ลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ ๒๗ มิ.ย.๕๙

กระทู้สนทนา
เสี้ยวสามก๊ก

     ลูกน้องผู้ซื่อสัตย์
                                                           "เล่าเซี่ยงชุน"

                    หลายชีวิตที่เล่ามาแล้วนั้น ล้วนแต่เป็นผู้น้อยหรือตัวประกอบ ในสามก๊กทั้งนั้น แต่ก็มีพฤติกรรมที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ซึ่งจะได้ขุดคุ้ยแคะไค้ออกมาเล่าสู่กันอ่านได้ อีกหลายคน

                    ทางฝ่ายอ้วนเสี้ยวซึ่งเป็นใหญ่ในภาคเหนือนั้น เมื่อโจโฉได้เป็นมหาอุปราชของพระเจ้าเหี้ยนเต้ และเที่ยวขยายอำนาจออกไปในหัวเมืองต่าง ๆ มากขึ้นก็คิดจะยกทัพไปปราบปราม เพื่อตั้งตัวเป็นใหญ่บ้าง เพราะมีทหารนับร้อยหมื่น  มีทหารเอกมากมาย และที่ปรึกษาหลายคน ในจำนวนนั้นมีอยู่สองคนที่มีความเห็นไปในทางเดียวกัน คือ เตียนห้อง กับ จอสิว เป็นผู้ที่คัดค้านไม่ให้อ้วนเสี้ยวยกทัพไป  ด้วยเหตุผลที่ว่าการสงคราม ใช่จะมีชัยชนะด้วยทหารมากอย่างเดียว โจโฉนั้นถึงจะมีทหารน้อย แต่มีความคิด  ชำนาญการสงครามลึกซึ้ง ยากที่จะเอาชนะได้ แต่อ้วนเสี้ยวไม่เห็นด้วย คงให้ยกทัพสามสิบหมื่นไปตั้งมั่นอยู่ที่ตำบลลิมหยง ใกล้เมืองฮูโต๋ของโจโฉตามความเห็นของที่ปรึกษาคนอิ่น ๆ  โจโฉก็ยกทหารยี่สิบหมื่นไปตั้งยันไว้ห่างแค่แปดร้อยเส้น แต่ตั้งอยู่สองเดือนก็ยังไม่ได้รบกัน  พอถึงหน้าหนาวก็แยกกันกลับเมือง  จอสิวก็น้อยใจอ้วนเสี้ยวว่าปรึกษาราชการสิ่งใดก็ไม่เห็นด้วย

                    พอถึงฤดูร้อนเล่าปี่ขอให้อ้วนเสี้ยวยกกองทัพไปตีเมืองฮูโต๋อีก  เตียนห้องก็คัดค้านตามเคย อ้วนเสี้ยวก็โกรธจะฆ่าเสีย  แต่เล่าปี่ขอร้องจึงให้เอาตัวไปขังคุกไว้  จอสิวก็เสียใจจึงเอาทรัพย์สินทั้งปวง แจกจ่ายแก่บุตรภรรยาญาติพี่น้อง เพราะคิดว่าคงไปตายแน่  คราวนี้อ้วนเสี้ยวยกทัพเจ็ดสิบหมื่นเศษไปตั้งที่ตำบลบู๊เอี๋ยง โจโฉก็ยกทหารเพียงเจ็ดหมื่นห้าพันไปตั้งรับที่ริมแม่น้ำฮองโห  จอสิวก็แนะว่าเสบียงอาหารของโจโฉนั้นมีน้อย ให้รบหน่วงเวลาไว้จนทหารโจโฉระส่ำระสายจึงค่อยตีให้แตก อ้วนเสี้ยวก็โกรธให้เอาตัวไปขังไว้ในค่าย ถ้าชนะศึกเมื่อไรจะได้ฆ่าเสียพร้อมกันกับเตียนห้อง  

                    คืนหนึ่งขณะอยู่ในที่คุมขัง จอสิวเห็นท้องฟ้าสว่าง และดาววิปริตก็ตกใจ ขอให้ผู้คุมคลายเครื่องจองจำ  และพาไปหาอ้วนเสี้ยวซึ่งเสพสุราเมา แล้วนอนหลับอยู่  ต้องปลุกขึ้นมาบอกว่า วันนี้ดูดาวแล้วเห็นว่าจะมีเหตุร้าย ข้าศึกอาจจะลอบเข้าไปตีเอาเสบียงที่ตำบลอัวเจ๋าขอให้เร่งระวังป้องกัน อ้วนเสี้ยวก็โกรธว่าเป็นนักโทษดันสะเออะมาอวดรู้ดี เลยสั่งให้เอาผู้คุมไปฆ่าเสีย แล้วเอาจอสิวไปเข้าคุกดังเก่า

                       การณ์ก็เป็นไปตามคำพูดของจอสิว เพราะโจโฉแอบไปเผาเสบียงเสียสิ้น และการสงครามครั้งนี้ อ้วนเสี้ยวก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างยับเยิน ต้องแตกกลับเมืองกิจิ๋วกับทหารเพียงแปดร้อยคนเท่านั้น ระหว่างที่เดินทางกลับ อ้วนเสี้ยวได้ยินทหารร้องไห้รำพันว่า ถ้านายเราเชื่อฟังคำเตียนห้อง ไหนเลยจะได้ความเดือดร้อนถึงเพียงนี้ ก็คิดอับอายไม่อยากดูหน้าเตียนห้อง จึงส่งกระบี่ให้ทหารรีบกลับเข้าเมืองไปฆ่าเตียนห้องที่ถูกขังอยู่ในคุกเสียก่อน

                      ส่วนจอสิวนั้นติดคุกอยู่ในค่ายที่โจโฉยึดได้โจโฉก็ให้ถอดเครื่องจองจำออก และเกลี้ยกล่อมให้เป็นพวกด้วย แต่จอสิวกลับด่าด้วยคำหยาบคาย  โจโฉก็แกล้งทำเป็นไม่โกรธ และเลี้ยงดูเป็นอย่างดี พอถึงเวลากลางคืนจอสิวก็ลักม้าควบหนีไปจากค่าย แต่ถูกทหารโจโฉจับได้ โจโฉจึงต้องสั่งให้ประหารเสีย แล้วเอาศพฝังไว้ริมแม่น้ำฮองโห มีศิลาจารึกสรรเสริญว่าเป็นผู้ที่ซื่อสัตย์ต่อนายเป็นอันมาก

                    ที่เมืองเสฉวนซึ่งเป็นเมืองใหญ่อยู่ทางตะวันตกนั้น  เล่าเจี้ยงญาติของเล่าปี่เป็นเจ้าเมืองอยู่ ครั้นได้ข่าวว่าเตียวฬ่อเจ้าเมืองฮันต๋งจะยกทัพมาตีเมืองเสฉวน ก็คิดจะขอให้เล่าปี่เข้ามาช่วยทำศึก จึงส่งเตียวสงไปเชิญเล่าปี่ที่เมืองเกงจิ๋ว ทั้ง ๆ ที่มีผู้คัดค้านหลายคน   อุยก๋วน อ้างว่าเล่าปี่นั้นเป็นคนแซ่เดียวกับเล่าเจี้ยงก็จริงแต่เป็นคนเจ้าปัญญาความคิดแยบคายมาก เหมือนหนึ่งเสือเฒ่าจำศีล แสร้งทำน้ำใจอารีอารอบให้คนนับถือ เห็นแต่ภายนอกก็ไม่รู้ว่าน้ำใจเล่าปี่นั้นคด   อองลุย ก็ว่าเตียวฬ่อนั้นถึงจะเป็นศัตรูก็เหมือนกับหูดสิว อันเป็นแต่กายภายนอก เอาเล็บสะกิดเสียก็จะหายไป อันเล่าปี่จะเข้ามาตั้งในเมืองนั้น เหมือนวัณโรคอันเป็นยอดขึ้นในอก ยากที่จะรักษาได้  ด้วยเล่าปี่นั้นเป็นคนอกตัญญูมิได้รู้จักคุณคน  โจโฉเอาไปเลี้ยงไว้ยังกลับคิดร้าย แล้วไปอาศัยซุนกวน ก็ชิงเอาเมืองเกงจิ๋ว มิได้ซื่อตรงต่อผู้ใด

                       เล่าเจี้ยงก็ไม่เชื่อ พอแจ้งว่าเล่าปี่มาถึงตำบลโปยเสีย เล่าเจี้ยงจะยกขบวนออกไปต้อนรับ อุยก๋วนก็ห้ามอีกและเอาหน้าโขกกับศิลาจนแตกเลือดไหล อีกทั้งกัดชายเสื้อไว้ชายเสื้อไว้ เล่าเจี้ยงก็กระชากชายเสื้อ จนอุยก๋วนฟันหักไปสองซี่ แล้วก็ให้ทหารจับตัวไป   พอถึงประตูเมืองก็เจอกับอองลุยเอาเชือกผูกตัวแขวนเอาหัวห้อยลงมาแล้วส่งหนังสือฉบับหนึ่งมีความว่า                                                                ".....ข้าพเจ้าอองลุยคำนับไว้ถึงท่านให้แจ้ง ด้วยข้าพเจ้าได้ยินโบราณเล่าสืบกันมาว่า  ยาดีกินขมปาก แต่เป็นประโยชน์แก่คนไข้  คนซื่อกล่าวคำไม่เพราะหู แต่เป็นประโยชน์แก่กาลภายหน้า ซึ่งท่านไม่ฟังคำข้าพเจ้าจะออกไปรับเล่าปี่     ณ เมืองโปยเสียนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าเมื่อไปจะมีทางไปสะดวก  แต่เมื่อจะกลับมาเห็น จะขัดสนไม่มีทางมา....."

                    เล่าเจี้ยงก็ไม่สนใจ อองลุยจึงเอากระบี่ตัดเชือกขาด ศรีษะปักลงมา คอหักตายคาที่ และสุดท้ายเล่าปี่ก็เข้ามายึดเมืองเสฉวนได้ แล้วขับไสไล่ส่งเล่าเจี้ยง ให้ออกไปอยู่เสียที่เมืองกองอั๋น ซึ่งเป็นเมืองเล็กนิดเดียว  อองลุยก็เลยตายเปล่าไป โดยไร้ประโยชน์อันใดทั้งสิ้น

                    เมื่อตอนแรกได้เอ่ยชื่อบังเต๊กไว้นิดหน่อย   บังเต๊กนั้นเป็นนายทหารรองของโจโฉ เดิมอยู่กับม้าเฉียวรบกับโจโฉ แต่ถูกจับตัวได้จึงสามิภักดิ์อยู่กับโจโฉได้ขออาสาเป็นแม่ทัพหน้าไปรบกับกวนอู โดยมี  เสงโห เป็นคนสนิท แม่ทัพใหญ่คืออิกิ๋มนั้น   ไม่ค่อยเชื่อฝีมือของบังเต๊ก และอิจฉาริษยาคอยกีดกัน กลัวจะมีความชอบมากกว่า พอรบได้เปรียบกวนอู ก็ส่งสัญญาณให้ถอยทุกที ครั้งหลังบังเต๊กเอาเกาทัณฑ์ยิงกวนอูที่ไหล่บาดเจ็บออกรบไม่ได้ แต่แทนที่จะเข้าตีค่ายกวนอูให้แตกหัก อิกิ๋มกลับให้ถอยทัพไปอยู่ที่หุบเขาใกล้แม่น้ำซงกั๋ง    

                      บังเอิญเป็นฤดูฝนมีฝนตกทุกวัน เสงโหก็เตือนอิกิ๋มว่า  ตั้งกองทัพอยู่ในที่ลุ่ม ถ้าเกิดน้ำมากท่วมค่ายทหารก็จะลำบาก หาที่อาศัยไม่ได้  อิกิ๋มก็ถืออำนาจแม่ทัพ หาว่าพูดให้ทหารเสียน้ำใจ ถ้าพูดอีกจะฆ่าเสีย  เสงโหก็กลับมาบอกบังเต๊กให้เตรียมตัวย้ายกองทัพหน้าขึ้นไปยังที่ดอน
บังเต๊กก็เห็นชอบด้วย แต่ไม่ทันการคืนนั้นเองเกิดพายุฝนตกหนัก น้ำป่าทะลักลงมาจากภูเขาท่วมค่ายของอิกิ๋มและบังเต๊กจมมิด ทหารต้องตะเกียกตะกายเอาตัวรอด  ไปอยู่บนที่สูงตัวใครตัวมัน        บังเต๊กกับเสงโหและทหารรองอีกสองนายกับไพร่พลประมาณห้าร้อย  อาศัยอยู่บนเนินเขาลูกหนึ่ง กวนอูซึ่งเตรียมกองเรือไว้แล้ว ก็เข้าโจมตีจนอิกิ๋มยอมแพ้  และเลยมาล้อมบังเต๊กไว้ แต่บังเต๊กก็ต่อสู้อย่างทรหดแม้จะถูกยิงด้วยเกาทัณฑ์จนทหารตายไปมากกว่าครึ่ง นายทหารรองขอให้ยอมแพ้ บังเต๊กก็โกรธฆ่าเสียทั้งคู่ แล้วปลอบเสงโหว่า

                     "......อันขึ้นชื่อว่าทหารแล้วมิได้มีความย่อท้อแก่ข้าศึก อุตส่าห์รบเอาชัยชนะให้จงได้....."

                     เสงโหก็มีมานะควงง้าวออกหน้าทหารไปจนถูกเกาทัณฑ์ตาย ตัวบังเต๊กก็ถูกจับได้ แม้กวนอูจะนิยมความกล้าหาญและเกลี้ยกล่อมไว้บังเต๊กก็ไม่ยอมอ่อนน้อม จึงถูกประหารในที่สุด

                    ส่วนกวนอูนั้นในเวลาต่อมาก็ถูกกองทัพของซุนกวน ตีแตกต้องไปอาศัยอยู่ที่เมืองเป๊กเสียกับ ทหารเพียงห้าหกร้อยคน  ฮองฮู ที่ปรึกษาก็แนะให้ส่งนายทหารสองนาย ไปขอความช่วยเหลือจากเล่าฮอง บุตรบุญธรรมของเล่าปี่ที่เมืองซงหยง  แต่ก็หายเงียบไปเป็นเวลานาน กวนอูกับกวนเป๋งลูกเลี้ยงและเตียวลุยกับฮองฮู ก็ช่วยกันรบป้องกันเมือง จนทหารลดน้อยลงไปเหลือแค่สามร้อย จึงคิดจะล่าถอยออกจากเมืองกลับไปหาเล่าปี่ที่เมืองเสฉวน ซึ่งอยู่ห่างถึงสามสิบวัน  และเป็นทางกันดารมีภูเขาและห้วยเหวกีดขวางมาก ฮองฮูก็เตือนว่าถ้าไปตามทางนี้ซึ่งเป็นทางแคบ อาจจะถูกข้าศึกซุ่มดักโจมตีได้ กวนอูก็ว่าไม่ต้องกลัวจะหักไปให้จงได้  ฮองฮูก็ร้องไห้บอกว่าให้ระวังตัวให้ดี   ส่วนตนเองกับทหารร้อยเศษจะขอสู้ตายอยู่ในเมืองเป๊กเสีย  ถึงแม้ว่าจะเสียเมืองก็จะไม่ยอมเป็นข้าซุนกวน จะพยายามหลบหลีกยับยั้งคอยท่าจนกว่ากวนอูจะนำทัพกลับมา

                    กวนอูก็คำนับลาฮองฮู นำกวนเป๋งกับเตียวลุยและทหารสองร้อยเศษบุกออกจากเมืองไปทางทิศเหนือ ให้ จิวฉอง นายทหารคนสนิท อยู่ช่วยฮองฮูรักษาเมืองเป๊กเสีย  ในคืนนั้นฮองฮูก็ฝันเห็นกวนอูมายืนอยู่ตรงหน้า มีโลหิตอาบร่าง ก็ตกใจตื่นเล่าให้จิวฉองฟัง ว่ากวนอูจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้ พอพูดขาดคำก็มีทหารของซุนกวนหิ้วศรีษะของกวนอูและกวนเป๋ง มาร้องเกลี้ยกล่อมอยู่ที่ริมกำแพงเมือง  ฮองฮูกับจิวฉองก็เสียใจนักจึงว่ากันว่า  เราหาที่พึ่งไม่ได้แล้วจะอยู่ไปใย ให้ตายในเงื้อมมีข้าศึกอีกเล่า แล้วจิวฉองก็เอาดาบเชือดคอตาย ส่วนฮองฮูนั้นโจนกำแพงลงไปตายต่อหน้าทหารข้าศึก

                    ทั้งหมดที่เล่ามานี้ ก็เป็นตัวอย่างส่วนหนึ่ง ของลิ่วล้อที่มีความซื่อสัตย์ต่อเจ้านาย จนสละได้แม้กระทั่งชีวิตของตนเอง โดยไม่หวังผลตอบแทนแต่ประการใด.

                                                                     ##########

วารสารกองพลทหารม้าที่ ๑
พฤษภาคม ๒๕๔๔
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่