นานมากแล้วครับเป็นสิวเต็มหน้า
นานมากแล้วครับเป็นสิวเต็มหน้CO2 รอหมอนานเพราะตจแพทย์คนนี้ดัง
*CO2 ใช้เปิดหัวสิว จากนั้นกดสิว ตอนทำเจ็บมาก หลังจากทำจะได้แผลเหวอะหวะไว้ดูเล่น 5 วัน เพราะฉะนั้นต้องพักหน้า + หลบแดด หลังจากแผลตกสะเก็ดก็ไปเก็บรอยนิดหน่อย หน้าก็ใสกิ๊ง
จากนั้นก็มีสิวขึ้นบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่มาต้นปีนี้พีคสุดซึ่งน่าจะมาจากรูปแบบการใช้ชีวิตที่ไม่ค่อยสมดุลนัก สิวบุกสิครับ เลยมองหาตจแพทย์ที่อื่น (ไม่ใช่ว่าหมอเดิมรักษาไม่ได้ผล แต่ผมไม่สะดวกรอคิวนาน + โรงพยาบาลนั้นก็ไกล) มาลงตัวที่คลินิกนี้ เค้าทำเฉพาะเรื่องเลเซอร์ ไม่มีพวกทรีทเมนท์เล็ก ๆ น้อย ๆ (เอ.. หรือมี แต่ผมไม่รู้หว่า) เลยทำให้ไม่ต้องรอคิวนาน ซึ่งเข้าทางผมเลย ไปปรึกษาหมอเรื่องสิว หมอแนะนำทำเลเซอร์วีบีม+สมูทบีม และครั้งสุดท้ายทำ fraxel (รู้สึกคุณหมอที่ทำให้จะเป็นเจ้าของ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด)
สำหรับผมไม่เห็นผลในทางบวกแบบมีนัยยะสำคัญเลย หลังจากทำสิวก็มีบ้างประปราย สิวตรงนั้นหาย ตรงนี้ขึ้น หลุมสิวก็เท่าเดิม รูขุมขนก็เฉย ๆ ยิ่งไปกว่านั้นรู้สึกว่าผิวหน้าบางขึ้นด้วยซ้ำ เจออะไรนิดอะไรหน่อยผิวก็เซ เช่นเวลาทำกับข้าวหรือเจอฝุ่นควันแล้วเหงื่อออกเหนอะหนะ ถ้าไม่รีบล้างหน้าและซับหน้าให้แห้ง เตรียมตัวต้อนรับสิวที่หน้า + คันและหลังจากคันจะมีหนองขึ้นเม็ดเล็ก ๆ ที่แก้มได้เลย ไอ้หนองเม็ดเล็ก ๆ ขึ้นเป็นผื่น ๆ อันนี้ต้องทายาสเตียรอยด์ (ไอ้หนองเม็ดเล็ก ๆ นี่ไม่รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่จะเกิดกับผมอยู่แล้วตอนอายุเท่านี้หรือเปล่า แต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็น เพิ่งมาเปฺ็นหลังจากทำอันนี้) เพราะฉะนั้นสำหรับผม fraxel ไม่ได้ให้ประสบการณ์ที่ดีนัก
*วีบีม+สมูทบีม คือดูแลตัวสิวและรอยดำแดงไปในพร้อมกัน หลังจากทำไม่ต้องพักหน้าอยู่บ้าน ออกไปหลั่นล๊าได้เลย มันดีตรงนี้ >__<
**Fraxel เป็น fractional laser จะช่วยเรื่องหลุมสิว รูขุมขน อะไรแบบนี้ หลังทำแสบหน้ามาก หน้าแดงแปร๊ด ต้องพักรักษาหน้าสัก 2-3 วัน + หลบแดด และต้องทาครีม อันนี้ถ้าจำไม่ผิดเป็น zinc ซึ่งเหนอะมาก + กินยาที่หมอจ่าย
*** ทำวีบีม + สมูทบีมแค่ 2 ครั้ง + fraxel แค่ครั้งเดียว เพราะฉะนั้นผมพอเข้าใจนะที่ทำแล้วสิวอาจไม่หาย + หลุมสิวไม่ดีขึ้น
อ้อระหว่างทำที่นี่ หมอก็บอกว่าผมมีกระเนื้อนะ อยากทำไหม เค้าเห็นแล้วอยากทำให้มาก แต่ส่วนตัวแล้วผมต้องการแค่ผิวหน้าดูมีสุขภาพดี ไม่มีสิวมากวนใจก็พอ ตอนนั้นเลยไม่ได้สนใจ
ผ่านมา 5 เดือน ผมเข้าอีกคลินิกนึง คลินิกนี้เป็นคลินิกมีหลายสาขา แต่ที่คลินิกนี้ต่างจากที่อื่น (ผมสรุปเอาเอง) คือ หมอทุกคนเป็นตจแพทย์หมด ผมเห็นมีโปรอยู่เป็นทำเลเซอร์ LED + IPL เพื่อฆ่าเชื้อสิวและลดการอักเสบของสิว ( เอิ่มมมม อันนี้มันเป็นการดูแลเสริมปะวะ ไม่ใช่แนวทางการรักษาหลัก เอาเหอะอันนี้ผมก็ไม่มีความรู้ แต่ถ้าเข้าใจไม่ผิด LED + IPL มันไม่ใช่การรักษาหลักในเรื่องของสิว รบกวนผู้รู้บอกด้วยครับ) ก่อนทำก็พบแพทย์ จากนั้นแพทย์ก็สอบถามประวัติ ผมก็บอกแพทย์ไปว่า ผมไม่ฉีดสิวนะ เพราะเคยฉีดแล้วได้หลุมสิวมา , ผมไม่ทายาสิวทั้งหลายนะ เพราะสำหรับผมไม่เวิร์คแถมทำหน้าขาดสมดุลย์ พอหน้าขาดสมดุลย์ ก็ยิ่งแย่ , และผมไม่เอายากินนะ
หมอก็ตรวจ ๆ ผิวหน้า และเอาสิวไปส่องกล้องเพื่อหาเชื้อจากนั้นก็บอกว่ามีเชื้อ 2 ตัว ต้องกินยาฆ่าเชื้อนะ แต่ผมคิดว่าผมจัดการตรงนี้ได้เลยบอกหมอว่าผมขอไม่เอายานะ ผมดูแลตัวเองได้ แต่ผมขอทำเลเซอร์เกี่ยวกับเชื้อสิวอย่างเดียวก็พอ
ระหว่างนั้นหมอก็บอกว่าจริง ๆ มีหลายจุดเลยที่ดูเหมือนสิวแต่พอดูใกล้ ๆ แล้วไม่ใช่สิวนะแต่เป็นกระเนื้อ หมอแนะนำให้ผมทำเลเซอร์เพื่อเอากระออก แต่ก็บอกว่าแล้วแต่นะจะทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ หมอบอกมีเป็นร้อยเม็ดเลย หมอจะใช้ CO2 ทำ แต่เครื่องเป็นของอิสราเอลนะไม่ใช่ US และเครื่องก็ประมาณ 10 ปีแล้ว แต่เครื่องยังดีอยู่ และหมอบอกว่า หมอมั่นใจในฝีมือหมอ นี่เป็นตจแพทย์คนที่ 2 แล้วที่ทักผมเรื่องกระเนื้อ และชวนผมทำ ผมเกือบทำไปแล้วไหมละ แต่ผมอยากหาข้อมูลก่อนก็เลยยังไม่ได้ทำ
(อ้อ หมอชวนฉีดฟิลเลอร์ด้วย แต่ระหว่างชวนก็บอกว่าไม่ทำก็ได้นะ)
ตอนทำเลเซอร์ เจ้าหน้าที่ก็ล้างหน้าให้ จากนั้นหมอก็ปิดตา และเริ่มทำเลเซอร์ รู้สึกเหมือนมีอะไรดูด ๆ ที่หน้าตอนทำ ทำแป๊ปเดียว หลังทำก็หลั่นล๊าได้ สภาพหน้าหลังทำกับก่อนทำดูไม่แตกต่าง 2 วันให้หลังมีสิวแดง ๆ เตรียมจ่อขึ้น *__* แต่อันนี้ก็เข้าใจนะ ทำครั้งเดียวจะให้สิวหายไปเลยเร๊อะ ส่วนสิวอุดตันหมอบอกคราวหน้ามาทำ CO2 + กดออก ก็ได้
จากนั้นผมก็นั่งหาข้อมูลไปเรื่อย ๆ จนไปเจอคำพูดนี้ -----> "อาชีพแพทย์นั้นมีเกียรติ แพทย์ที่ดีจะไม่ร่ำรวย แต่ก็ไม่อดตาย ถ้าใครอยากร่ำรวย ก็ควรเป็นอย่างอื่นไม่ใช่แพทย์"
เท่านั้นแหละ แสงพุ่งกันเลยทีเดียว ใจผมนี่ให้คะแนนบวกกับคุณหมอคนนี้เลย จากนั้นทำการหาข้อมูลเพิ่มเติมจากพวกเว๊ปสมาคมแพทย์ผิวหนังของต่างประเทศ และตามโรงเรียนแพทย์ของไทยว่าเค้าว่าเกี่ยวกับกระเนื้อยังไง
ผมข้ามมาที่วิธีรักษาที่ผมดู ๆ จากในเน็ตเลยนะ ตามข้อมูลที่หาได้เค้าบอกว่าใช้ไนโตรเจนเหลว หรือเลเซอร์ก็ได้ถ้าอยากจะกำจัดกระเนื้อ ทีนี้บทความของโรงเรียนแพทย์ที่ผมเจอก็ไม่ได้เอ่ยว่าใช้เลเซอร์ตัวไหน เพียงแต่บอกว่าเลเซอร์
ผมก็หาข้อมูลเพิ่มเติม เกือบทุกคลินิกและโรงพยาบาลที่ผมหาข้อมูลมาบอกว่า กระเนื้อใช้เลเซอร์ CO2 มีแค่คลินิกคุณหมอคนนี้เท่านั้นที่บอกว่าเลเซอร์ CO2 ก็ทำได้ คนก็นิยมทำกัน แต่เลเซอร์ที่เหมาะที่สุด ณ. ขณะนี้คือ Q-switched (และในเว๊ปคลินิกของคุณหมอเองเหมือนกับว่าไม่มีเลเซอร์ CO2 )
ผมก็ลังเลสิ สรุปข้อความ .....อาชีพแพทย์นั้นมีเกีรติ มันคืออะไรกัน !!!! ลวงโลกรึเปล่าฟ่ะ????
แต่ผมยังรู้สึกบวกกับคุณหมอคนนี้อยู่ เอาว่ะ ลองสักตั้ง วันนี้เลยไปหาคุณหมอ คุณหมอน่ารักมากครับ และไม่ขายคอร์ส พนักงานก็ดูใช้ได้ สถานที่ก็ดูเรียบร้อย หมอก็จบบอร์ดของเมกา เลเซอร์ก็ของเมกา อ้อพอสอบถามเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับเครื่อง CO2 เค้าบอกว่าที่คลินิกก็มีเครื่องเลเซอร์ CO2 นะ
ตอนทำเจ้าหน้าที่ก็ล้างหน้า จากนั้นก็ทายาชาทิ้งไว้ 30 นาที และก็เริ่มทำเลเซอร์ ไม่เจ็บครับ คำแนะนำจากหมอและคลินิกคือหลังจากทำเสร็จห้ามโดนน้ำ 8 ชั่วโมง จากนั้นล้างหน้าเบา ๆ เวลาซับหน้าก็แตะ ๆ เอา ทาขี้ผึ้งสีขาว ๆ 2 วัน และก็มี antibiotic cream กับ มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ อย่าแกะแผล และหลบแดด สัก 5 วันสะเก็ดน่าจะตก พอแผลตกสะเก็ดต้องทาครีมกันแดด
ผลที่ได้ยังไม่รู้ว่าเป็นยังไง ต้องรอแผลตกสะเก็ดโน่นแหล่ะ
กะว่าถ้าทำเสร็จแล้วหน้าใส (คิดล่วงหน้าไปไกลมากกกก >__< ) เวลามีคนชม + ถามว่า ทำอะไรมาหน้าใสเชียว ผมจะตอบว่า ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว
*ตามความเข้าใจผมนะ
เรียนแพทย์ 6 ปี (ที่เมืองไทย) จบมาเป็นแพทย์ บางคนก็ใช้ทุน บางคนก็จ่ายเงิน จากนั้นทำงานสักพักแล้วค่อยไปต่อยอดสาขาเฉพาะทางเอา
ไปต่อตจวิทยาอีกสองสามปี ก็จะได้เป็นตจแพทย์ หรือแพทย์ผิวหนัง หรือ dermatologist ถ้าอยากรู้ว่าแพทย์ที่รักษาเราเป็นแพทย์ผิวหนังไหม ก็เช็คได้ที่
http://www.dst.or.th/html/index.php?op=article-search_md
จากนั้นอาจไปศึกษาต่อเรื่องเลเซอร์
ทีนี้กลับมาสู่หัวข้อคำถามครับ
1. จบแพทย์ 6 ปีก็มาเป็นหมอที่คลินิกความงาม กับตจแพทย์ คุณจะเลือกใคร
2. เป็นตจแพทย์แล้วไปทำ workshop หรืออบรมสั้น ๆ เกี่ยวกับเครื่องเลเซอร์ กับ ตจแพทย์ที่ไปต่อด้านเลเซอร์ คุณจะเลือกใคร (ค่าพลังงานเลเซอร์มันต้องปรับนะครับ)
3. เครื่องเลเซอร์ตามงานวิจัย กับเครื่องเลเซอร์ที่มาจากที่อื่น คุณจะเลือกอันไหน
ทั้ง 3 ข้อนี่ไม่เอาปัจจัยอื่น ๆ มาเกี่ยวข้อง เช่นสไตล์ส่วนตัวของหมอ ซึ่งบางคนก็ทันสมัย บางคนก็ติดตามข่าวสารอัพเดทเหตุการณ์ด้านวิชาชีพ ส่วนบางคนไม่ค่อย บางคนก็เชื่อในสิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ บางคนก็ใหม่ บางคนมีประสบการณ์ บางคนเราก็รู้จัก เป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง เป็นเพื่อนของเพื่อน 9ล9 หรือเจอหมอที่ดีทุกอย่างแต่วันนั้นดันไม่ใช่วันของเรา
จบละครับ สำหรับกระทู้แรก ไปละครับ ขอให้มีความสุขในวันนี้นะครับ
"ทุกคนเป็นคนดี เพียงแต่เค้าจะดีกับเรารึเปล่า ก็เท่านั้น"
เคยหาหมอสิวกันไหม แล้วเลือกหมอยังไงครับ
นานมากแล้วครับเป็นสิวเต็มหน้CO2 รอหมอนานเพราะตจแพทย์คนนี้ดัง
*CO2 ใช้เปิดหัวสิว จากนั้นกดสิว ตอนทำเจ็บมาก หลังจากทำจะได้แผลเหวอะหวะไว้ดูเล่น 5 วัน เพราะฉะนั้นต้องพักหน้า + หลบแดด หลังจากแผลตกสะเก็ดก็ไปเก็บรอยนิดหน่อย หน้าก็ใสกิ๊ง
จากนั้นก็มีสิวขึ้นบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่มาต้นปีนี้พีคสุดซึ่งน่าจะมาจากรูปแบบการใช้ชีวิตที่ไม่ค่อยสมดุลนัก สิวบุกสิครับ เลยมองหาตจแพทย์ที่อื่น (ไม่ใช่ว่าหมอเดิมรักษาไม่ได้ผล แต่ผมไม่สะดวกรอคิวนาน + โรงพยาบาลนั้นก็ไกล) มาลงตัวที่คลินิกนี้ เค้าทำเฉพาะเรื่องเลเซอร์ ไม่มีพวกทรีทเมนท์เล็ก ๆ น้อย ๆ (เอ.. หรือมี แต่ผมไม่รู้หว่า) เลยทำให้ไม่ต้องรอคิวนาน ซึ่งเข้าทางผมเลย ไปปรึกษาหมอเรื่องสิว หมอแนะนำทำเลเซอร์วีบีม+สมูทบีม และครั้งสุดท้ายทำ fraxel (รู้สึกคุณหมอที่ทำให้จะเป็นเจ้าของ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด)
สำหรับผมไม่เห็นผลในทางบวกแบบมีนัยยะสำคัญเลย หลังจากทำสิวก็มีบ้างประปราย สิวตรงนั้นหาย ตรงนี้ขึ้น หลุมสิวก็เท่าเดิม รูขุมขนก็เฉย ๆ ยิ่งไปกว่านั้นรู้สึกว่าผิวหน้าบางขึ้นด้วยซ้ำ เจออะไรนิดอะไรหน่อยผิวก็เซ เช่นเวลาทำกับข้าวหรือเจอฝุ่นควันแล้วเหงื่อออกเหนอะหนะ ถ้าไม่รีบล้างหน้าและซับหน้าให้แห้ง เตรียมตัวต้อนรับสิวที่หน้า + คันและหลังจากคันจะมีหนองขึ้นเม็ดเล็ก ๆ ที่แก้มได้เลย ไอ้หนองเม็ดเล็ก ๆ ขึ้นเป็นผื่น ๆ อันนี้ต้องทายาสเตียรอยด์ (ไอ้หนองเม็ดเล็ก ๆ นี่ไม่รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่จะเกิดกับผมอยู่แล้วตอนอายุเท่านี้หรือเปล่า แต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็น เพิ่งมาเปฺ็นหลังจากทำอันนี้) เพราะฉะนั้นสำหรับผม fraxel ไม่ได้ให้ประสบการณ์ที่ดีนัก
*วีบีม+สมูทบีม คือดูแลตัวสิวและรอยดำแดงไปในพร้อมกัน หลังจากทำไม่ต้องพักหน้าอยู่บ้าน ออกไปหลั่นล๊าได้เลย มันดีตรงนี้ >__<
**Fraxel เป็น fractional laser จะช่วยเรื่องหลุมสิว รูขุมขน อะไรแบบนี้ หลังทำแสบหน้ามาก หน้าแดงแปร๊ด ต้องพักรักษาหน้าสัก 2-3 วัน + หลบแดด และต้องทาครีม อันนี้ถ้าจำไม่ผิดเป็น zinc ซึ่งเหนอะมาก + กินยาที่หมอจ่าย
*** ทำวีบีม + สมูทบีมแค่ 2 ครั้ง + fraxel แค่ครั้งเดียว เพราะฉะนั้นผมพอเข้าใจนะที่ทำแล้วสิวอาจไม่หาย + หลุมสิวไม่ดีขึ้น
อ้อระหว่างทำที่นี่ หมอก็บอกว่าผมมีกระเนื้อนะ อยากทำไหม เค้าเห็นแล้วอยากทำให้มาก แต่ส่วนตัวแล้วผมต้องการแค่ผิวหน้าดูมีสุขภาพดี ไม่มีสิวมากวนใจก็พอ ตอนนั้นเลยไม่ได้สนใจ
ผ่านมา 5 เดือน ผมเข้าอีกคลินิกนึง คลินิกนี้เป็นคลินิกมีหลายสาขา แต่ที่คลินิกนี้ต่างจากที่อื่น (ผมสรุปเอาเอง) คือ หมอทุกคนเป็นตจแพทย์หมด ผมเห็นมีโปรอยู่เป็นทำเลเซอร์ LED + IPL เพื่อฆ่าเชื้อสิวและลดการอักเสบของสิว ( เอิ่มมมม อันนี้มันเป็นการดูแลเสริมปะวะ ไม่ใช่แนวทางการรักษาหลัก เอาเหอะอันนี้ผมก็ไม่มีความรู้ แต่ถ้าเข้าใจไม่ผิด LED + IPL มันไม่ใช่การรักษาหลักในเรื่องของสิว รบกวนผู้รู้บอกด้วยครับ) ก่อนทำก็พบแพทย์ จากนั้นแพทย์ก็สอบถามประวัติ ผมก็บอกแพทย์ไปว่า ผมไม่ฉีดสิวนะ เพราะเคยฉีดแล้วได้หลุมสิวมา , ผมไม่ทายาสิวทั้งหลายนะ เพราะสำหรับผมไม่เวิร์คแถมทำหน้าขาดสมดุลย์ พอหน้าขาดสมดุลย์ ก็ยิ่งแย่ , และผมไม่เอายากินนะ
หมอก็ตรวจ ๆ ผิวหน้า และเอาสิวไปส่องกล้องเพื่อหาเชื้อจากนั้นก็บอกว่ามีเชื้อ 2 ตัว ต้องกินยาฆ่าเชื้อนะ แต่ผมคิดว่าผมจัดการตรงนี้ได้เลยบอกหมอว่าผมขอไม่เอายานะ ผมดูแลตัวเองได้ แต่ผมขอทำเลเซอร์เกี่ยวกับเชื้อสิวอย่างเดียวก็พอ
ระหว่างนั้นหมอก็บอกว่าจริง ๆ มีหลายจุดเลยที่ดูเหมือนสิวแต่พอดูใกล้ ๆ แล้วไม่ใช่สิวนะแต่เป็นกระเนื้อ หมอแนะนำให้ผมทำเลเซอร์เพื่อเอากระออก แต่ก็บอกว่าแล้วแต่นะจะทำก็ได้ไม่ทำก็ได้ หมอบอกมีเป็นร้อยเม็ดเลย หมอจะใช้ CO2 ทำ แต่เครื่องเป็นของอิสราเอลนะไม่ใช่ US และเครื่องก็ประมาณ 10 ปีแล้ว แต่เครื่องยังดีอยู่ และหมอบอกว่า หมอมั่นใจในฝีมือหมอ นี่เป็นตจแพทย์คนที่ 2 แล้วที่ทักผมเรื่องกระเนื้อ และชวนผมทำ ผมเกือบทำไปแล้วไหมละ แต่ผมอยากหาข้อมูลก่อนก็เลยยังไม่ได้ทำ
(อ้อ หมอชวนฉีดฟิลเลอร์ด้วย แต่ระหว่างชวนก็บอกว่าไม่ทำก็ได้นะ)
ตอนทำเลเซอร์ เจ้าหน้าที่ก็ล้างหน้าให้ จากนั้นหมอก็ปิดตา และเริ่มทำเลเซอร์ รู้สึกเหมือนมีอะไรดูด ๆ ที่หน้าตอนทำ ทำแป๊ปเดียว หลังทำก็หลั่นล๊าได้ สภาพหน้าหลังทำกับก่อนทำดูไม่แตกต่าง 2 วันให้หลังมีสิวแดง ๆ เตรียมจ่อขึ้น *__* แต่อันนี้ก็เข้าใจนะ ทำครั้งเดียวจะให้สิวหายไปเลยเร๊อะ ส่วนสิวอุดตันหมอบอกคราวหน้ามาทำ CO2 + กดออก ก็ได้
จากนั้นผมก็นั่งหาข้อมูลไปเรื่อย ๆ จนไปเจอคำพูดนี้ -----> "อาชีพแพทย์นั้นมีเกียรติ แพทย์ที่ดีจะไม่ร่ำรวย แต่ก็ไม่อดตาย ถ้าใครอยากร่ำรวย ก็ควรเป็นอย่างอื่นไม่ใช่แพทย์"
เท่านั้นแหละ แสงพุ่งกันเลยทีเดียว ใจผมนี่ให้คะแนนบวกกับคุณหมอคนนี้เลย จากนั้นทำการหาข้อมูลเพิ่มเติมจากพวกเว๊ปสมาคมแพทย์ผิวหนังของต่างประเทศ และตามโรงเรียนแพทย์ของไทยว่าเค้าว่าเกี่ยวกับกระเนื้อยังไง
ผมข้ามมาที่วิธีรักษาที่ผมดู ๆ จากในเน็ตเลยนะ ตามข้อมูลที่หาได้เค้าบอกว่าใช้ไนโตรเจนเหลว หรือเลเซอร์ก็ได้ถ้าอยากจะกำจัดกระเนื้อ ทีนี้บทความของโรงเรียนแพทย์ที่ผมเจอก็ไม่ได้เอ่ยว่าใช้เลเซอร์ตัวไหน เพียงแต่บอกว่าเลเซอร์
ผมก็หาข้อมูลเพิ่มเติม เกือบทุกคลินิกและโรงพยาบาลที่ผมหาข้อมูลมาบอกว่า กระเนื้อใช้เลเซอร์ CO2 มีแค่คลินิกคุณหมอคนนี้เท่านั้นที่บอกว่าเลเซอร์ CO2 ก็ทำได้ คนก็นิยมทำกัน แต่เลเซอร์ที่เหมาะที่สุด ณ. ขณะนี้คือ Q-switched (และในเว๊ปคลินิกของคุณหมอเองเหมือนกับว่าไม่มีเลเซอร์ CO2 )
ผมก็ลังเลสิ สรุปข้อความ .....อาชีพแพทย์นั้นมีเกีรติ มันคืออะไรกัน !!!! ลวงโลกรึเปล่าฟ่ะ????
แต่ผมยังรู้สึกบวกกับคุณหมอคนนี้อยู่ เอาว่ะ ลองสักตั้ง วันนี้เลยไปหาคุณหมอ คุณหมอน่ารักมากครับ และไม่ขายคอร์ส พนักงานก็ดูใช้ได้ สถานที่ก็ดูเรียบร้อย หมอก็จบบอร์ดของเมกา เลเซอร์ก็ของเมกา อ้อพอสอบถามเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับเครื่อง CO2 เค้าบอกว่าที่คลินิกก็มีเครื่องเลเซอร์ CO2 นะ
ตอนทำเจ้าหน้าที่ก็ล้างหน้า จากนั้นก็ทายาชาทิ้งไว้ 30 นาที และก็เริ่มทำเลเซอร์ ไม่เจ็บครับ คำแนะนำจากหมอและคลินิกคือหลังจากทำเสร็จห้ามโดนน้ำ 8 ชั่วโมง จากนั้นล้างหน้าเบา ๆ เวลาซับหน้าก็แตะ ๆ เอา ทาขี้ผึ้งสีขาว ๆ 2 วัน และก็มี antibiotic cream กับ มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ อย่าแกะแผล และหลบแดด สัก 5 วันสะเก็ดน่าจะตก พอแผลตกสะเก็ดต้องทาครีมกันแดด
ผลที่ได้ยังไม่รู้ว่าเป็นยังไง ต้องรอแผลตกสะเก็ดโน่นแหล่ะ
กะว่าถ้าทำเสร็จแล้วหน้าใส (คิดล่วงหน้าไปไกลมากกกก >__< ) เวลามีคนชม + ถามว่า ทำอะไรมาหน้าใสเชียว ผมจะตอบว่า ดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว
*ตามความเข้าใจผมนะ
เรียนแพทย์ 6 ปี (ที่เมืองไทย) จบมาเป็นแพทย์ บางคนก็ใช้ทุน บางคนก็จ่ายเงิน จากนั้นทำงานสักพักแล้วค่อยไปต่อยอดสาขาเฉพาะทางเอา
ไปต่อตจวิทยาอีกสองสามปี ก็จะได้เป็นตจแพทย์ หรือแพทย์ผิวหนัง หรือ dermatologist ถ้าอยากรู้ว่าแพทย์ที่รักษาเราเป็นแพทย์ผิวหนังไหม ก็เช็คได้ที่ http://www.dst.or.th/html/index.php?op=article-search_md
จากนั้นอาจไปศึกษาต่อเรื่องเลเซอร์
ทีนี้กลับมาสู่หัวข้อคำถามครับ
1. จบแพทย์ 6 ปีก็มาเป็นหมอที่คลินิกความงาม กับตจแพทย์ คุณจะเลือกใคร
2. เป็นตจแพทย์แล้วไปทำ workshop หรืออบรมสั้น ๆ เกี่ยวกับเครื่องเลเซอร์ กับ ตจแพทย์ที่ไปต่อด้านเลเซอร์ คุณจะเลือกใคร (ค่าพลังงานเลเซอร์มันต้องปรับนะครับ)
3. เครื่องเลเซอร์ตามงานวิจัย กับเครื่องเลเซอร์ที่มาจากที่อื่น คุณจะเลือกอันไหน
ทั้ง 3 ข้อนี่ไม่เอาปัจจัยอื่น ๆ มาเกี่ยวข้อง เช่นสไตล์ส่วนตัวของหมอ ซึ่งบางคนก็ทันสมัย บางคนก็ติดตามข่าวสารอัพเดทเหตุการณ์ด้านวิชาชีพ ส่วนบางคนไม่ค่อย บางคนก็เชื่อในสิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ บางคนก็ใหม่ บางคนมีประสบการณ์ บางคนเราก็รู้จัก เป็นเพื่อน เป็นพี่น้อง เป็นเพื่อนของเพื่อน 9ล9 หรือเจอหมอที่ดีทุกอย่างแต่วันนั้นดันไม่ใช่วันของเรา
จบละครับ สำหรับกระทู้แรก ไปละครับ ขอให้มีความสุขในวันนี้นะครับ
"ทุกคนเป็นคนดี เพียงแต่เค้าจะดีกับเรารึเปล่า ก็เท่านั้น"