กรณีศึกษา เรื่องประกันภัยรถยนต์

เนื่องด้วยเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2559 รถบรรทุก 6 ล้อใส่กากมันสำปะหลังมาเต็มคันรถวิ่งอยู่เลนซ้ายตามปกติได้มีรถเก๋งวิ่งมาชนท้ายอย่างรุนแรง คนในรถเก๋งบาดเจ็บแต่ไม่เสียชีวิต ส่วนคนขับรถบรรทุกช่วงอกได้ไปกระทบกับพวงมาลัยทำให้มีอาการจุกซึ่งก็มีการเข้ารักษาที่โรงพยาบาลและเบิกจาก พรบ. และจากประกันตามปกติ (วันเกิดเหตุนอนโรงพยาบาลเบิกจาก พรบ. ตรวจเช็คอาการเจ็บช่วงอกซ้ำเพื่อความปลอดภัยนำใบเสร็จเบิกจากประกัน) ซึ่งการเบิกจ่ายไม่ได้มีปัญหา
       รายละเอียดลักษณะการชนและสภาพรถ
รถบรรทุก 6 ล้อสภาพเก่าแต่ใช้งานได้ตามปกติ (ใช้รับจ้างบรรทุกกากมันสำปะหลังเป็นประจำ) รถบรรทุกซึ่งบรรทุกกากมันสำปะหลังมาเต็มคันรถวิ่งอยู่เลนซ้ายด้วยความเร็วปกติถูกรถเก๋งพุ่งชนด้านท้ายอย่างแรงทำให้สภาพด้านหน้ารถเก๋งพังยับ คนขับและผู้โดยสารบาดเจ็บ ซึ่งเมื่อเกิดอุบัติเหตุก็ไ้ดมีการแจ้งความดำเนินการไปตามกฎหมายตามปกติ และทางฝั่งรถเก๋งก็ได้เรียกประกันมาเคลียร์ ซึ่งทางฝั่งรถบรรทุก 6 ล้อไม่มีประกันมีเพียง พรบ. ทำให้เราต้องจัดการคุยติดต่อ ต่อรอง กับประกันของฝั่งรถเก๋งเองทุกอย่าง
       ปัญหาที่ตามมาคือ
คุยและตกลงกับประกันแล้วว่าจะซ่อมอู่ไหนจำนำรถเข้าอู่เพื่อประเมินราคา ซึ่งก็เลือกเพราะใกล้บ้านเพราะเราสามารถดูแลการดำเนินการได้สะดวก แต่เมื่ออู่ประเมินราคาไป 200000 บาท แต่ประกันบอกว่าสามารถช่วยได้ 120000 บาท และจะให้ค่าและจะให้ค่าเสียเวลา ค่าเสียหายทรัพย์ที่อยู่ในรถค่าเสียโอกาสที่เราไม่ได้รับจ้างอีก 30000 บาท (ซึ่งความจริงแล้วเทียบไม่ได้เลยกับที่เราเสียเวลาและโอกาส) สภาพรถพี่มันเก่าผมช่วยได้แค่ 120000 บาท
       ส่วนที่รถเสียหายหลักที่คนไม่ใช่ช่างอย่างผมมองเห็น ซึ่งไม่ลึกลงไปที่รายละเอียดต่างๆตามที่ช่างประเมิน
คัสซีคดผิดรูปซึ่งแม้จะดัดก็ไม่ได้รูปเดิมพูดง่ายๆคือเสียศูนย์ (ต้องเปลี่ยน)
กระบะไม้หักพังซ่อมไม่ได้
ช่วงล่างส่วนต่าง
หัวเก๋งยุบพังเสียหายขณะชนและขณะลาก (เนื่องจากสภาพเก่า)
ประกันบอกว่าผมจ่าย 120000 บาท ถ้าอยากซ่อมอะไรเพิ่มและเกิน 120000 บาท ให้ไปคุยกับอู่เอง เพราะรถพี่มันเก่าผมสืบราคาซื้อขายมาแล้วไม่กี่บาทเอง
ประกันพูดแต่ว่าผมช่วยเต็มที่แล้วผมจะช่วยให้พี่เจ็บตัวน้อยที่สุด ผมจึงตอบกลับไปว่าการที่ผมถูกลูกค้าคุณมาชนท้ายทำให้เกิดความเสียหายต่างๆนาๆ ทั้งทรัพย์สินและเวลาทำมาหากินผมจำเป็นต้องมาเจ็บตัวด้วยหรือความจริงผมไม่ควรต้องมาเจ็บตัวด้วยซ้ำไป (จะให้เราเสียเงินซ่อมรถ ส่วนต่าง)

ผมจึงมีข้อสงสัยในใจว่า คนในประเทศมีกี่คนที่ขับรถเก่าเมื่อถูกรถชนแล้วประกันบอกว่ารถเก่าซ่อมให้ได้เท่านี้ส่วนเกินคุณไปหาจ่ายเองผมช่วยเต็มที่แล้ว

1 รถผมเก่าช่วยได้ 120000 บาท อู่ประเมิน 200000 บาท ผมต้องหาส่วนต่างเองใช่ไหม
   ถามว่ารถผมเก่าหากลูกค้าคุณไม่มาชนท้ายผมจะต้องเสียเงินค่าส่วนต่างไหม
2 เมื่อรถเก่าหาอะไหล่สภาพเดิมมาใส่ไม่ได้หากจำเป็นต้องเอาอะไหล่รุ่นใหม่กว่ามาใส่ เราต้องหาเงินเพิ่มใสส่วนต่างนี้หรือ
3 ประกันบอกว่าผมสืบราคาซื้อขายแล้วไม่กี่บาทเอง รถคุณเก่ามากแล้ว
   คุณเทียบแบบนี้ได้หรือในเมื่อคุณไม่ได้ซื้อรถใหม่ในสภาพเดิมมาทดแทน เนื่องจากการซ่อมแบบแยกส่วนราคามันเทียบกับราคาซื้อขายไม่ได้ (นอกจากการซื้อทดแทน)

       ผมขอยกตัวอย่างง่ายๆ ให้เห็นภาพ
   รถผมมี 6 ล้อแต่ล้อมีสภาพ 50 % เมื่อเกิดอุบัติเหตุประกันซ่อมแล้วบอกว่ายางคุณมีสภาพ 50% นะจึงซื้อยางให้ใหม่จำนวน 4 ล้อ แต่เป็นของใหม่นะ ถ้าอยากได้เพิ่มอีกสองเส้นให้จ่ายเงินซื้อเองนะ ผมถามกลับว่า 6 ล้อของผมสภาพ50% ก็ยังใช้งานได้นะคุณต้องซ่อมให้รถใช้งานได้ตามปกติใช่ไหม เมื่อคุณหายาง 50% ให้ครบ 6 ล้อมาแทนไม่ได้คุณก็ยังจำเป็นต้องใส่ยางให้ครบ 6 ล้ออยู่ใช่ไหม

สรุปประชาชน ชาวบ้าน ตาสี ตาสา อย่างผมต้องยอมรับข้อเสนอของประกัน และหาเงินเพิ่มเพื่อซ่อมรถเองอย่างนั้นหรือ ถามว่าผมผิดหรือที่รถวิ่งบนถนนดีๆ ต้องมาเสียเวลา เสียเงินซ่อมรถ (ค่าทำขวัญ อะไรก็ไม่ได้สักบาท ยังจะต้องเอาเงินส่วนตัวมาซ่อมรถที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดอีกหรือ)

ผมควรร้องใครเนี่ย มีอีกหลายคนเสียเปรียบแบบนี้ อยากให้เป็นกรณีศึกษาหาทางแก้ไข รายละเอียดอาจจะพูดแล้วไม่ละเอียดเท่าไหร่แต่ก็พอเข้าใจใช่ไหมครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่