ขับสองล้อไปลำบาก ภาค...บ้านอิต่องสุดขอบชายแดนสยาม

สวัสดีฮะ นี่เป็นกระทู้แรกของผม ที่ใช้ไอดีตัวเอง ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะฮะและกระทู้นี้ไม่ได้ให้สาระประโยชน์อะไรกับท่านเลยเป็นเพียงเรื่องเล่าเรื่อยเปื่อยของการขับรถสองล้อไปตกระกำลำบากเท่านั้น
     หมายเหตุ : รูปน้อยและอาจจะตรงไม่ประเด็นเท่าไหร่นักไม่เหมือนกระทู้ท่องเที่ยวอื่น ๆ เพราะกล้องอยู่ในกระเป๋าหยิบออกมาแต่ละทีลำบากโพด ๆ และผมก็ไม่ได้มารีวิวท่องเที่ยวอะไรทั้งนั้น มาเพราะเล่าให้รุ่นพี่ฟังในวงเหล้าแล้วเค้าแนะนำให้ลองมาเขียนลงพันทิพย์ดู กระทู้นี้จึงไม่ได้เน้นเรื่องความสวยงามเน้นเอาฮา...ฮ่าาา
     เอ้า...เริ่มมมม
เช้าวันที่ 20 เดือน พ.ค.มันเป็นอะไรที่น่าเบื่อมากแม่งงเป็นวันหยุดสามวันติดที่ไม่รู้จะไปไหน ตั้งใจว่าถ้าไม่มีที่ไปก็นอนช่วยตัวเองอยู่บ้านทั้งสามวันนี่แหละ แต่แล้ว...ช่วงสาย 9 โมงพลันเสียงหมากอะโหลก็ลั่นขึ้น เมื่อเพื่อนคนนึงโทรมา
J : โหลลล เมิงยุไหนวะ
A : อยู่บ้าน นอนว่างววอยู่คนเดียว
J : ตอนเที่ยงพากูไปซื้อหมวกกันน็อคหน่อย
A : แถวไหนวะ
J : แถวบ้านหม้อ กูเบื่อ ๆ ไปขับรถเล่นกัน
A : ได้ ๆ ตอนเที่ยงใช่มั้ยตอนนี้กูใกล้เสร็จละ แล้วเดี๋ยวออกไป

1 ชม. ผ่านไป
เสียงหมากอะโหลก็ลั่นขึ้นอีกครั้ง
J : เมิง! กูซื้อหมวกละ เก็บกระเป๋าเลย เจอกันเที่ยงหอกูขับรถไปเมืองกาญกัน
A : เชี่ยยย เดี๋ยว ๆ ไอ้สังขยา ใจเหยด ๆ กูยังไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจ เมิงอย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ
J : นี่แหละกูตัดสินใจแล้ว ออกมาเลย
ถึงจะบ่นแต่ ด้วยความใจง่ายของผม ผมก็ไม่สนไรละทิ้งงานบ้านแล้วเก็บกระเป๋าไปหาเพื่อนในทันที

เที่ยงครึ่ง เตรียมตัว ออก
     ผมถามมันว่าจะไปส่วนไหนของกาญเพื่อนผมบอกว่า “ไปเมืองกาญก่อนแล้วค่อยว่ากันว่าจะไปไหน” แม่งงช่างเป็นความคิดที่โหดซัสจริง ๆ แล้วเราก็ไปกันแบบไม่ได้เตรียมพร้อมไม่หาข้อมูลอะไรไปตายเอาดาบหน้าที่ “กาญนะจ๊ะบุรี”

     ขับไปเรื่อยๆ จนถึง “กาญนะจ๊ะบุรี” จำได้ว่าแถว ๆ เทศบาลเมืองนั่นแหละแวะร้านอาหารตามสั่งกว่าจะได้แดรกคนเยอะมากเยอะโพด ๆ คุยกันก็ได้ข้อสรุปว่าจะไป “ห้วยแม่ขมิ้น” ซึ่งตั้งอยู่ในความดูแลของ “อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์” ไปกางเต็นท์นอนน้ำตกกันผมไปตามทาง GPS ตั้งไว้ “ห้วยแม่ขมิ้น” ขับไปถึงทางเข้าเขต “เขื่อนศรีนครินทร์” ก็ขับไปถนนทางซ้ายเลียบลำน้ำแควใหญ่ผ่านด่านของ กฟผ. (ด่านนี้ดีมากเลยฮะไม่เสียค่าปรับปรกติผ่านด่านเสียค่าปรับทุกทีฮ่าาา) ก็จะมีเจ้าหน้าที่บอกทางไปต่อผมขับเลาะแนวเขื่อนไปเรื่อย ๆ ประมาน 40 กิโลมั้งหรือเท่าไหร่นี่แหละจำไม่ได้หาข้อมูลเอาเองละกันฮะแต่จำได้ว่าเส้นทางคดเคี้ยวเอาโพด ๆ ไปตาม GPS เนี่ย เราใช้ฟังเอาฮะคือปกติเราชอบฟังเพลงอยู่แล้วเลยไม่ใช่อุปสรรคไม่ต้องแวะจอดเพื่อเปิดดูหรือติดไว้ที่แฮนด์เหมือนคันอื่น ๆ เคยเห็นบางคันมัวแต่ก้มหน้ามองเส้นทางจนเกิดอุบัติเหตุก็มี…
     หมายเหตุ : ไม่ควรใส่หูฟังขณะขับรถแต่หากท่านใดใคร่จะลองผมแนะนำว่าไม่ควรเปิดเสียงดังจนเกินไปอาจจะไม่ได้ยินรถรอบข้างอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

ประมาน 4 โมงแลง
     ก่อนถึง “ห้วยแม่ขมิ้น” ประมาน 10 กว่ากิโลตอนนั้นเรามองเห็นเมฆสีเทาลอยมาใกล้ละแวบแรกว่าจะไปต่อเพราะเห็นว่าใกล้จะถึงแล้วแต่ต้องจอดแวะพักก่อนเพราะฝนเริ่มปรอย ๆ ฝนไม่แรงมากฮะ ตกเปาะแปะตลอดแต่ลมแรงเอาเรื่องอยู่เราเสียเวลาตรงนั้นไปพอสมควรและเป็นช่วงหุบเขาสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มีกลายเป็นเป็นไอ้หนุ่มสองคนนั่งจู๋จี๋กันริมถนน ฮ่าาา

ฝนซาลงเราจึงออกเดินทางต่อ ขับอ้อมเขามา 1 กิโลกว่า ๆ เท่านั้นแหละผมตะโกนลั่นเลยฮะ ไอ้เชี่ยยฝน!! เมิงหลอกดาว ตรงนี้ฝนไม่ตกเลยนี่หว่า กูเสียเวลาหลบฝนตั้งนาน รู้งี้ฝ่าออกมานิดเดียวก็หลุดละได้แต่ตะโกนด่าฝนฟ้าเหมือนคนบ้า แต่ถึงด่าไปก็เท่านั้นขับต่อไปเรื่อย ๆ ดีกว่าขับไปซักพักถึง "ห้วยแม่ขมิ้น" ก็เริ่มมืดแล้วรูปเลยไม่ได้ถ่ายเข้าไปติดต่อเจ้าหน้าที่แล้วก็หาตำแหน่งจัดการกางเต็นท์กางเปล บอกไว้ก่อนที่นี่ไม่มีไฟฟ้านะจ๊ะ เป็นโซล่าเซลล์ สำหรับห้องน้ำและโรงอาหาร ผู้เข้าพักต้องเตรียมไฟฟ้ามาเองแต่มีสัญญาณโทรศัพท์พอได้เล่นโซเชี่ยล(ดีแทคและทรู วันทูคอลไม่รู้ไม่ได้ถือมา) เตรียมที่ซุกหัวนอนเสร็จก็ออกหาไรกิน ลงไปประมาน 2กิโล จะมีร้านค้า ที่สามารถเรียกได้ตลอด 24 ชม.อย่างกะเซเว่นเลย แจ่มแมววว ที่นี่ไฟฟ้าไม่มี ซื้อขายกันด้วยแสงสว่างจากการจุดเทียนกะเปิดไฟหน้ารถเอา คือถ้าจะขโมยตาลุงแกก็จะไม่รู้เลย คือเราหยาบแต่ไม่ได้เลวเลยไม่ได้ขโมย... ซื้อข้าวของเสร็จก็กลับมาถึงก็นั่งกินพักผ่อนตามสันดานกัน


     เปิดเพลงด้วยลำโพงตัวน้อย อย่างในรูปที่เห็นนั้นมีแอลกอฮอลล์ ใช่ครับท่านตาไม่ฝาด นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะทราบดีอยู่แล้วว่าอุทยานแห่งชาติทุกที่ไม่สามารถนำ แอลกอฮอล์เข้าไปข้างในได้เพื่อป้องกันหลายๆอย่าง แต่ ณ จุดจุดนี้สายดริงค์แกล้มธรรมชาติทุกคนก็คงรู้กันอยู่ว่าถ้าขอเจ้าหน้าที่เค้าก็ไม่ว่าอะไรขอแค่อย่างเดียว คุณจะต้องไม่ไปรบกวนคนอื่นแค่อย่าทำสันดานเหมือนอยู่บ้านตัวเองก็พอและควรตั้งลิมิตเวลาในการใช้เสียงหลัง 4 ทุ่มไม่ควรใช้เสียง ถ้าหลัง 4 ทุ่มยังแดรก ก็ได้ครับแต่คุยกันเบา ๆ ไม่ต้องเกากีตาร์ ไม่ต้องเห่าใส่ใครเพราะทุกคนที่มาก็ต้องการมาพักผ่อนไม่อยากมาเจอสันดานแย่ๆ ของใคร....

     นอกเรื่องไปหน่อยโท่ด ๆ แวะกลับมา ๆ เราโชคดีโพด ๆ ที่คืนนี้ไม่เจอฝนและอากาศที่นี่เย็นสบาย ดื่มกินกันได้ซักพัก ประมาน 5 ทุ่มเราก็เข้านอนผมนอนเปลส่วนเพื่อนนอนเต้นท์ เราก็เลยไม่ได้มีอะไรกัน…

เช้าแล้วจ้า
     ประมาน 6 โมงเช้า ฟ้าสว่างแต่ยังมองไม่เห็นแดดนะ เริ่มสำรวจหยิบกล้องมิลเลอร์เลสตัวจิ๋วหามุมถ่ายรูปเดินไปเรื่อยอย่างไม่รีบ
     ลงน้ำตกเราก็ต้องกรี๊ด ดัง ๆ อีกครั้งพร้อมอุทานว่า เหยดเข้!! น้ำแห้งโพด ๆ เดินไปถามเจ้าหน้าที่เค้าบอกว่ามีแต่ ชั้น 1-2 มั้งและข้างบนชั้น 6-7 อ่อ ลืมบอกไปตอนนี้เราอยู่ตรงชั้น 4 ที่เรียกว่า ฉัตรแก้ว ไม่มีชั้นรักเธอนะจ๊ะ ก็ถือว่าซวยไป ชั้นที่สวยที่สุดแม่งงดันไม่มีน้ำ!!!

อันนี้เป็นข้อมูล ชื่อของละชั้น
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

     หลังจากอาบน้ำเสร็จก็หามื้อเช้ากินกันที่นี่มีโรงอาหารไว้สำหรับผู้ที่มาเข้าพัก -ไปคุยไปตอนแรกตั้งใจมาเล่นน้ำ แต่เราก็ไม่ได้เล่นน้ำเอาไงดีวะ คืนนี้ไปนอนที่ไหนต่อดี เปิดเฟสหาเพจนี้เลย “ที่เที่ยวกาญจนบุรี Amazing Kanchanaburi มหัศจรรย์เมืองตะวันตก” [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ หาไปหามาหาแม่งงอยู่นั่นแหละเน็ตกากแต่ก็พอได้ สรุปคืนนี้เราจะไปนอน “บ้านอิต่องหรือเหมืองปิล๊อค” ตื่นเช้าจะได้ดู “ทะเลหมอกที่เนินช้างศึก” เก็บของเตรียมออกเดินทางต่อแวะถ่ายรูปว่าข้ามาถึงแล้ว ฮ่า ๆ ๆ ๆ


     เอาล่ะ ทางที่เราจะไปไม่ใช่ทางลาดยางนะฮะ เราไม่ได้อ้อมกลับไป ด่าน กฟผ. แต่เป็นทางที่จะไปลำคลองงูนี่แหละมั้ง(ใครใคร่สนใจเส้นทางนี้ลองสอบถามกับเจ้าหน้าที่ว่าประสงค์จะเดินทางไป อ.ทองผาภูมิ) ถนนเส้นนี้เป็นทางลูกรังและทางก้อนหินล้วน ๆ อาจจะมีบ้างที่เป็นทางขึ้นเขาแล้วต้องราดคอนกรีตไว้แต่ส่วนใหญ่จะเป็นก้อนหินเล็ก ๆ น้อย ๆ (แนะนำว่าสาย วิบาก,แทร็กเกอร์,เอ็นดูโร่ ต้องมาลอง ถ้าเป็นคาเฟ่แม่งงนรกเลยล่ะ)ทางขับมันส์สุด ๆ บางจังหวะที่ถนนเป็นเนินหลังเต่าประกอบกับรถไหลลงเขา การควบคุมไม่ดีอาจจะทำให้ตกเขาได้ ผมเองเกือบหลุดตกเขาไป 2-3 ครั้ง ถนนเส้นนี้ประมาน  40 กิโลมั้งไม่ก็กิโลแม้วฮะ ขับไปกินลมดมความชื้นของต้นไม้ ผ่านไร่มัน ดมกลิ่นลานมันไปเรื่อย ๆ หอมดี ฮ่า ๆ

     ขับมาได้ซักพักใหญ่ ผ่านช่องเขาเราก็แวะถ่ายรูปกันนิดนึงเป็นการพักรถพักคนไปในตัว  
     ออกจากช่องเขามาได้ซักพักก็เดินต่อไปสองข้างทางเต็มไปด้วยร่มไม้ เรียกว่าหอมกลิ่นป่าจนเพลินแทบจะหลุดตกเขากันเลยล่ะ

     มาถึง จุดแวะถ่ายรูปที่ "จุดชมวิวเนินสวรรค์หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ศร.11" จอดรถถ่ายรูปนิดนึง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่