เป็นเรื่องของเพื่อนนะครับข้อความต่อจากนี้คำพูดเพื่อนล้วนๆ 5555
ว่าด้วยเรื่องการรับน้อง
แหม ช่วงนี้กระแสทั้งรับน้องทั้งพี่ว้าก
กำลังมาเลยเนอะ มาจนปีนี้อยากลองหนิบยกมาคุยดูบ้าง ขอให้กระทู้เรามาประดับในท็อปปิคนี้อีกสักกระทู้นึงเนอะ
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า ช่วงนี้เราก็แสครชทวิตเตอร์ นิวฟีดไปมา ว่ากระแสรับน้องกำลังมาเนอะ ไอ้เราเองก็เอ้ยย เรียกว่าอยู่ในกระแสก็ไม่เชิง เพราะม.เราก็ขึ้นชื่อว่ารับน้องเฟี้ยวฟ้าวอยู่เหมือนกัน (ขอไม่บอกว่ามอ อะไรเนอะ เดี๋ยวมีผลกับชีวิตความเป็นอยู่จขกท 5555 )
อะต่อๆ เข้าเรื่อง คืองี้ๆ ประเด็นที่จะเอามาพูดเนี่ย คือเรื่องมุมมองการรับน้องอีกมุมนึง ขอออกตัวก่อนว่า ที่เขียนเนี่ย เพื่อว่า เผื่อมีคนอ่านแล้วเอ้ะ! อันนี้ก็น่าคิดนะแกก
คือเราไม่ได้ ออกมาป้ายสีใส่ไข่พิเศษเย็นตะโฟ ฝ่ายไหนทั้งสิ้น ทั้งฝ่ายรับและฝ่ายรุก เอ้ย!! ฝ่ายไม่รับน้องค่ะ
อนึ่ง... สอง สาม สี่ ห้า ไม่ใช่!!!
คือ จากการที่จขกท ผ่านการร่วมรับน้องมาแล้วนะคะ เลยรู้ว่า ปัญหาหนึ่งหลังจากมีการแบ่งฝ่ายรับน้องกับไม่รับน้องเนี่ย
ชาวรับน้องเรา เกิดจากการทำกิจกรรมร่วมกันเนอะ ร่วมโดนพี่ๆด่า ร่วมทุกสุข ที่สุดท้ายเราแฮปปี้กับมัน จนเราจะรู้สึกว่า เราผูกพันกับเพื่อนเรามากก เพราะจะมีมิชชั่น ที่เราทำแล้วเราภูมิใจไปพร้อมๆกับเพื่อนเรา คือมันมีข้อดีแหละที่เราได้จากมัน
และนั่นทำให้ "บางกลุ่ม" จะเกิดอาการมองพวกที่ไม่รับน้อง ว่า แปลกแยก , เขาไม่ใช่พวกเรา , ทำไมไม่ช่วยงาน , มันไม่ใช่รุ่น , เห็นแก่ตัว , อ่อน , คนอื่นรับได้ไม่เห็นตายห่าอะไรเลย ฯลฯ
แหะๆ แหม เธอ ใจเย็น อย่าพึ่งผงาด นี่หยิบยกมาให้ฟัง อะ ตัดภาพไปอีกฝั่งค่ะ
ในส่วนของคนไม่รับน้อง อาจรู้สึกว่า
"ทำไมกูต้องมาทำอะไรแบบนี้วะ" "กูมาเรียน" "อัธยาสัยกุ
มาก เลิกยุ่งกะกุเหอะ"
เห็นปะเธอ มันนานาจิตตังปะวะ
และชาวไม่รับ "บางคน" อาจเกิดอาการ
ดูถูกคนรับน้อง ว่า ยอมทำตามคำสั่งรุ่นพี่ไปทำไมวะ ฟังใครก็ไม่รู้ นู่นนี่
เอาล่ะค่ะ เห็นความต่างปะ?
แน่นอนค่ะเธอ ความต่างมันมีค่ะ มันมีแน่นอนอยู่แล้ว ผลที่ตามมาแค่เรื่องแค่นี้ มันก่อตัวเป็นความขัดแย้งเล็กๆในหมู่นักศึกษาปัญญาชนเราค่ะ
แต่เราอยู่ร่วมกันได้ โลกเราต้องมีคนคิดต่าง เพื่อถ่วงดุนกันก็ถูกแล้ว
เพราะงั้น เรามาลองเสนอความคิด การอยู่ร่วมกันแบบไม่มีผลเสียไหมคะ
เหมือนกันเรื่องการปรับแนวความคิดเรื่องเพศ เพศที่สาม ศาสนา ที่เราปรับมุมมองมันให้กว้างขึ้น
ถ้าเราจะเพิ่มการ "ไม่มีการแบน กลุ่มคนที่ไม่เข้ารับน้อง หรือการว้าก โดยที่เราไม่ต้องกดดันเขาได้ไหม"
นึกนะคะ เราอยากทำกิจกรรมเพราะอะไร. มันสนุกเนอะ เราได้เพื่อน ได้พี่ แต่เราก็เหนื่อยว่าทำไมไม่มีคนช่วย
คุณ ถ้าคุณรู้ว่าคนที่คุณพูดถึงแบกรับความหวัง จากทางบ้านขนาดไหน หรือเขาคาดหวังกับการศึกษามากแค่ไหน เราจะยังกดดันเขาไหม
เธอ บางครั้งอะ เราทำไปเพราะความรู้สึกมันไวใช่ปะ เราไปแรงใส่เขา อคติใส่เขา ถ้าเขาเรียนไม่ได้ ลาออกไป แล้วจะเรียกว่า เธอไม่ทำอะไรเขาได้จริงๆเหรอ?
จะเป็นอะไร...ที่มีคนกลุ่มหนึ่งที่
...เขาแค่ไม่อยากเข้ากิจกรรมหนึ่ง แต่ในเวลาปกติเขาเป็นเพื่อน เป็นน้องที่ดีที่น่ารักมากๆ แต่คุณ อคติเพราะแค่เขาไม่ร่วมกิจกรรมเดียวกับคุณ?
ขอฝากถึงรุ่นพี่
อย่าพูดว่าไม่มีการแตะตัวน้อง ถ้าคุณยังมี"ห้องมืด"กับน้อง ในเวลาที่คุณซื้อใจน้อง จนน้องไม่ติดใจเอาเรื่องอะไรคุณแล้ว
อย่าคิดว่าการไม่ได้แตะตัวน้องไม่ผิด เพราะคำพูดมันก็ทำร้ายคนได้ ไม่งั้นในมหาลัยคงไม่เปิดสอนจิตวิทยาเนอะ
อย่าเรียกว่าตัวเองพูดดีๆ ไม่มีการว้าก
ถ้าคุณยังตะคอกเสียงหรือใช้ตรรกะที่ในชีวิตประจำวัน
แทบไม่ได้ใช้เลยกับน้อง
เราๆก็โตกันแล้วเนอะ เชื่อว่าถ้าเราไม่ชอบลากไก่ลงน้ำจริง ไม่มีใครอยากให้น้องเจ็บตาย ...นึกถึงเราเนอะ เรายังมีพ่อแม่ที่เขามาส่งเราเรียน ที่เราเป็นความหวัง น้องก็เหมือนกัน
กิจกรรมบางกิจกรรม ที่บางคนอาจบอกว่ามันคือวัฒนธรรม คือการสืบทอด จากรุ่นพี่ที่อายุมากกว่า
อย่าลืมว่าตอนที่เขาคิดค้นกิจกรรม เขาก็คือเด็กมหาลัย ที่ยังไม่ได้ออกไปเจอ"โลกจริงๆ" เหมือนกัน
ไม่มีอะไรการันตีว่ามันถูกต้อง 100%
เรามีสิทธิเปลี่ยน หรือยืนให้คนอื่นเห็นได้เสมอ
ถ้าเราไม่รับฟังคนอื่นบ้าง เราจะไม่สามารถพัฒนาบางสิ่งบางอย่างได้เลย
มาแสดงความคิดเห็นนะคะ ว่าเราสามารถทำให้มันดีขึ้นยังไงบ้าง
มาแชร์ประสบการณ์รับน้องสนุกๆ ฮาๆ สร้างสรรค์ก็ได้
ปล. การรับน้อง มีเพื่อ ให้น้องพี่เพื่อนมารู้จักกันสร้างมิตรภาพ ถ้ามีแล้วเกิดการทำลายมิตรภาพ มันก็ไม่ค่อยตรงจุดประสงค์เนอะ. ฝากไว้แล้วกันน้า
รับน้อง ไม่รับน้อง คิดต่างอยุ่ด้วยกันได้ไหม?
ว่าด้วยเรื่องการรับน้อง
แหม ช่วงนี้กระแสทั้งรับน้องทั้งพี่ว้าก
กำลังมาเลยเนอะ มาจนปีนี้อยากลองหนิบยกมาคุยดูบ้าง ขอให้กระทู้เรามาประดับในท็อปปิคนี้อีกสักกระทู้นึงเนอะ
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า ช่วงนี้เราก็แสครชทวิตเตอร์ นิวฟีดไปมา ว่ากระแสรับน้องกำลังมาเนอะ ไอ้เราเองก็เอ้ยย เรียกว่าอยู่ในกระแสก็ไม่เชิง เพราะม.เราก็ขึ้นชื่อว่ารับน้องเฟี้ยวฟ้าวอยู่เหมือนกัน (ขอไม่บอกว่ามอ อะไรเนอะ เดี๋ยวมีผลกับชีวิตความเป็นอยู่จขกท 5555 )
อะต่อๆ เข้าเรื่อง คืองี้ๆ ประเด็นที่จะเอามาพูดเนี่ย คือเรื่องมุมมองการรับน้องอีกมุมนึง ขอออกตัวก่อนว่า ที่เขียนเนี่ย เพื่อว่า เผื่อมีคนอ่านแล้วเอ้ะ! อันนี้ก็น่าคิดนะแกก
คือเราไม่ได้ ออกมาป้ายสีใส่ไข่พิเศษเย็นตะโฟ ฝ่ายไหนทั้งสิ้น ทั้งฝ่ายรับและฝ่ายรุก เอ้ย!! ฝ่ายไม่รับน้องค่ะ
อนึ่ง... สอง สาม สี่ ห้า ไม่ใช่!!!
คือ จากการที่จขกท ผ่านการร่วมรับน้องมาแล้วนะคะ เลยรู้ว่า ปัญหาหนึ่งหลังจากมีการแบ่งฝ่ายรับน้องกับไม่รับน้องเนี่ย
ชาวรับน้องเรา เกิดจากการทำกิจกรรมร่วมกันเนอะ ร่วมโดนพี่ๆด่า ร่วมทุกสุข ที่สุดท้ายเราแฮปปี้กับมัน จนเราจะรู้สึกว่า เราผูกพันกับเพื่อนเรามากก เพราะจะมีมิชชั่น ที่เราทำแล้วเราภูมิใจไปพร้อมๆกับเพื่อนเรา คือมันมีข้อดีแหละที่เราได้จากมัน
และนั่นทำให้ "บางกลุ่ม" จะเกิดอาการมองพวกที่ไม่รับน้อง ว่า แปลกแยก , เขาไม่ใช่พวกเรา , ทำไมไม่ช่วยงาน , มันไม่ใช่รุ่น , เห็นแก่ตัว , อ่อน , คนอื่นรับได้ไม่เห็นตายห่าอะไรเลย ฯลฯ
แหะๆ แหม เธอ ใจเย็น อย่าพึ่งผงาด นี่หยิบยกมาให้ฟัง อะ ตัดภาพไปอีกฝั่งค่ะ
ในส่วนของคนไม่รับน้อง อาจรู้สึกว่า
"ทำไมกูต้องมาทำอะไรแบบนี้วะ" "กูมาเรียน" "อัธยาสัยกุมาก เลิกยุ่งกะกุเหอะ"
เห็นปะเธอ มันนานาจิตตังปะวะ
และชาวไม่รับ "บางคน" อาจเกิดอาการ
ดูถูกคนรับน้อง ว่า ยอมทำตามคำสั่งรุ่นพี่ไปทำไมวะ ฟังใครก็ไม่รู้ นู่นนี่
เอาล่ะค่ะ เห็นความต่างปะ?
แน่นอนค่ะเธอ ความต่างมันมีค่ะ มันมีแน่นอนอยู่แล้ว ผลที่ตามมาแค่เรื่องแค่นี้ มันก่อตัวเป็นความขัดแย้งเล็กๆในหมู่นักศึกษาปัญญาชนเราค่ะ
แต่เราอยู่ร่วมกันได้ โลกเราต้องมีคนคิดต่าง เพื่อถ่วงดุนกันก็ถูกแล้ว
เพราะงั้น เรามาลองเสนอความคิด การอยู่ร่วมกันแบบไม่มีผลเสียไหมคะ
เหมือนกันเรื่องการปรับแนวความคิดเรื่องเพศ เพศที่สาม ศาสนา ที่เราปรับมุมมองมันให้กว้างขึ้น
ถ้าเราจะเพิ่มการ "ไม่มีการแบน กลุ่มคนที่ไม่เข้ารับน้อง หรือการว้าก โดยที่เราไม่ต้องกดดันเขาได้ไหม"
นึกนะคะ เราอยากทำกิจกรรมเพราะอะไร. มันสนุกเนอะ เราได้เพื่อน ได้พี่ แต่เราก็เหนื่อยว่าทำไมไม่มีคนช่วย
คุณ ถ้าคุณรู้ว่าคนที่คุณพูดถึงแบกรับความหวัง จากทางบ้านขนาดไหน หรือเขาคาดหวังกับการศึกษามากแค่ไหน เราจะยังกดดันเขาไหม
เธอ บางครั้งอะ เราทำไปเพราะความรู้สึกมันไวใช่ปะ เราไปแรงใส่เขา อคติใส่เขา ถ้าเขาเรียนไม่ได้ ลาออกไป แล้วจะเรียกว่า เธอไม่ทำอะไรเขาได้จริงๆเหรอ?
จะเป็นอะไร...ที่มีคนกลุ่มหนึ่งที่
...เขาแค่ไม่อยากเข้ากิจกรรมหนึ่ง แต่ในเวลาปกติเขาเป็นเพื่อน เป็นน้องที่ดีที่น่ารักมากๆ แต่คุณ อคติเพราะแค่เขาไม่ร่วมกิจกรรมเดียวกับคุณ?
ขอฝากถึงรุ่นพี่
อย่าพูดว่าไม่มีการแตะตัวน้อง ถ้าคุณยังมี"ห้องมืด"กับน้อง ในเวลาที่คุณซื้อใจน้อง จนน้องไม่ติดใจเอาเรื่องอะไรคุณแล้ว
อย่าคิดว่าการไม่ได้แตะตัวน้องไม่ผิด เพราะคำพูดมันก็ทำร้ายคนได้ ไม่งั้นในมหาลัยคงไม่เปิดสอนจิตวิทยาเนอะ
อย่าเรียกว่าตัวเองพูดดีๆ ไม่มีการว้าก
ถ้าคุณยังตะคอกเสียงหรือใช้ตรรกะที่ในชีวิตประจำวันแทบไม่ได้ใช้เลยกับน้อง
เราๆก็โตกันแล้วเนอะ เชื่อว่าถ้าเราไม่ชอบลากไก่ลงน้ำจริง ไม่มีใครอยากให้น้องเจ็บตาย ...นึกถึงเราเนอะ เรายังมีพ่อแม่ที่เขามาส่งเราเรียน ที่เราเป็นความหวัง น้องก็เหมือนกัน
กิจกรรมบางกิจกรรม ที่บางคนอาจบอกว่ามันคือวัฒนธรรม คือการสืบทอด จากรุ่นพี่ที่อายุมากกว่า
อย่าลืมว่าตอนที่เขาคิดค้นกิจกรรม เขาก็คือเด็กมหาลัย ที่ยังไม่ได้ออกไปเจอ"โลกจริงๆ" เหมือนกัน
ไม่มีอะไรการันตีว่ามันถูกต้อง 100%
เรามีสิทธิเปลี่ยน หรือยืนให้คนอื่นเห็นได้เสมอ
ถ้าเราไม่รับฟังคนอื่นบ้าง เราจะไม่สามารถพัฒนาบางสิ่งบางอย่างได้เลย
มาแสดงความคิดเห็นนะคะ ว่าเราสามารถทำให้มันดีขึ้นยังไงบ้าง
มาแชร์ประสบการณ์รับน้องสนุกๆ ฮาๆ สร้างสรรค์ก็ได้
ปล. การรับน้อง มีเพื่อ ให้น้องพี่เพื่อนมารู้จักกันสร้างมิตรภาพ ถ้ามีแล้วเกิดการทำลายมิตรภาพ มันก็ไม่ค่อยตรงจุดประสงค์เนอะ. ฝากไว้แล้วกันน้า