนียมเราก็ต้อง ล้างมือ ป้วนปากก่อนครับ วัดนี้จะมีวิธีทำเป็นภาษาอังกฤษบอกเลย จะได้ไม่ต้องแอบดูคนอื่นทำฮะ
เข้ามาผมก็ถ่ายรูปเรื่อยเปื่อยครับ เพลินดีจุง
จากตรงนี้เดินขึ้นไปด้านบน ก็จะเจอเหมือนเชือกยาวๆ ให้เราสั่นกระดิ่งอีกแล้วครับ ผมก็เจิม เอาหน่อยสั่นๆๆๆ ดังบ้างไม่ดังบ้าง
ก็ทำตามนักท่องเที่ยวคนอื่นๆไปครับ55555555 (ความไม่รู้เรื่องนี้ช่าง.....)
เจอกลุ่มวัยรุ่นญี่ปุ่นมาเที่ยว แล้วใส่ชุดกิโมโน ยูคาตะ มาเที่ยวเป็นกลุ่มเลยครับ เห็นแล้วดูน่ารักมากๆ แบบเป็นทีมเลย
ไม่แน่ใจว่ามาทำพิธีอะไรหรือเปล่า เพราะว่าเห็นเดินจับมือ เรียงแถวหน้ากระดานขึ้นมา
และแล้วก็ถึงไฮท์ไลท์ของวัดนี้ครับ ก็คือ เสาโทริอิสีส้มๆแดงๆ ที่เรียงยาววววววว ยาวจริงครับ ตอนก่อนมา ไม่คิดว่าจะยาวขนาดนี้
เพราะว่าเหมือนมีเสาหลายขนาดด้วย ตอนแรกจะเป็นเสาต้นใหญ่ๆก่อน แล้วลึกเข้าไปก็จะเป็นเสาต้นที่เล็กและเตี้ยลงครับ
เดินผ่านเสาโทริอิ ตลอดทางก็ได้ยินภาษาไทยเรื่อยๆเลยครับ นี่ไม่แน่ใจว่าอยู่ญี่ปุ่นหรือไทยแน่ 555555555
ที่นี่ก็มีเหมือนเสาโทริอิต้นเล็กๆ ให้เราซื้อ แล้วเขียนขอพรห้องไว้ได้ครับ
หรือจะเป็นหน้าจิ้งจอกก็มีครับ เพราะเหมือนอีกสัญลักษณ์นึง ของวัดนี้คือ จิ้งจอก ที่เขาเชื่อว่า ผู้นำสารถึงเทพเจ้าครับ
ให้เราเติมหน้าอะไรกันเองได้เลย เห็นของบนคนก็ฮาดีเหมือนกัน เติมซะเท่เลย
เดินย้อนออกมาทางข้างหน้าวัดก็จะเจอเป็นเหมือน ร้านขายของที่ระลึก เรียงรายอยู่เต็มเลยครับ
ช้อปปิ้งกันได้เต็มที่เลยยยย
ถัดมาอีกติ๊ดนึง ก็จะมีซอยยาวๆ ที่จะมีร้านขายของ (อีกแล้วหรอ) และร้านขายอาหาร/ขนม (อันนี้สิดี อิอิ) เรียงร้านให้ซื้อเลยครับ
ของอะไร ช่างมันก่อน เรากินกันดีกว่า5555555
มา เริ่ม! อย่างแรกที่ซื้อเป็นน้ำส้มครับ ส้มสดๆ ส้มเป็นลูกๆเลย เหมือนเขาเจาะแล้วเอาเข้าเครื่อง ให้เนื้อส้มด้านในกลายเป็นน้ำครับ
เอาหลอดจิ้ม ดูดได้จากลูกเลย กลีบส้มเต็มๆ อร่อยดีครับ / ค่าเสียหาย 500 yen นะจ้ะ
อย่างที่ 2 ตามมาติดๆครับ คุณผู้โชมมมมมม!! Crab Stick นั่นเอง จริงๆแล้วกินไปมันให้ฟีลเหมือนเรากินปูอัด ที่ชิ้นใหญ่กว่า เนื้อแน่นกว่า รสชาติดีกว่านิดนึงเท่านั้นเองครับ แต่ก็โอเค ไม่ได้แย่อะไร / อันนี้ก็ไม้ละ 500 yenฮะ
อันนี้ผมถ่ายย้อนเข้าไปในซอยที่เพิ่งเดินผ่านมาฮะ
เดินๆๆๆๆ เราจะไปสถานี Fushimi-Inari กัน
สุดทางพอดี ก็จะเจอสถานี Fushimi-Inari เพื่อขึ้นรถไฟ Keihan ไปลงที่ Kiyomizu-Gojo ไปวัดน้ำใสกันครับ
อันนี้ต้องจ่ายแยกเองนะครับ คนละ 210 yen เวลาขึ้นต้องดูฝั่งดีๆนะครับ เพราะตอนแรกผมไปผิด Track เราต้องเดินข้ามทางรถไฟมาขึ้น Track อีกฝั่งนึง
ลงที่สถานี Kiyomizu-Gojo แล้วก็เดินๆๆๆ เดินตรงไปอย่างเดียวเลย
เจอน้องหมาซ้อนท้ายจักรยานด้วย ผมเดินตามจักรยานอยู่ตอนแรก มันนิ่งมากๆเลยครับ น่ารักแบบ น่ารักไม่ไหวแล้ว ผมนี่หยิบกล้องถ่ายรูป เปิด Snapchat ส่งรัวๆๆๆๆ น่ารักมาก งือออออ
เดินมาจนสุดหัวถนนจะเจอเหมือนทางแยก เราก็เดินข้ามถนนตรงไปเลยครับ จะเห็นป้ายบอกทางไปวัดอยู่อีกฝั่งนึงของถนน
จะมีนักท่องเที่ยว เดินตามๆกันไปอยู่ครับ ไม่หลงแน่นอน
แต่พอดีผมเห็นอีกฝั่งนึงของถนน มีเหมือนวัดอยู่ ไม่รู้ว่าชื่อวัดอะไรนะครับ มีแต่ภาษาญี่ปุ่นเต็มไปหมด ผมอ่านไม่ออก
เลยเดินเข้าไปดูซักหน่อย ถ่ายรูปแป๊บนึงแล้วค่อยออกมาครับ
[CR] What's up! Kansai | Kyoto Kobe Osaka ฉบับสากกะเบือยันเรือรบ [Part2]
ใน Part 2 : Day2 [Fushimi Inari > Kiyomizu Temple > Ginkakuji Temple > The National Museum of Modern Art > Yasaka Shrine > Gion]
Day3 [Shitennoji Temple > Osaka Museum Of History > Osaka Castle > Tempozan Ferris Wheel > หอคอย Tsutenkaku / ย่าน Shinsekai > Tombori River Cruise > Dotonbori > HEP Five Ferris Wheel ]
กดอ่าน Part ก่อนหน้า Part 1 : การเตรียมตัว และ Day0-1 ได้ที่ลิงค์นี้ครับ >> http://ppantip.com/topic/35331197
Part 3 : Day4-5 ได้ที่ลิงค์นี้ครับ >> http://ppantip.com/topic/35341769
Day 2 [Fushimi Inari > Kiyomizu Temple > Ginkakuji Temple > The National Museum of Modern Art > Yasaka Shrine > Gion ]
วันนี้ก็วันที่ 2 แล้ว หลังจากเดินทางเหนื่อยๆ เมื่อคืนก็เข้านอนเร็วนิดนึงครับ เพราะว่าวันนี้ต้องตื่นเช้าไปหลายที่อยู่ เดินเยอะแน่นอน555555 นอนเก็บแรงกันหน่อย ฮึบบบ!
วันนี้หลักๆผมจะเดินทางด้วย Kyoto City Bus นะครับ เลยซื้อเป็น Pass เหมาจ่ายไปเลย 500 Yen
ผมซื้อจากที่ Hostel ที่ผมพัก แต่จริงๆที่ป้ายรถเมล์ตรงสถานี Kyoto จะมีตู้ขายอยู่ครับ ไปซื้อที่นั่นได้เหมือนกัน
ที่แรกที่จะไปคือ Fushimi Inari (ศาลเจ้าเทพเจ้าจิ้งจอกอินาริ) หรือศาลเจ้าที่มี เสาโทริอิ สีส้มๆแดงๆเรียงยาวๆอยู่น่ะครับ ที่นี่ก็เป็นอีกที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมากัน เราก็จะไม่พลาดครับ
โดยขึ้นรถไฟ JR จากสถานี Kyoto Station ไปลงที่สถานี Inari
วันนี้ผมไม่ได้ใช้ JR Pass แล้วนะครับ ต้องซื้อตั๋วแยก 140 yen ครับ
จากสถานี Inari เดินนิดเดียวก็จะเห็นทางเข้าศาลเจ้า หรือ Fushimi Inari แล้วครับ จะมีเสาโทริอิใหญ่มากๆ ตั้งอยู่หน้าทางเข้าเลย
วัดนี้จะไม่เสียค่าเข้าชมนะครับ เดินชิวๆเข้าไปได้เลย ที่นี่นักท่องเที่ยวก็แอบเยอะอยู่นะครับ แต่ไม่อึดอัดเท่าวัดทอง เพราะวัดค่อนข้างกว้างอยู่
ตอนผมไปเจอทัวร์ลงหลายกลุ่มอยู่ มีทัวร์ไทยด้วย ได้ยินภาษาไทยอยู่ ผมนี่หันควับเลย555555
ก่อนเข้าวัด ตามธรรมเนียมเราก็ต้อง ล้างมือ ป้วนปากก่อนครับ วัดนี้จะมีวิธีทำเป็นภาษาอังกฤษบอกเลย จะได้ไม่ต้องแอบดูคนอื่นทำฮะ
เข้ามาผมก็ถ่ายรูปเรื่อยเปื่อยครับ เพลินดีจุง
จากตรงนี้เดินขึ้นไปด้านบน ก็จะเจอเหมือนเชือกยาวๆ ให้เราสั่นกระดิ่งอีกแล้วครับ ผมก็เจิม เอาหน่อยสั่นๆๆๆ ดังบ้างไม่ดังบ้าง
ก็ทำตามนักท่องเที่ยวคนอื่นๆไปครับ55555555 (ความไม่รู้เรื่องนี้ช่าง.....)
เจอกลุ่มวัยรุ่นญี่ปุ่นมาเที่ยว แล้วใส่ชุดกิโมโน ยูคาตะ มาเที่ยวเป็นกลุ่มเลยครับ เห็นแล้วดูน่ารักมากๆ แบบเป็นทีมเลย
ไม่แน่ใจว่ามาทำพิธีอะไรหรือเปล่า เพราะว่าเห็นเดินจับมือ เรียงแถวหน้ากระดานขึ้นมา
และแล้วก็ถึงไฮท์ไลท์ของวัดนี้ครับ ก็คือ เสาโทริอิสีส้มๆแดงๆ ที่เรียงยาววววววว ยาวจริงครับ ตอนก่อนมา ไม่คิดว่าจะยาวขนาดนี้
เพราะว่าเหมือนมีเสาหลายขนาดด้วย ตอนแรกจะเป็นเสาต้นใหญ่ๆก่อน แล้วลึกเข้าไปก็จะเป็นเสาต้นที่เล็กและเตี้ยลงครับ
เดินผ่านเสาโทริอิ ตลอดทางก็ได้ยินภาษาไทยเรื่อยๆเลยครับ นี่ไม่แน่ใจว่าอยู่ญี่ปุ่นหรือไทยแน่ 555555555
ที่นี่ก็มีเหมือนเสาโทริอิต้นเล็กๆ ให้เราซื้อ แล้วเขียนขอพรห้องไว้ได้ครับ
หรือจะเป็นหน้าจิ้งจอกก็มีครับ เพราะเหมือนอีกสัญลักษณ์นึง ของวัดนี้คือ จิ้งจอก ที่เขาเชื่อว่า ผู้นำสารถึงเทพเจ้าครับ
ให้เราเติมหน้าอะไรกันเองได้เลย เห็นของบนคนก็ฮาดีเหมือนกัน เติมซะเท่เลย
เดินย้อนออกมาทางข้างหน้าวัดก็จะเจอเป็นเหมือน ร้านขายของที่ระลึก เรียงรายอยู่เต็มเลยครับ
ช้อปปิ้งกันได้เต็มที่เลยยยย
ถัดมาอีกติ๊ดนึง ก็จะมีซอยยาวๆ ที่จะมีร้านขายของ (อีกแล้วหรอ) และร้านขายอาหาร/ขนม (อันนี้สิดี อิอิ) เรียงร้านให้ซื้อเลยครับ
ของอะไร ช่างมันก่อน เรากินกันดีกว่า5555555
มา เริ่ม! อย่างแรกที่ซื้อเป็นน้ำส้มครับ ส้มสดๆ ส้มเป็นลูกๆเลย เหมือนเขาเจาะแล้วเอาเข้าเครื่อง ให้เนื้อส้มด้านในกลายเป็นน้ำครับ
เอาหลอดจิ้ม ดูดได้จากลูกเลย กลีบส้มเต็มๆ อร่อยดีครับ / ค่าเสียหาย 500 yen นะจ้ะ
อย่างที่ 2 ตามมาติดๆครับ คุณผู้โชมมมมมม!! Crab Stick นั่นเอง จริงๆแล้วกินไปมันให้ฟีลเหมือนเรากินปูอัด ที่ชิ้นใหญ่กว่า เนื้อแน่นกว่า รสชาติดีกว่านิดนึงเท่านั้นเองครับ แต่ก็โอเค ไม่ได้แย่อะไร / อันนี้ก็ไม้ละ 500 yenฮะ
อันนี้ผมถ่ายย้อนเข้าไปในซอยที่เพิ่งเดินผ่านมาฮะ
เดินๆๆๆๆ เราจะไปสถานี Fushimi-Inari กัน
สุดทางพอดี ก็จะเจอสถานี Fushimi-Inari เพื่อขึ้นรถไฟ Keihan ไปลงที่ Kiyomizu-Gojo ไปวัดน้ำใสกันครับ
อันนี้ต้องจ่ายแยกเองนะครับ คนละ 210 yen เวลาขึ้นต้องดูฝั่งดีๆนะครับ เพราะตอนแรกผมไปผิด Track เราต้องเดินข้ามทางรถไฟมาขึ้น Track อีกฝั่งนึง
ลงที่สถานี Kiyomizu-Gojo แล้วก็เดินๆๆๆ เดินตรงไปอย่างเดียวเลย
เจอน้องหมาซ้อนท้ายจักรยานด้วย ผมเดินตามจักรยานอยู่ตอนแรก มันนิ่งมากๆเลยครับ น่ารักแบบ น่ารักไม่ไหวแล้ว ผมนี่หยิบกล้องถ่ายรูป เปิด Snapchat ส่งรัวๆๆๆๆ น่ารักมาก งือออออ
เดินมาจนสุดหัวถนนจะเจอเหมือนทางแยก เราก็เดินข้ามถนนตรงไปเลยครับ จะเห็นป้ายบอกทางไปวัดอยู่อีกฝั่งนึงของถนน
จะมีนักท่องเที่ยว เดินตามๆกันไปอยู่ครับ ไม่หลงแน่นอน
แต่พอดีผมเห็นอีกฝั่งนึงของถนน มีเหมือนวัดอยู่ ไม่รู้ว่าชื่อวัดอะไรนะครับ มีแต่ภาษาญี่ปุ่นเต็มไปหมด ผมอ่านไม่ออก
เลยเดินเข้าไปดูซักหน่อย ถ่ายรูปแป๊บนึงแล้วค่อยออกมาครับ