แชร์ประสบการณ์กระเพาะบิดในสุนัข อันตรายที่พรากชีวิต#โตโต้ไปอย่างรวดเร็ว

กระทู้นี้ขอแชร์เป็นประสบการณ์ให้ผู้เลี้ยงสุนัขทุกท่าน เนื่องจากโรคนี้ยังเป็นที่รู้จักกันน้อย และเนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีที่โตโต้จากไป 30มิถุนายน2558-30มิถุนายน2559
    โตโต้เป็นสุนัขตัวผู้ อายุ 15 ปี สุขภาพร่างกายทั่วไปถือว่าแข็งแรง ยังเดิน กิน นอนได้ตามปกติ น้ำหนักสูงสุดหลังจากทำหมันอยู่ทึ่ 30+กิโลกรัม แต่ก็ลดลงมาเรื่อยๆตามกำลังวังชา ทุกอย่างดำเนินไปตามปกติ จนกระทั่ง...

โตโต้สมัยยังหนุ่มยังแน่น


วันที่ 29 มิถุนายน 2558

สี่ทุ่มครึ่ง หลังจากที่โตโต้กินน้ำและลุกขึ้นยืนเตรียมตัวไปนอน โตโต้มีอาการกระสับกระส่าย หายใจเข้าออกอย่างแรง ท้องบวมอย่างเห็นได้ชัด พยายามอาเจียร จนตัวโก่งแต่ไม่มีอะไรออกมา เห่าเสียงดัง และแสดงอาการไม่สบายตัวอย่างมาก อาการทั้งหมดเกิดขึ้นในระยะเวลาไม่ถึง 1 นาที ซึ่งเป็นอาการที่ผิดปกติมาก

พวกเรารีบพาโตโต้ขึ้นรถไปหาหมอ แต่ระยะทางจากบ้านไปถึงโรงพยาบาลกินเวลาค่อนข้างนานเพราะมีการทำรถไฟฟ้า ระหว่างทางโตโต้ยังเห่าอยู่บ้าง แต่ท้องยังคงบวมเป่ง เราใช้เวลาประมาณ 50 นาทีก็ถึงโรงพยาบาล รีบให้ประวัติและชั่งน้ำหนัก ผู้ช่วยสัตวแพทย์รีบเข้ามาตรวจดู เห็นเหงือกซีดและน้ำลายเยอะเหนียวติดที่ขอบปาก ตาเริ่มเบิกค้าง ผู้ช่วยแจ้งพวกเราว่าอาการวิกฤตมาก คุณหมอรีบมาตรวจซักอาการ แล้วบอกว่าต้องไปเอ็กซเรย์เพื่อตรวจว่าเป็นกระเพาะบิดหรือไม่

ขนาดตัวเกือบเต็มเตียงสังเกตท้องจะป่องผิดปกติ อาจจะดูยากเพราะขนยาว แต่ถ้าตีเบาๆที่ท้องจะเสียงดังป๊องๆแบบมีช่องว่างอยู่ด้านใน


ผ่านไปประมาณ 10 นาที หมอรายงานผลเอ็กซเรย์ว่าโตโต้กระเพาะบิดรุนแรงมาก จากฟิล์มเห็นได้เลยว่าบิดเยอะจนเหมือนมีกระเพาะ2ก้อน มีทางแก้ทางเดียวเคสนี้คือต้องผ่าตัดเพื่อบิดกระเพาะกลับ ต้องวางยาสลบ และต้องรีบผ่าตัดด่วนเพราะยิ่งเวลาผ่านไป ค่าเลือด ระบบอวัยวะภายในจะยิ่งแย่ลงจากการกระเพาะบิด

ผลเอ็กซเรย์




จากรูปจะเห็นช่องว่างคือลมที่อยู่ในกระเพาะ รวมระยะเวลาตั้งแต่มีอาการจนก่อนที่หมอจะเจาะระบายลมก็เกือบชั่วโมง

หมอทำการระบายลมเพื่อให้โตโต้หายใจได้สะดวก หมอเอาเข็มเจาะระบายลมสดๆจากท้องโตโต้ไปเยอะมาก สามารถเห็นรอยเข็มเล็กๆที่ท้องได้เลย หลังจากระบายลมก็ดูหายใจสบายขึ้น แต่ยังลืมตาโตอยู่ จะกระพริบก็ต่อเมื่อมีอะไรไปใกล้ๆตา หมอแจ้งว่าถ้าจะผ่าที่นี่ต้องรออีกสามชั่วโมง เนื่องจากกว่าจะเรียกแพทย์ผ่าตัดมา และแนะนำให้เราไปโรงพยาบาลสัตว์ที่มีห้องฉุกเฉิน24ชั่วโมง และมีหมอประจำซึ่งพร้อมกว่า สามชั่วโมงกับภาวะวิกฤตที่เป็นอยู่ ทางเรารอไม่ไหว จึงตัดสินใจไปอีกโรงพยาบาล

มาถึงโรงพยาบาลสัตว์ ทีมแพทย์รีบรับตัวเข้าไปทำการรักษา แจ้งรายละเอียดเบื้องต้นบอกว่าต้องทำการสวนอาหารออกมาจากกระเพาะ  ให้เจ้าของต้องรอฟังอาการข้างนอก เวลาผ่านไปไม่นาน หมอก็ออกมาบอกว่า โตโต้หัวใจหยุดเต้น ทีมหมอกำลังพยายามช่วยปั้มหัวใจให้กลับมาอยู่ แต่ด้วยร่างกายของโตโต้ที่แก่มากแล้ว และมาถึงอาการก็ค่อนข้างวิกฤต ก็ขึ้นอยู่กับเค้าเลยว่าจะทนได้แค่ไหน สุดท้ายโตโต้ก็สู้แล้วก็กลับมาได้

หมอแจ้งแผนการรักษาเพิ่มเติมว่าตอนนี้ร่างกายยังไม่พร้อมผ่าตัด ทำได้แค่เตรียมร่างกายให้พร้อม และคอยเวลาถ้าค่าเลือดต่างๆดีขึ้น ก็จะวางยาสลบและทำการรักษาได้ และให้เราเซ็นต์ยินยอมการวางยาสลบ ผ่านไปเกือบชั่วโมงที่ทีมหมอสวนอาหารออกจากท้อง ให้น้ำเกลือ สวนปัสสาวะ เมื่ออาการต่างๆดูค่อนข้างคงที่ โตโต้สามารถหายใจได้เอง หมอก็เราเข้าไปนั่งเฝ้า

โตโต้นอนอยู่ โดยมีท่อช่วยหายใจเสียบเข้าไปในคอและจมูก เสียงหายใจเป็นจังหวะนิ่งๆ แต่โตโต้ยังลืมตาอยู่ หมอช่วยเอาเจลหล่อลื่นทาตาให้ ช่วงนี้มีอะไรไปจิ้มตา โตโต้ก็ไม่กระพริบตาแล้ว หมอบอกว่ารอให้ร่างกายเค้ามีอาการตอบสนองก่อน ตอนนี้โตโต้ไม่ตอบสนองอะไร หมอลองเอามือหยิกแรงๆที่อุ้งเท้าโตโต้ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร พวกเราถามหมอว่าถ้าน้องหมาจะไปจะมีอาการยังไง หมอบอกว่าเค้าจะเกร็งและกระตุกขา หมอเลยถามพวกเรากลับว่า ถ้าเค้าจะไปจะให้ช่วยขึ้นมาอีกไหม ดูจากอาการทั้งหมด พวกเราคิดว่าปล่อยให้โตโต้ไปสบายดีกว่า

30 มิถุนายน 2558

ตั้งแต่ตีสองกว่า ที่พวกเราเข้ามานั่งเฝ้าโตโต้ โตโต้ยังนอนหายใจเป็นจังหวะนิ่งๆเหมือนเดิม จนกระทั่งตีสี่ จังหวะหายใจของโตโต้เริ่มเปลี่ยนไป เริ่มหายใจช้าลง ความถี่ในการหายใจไม่เท่าเดิม เหมือนจะมีอาการรู้สึกตัว เหมือนโตโต้จะตื่น เหมือนพยายามจะคายท่อช่วยหายใจออก มีการกระตุกขา เกร็งขา ในตอนนี้แม่ก็เริ่มเรียกให้ทุกคนมาอยู่กับโตโต้ เพราะอาการทั้งหมดเป็นสัญญาณแสดงว่าโตโต้กำลังจะจากพวกเราไปจนกระทั่ง 04.39 ทุกอย่างก็หยุดเคลื่อนไหว โตโต้จากไปแล้ว

กรณีของโตโต้ พวกเราตัดสินใจค่อนข้างเร็ว แต่ติดที่การเดินทางไปหาหมอใช้ระยะเวลานาน หากท่านใดมีสัตว์เลี้ยงก็ควรจะศึกษาเส้นทางและคลีนิคที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงพร้อมสำรองเบอร์โทรของโรงพยาบาลหรือคลีนิคไว้หลายๆที่

สำหรับการป้องกัน จากการสอบถามสัตว์แพทย์ ได้ให้คำแนะนำมาว่า
"ในแง่ของการเกิดปัญหากระเพาะบิด  หากจะลดความเสี่ยง ก็คือหลังกินอาหารอย่าให้วิ่งเล่นออกกำลังกายมากเกินไปพยายามควบคุมการออกกำลังกายในช่วงเวลานี้เพราะกระเพาะอาหารที่มีอาหารอยู่เต็มจะเกิดการแกว่งตัวไปมาได้ง่าย ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดการบิดตัวมากกว่าภาวะปกติ"

สุดท้ายนี้ขอให้โรคนี้ไม่เกิดขึ้นกับสุนัขตัวไหนๆอีกเลย  ด้วยรักและคิดถึงตลอดไป #โตโต้โตตริกเติบโต
ท่านใดมีข้อคิดเห็นหรือมีข้อมูลตรงไนไม่เหมาะสมแจ้งได้เลยนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่