“หนุ่ม กรรชัย” เปิดศึก “ช่อง 7” แย่งลิขสิทธิ์เพชรตัดเพชร ทำเมื่อไหร่ไม่ได้ออกอากาศแน่



“หนุ่ม กรรชัย” โวย “ช่อง 7” คว้าลิขสิทธิ์ “เพชรตัดเพชร” ไปผลิตละครได้ไง ทั้งทีตนก็ถือลิขสิทธิ์เช่นกัน เผยเรื่องนี้มีผู้ประพันธ์ 2 คน ต้องได้รับการยินยอมจากทั้ง 2 คน โดยหนุ่มกับช่อง 7 ต่างถือลิขสิทธิ์คนละฝ่าย วอนให้มาเจรจาหาข้อยุติ ไม่งั้นไม่ได้ออกอากาศแน่
       
       เรื่องลิขสิทธิ์สมัยนี้มันไม่เข้าใครออกใคร เพราะถ้าไม่สืบให้ชัด ไม่เช็คให้ชัวร์อาจจะต้องมีปวดหัวกันได้นะยูว์ อย่างที่ "หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย" ถึงกับต้องหงายเงิบ เพราะอุตส่าห์ควักเงินซื้อลิขสิทธิ์บทประพันธ์เรื่อง "เพชรตัดเพชร" ที่จัดแจงจะสร้างลงที่ช่อง 8 แต่อยู่ดีๆ ก็เบรคตัวแทบไม่ทันเพราะล่าสุดช่อง 7 ออกข่าวโปรโมนใหญ่โตว่ากำลังจะทำละครเพชรตัดเพชร โดยได้ "เวียร์ ศุกลวัฒน์" ประกบกับ "ขวัญ อุษามณี" และ "ธงชัย ประสงค์สันติ" ค่ายพอดี รับหน้าที่ผลิตละคร ทำให้หนุ่มเสียเงินฟรี ต้องหันไปผลิตละคร "ล่าดับตะวัน" แทน ทำเอาเจ้าตัวเซ็ง
       
       ซึ่งหนุ่มก็ได้เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า ลิขสิทธิ์ละครเรื่องนี้มีเจ้าของ 2 คนคือ "เศก ดุสิต" และ "ส. เนาวราช" ซึ่งทั้งช่อง 7 และหนุ่มก็ต่างถือลิขสิทธิ์กันคนละฝั่ง งานนี้เลยต้องมีเคลียร์กันหน่อย


       
      "เรื่องเพชรตัดเพชรนี่เป็นบทประพันธ์ที่เขียนขึ้นโดย 2 คน คนหนึ่งก็คือ ส.เนาวราช ส่วนอีกคนหนึ่งก็คือคนที่ผมติดต่อไปครั้งแรก และคนที่ผมติดต่อไป เขาบอกว่าขอให้เขียนแนบท้ายสัญญาได้ไหมว่า ถ้าทางคุณ ส.เนาวราช หรือว่าทายาทติดต่อมาแสดงความเป็นเจ้าของ เขาขอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้นได้ไหม ทางผมก็บอกว่าไม่ได้สิ ไม่งั้นผมจะต้องจ่ายค่ายลิขสิทธิ์ทั้ง 2 ทางเลยเหรอ เพราะถ้าเจ้าของสิทธิ์ฝั่งคุณส.เนาวราชมาแสดงตัวล่ะ ผมก็เลยบอกว่า งั้นก็ต้องมีลายเซ็นของทั้ง 2 คนเป็นคนมอบลิขสิทธิ์ให้ ทางเจ้าของบทประพันธ์ที่ผมติดต่อไปครั้งแรก เขาก็บอกว่า ให้ผมไปตามหาคนถือลิขสิทธิ์ฝั่งคุณ ส.เนาวราชมา เดี๋ยวเขาจะรอ”
       
       “ปรากฎว่าผมก็ไปหาจนเจอทายาทของ ส.เนาวราช เจอผู้จัดการมรดกและลูกๆ ทุกคนก็บอกว่ายินดีให้บทประพันธ์ที่มันเป็นบทภาพยนตร์ยกมาให้ผมเป็นคนทำ เอามาทำทางช่อง 8 ผมก็ดีใจมาก พอทางทายาทของคุณ ส.เนาวราช ตกลงให้ลิขสิทธิ์กับเราแล้ว คราวนี้ผมก็ติดต่อกับไปทางเจ้าของลิขสิทธิ์คนแรก ปรากฎว่าทางนั้นก็ตอบกลับมาว่าขายไปแล้ว ผมก็งงว่าให้ไปตามหาอีกคนทำไม เขาบอกว่าพอดีมีเจ้าใหญ่มาซื้อไปและเขาเองก็ขัดไม่ได้ ผมก็บอกว่าทำไมไม่โทรบอกผม เขาก็สวนกลับมาว่าถ้าต้องโทรบอกคุณ งั้นผมก็ต้องบอกทุกคนสิ และคราวนี้จะทำยังไงล่ะ ผมก็ซื้อของ ส.เนาวราช มาแล้วขานึง”
       
       “หลังจากนั้นก็มีข่าวว่าละครเรื่องนี้กำลังสร้างและถ่ายทำอยู่ทางช่องแห่งหนึ่ง ผมก็งงว่าเอาไปสร้างได้ไง เพราะทางเราก็เตรียมติดต่อนักแสดง ทีมงาน เพราะคิดว่ายังไง มันก็ไม่น่าพลาดไง และพูดกันตรงๆ เลยว่าละครเรื่องล่าดับตะวัน นักแสดงส่วนหนึ่งก็ถูกวางเอาไว้ให้แสดงในเรื่องเพชรตัดเพชรด้วย"
       
       "ถามว่าตอนเราโทรไปถามเหตุผลไหมว่าทำไมถึงขายไป เราถามนะ แต่เขาไม่ตอบอะไรกลับมา และเขาก็วางสายไปเลย ซึ่งมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา เราไม่สามารถไปก้าวล่วงอะไรในการถือลิขสิทธิ์ในอีกขาหนึ่งของเขา แต่ก็แค่ไม่เข้าใจว่าตอนแรกเขาอธิบายว่าต้องได้รับการยินยอมจากทั้ง 2 ขาในการให้ลิขสิทธิ์ ซึ่งตอนนี้เรื่องชื่อตัวละคร เรื่องบทประพันธ์ครึ่งนึงมันอยู่กับผมไง และก็อยู่อีกช่องนึงที่กำลังทำอยู่”
       
       เผย ช่อง 7 เคยนำ เพชรตัดเพชร มาทำเป็นละครเมื่อหลายปีก่อน โดยซื้อลิขสิทธิ์มาจากผู้ถือสิทธิ์แค่ 1 คน ทั้งที่มีผู้ถือสิทธิ์ 2 คน แต่ก็สามารถดำเนินการผลิตละครและออกอากาศได้ เพราะตอนนั้นผู้ที่สิทธิ์อีกคนไม่ทราบเรื่องและไม่มีความรู้ด้านกฎหมาย
       “บทภาพยนตร์ที่ผมได้มานั้น ลองไปหาข้อมูลดูว่าคนที่เล่นคือคุณมิตรชัย บัญชา และคนที่เป็นเจ้าของคือคุณ ส.เนาวราช และคุณเศก ดุสิต ทั้ง 2 ท่านมีสิทธิด้วยกันทั้งคู่ เป็นบทประพันธ์ร่วม และเคยหยิบมาทำเป็นละครแล้วที่ช่อง 7 เป็นคุณอ่ำกับคุณเจ เจตริน เล่นในตอนนั้น และก็ทำมาจากขาเดียวเช่นกัน ผมเองก็ถามไปทางทายาทคุณ ส.เนาวราช ว่าทำไมตอนนั้นถึงทำได้ล่ะ เขาก็บอกว่าทางด้านเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน บวกกับเขาไม่ได้เข้ามารับรู้อะไรตรงนี้ เขาเป็นคนธรรมดาทั่วไป ไม่ได้รู้เรื่องข้อกฎหมายใดๆ"
       
       "จริงๆ ครั้งที่แล้วถามว่าทำได้ไหม ก็ทำไม่ได้นะ เพราะต้องได้รับการยินยอมจากสองคนที่ถือลิขสิทธิ์ แต่ถามว่าเขาละเมิดไหมในการทำครั้งที่แล้ว ผมก็ว่าไม่ใช่การละเมิดหรอก แต่อาจจะเป็นการที่เขาตามหาอีกคนที่ถือลิขสิทธิ์ไม่เจอก็ได้
       
       ไม่อยากใช้สิทธิ์ระงับการถ่ายทำของช่อง 7 อยากให้ออกมาเจรจา ไม่งั้นช่อง 7 อาจถูกฟ้องร้องตามกฏหมาย
       "คือเราอยู่วงการเดียวกัน ผมก็ไม่ได้อยากยื่นเรื่องไปว่าไม่ให้เขาทำหรอกครับ วันนี้ผมก็ได้มีการติดต่อไปทางช่อง 7 แล้ว ทางผู้ใหญ่ท่านก็บอกให้นัดมาคุย และหลังจากนั้นก็เงียบไป ไม่ได้ติดต่อมาอีกเลย ซึ่งก็ยังไม่ได้คุยกับพี่ธง (ธงชัย ประสงค์สันติ) ที่เป็นคนทำละครเรื่องนี้โดยตรง แต่ก็มีคนไปบอกแล้ว เห็นว่าพี่ธงบอกว่าให้เป็นหน้าที่ของช่อง 7 ที่ต้องเคลียร์เรื่องนี้ แต่ผมก็ไม่ได้อะไรมากนะ แต่ทางทายาทคุณ ส.เนาวราช เขาอาจจะไม่แฮปปี้ ที่อยู่ดีๆ ไปโผล่อีกช่องได้ไง เพราะก่อนหน้านี้เขาก็มีปัญหามาแล้วตอนที่เอาไปสร้าง แต่เขาก็ไม่รู้ด้วยไง ซึ่งคราวที่แล้วเขาอาจจะไม่พูดอะไร แต่พอมายุคนี้มีโซเซียล มีกฎหมายต่างๆ เขาก็อาจจะออกมาปกป้องสิทธิ์ตัวเอง และผมก็บอกทายาทของทางคุณ ส.เนาวราช ว่า เกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นมา เขาก็ยังบอกว่าไม่ต้องห่วงนะคุณหนุ่ม มีปัญหาอะไรเดี๋ยวเข้าข้างคุณหนุ่มเต็มที่ มีทั้งใบมอบอำนาจ และมีใบที่ถือกรรมสิทธิ์โดยตรง"
       
       "ตอนนี้ผมรู้สึกยังไงเหรอ คือผมไม่ได้ติดใจอะไรในตัวของช่อง 7 เลยนะครับ เข้าใจว่าใครๆ ก็อยากได้บทประพันธ์ดีๆ ไป ผมเห็นใจด้วย เพียงแต่ตอนนี้มันมีข้อกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง กับเรื่องนี้ที่ต้องเซ็นยินยอมด้วยกันทั้ง 2 ฝั่ง ถ้ามีอีกฝั่งหนึ่ง แต่อีกฝั่งไม่เซ็นให้ ละครเรื่องนี้ก็ไม่สามารถออนแอร์ได้ แต่สุดท้ายแล้วปัญหานี้จะไม่เกิดขึ้นแน่นอน เพราะผมกับช่อง 7 ต้องร่วมกันหาทางออกกัน ที่ออกมาพูดคือไม่อยากให้สิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาต่อไปในอนาคต กับคนทำละคร หรือเจ้าของบทประพันธ์ที่เขาก็หวงแหนในสิ่งที่เขาประพันธ์มา อย่างทายาทอีกฝ่ายที่ขายไปเขาควรจะใจเย็นกว่านี้ ควรจะเช็คว่าอีกฝั่งเขายินยอมด้วยไหม"
       
       ยอมรับเสียใจเพราะเป็นละครที่ชื่นชอบแต่เด็ก ยันไม่ได้มีปัญหากับช่อง 7 ฝากถึงผู้จัดรายอื่นเช็คบทประพันธ์ให้ดีก่อนเปิดกล้อง พร้อมยกเงินค่าลิขสิทธิ์ที่ได้มาให้ทายาท ส.เนาวราช ทั้งหมด
       "ถามว่าผมเสียใจไหม ก็มีเสียใจบ้าง เพราะเราได้ติดต่อไปก่อน และเราเองยังไปตามหาอีกคนจนเจอ ซึ่งก็ยืนยันว่าถ้าทำแล้วก็ออนแอร์ไม่ได้ แต่อยากให้มองในแง่กฎหมายดีกว่าว่ามันมีสิทธิ์หรือเปล่า และทายาทเขาก็ให้อำนาจเราเต็มที่ในเรื่องนี้ แต่ผมก็ยังยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาหรือว่าทะเลาะอะไรกับช่อง 7 ผมก็ยังเคารพผู้ใหญ่ทางช่อง 7 เหมือนเดิม แต่ต้องมีการพูดคุยว่าจะเอายังไงดีกับสิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้น และผมก็ว่าทางช่อง 7 เองก็ไม่ทราบเรื่องมาก่อน เพราะครั้งหนึ่งช่อง 7 เคยสร้างมาแล้ว เขาก็คงคิดว่าลิขสิทธิ์คงยังอยู่ ก็คงคิดว่าไม่มีปัญหาเพราะซื้อจากคนเดิม แต่วันนี้มันไม่ใช่แล้วไง วันนี้มันมีเจ้าของลิขสิทธิ์อีกคนหนึ่งปรากฎขึ้นมาแล้ว"
       
       "ทางฝั่งโน้นเขามีความผิดไหม เขาไม่มีความผิด เขาก็มีสิทธิ์ที่จะขาย แต่ถ้าบทประพันธ์นี้มันถูกพัฒนามาเป็นละคร เป็นภาพยนตร์ก็ต้องมีข้อกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง พอคุณสร้างขึ้นมา คุณซื้อลิขสิทธิ์มาจากใคร และบทประพันธ์นี้มีเจ้าของ 2 คนก็ต้องได้รับการยินยอมมาพร้อมกันทั้งสองฝ่าย"
       
       "ผมอยากจะบอกว่าเรื่องนี้มันอาจจะเป็นเรื่องละเอียดละอ่อน ผมเองก็ไม่ได้กล่าวโทษช่อง 7 แต่อย่างใดเพราะครั้งหนึ่งช่อง 7 เคยสร้างมาแล้ว และคราวนี้ก็ซื้อจากคนเดิมก็นึกว่าไม่มีปัญหาอะไร แต่ผมเชื่อว่าทุกอย่างมันมีข้อเท็จจริงอยู่แล้ว วันนั้นคุณ ส.เนาวราช เขาไม่ได้เรียกร้องสิทธิ์ แต่วันนี้เขามีตัวตนขึ้นมาแล้ว ผมก็ได้ซื้อมาแล้ว ผมอยากจะเตือนคนที่ซื้อบทประพันธ์ในเรื่องต่อๆ ไปว่าต้องดูดีๆ ว่าบทประพันธ์นั้นเป็นบทประพันธ์ร่วมไหม บางทีอาจจะมีเขียน 2 คน หรืออาจจะมีพันธะอย่างอื่น เพราะเดี๋ยวมันจะมีผลต่อการสร้างงานของเราก็เป็นได้"
       
       "ผมมีความฝันมีความตั้งใจตั้งแต่ได้ดูเรื่องนี้แล้ว เป็นบทประพันธ์ที่มีความคลาสสิค ตั้งแต่ยุคคุณมิตรชัย บัญชาแล้ว และตั้งใจว่าถ้าเราได้มาทำละคร เราก็อยากจะทำเรื่องนี้ แต่ถ้า ณ วันนี้ไม่ได้ทำและช่อง 7 เอาไปทำ ผมก็เคารพในการตัดสินใจของทางช่อง 7 ด้วย แต่ ณ วันนี้บังเอิญมันมีข้อกฎหมายขึ้นมาว่า เราจะตกลงกันยังไงกับปัญหาที่เกิดขึ้น ถ้าออนแอร์ขึ้นมา ผมมองข้ามได้ แต่ถ้าทายาทเขาจะมาพูดกับผมว่ายังไง ไม่ปกป้องสิทธิที่เขามอบให้เรามา ผมจะไปตอบกับทายาทคุณ ส.เนาวราช ยังไง เพราะฉะนั้นมันต้องมีทางออกร่วมกัน และถ้ามันมีการจ่ายค่าลิขสิทธิ์มา ให้ผ่านผมไปเลย แล้วเอาไปให้ทางทายาทคุณ ส.เนาวราชทั้งหมด"


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่