อีกหนึ่งสถานที่เงียบสงบ บรรยากาศดี อ่างเก็บน้ำแม่ธิ อำเภอบ้านธิจังหวัดลำพูน อยู่ในเขตรอยต่ออุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล และทางทิศเหนือไปก็มีอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ ระหว่างชมความสวยงามของที่นี่ ได้ยินเสียงนกจำนวนมากร้องตลอด ที่นี่มีชื่อเสียงในด้านเป็นสถานที่ของคนที่ชื่นชอบการตกปลา และการขี่มอเตอร์ไซค์วิบาก แต่ในอีกมุมหนึ่งก็ยังมีธรรมชาติที่สวยงามรอผู้คนเข้าไปชมอยู่ ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่ได้ไปเยือนจึงเก็บรายละเอียดมาฝากกันครับ
อ่างเก็บน้ำแม่ธิ
หลังจากที่ผมเดินทางไปท่องเที่ยวป่าในจังหวัดเชียงใหม่จนเรียกได้ว่าเกือบครบทุกอุทยานแห่งชาติ ขาดก็เพียงแต่ดอยผ้าห่มปก และดอยเวียงผาซึ่งระยะทางค่อนข้างไกล จึงวางแผนไว้ว่าจะไปในภายหน้าไม่ช้านี้ ช่วงนี้จึงต้องกลับมาเริ่มแสวงหาป่าใกล้เมืองที่ยังมีความสมบูรณ์อยู่ ซึ่งที่อ่างเก็บน้ำแม่ธินั้นอยู่ในเขตรอยต่อของอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล แต่การเดินทางนั้นอยู่ติดกับอำเภอสันกำแพงซึ่งไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ ขับรถไปเพียง 40 นาทีก็ถึงแล้ว ลักษณะของป่าในบริเวณนี้เป็นป่าเต็งรังสลับป่าเบญจพรรณ เต็มไปด้วยตันไม้ต่าง ๆ เช่นต้นสัก และตะแบกที่ดอกสีม่วงกำลังบานสลับไล่ไปตามบริเวณข้างทาง ด้วยช่วงนี้เป็นช่วงเข้าสู่ฤดูฝน ทำให้ป่านั้นเขียวชอุ่มไปทั่วนับว่ามีความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง จะเสียก็แต่ยุงเยอะมากเท่านั้น
ระหว่างทางที่ขับรถไปอ่างเก็บน้ำ ได้พบกับนกปากห่างซึ่งเป็นนกอพยพที่สามารถพบได้มากที่สุดในประเทศไทย ยิ่งในช่วงนี้เป็นฤดูผสมพันธุ์และวางไข่ แค่ไปตามทุ่งนาโล่ง ๆ ก็สามารถเห็นนกชนิดนี้อยู่รวมกันเป็นฝูงได้ไม่ยาก
ที่นี่นอกจากอ่างเก็บน้ำแล้วยังมีเส้นทางที่สามารถไปชมน้ำตกห้วยหกและห้วยปลาดุกได้ ชาวบ้านที่ประกอบอาชีพขายของชำริมอ่างได้ให้ข้อมูลว่า ช่วงนี้น้ำตกไม่มีน้ำแม้จะเข้าหน้าฝน แต่ก็น้ำน้อยเพราะน้ำซึมและไหลลงมาที่อ่างหมด ผมจึงได้ตัดสินใจว่า ขอเข้าไปสำรวจก่อนที่จะกลับมาอีกครั้งช่วงปลายฤดูฝน โดยตั้งใจจะไปที่น้ำตกห้วยหก มีระยะทางไปกลับ 8 กิโลเมตร โดยใช้วิธีเดินเพราะหนทางนั้นเป็นทางสำหรับมอเตอร์ไซค์วิบาก ส่วนรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อก็อาจหมดสิทธิ์เพราะทางบางช่วงเป็นสะพานแคบมากและไม่สามารถรับน้ำหนักรถขนาดใหญ่ไหวแน่นอน อีกทั้งไม่มีมอเตอร์ไซค์ให้เช่าในบริเวณนั้น
กิจกรรมตกปลามีทั้งบริเวณริมอ่างและนั่งเรือไปแบบนี้
เส้นทางเดินเข้าสู่น้ำตกเป็นทางราบตลอด
วิวข้างทางระหว่างเดินเข้าไปในป่ามีความหนาทึบของต้นไม้เป็นจำนวนมาก
แม้น้ำตกจะไม่มีน้ำ แต่การสำรวจเส้นทางในครั้งนี้นับว่ามีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะระหว่างทางที่เดินเข้าไปนั้นได้พบเรื่องราวต่าง ๆ ผมเดินไปได้ประมาณ 2 กิโลเมตรก็ได้พบกับลุงที่นำวัวฝูงใหญ่เข้ามาปล่อย ผมเองไม่ได้สอบถามชื่อของลุง ลุงเป็นชาวบ้านที่อยู่ห่างจากอ่างเก็บน้ำไปประมาณ 10 กว่ากิโลเมตรพาวัวมาจากหมู่บ้านของตนเอง เดินไปคุยไประหว่างทาง จึงได้ทราบว่าลุงพาวัวมาปล่อยทุกปี เนื่องจากมีจำนวนมาก และไม่อยากส่งไปโรงฆ่าสัตว์จึงนำมาปล่อยในพื้นที่อุทยานซึ่งวัวจะกลายเป็นวัวป่าไป ผมเองยังนึกสงสัยอยู่ในใจว่า ถ้าเอามาปล่อยแบบนี้ แม้จะมีอาหารสมบูรณ์วัวจะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้หรือ และจะมีสัตว์ผู้ล่าคอยควบคุมประชากรหรือไม่ หรือไม่แคล้วจะถูกกลุ่มคนมายิงเอาเนื้อไปในภายหลัง ที่ทำได้นั้นก็ได้แต่นึกอยู่ในใจ ไม่กล้าถามแต่อย่างใด
ลุง (คนทางซ้าย) และผู้ช่วยกำลังต้อนวัวไปปล่อยในป่าลึก
ลุงยังเล่าให้ฟังอีกว่า บริเวณป่าแถบนี้มีนกยูงอาศัยอยู่ ซึ่งเห็นอยู่ 4 ตัวด้วยกัน คาดว่าน่าจะเป็นโครงการที่ปล่อยสัตว์คืนธรรมชาติหรือไม่ก็คนลักลอบเลี้ยงนำมาปล่อย เพราะชาวบ้านแถบนี้เพิ่งเริ่มเห็นเมื่อปีที่ผ่านมา ผมเองนึกในใจว่าถ้ามีดวงคงได้เห็นเป็นแน่แต่สุดท้ายก็ไม่มีบุญได้พบ
ระยะทางไปกลับ 8 กิโลเมตรไม่ใช่อุปสรรคเลยแม้แต่น้อย ทางราบเรียบไม่มีทางชันขึ้นเขาแต่อย่างใด ระหว่างทางได้ยินเสียงนกและไก่ป่าร้องอยู่ตลอดทาง แม้จะไม่เห็นตัว แต่พอจะระบุได้บ้างว่าเป็นพวกนกกะปูด นกแซงแซวหางบ่วงใหญ่ รวมถึงเหยี่ยวรุ้งที่เห็นไกล ๆ แต่ระยะของเลนส์ไม่สามารถไปถึงได้ ที่พอจะถ่ายทันได้ก็มีแต่นกจับแมลงอกส้มท้องขาวตัวเมียที่เสียงไพเราะมาก เจ้านกน้อยเกาะบนกิ่งไม้ร้องเพลงให้ผมชมความงามอยู่นานพอสมควร ระยะห่างออกไปไกลพอประมาณมีเสียงร้องตอบรับคงจะเป็นตัวผู้เป็นแน่แท้ ช่วงนี้นกหลายชนิดจับคู่ผสมพันธุ์ทำรังและวางไข่ นกอีกชนิดที่เห็นตัวชัดเจนแต่ถ่ายภาพมาได้ไม่ชัดนักคือนกกระแตแต้แว้ดที่ส่งเสียงดังไปทั่ว
นกจับแมลงอกส้มท้องขาวตัวเมีย ถ่ายได้จากระยะค่อนข้างไกลพอสมควร
เจ้านกน้อยร้องเพลงให้ฟัง
ณ จุดกึ่งกลางของการเดินทางยังได้พบกับโป่งผีเสื้อ ช่วงฤดูฝนนี้ตรงจุดที่พบมีผีเสื้อเยอะมากกว่าหนึ่งพันตัว กลุ่มผีเสื้อที่พบเห็นนั้นเป็นกลุ่มผีเสื้อหนอนคูณและผีเสื้อเชิงลายธรรมดา เมื่อเดินผ่านเราจะอยู่ท่ามกลางผีเสื้อที่บินโอบล้อมเลยทีเดียว อันที่จริงก็อยากจะเดินอ้อมอยู่แต่จากเส้นทางโดยรอบไม่สามารถทำได้จึงต้องรบกวนการดูดแร่ธาตุจากดินของผีเสื้อเหล่านี้ไปชั่วครู่แต่สักพักก็จะจับกลุ่มกันเช่นเดิม
เหล่าผีเสื้อ ที่เห็นเป็นกลุ่ม มีแบบนี้ประมาณ 20 กลุ่มเกาะอยู่ทั่วบริเวณ
เวลาเดินต้องระมัดระวังอาจจะทำลายชีวิตน้อย ๆ ได้ เจ้าตัวนี้ขนาดเพียงปลายนิ้วก้อยเท่านั้น
หลังจากที่เดินเข้าไปและกลับออกมาผมก็ไม่ลืมที่จะแวะหาเจ้านกกระติ๊ดตะโพกขาวที่ทำรังอยู่บริเวณที่จอดรถซึ่งจากครั้งก่อนที่เคยแวะมาเจอ เจ้านกน้อยสองผัวเมียก็ยังคงอาศัยอยู่ในรังของพวกมันเช่นเดิม อีกไม่นานคงจะได้ยินเสียงลูกนกร้องเป็นแน่แท้ ชีวิตของเหล่าสัตว์ทั้งหลายดำเนินต่อไป เช่นเดียวกันกับผมที่เดินทางกลับบ้านพร้อมกับความอิ่มเอมใจและดำเนินชีวิตของตนเองต่อไป
รังของเจ้านกกระติ๊ดตะโพกขาวตัวน้อย
สิ่งที่อยากจะฝาก
ทุกวันนี้ตากล้องสาย landscape นิยมถ่ายภาพนาขั้นบันไดกันมาก และนับวันยิ่งผุดสถานที่ในลักษณะนี้กันขึ้นมาเรื่อย ๆ แสดงให้เห็นถึงว่า มีอีกหลายพื้นที่ที่ทำการเกษตรในลักษณะนี้ แต่ยังไม่มีการค้นพบ การทำนาลักษณะนี้ก็ต้องถางป่า เช่นเดียวกับการสร้างเขื่อน ก็ต้องถางป่า แต่การจะทำอะไรก็ตามมันต้องมีการศึกษาถึงผลกระทบ เช่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ หรือระบบนิเวศโดยรอบ เป็นต้น
การจะใช้บริการจากป่าเช่นเก็บของป่า การทำไร่หรืออะไรนั้นมันต้องมีความพอดี แต่ทุกวันนี้มันใช้เกินปริมาณที่ป่าจะมีให้ได้ไปมากแล้ว
พื้นที่ประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรืออุทยานแห่งชาติส่วนใหญ่ก็อยู่ในบริเวณทับซ้อนกับที่อยู่ของชาวบ้านเดิม ซึ่งเป็นชาวเขา แน่นอนมีปัญหาเกิดขึ้น ใช้ไม้แข็งก็ไม่ได้ ต้องค่อยเปลี่ยนทัศนคติไป ปัญหาการรุกป่ามันจึงวนเวียนแก้ไม่หาย ทำจุดนี้ได้ อีกที่ก็โผล่ วนไปมาไม่จบสิ้น ทุกวันนี้จึงไปถ่ายภาพเก็บไว้เล่าให้คนรุ่นหลานเห็นว่าป่านั้นเคยสมบูรณ์เป็นอย่างไร เชื่อว่าวันหน้าแม้แต่ภาพแบบนี้ก็คงไม่มีให้เห็นหากเราไม่ช่วยกันรักษาไว้
ลาไปด้วยภาพของป่าที่สมบูรณ์สวยงามพื้นที่สีเขียวอัดแน่นเต็มพื้นที่
ในเฟสบุ๊คส่วนตัวของผมจะมีการเขียนรายละเอียดในแต่ละสถานที่เช่นกันและมีบางส่วนที่ไม่ได้นำมาเผยแพร่ ณ ที่นี้ รวมถึงกระทู้ ก่อน ๆ ส่วนใหญ่ผมจะใส่ความคิดเห็นส่วนตัวลงไปด้วยทุกครั้งจึงไม่ได้นำมาลงในบทความครับ
อ่างเก็บน้ำแม่ธิ เส้นทางธรรมชาติป่าขุนตาล
อ่างเก็บน้ำแม่ธิ
หลังจากที่ผมเดินทางไปท่องเที่ยวป่าในจังหวัดเชียงใหม่จนเรียกได้ว่าเกือบครบทุกอุทยานแห่งชาติ ขาดก็เพียงแต่ดอยผ้าห่มปก และดอยเวียงผาซึ่งระยะทางค่อนข้างไกล จึงวางแผนไว้ว่าจะไปในภายหน้าไม่ช้านี้ ช่วงนี้จึงต้องกลับมาเริ่มแสวงหาป่าใกล้เมืองที่ยังมีความสมบูรณ์อยู่ ซึ่งที่อ่างเก็บน้ำแม่ธินั้นอยู่ในเขตรอยต่อของอุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล แต่การเดินทางนั้นอยู่ติดกับอำเภอสันกำแพงซึ่งไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่ ขับรถไปเพียง 40 นาทีก็ถึงแล้ว ลักษณะของป่าในบริเวณนี้เป็นป่าเต็งรังสลับป่าเบญจพรรณ เต็มไปด้วยตันไม้ต่าง ๆ เช่นต้นสัก และตะแบกที่ดอกสีม่วงกำลังบานสลับไล่ไปตามบริเวณข้างทาง ด้วยช่วงนี้เป็นช่วงเข้าสู่ฤดูฝน ทำให้ป่านั้นเขียวชอุ่มไปทั่วนับว่ามีความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง จะเสียก็แต่ยุงเยอะมากเท่านั้น
ระหว่างทางที่ขับรถไปอ่างเก็บน้ำ ได้พบกับนกปากห่างซึ่งเป็นนกอพยพที่สามารถพบได้มากที่สุดในประเทศไทย ยิ่งในช่วงนี้เป็นฤดูผสมพันธุ์และวางไข่ แค่ไปตามทุ่งนาโล่ง ๆ ก็สามารถเห็นนกชนิดนี้อยู่รวมกันเป็นฝูงได้ไม่ยาก
ที่นี่นอกจากอ่างเก็บน้ำแล้วยังมีเส้นทางที่สามารถไปชมน้ำตกห้วยหกและห้วยปลาดุกได้ ชาวบ้านที่ประกอบอาชีพขายของชำริมอ่างได้ให้ข้อมูลว่า ช่วงนี้น้ำตกไม่มีน้ำแม้จะเข้าหน้าฝน แต่ก็น้ำน้อยเพราะน้ำซึมและไหลลงมาที่อ่างหมด ผมจึงได้ตัดสินใจว่า ขอเข้าไปสำรวจก่อนที่จะกลับมาอีกครั้งช่วงปลายฤดูฝน โดยตั้งใจจะไปที่น้ำตกห้วยหก มีระยะทางไปกลับ 8 กิโลเมตร โดยใช้วิธีเดินเพราะหนทางนั้นเป็นทางสำหรับมอเตอร์ไซค์วิบาก ส่วนรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อก็อาจหมดสิทธิ์เพราะทางบางช่วงเป็นสะพานแคบมากและไม่สามารถรับน้ำหนักรถขนาดใหญ่ไหวแน่นอน อีกทั้งไม่มีมอเตอร์ไซค์ให้เช่าในบริเวณนั้น
กิจกรรมตกปลามีทั้งบริเวณริมอ่างและนั่งเรือไปแบบนี้
เส้นทางเดินเข้าสู่น้ำตกเป็นทางราบตลอด
วิวข้างทางระหว่างเดินเข้าไปในป่ามีความหนาทึบของต้นไม้เป็นจำนวนมาก
แม้น้ำตกจะไม่มีน้ำ แต่การสำรวจเส้นทางในครั้งนี้นับว่ามีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย เพราะระหว่างทางที่เดินเข้าไปนั้นได้พบเรื่องราวต่าง ๆ ผมเดินไปได้ประมาณ 2 กิโลเมตรก็ได้พบกับลุงที่นำวัวฝูงใหญ่เข้ามาปล่อย ผมเองไม่ได้สอบถามชื่อของลุง ลุงเป็นชาวบ้านที่อยู่ห่างจากอ่างเก็บน้ำไปประมาณ 10 กว่ากิโลเมตรพาวัวมาจากหมู่บ้านของตนเอง เดินไปคุยไประหว่างทาง จึงได้ทราบว่าลุงพาวัวมาปล่อยทุกปี เนื่องจากมีจำนวนมาก และไม่อยากส่งไปโรงฆ่าสัตว์จึงนำมาปล่อยในพื้นที่อุทยานซึ่งวัวจะกลายเป็นวัวป่าไป ผมเองยังนึกสงสัยอยู่ในใจว่า ถ้าเอามาปล่อยแบบนี้ แม้จะมีอาหารสมบูรณ์วัวจะปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้หรือ และจะมีสัตว์ผู้ล่าคอยควบคุมประชากรหรือไม่ หรือไม่แคล้วจะถูกกลุ่มคนมายิงเอาเนื้อไปในภายหลัง ที่ทำได้นั้นก็ได้แต่นึกอยู่ในใจ ไม่กล้าถามแต่อย่างใด
ลุง (คนทางซ้าย) และผู้ช่วยกำลังต้อนวัวไปปล่อยในป่าลึก
ลุงยังเล่าให้ฟังอีกว่า บริเวณป่าแถบนี้มีนกยูงอาศัยอยู่ ซึ่งเห็นอยู่ 4 ตัวด้วยกัน คาดว่าน่าจะเป็นโครงการที่ปล่อยสัตว์คืนธรรมชาติหรือไม่ก็คนลักลอบเลี้ยงนำมาปล่อย เพราะชาวบ้านแถบนี้เพิ่งเริ่มเห็นเมื่อปีที่ผ่านมา ผมเองนึกในใจว่าถ้ามีดวงคงได้เห็นเป็นแน่แต่สุดท้ายก็ไม่มีบุญได้พบ
ระยะทางไปกลับ 8 กิโลเมตรไม่ใช่อุปสรรคเลยแม้แต่น้อย ทางราบเรียบไม่มีทางชันขึ้นเขาแต่อย่างใด ระหว่างทางได้ยินเสียงนกและไก่ป่าร้องอยู่ตลอดทาง แม้จะไม่เห็นตัว แต่พอจะระบุได้บ้างว่าเป็นพวกนกกะปูด นกแซงแซวหางบ่วงใหญ่ รวมถึงเหยี่ยวรุ้งที่เห็นไกล ๆ แต่ระยะของเลนส์ไม่สามารถไปถึงได้ ที่พอจะถ่ายทันได้ก็มีแต่นกจับแมลงอกส้มท้องขาวตัวเมียที่เสียงไพเราะมาก เจ้านกน้อยเกาะบนกิ่งไม้ร้องเพลงให้ผมชมความงามอยู่นานพอสมควร ระยะห่างออกไปไกลพอประมาณมีเสียงร้องตอบรับคงจะเป็นตัวผู้เป็นแน่แท้ ช่วงนี้นกหลายชนิดจับคู่ผสมพันธุ์ทำรังและวางไข่ นกอีกชนิดที่เห็นตัวชัดเจนแต่ถ่ายภาพมาได้ไม่ชัดนักคือนกกระแตแต้แว้ดที่ส่งเสียงดังไปทั่ว
นกจับแมลงอกส้มท้องขาวตัวเมีย ถ่ายได้จากระยะค่อนข้างไกลพอสมควร
เจ้านกน้อยร้องเพลงให้ฟัง
ณ จุดกึ่งกลางของการเดินทางยังได้พบกับโป่งผีเสื้อ ช่วงฤดูฝนนี้ตรงจุดที่พบมีผีเสื้อเยอะมากกว่าหนึ่งพันตัว กลุ่มผีเสื้อที่พบเห็นนั้นเป็นกลุ่มผีเสื้อหนอนคูณและผีเสื้อเชิงลายธรรมดา เมื่อเดินผ่านเราจะอยู่ท่ามกลางผีเสื้อที่บินโอบล้อมเลยทีเดียว อันที่จริงก็อยากจะเดินอ้อมอยู่แต่จากเส้นทางโดยรอบไม่สามารถทำได้จึงต้องรบกวนการดูดแร่ธาตุจากดินของผีเสื้อเหล่านี้ไปชั่วครู่แต่สักพักก็จะจับกลุ่มกันเช่นเดิม
เหล่าผีเสื้อ ที่เห็นเป็นกลุ่ม มีแบบนี้ประมาณ 20 กลุ่มเกาะอยู่ทั่วบริเวณ
เวลาเดินต้องระมัดระวังอาจจะทำลายชีวิตน้อย ๆ ได้ เจ้าตัวนี้ขนาดเพียงปลายนิ้วก้อยเท่านั้น
หลังจากที่เดินเข้าไปและกลับออกมาผมก็ไม่ลืมที่จะแวะหาเจ้านกกระติ๊ดตะโพกขาวที่ทำรังอยู่บริเวณที่จอดรถซึ่งจากครั้งก่อนที่เคยแวะมาเจอ เจ้านกน้อยสองผัวเมียก็ยังคงอาศัยอยู่ในรังของพวกมันเช่นเดิม อีกไม่นานคงจะได้ยินเสียงลูกนกร้องเป็นแน่แท้ ชีวิตของเหล่าสัตว์ทั้งหลายดำเนินต่อไป เช่นเดียวกันกับผมที่เดินทางกลับบ้านพร้อมกับความอิ่มเอมใจและดำเนินชีวิตของตนเองต่อไป
รังของเจ้านกกระติ๊ดตะโพกขาวตัวน้อย
สิ่งที่อยากจะฝาก
ทุกวันนี้ตากล้องสาย landscape นิยมถ่ายภาพนาขั้นบันไดกันมาก และนับวันยิ่งผุดสถานที่ในลักษณะนี้กันขึ้นมาเรื่อย ๆ แสดงให้เห็นถึงว่า มีอีกหลายพื้นที่ที่ทำการเกษตรในลักษณะนี้ แต่ยังไม่มีการค้นพบ การทำนาลักษณะนี้ก็ต้องถางป่า เช่นเดียวกับการสร้างเขื่อน ก็ต้องถางป่า แต่การจะทำอะไรก็ตามมันต้องมีการศึกษาถึงผลกระทบ เช่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ หรือระบบนิเวศโดยรอบ เป็นต้น
การจะใช้บริการจากป่าเช่นเก็บของป่า การทำไร่หรืออะไรนั้นมันต้องมีความพอดี แต่ทุกวันนี้มันใช้เกินปริมาณที่ป่าจะมีให้ได้ไปมากแล้ว
พื้นที่ประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรืออุทยานแห่งชาติส่วนใหญ่ก็อยู่ในบริเวณทับซ้อนกับที่อยู่ของชาวบ้านเดิม ซึ่งเป็นชาวเขา แน่นอนมีปัญหาเกิดขึ้น ใช้ไม้แข็งก็ไม่ได้ ต้องค่อยเปลี่ยนทัศนคติไป ปัญหาการรุกป่ามันจึงวนเวียนแก้ไม่หาย ทำจุดนี้ได้ อีกที่ก็โผล่ วนไปมาไม่จบสิ้น ทุกวันนี้จึงไปถ่ายภาพเก็บไว้เล่าให้คนรุ่นหลานเห็นว่าป่านั้นเคยสมบูรณ์เป็นอย่างไร เชื่อว่าวันหน้าแม้แต่ภาพแบบนี้ก็คงไม่มีให้เห็นหากเราไม่ช่วยกันรักษาไว้
ลาไปด้วยภาพของป่าที่สมบูรณ์สวยงามพื้นที่สีเขียวอัดแน่นเต็มพื้นที่