เรื่องแรก เรื่องสุนัขกับเงา
ครั้งหนึ่งมีสุนัขที่มีนิสัยขี้ขโมยอยู่ตัวหนึ่ง วันหนึ่งมันเดินเข้าไปในตลาดและได้พบเข้ากับเนื้อชิ้นใหญ่ชิ้นหนึ่งวางอยู่ มันไม่รอช้ารีบเข้าไปคาบเนื้อชิ้นนั้นแล้ววิ่งหนีออกมา เมื่อมาถึงกลางสะพานมันก็ชะโงกหน้ามองลงไปในลำธาร แล้วเห็นสุนัขตัวหนึ่งกำลังคาบเนื้อชิ้นใหญ่กว่าที่มันขโมยมาพลันคิดในใจว่า “โอ้โห! ทำไมเจ้าสุนัขตัวนั้นจึงมีเนื้อชิ้นใหญ่กว่าข้าเสียอีก”
และด้วยความโลภอยากได้เนื้อชิ้นนั้นมา มันจึงเห่าสุนัขตัวที่อยู่ในลำธารนั้นเพื่อหวังจะแย่งเอาเนื้อที่ชิ้นใหญ่กว่ามาเป็นของตน ในทันใดนั้นเองเนื้อที่คาบอยู่ในปากของมันก็ตกลงไปยังน้ำในลำธารนั้น ซึ่งกว่าจะรู้ว่าสุนัขกับเนื้อชิ้นใหญ่ชิ้นนั้นเป็นเงาของตนเองก็สายเกินไปเสียแล้ว
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า มีของดีอยู่กับตัว แต่ไม่รู้คุณค่า ยังไล่ตามหาสิ่งเดียวกันที่คิดว่าจะสมบูรณ์แบบกว่า ทั้งๆที่มันเป็นเพียงเงาที่จับต้องไม่ได้ สุดท้ายจึงต้องสูญของที่มีและเงาทีเห็น
เรื่องที่สอง เรื่องกบเลือกนาย
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีกบฝูงหนึ่งอาศัยอยู่ในหนองน้ำใหญ่แห่งหนึ่งอย่างอิสรเสรี และมีความสุข ไม่มีใครบังคับเคี่ยวเข็ญ กิน นอน เล่นไปวันๆ ทำให้รู้สึกว่าพวกตนช่างมีความสุขสบายเหลือเกิน
ต่อมาวันหนึ่ง พวกกบต่างรู้สึกยังไม่เพียงพอ ต้องการมีหัวหน้ามาปกครองสักคน เพื่อมาช่วยคุ้มครองอันตราย และยังจะทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยอย่างยั่งยืน
ฝูงกบฝูงนั้น จึงพากันไปขอให้เทวดาช่วยส่งหัวหน้ามาให้ เทวดารู้ดีว่า ฝูงกบอยู่สบายจนเคยตัว นึกอยากได้หัวหน้าไปอย่างนั้นเอง จึงเสกท่อนซุงให้มาท่อนหนึ่ง
ตอนแรกฝูงกบก็ดีใจที่ได้หัวหน้าสมใจ แต่อยู่มาไม่นาน ก็เกิดความรู้สึก หัวหน้านี้แม้จะใจดี แต่ก็อ่อนแอไม่เอาไหน วันๆได้แต่ลอยไปลอยมา น่าเบื่อ จึงอยากได้หัวหน้าที่เข้มแข็งกว่านี้ ดังนั้นจึงเดือดร้อนถึงเทวดาอีกครั้ง
เทวดาเห็นดังนั้น จึงโกรธฝูงกบที่ไม่รู้จักพอใจในความเป็นอยู่ที่แสนสบายของตน คราวนี้เลยส่งนกกระสามาแทนท่อนซุง แล้วจับพวกกบกินเป็นอาหาร ตัวแล้วตัวเล่า
กบที่เหลือจึงพากันขอให้เทวดาประทานหัวหน้าคนใหม่อีกครั้ง คราวนี้เทวดาตวาดเสียงดังจากฟากฟ้า “เมื่อพวกเจ้าไม่พอใจสภาพความเป็นอยู่เดิม ก็จงทนอยู่กับสภาพที่พวกเจ้าร้องขอไปเถอะ”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความต้องการที่ไม่รู้จักจบสิ้น อาจก่อผลร้ายในภายหลัง และยังเตือนให้รู้ว่า “เมื่อต้องการคนปกครอง ต้องเลือกกันเอง จึงจะรู้ว่าตัวไหนดี ตัวไหนเหมาะสม อย่ารอให้ใครมาเลือกให้ เพราะนอกจากจะไม่ได้ตามที่ใจอยากได้ ยังต้องทนอยู่กับสภาพที่ตัวเองไม่ได้เลือกไปอีกนาน”
นิทานเรื่องสุดท้าย กบเลือกนายภาค 2
เป็นฝูงกบที่เล็ดรอดหนีตายจากนกกระสามาได้ จนมาพบกับมนุษย์กลุ่มหนึ่ง และได้รับรู้ถึงความต้องการของฝูงกบฝูงนี้ จึงให้คำมั่นจะเป็นหัวหน้าคนใหม่ให้ แล้วจะพาไปหาแหล่งน้ำที่ทั้งสะอาดทั้งอบอุ่นให้อยู่กันอย่างสบาย
ฝูงกบได้ยินดังนั้น ก็แยกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเชื่อตามคำพูดของเหล่ามนุษย์ จึงได้ตามไปโดยขาดการไตร่ตรอง ส่วนอีกฝ่ายซึ่งเป็นกบส่วนใหญ่ เริ่มได้คิด ไม่อยากทนสภาพที่ตัวเองไม่สามารถเลือกได้อีกต่อไป ดังนั้นจึงตามไปดูห่างๆ
แล้วสิ่งที่กบส่วนใหญ่ได้เห็น นั่นคือ กบกลุ่มนั้นกำลังกระโดดโลดเต้นอย่างสนุกสนานอยู่ในหม้อใบใหญ่ ที่ตั้งอยู่บนเตาไฟ
เมื่อกบบนเตาเห็นกบส่วนใหญ่ รีบพากันตะโกนมาว่า “เฮ้ รีบกระโดดขึ้นมาเร็ว ในนี้น้ำทั้งสะอาด ทั้งอบอุ่นสบายจริงๆนะ ขอบอก”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การไม่นำอดีตมาเป็นบทเรียน มักจะประสบภัยซ้ำแล้วซ้ำเล่า และยังเตือนอีกว่า อย่ามัวหลงกับวาทกรรมสวยหรู จนมองข้ามเจตนาของคนพูด นอกจากจะเป็นกบเลือกนายแล้ว ยังเป็นกบในกะลาอีกด้วยนะครับ ขอบอก
เพื่อนๆครับ วันนี้ไม่คิดจะด่าใคร แต่จะเล่านิทานให้ฟังนะครับ------------ทวดเอง
ครั้งหนึ่งมีสุนัขที่มีนิสัยขี้ขโมยอยู่ตัวหนึ่ง วันหนึ่งมันเดินเข้าไปในตลาดและได้พบเข้ากับเนื้อชิ้นใหญ่ชิ้นหนึ่งวางอยู่ มันไม่รอช้ารีบเข้าไปคาบเนื้อชิ้นนั้นแล้ววิ่งหนีออกมา เมื่อมาถึงกลางสะพานมันก็ชะโงกหน้ามองลงไปในลำธาร แล้วเห็นสุนัขตัวหนึ่งกำลังคาบเนื้อชิ้นใหญ่กว่าที่มันขโมยมาพลันคิดในใจว่า “โอ้โห! ทำไมเจ้าสุนัขตัวนั้นจึงมีเนื้อชิ้นใหญ่กว่าข้าเสียอีก”
และด้วยความโลภอยากได้เนื้อชิ้นนั้นมา มันจึงเห่าสุนัขตัวที่อยู่ในลำธารนั้นเพื่อหวังจะแย่งเอาเนื้อที่ชิ้นใหญ่กว่ามาเป็นของตน ในทันใดนั้นเองเนื้อที่คาบอยู่ในปากของมันก็ตกลงไปยังน้ำในลำธารนั้น ซึ่งกว่าจะรู้ว่าสุนัขกับเนื้อชิ้นใหญ่ชิ้นนั้นเป็นเงาของตนเองก็สายเกินไปเสียแล้ว
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า มีของดีอยู่กับตัว แต่ไม่รู้คุณค่า ยังไล่ตามหาสิ่งเดียวกันที่คิดว่าจะสมบูรณ์แบบกว่า ทั้งๆที่มันเป็นเพียงเงาที่จับต้องไม่ได้ สุดท้ายจึงต้องสูญของที่มีและเงาทีเห็น
เรื่องที่สอง เรื่องกบเลือกนาย
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีกบฝูงหนึ่งอาศัยอยู่ในหนองน้ำใหญ่แห่งหนึ่งอย่างอิสรเสรี และมีความสุข ไม่มีใครบังคับเคี่ยวเข็ญ กิน นอน เล่นไปวันๆ ทำให้รู้สึกว่าพวกตนช่างมีความสุขสบายเหลือเกิน
ต่อมาวันหนึ่ง พวกกบต่างรู้สึกยังไม่เพียงพอ ต้องการมีหัวหน้ามาปกครองสักคน เพื่อมาช่วยคุ้มครองอันตราย และยังจะทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยอย่างยั่งยืน
ฝูงกบฝูงนั้น จึงพากันไปขอให้เทวดาช่วยส่งหัวหน้ามาให้ เทวดารู้ดีว่า ฝูงกบอยู่สบายจนเคยตัว นึกอยากได้หัวหน้าไปอย่างนั้นเอง จึงเสกท่อนซุงให้มาท่อนหนึ่ง
ตอนแรกฝูงกบก็ดีใจที่ได้หัวหน้าสมใจ แต่อยู่มาไม่นาน ก็เกิดความรู้สึก หัวหน้านี้แม้จะใจดี แต่ก็อ่อนแอไม่เอาไหน วันๆได้แต่ลอยไปลอยมา น่าเบื่อ จึงอยากได้หัวหน้าที่เข้มแข็งกว่านี้ ดังนั้นจึงเดือดร้อนถึงเทวดาอีกครั้ง
เทวดาเห็นดังนั้น จึงโกรธฝูงกบที่ไม่รู้จักพอใจในความเป็นอยู่ที่แสนสบายของตน คราวนี้เลยส่งนกกระสามาแทนท่อนซุง แล้วจับพวกกบกินเป็นอาหาร ตัวแล้วตัวเล่า
กบที่เหลือจึงพากันขอให้เทวดาประทานหัวหน้าคนใหม่อีกครั้ง คราวนี้เทวดาตวาดเสียงดังจากฟากฟ้า “เมื่อพวกเจ้าไม่พอใจสภาพความเป็นอยู่เดิม ก็จงทนอยู่กับสภาพที่พวกเจ้าร้องขอไปเถอะ”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความต้องการที่ไม่รู้จักจบสิ้น อาจก่อผลร้ายในภายหลัง และยังเตือนให้รู้ว่า “เมื่อต้องการคนปกครอง ต้องเลือกกันเอง จึงจะรู้ว่าตัวไหนดี ตัวไหนเหมาะสม อย่ารอให้ใครมาเลือกให้ เพราะนอกจากจะไม่ได้ตามที่ใจอยากได้ ยังต้องทนอยู่กับสภาพที่ตัวเองไม่ได้เลือกไปอีกนาน”
นิทานเรื่องสุดท้าย กบเลือกนายภาค 2
เป็นฝูงกบที่เล็ดรอดหนีตายจากนกกระสามาได้ จนมาพบกับมนุษย์กลุ่มหนึ่ง และได้รับรู้ถึงความต้องการของฝูงกบฝูงนี้ จึงให้คำมั่นจะเป็นหัวหน้าคนใหม่ให้ แล้วจะพาไปหาแหล่งน้ำที่ทั้งสะอาดทั้งอบอุ่นให้อยู่กันอย่างสบาย
ฝูงกบได้ยินดังนั้น ก็แยกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเชื่อตามคำพูดของเหล่ามนุษย์ จึงได้ตามไปโดยขาดการไตร่ตรอง ส่วนอีกฝ่ายซึ่งเป็นกบส่วนใหญ่ เริ่มได้คิด ไม่อยากทนสภาพที่ตัวเองไม่สามารถเลือกได้อีกต่อไป ดังนั้นจึงตามไปดูห่างๆ
แล้วสิ่งที่กบส่วนใหญ่ได้เห็น นั่นคือ กบกลุ่มนั้นกำลังกระโดดโลดเต้นอย่างสนุกสนานอยู่ในหม้อใบใหญ่ ที่ตั้งอยู่บนเตาไฟ
เมื่อกบบนเตาเห็นกบส่วนใหญ่ รีบพากันตะโกนมาว่า “เฮ้ รีบกระโดดขึ้นมาเร็ว ในนี้น้ำทั้งสะอาด ทั้งอบอุ่นสบายจริงๆนะ ขอบอก”
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การไม่นำอดีตมาเป็นบทเรียน มักจะประสบภัยซ้ำแล้วซ้ำเล่า และยังเตือนอีกว่า อย่ามัวหลงกับวาทกรรมสวยหรู จนมองข้ามเจตนาของคนพูด นอกจากจะเป็นกบเลือกนายแล้ว ยังเป็นกบในกะลาอีกด้วยนะครับ ขอบอก