[Spoil] EXEcutional - 284 # Battle on Meteoroid 3

ยิ่งใกล้ช่วงสุดท้ายของคู่กานดา VS ตี๋นรก ก็ยิ่งมันส์ขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ความลับของอินวิซิเบิ้ลฟอร์มถูกเปิดเผยแล้ว


ต่อจากตอนที่แล้ว ขณะที่กานดากำลังพยายามโจมตีพัมพ์กิ้นที่กำลังใช้อินวิซิเบิ้ลฟอร์ม จู่ๆดาบภูตของกานดากลับเปลี่ยนทิศทางโจมตีคลื่นดาบไปยังตำแหน่งว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรเลย ไม่เพียงแค่กานดาแต่คนอื่นๆที่กำลังดูอยู่ต่างแปลกใจกันทันที แต่เพียงแค่เห็นครั้งเดียวกานดาก็นึกอะไรได้จึงหยุดการโจมตีของตัวเองปัดแส้ของพัมพ์กิ้นที่โจมตีมาออกและถอยฉากมาตั้งหลักก่อน

ขณะที่ต่างตั้งหลักมองเชิงกันอีกรอบ ถึงการต่อสู้จะชะงักลงแต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่ไม่กี่วินาที กานดาเริ่มพุ่งเข้าไปโจมตีอีกรอบใส่ตัวพัมพ์กิ้นที่มองเห็นโดยตรง แต่เช่นเดิมการโจมตีไร้ผลไม่โดนตัวพัมพ์กิ้นเลย แต่จุดประสงค์ของกานดาไม่ใช่การโจมตีอยู่แล้วแต่เพื่อเข้าใกล้พัมพ์กิ้นเพื่อ "สังเกต" และนั้นทำให้กานดามั่นใจยิ่งขึ้น สิ่งที่กานดาสังเกตคือทิศทางการมองของพัมพ์กิ้น แม้เพียงแวบเดียวแต่กานดาก็เห็นอย่างชัดเจนว่าพัมพ์กิ้นเหลือบไปมองดาบภูตแน่ๆ เมื่อเห็นแบบนี้กานดาจึงหยุดโจมตีที่ร่างที่มองเห็น หลบแส้ของพัมพ์กิ้นอีกรอบและมองดูทิศทางที่ดาบภูตโจมตีไป ยังคงเช่นเดิมที่ดาบภูตไปโจมตีจุดที่ไม่มีอะไร กานดาเริ่มมั่นใจแล้วถึงความสามารถอินวิซิเบิ้ลฟอร์ม งัดเอาจัสติสเรย์ออกมาและฟาดเข้าไปตรงที่ดาบภูตโจมตีแบบเต็มๆแรง แน่นอนว่าเป็นคนละทางกับร่างที่มองเห็น แต่ทันทีที่โจมตีร่างที่มองเห็นกลับเกิดค่าความเสียหายแสดงออกมา

ทางภัสสรเห็นว่าคราวนี้โจมตีโดนแล้ว มัจฉาเองก็รู้แน่ชัดแล้วถึงความสามารถแท้จริงของอินวิซิเบิ้ลฟอร์ม ที่มัจฉารู้มาก่อนจากการเดาคืออินวิซิเบิ้ลฟอร์มไม่ใช่สกิลที่ทำให้หายตัวหรือทำให้เป็นอมตะชั่วคราว เพราะบางครั้งแม้จะใช้อยู่แต่ก็ยังโดนโจมตี แต่นั้นเลยทำให้ยากที่จะรู้ได้ถึงความสามารถเพราะชวนให้สับสนว่าสกิลนี้คืออะไรกันแน่ หากเป็นการทำให้หายตัวหรือเป็นอมตะชั่วคราวก็ต้องมีผลของเวลาชัดเจนกว่า แต่จากการต่อสู้นี้ทำให้มัจฉาสามารถฟันธงได้อย่างแน่นอนแล้วว่าอินวิซิเบิ้ลฟอร์มนั้นก็คือ "การทิ้งเงาของตัวเองขณะใช้สกิล"

เมื่อใช้อินวิซิเบิ้ลฟอร์ม ตัวจริงจะทิ้งร่างเงาไว้ส่วนตัวจริงจะย้ายที่ไปสักจุดหนึ่ง ไม่ได้ทำให้หายไป ไม่ได้เป็นอมตะหรือเพิ่มอัตราหลบหลีกเลย พอผลสกิลหมดตัวจริงก็จะกลับมาที่ตำแหน่งเงา และจากการวิเคราะห์ของมัจฉาสกิลนี้จะมีผลครั้งล่ะราวๆ 3-4 วินาที ไวพจน์ทึ่งเลยที่มัจฉารู้ถึงขนาดนั้น มัจฉาบอกนั้นจากการวิเคราะห์ถึงการต่อสู้ก่อนๆของพัมพ์กิ้นด้วย บางครั้งที่พัมพ์กิ้นใช้อินวิซิเบิ้ลฟอร์มแต่กลับโดนโจมตี ตามที่มัจฉาคิดคือบางครั้งพัมพ์กิ้นใช้สกิลช้าไปจึงหลบออกจากร่างเงาไม่ทัน บางครั้งเวลาสกิลกำลังหมดพอดีทำให้ร่างจริงกลับมาอยู่ตำแหน่งเงาพอดี และด้วยความสามารถแบบนี้การจะใช้ต่อหน้าคนจำนวนมากจึงต้องระวังอย่างมากด้วยเพื่อคงความลึกลับไว้ ต้องไม่ให้คนจับร่องรอยให้วิเคราะห์ได้ ยิ่งพัมพ์กิ้นเก่งเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว..... แต่เมื่อพลาดให้มัจฉารู้แบบนี้แล้ว....

มัจฉา: (ฉันจะทำอะไรรู้มั้ย?)
มัจฉา: (เอาเรื่องนี้ของแกมาแฉให้ทั่วจักรวาลเลยไงล่ะ)
ไวพจน์: ไม่ได้เห็นมัจฉาทำหน้าแบบนี้นานแล้วแฮะ

การที่กานดาได้ดาบภูตที่ไม่ได้คาดคิดกันมาก่อนว่ามีความสามารถตรวจจับสิ่งที่ล่องหนอยู่ได้ ด้วยความสามารถนี้สำหรับกานดาจึงไม่ต้องอธิบายความสามารถของสกิลอินวิซิเบิ้ลฟอร์มเลย แม้จะเป็นกานดาก็ยังมองเห็นความผิดปกติได้แน่นอน แค่คอยดูจุดที่ดาบภูตโจมตีแล้วโจมตีตามก็พอ

พออินวิซิเบิ้ลฟอร์มโดนล่วงรู้ถึงความลับ กานดาจึงเริ่มกลายเป็นฝ่ายรุกโจมตีใส่อยู่ฝ่ายเดียว ด้วยการโจมตีระยะประชิดต่อเนื่องไปเรื่อยๆแบบไม่ให้พัก แต่ด้านเกียร์คิดอยู่ว่าถึงจะอยู่ในสภาพนี้พัมพ์กิ้นก็ยังมีท่าไม้ตายเคาน์เตอร์อยู่คือ กับดักกรงขังมังกร กับ คาลามิตี้ไดร์ฟ ขอเพียงแค่กานดาไม่ลืมว่าพัมพ์กิ้นมีสองท่านี้อยู่

แต่จนถึงตอนนี้พัมพ์กิ้นก็ยังไม่ได้ใช้ทั้งสองท่าโจมตีกานดาเลยนับตั้งแต่สกิลความแตก แม้จะพยายามโจมตีด้วยแส้สวนกลับแต่กานดาหลบได้ พอโจมตีรูปแบบครอสจากพื้นกานดาก็โดดหลบได้ พอโจมตีเฉียงขึ้นตรงหน้ากานดาก็พุ่งตัวสวนวกมาด้านหลังและกระหนำโจมตีกลับทันที พัมพ์กิ้นที่โดนกานดาโจมตีแทบจะรอบทิศทางจากการวกไปวนมารอบทิศของกานดาทำเอาตัวพัมพ์กิ้นหมุนตัวลอย แม้จะพยายามหลอกล่อใช้จังหวะแบบนี้ใช้อินวิซิเบิ้ลฟอร์ม ดาบภูตของกานดาก็ยังตามไปโจมตีได้อีกทำให้กานดารู้ตำแหน่งและหันกลับไปโจมตีที่พื้นที่ว่างนั้น กลายเป็นนอกจากจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยแล้วยังเป็นกระสอบทรายให้กานดาโจมตีเอาๆอีกต่างหาก

กานดาที่โจมตีต่อเนื่องจนพัมพ์กิ้นกระเด็นตกจากพื้นที่ดาวหนึ่งไปอีกดาวหนึ่ง พอกำลังจะลุกตั้งหลักแต่ก็ช้าไป กานดาโดดตามมาซะก่อนแถมคราวนี้กานดาเปิดไม้ตาย "Darkness nova II" สร้างอาณาเขตกรงสี่เหลี่ยมให้ดาบภูตสร้างคลื่นดาบจำนวนมหาศาลกระเด้นไปมาภายในกรงนั้นคือท่า "Lunatic Bride" พัมพ์กิ้นที่พึ่งจะได้ลุกขึ้นยืนจึงโดนกระหนำโจมตียิ่งกว่าเดิมทั้งการโจมตีของกานดาแหละคลื่นดาบจำนวนมหาศาล จนตัวพัมพ์กิ้นราวกับติดสตันให้โดนโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว ได้แค่คิดว่าโดนมาขนาดนี้คงใช้อินวิซิเบิ้ลฟอร์มไม่ได้อีกเด็ดขาด แม้จะอาศัยจังหวะในเสี่ยววินาทีที่สามารถโจมตีได้โจมตีใส่กานดา แต่ดาบออร่าของกานดาก็ฟันแส้ทิ้งได้หมด พัมพ์กิ้นยังคงโดนอยู่ฝ่ายเดียวต่อไป

ถึงตรงนี้ความอดทนของพัมพ์กิ้นเริ่มหมดลง สีหน้าและแววตาที่ใช้หยอกล่ออีกฝ่ายหายไปแล้ว พัมพ์กิ้นเริ่มเปลี่ยนการโจมตีจากตัวกานดาไปที่ดาบภูตแทน ยูนิเวอร์แซลพุ่งเข้าโจมตีดาบภูตแต่ก็ไม่ได้ทำให้ดาบภูตหยุดชะงักเลย พัมพ์กิ้นเริ่มยั่วพร้อมกับความคิด "เกะกะเกินไปแล้ว!!" ฟาดแส้เต็มกำลังพุ่งไปที่ดาบภูตโดยตรง แส้ของพัมพ์กิ้นโดนดาบภูตอย่างจังแถมไม่เพียงหยุดแต่ยังทำลายดาบภูตได้เล่มหนึ่ง กานดาเห็นก็ถึงกับตกใจจนเกือบหลบไม่พ้นยูนิเวอร์แซลที่เข้ามาลอบโจมตี การโจมตีต่อเนื่องของกานดาจึงหยุดลง

พัมพ์กิ้นบอกคิดว่าจะโจมตีเพื่อหยุดคลื่นดาบเฉยๆ แต่ไม่คิดเลยว่าจะทำลายดาบภูตได้ นั้นเลยทำให้เริ่มยิ้มออกแม้จะเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวก็ตาม และพอดาบภูกทำลายไปเล่มหนึ่ง "Darkness nova II" เลยหายไปด้วย กานดาถอยออกมานิดเพื่อตั้งหลักอีกครั้งพร้อมกับดาบภูตที่กลับมาที่ข้างตัวกานดา แล้วพัมพ์กิ้นก็พูดเลยว่า...

พัมพ์กิ้น: ถ้าทำลายได้อีกเล่มคุณก็จับการเคลื่อนไหวของผมไม่ได้แล้ว!!
กานดา: หวดด้วยจัสติสเรย์ยังไงก็ต้องโดนล่ะวะ!!

จบตอน


เป็นตอนที่กานดาไล่อัดอยู่ฝ่ายเดียวตรงๆจนไม่รู้แล้วว่าตอนนี้ HP ของพัมพ์กิ้นเหลือเท่าไรแต่บอกได้เลยว่าโทรมไม่น้อย คงจะเหลืออีก 2-3 ตอนก็คงจะจบคู่นี้แล้วมั้ง ใครจะชนะคงต้องรอดูต่อไป

ภาพเดียวตอนนี้ คิดไม่ตกเลยว่าจะเลือกภาพไหนดี หน้าสุดท้ายมันก็พีคดี แต่คิดไปคิดมา เอาหน้าดาร์คมัจฉาที่ไม่ได้เห็นมานานให้ดูดีกว่า

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่