เลยในฤดูที่ไม่มีภูกระดึง
[บันทึกสด การเดินทางของข้าพเจ้า]
ติดตามผลงานอื่น ๆ ได้จาก Page https://web.facebook.com/omeoyou
ต่อให้ไม่สนใจก็คงต้องเคยได้ยินชื่อภูกระดึงของจังหวัดเลย แต่ ‘บันทึกการเดินทางของข้าพเจ้า’ ในจังหวัดเลยครั้งนี้ไม่มีภูกระดึงเลยซะงั้น คงเพราะนิสัยการตัดสินใจอะไรเร็ว ๆ และการวางแผนเดินทางแบบหลวม ๆ ของผมเอง
อย่างแรก ภูกระดึงปิดเพื่อให้ธรรมชาติฟื้นฟูตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.ถึง 30 ก.ย. ของทุกปี ผมคิดในใจว่า ไม่เป็นไรหรอก ภูกระดึงนั้นมีข้อมูลเยอะ ต่อให้เดินดุ่ม ๆ เข้าไปก็ไม่หลงได้ง่าย ๆ ไว้มาคร่าวหน้าก็ได้
อย่างที่สอง ผมไปได้ยินเรื่องเทศกาลผีตาโขนเข้าจากเพื่อนอีกคนที่ถามถึงว่า “ไปเลย ไปดูผีตาโขนหรอ” นั้นเป็นที่มาที่ทำให้ผมสนใจจะอยู่เลยยาวตั้งแต่ 25 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันที่นัดไปบ้านเพื่อนที่จังหวัดเลย ไปจนถึงวันที่ 7 ก.ค. 2559 ซึ่งเป็นวันแห่ขบวนผีตาโขนใหญ่ที่สุด
ปัญหาก็เกิด เพราะระยะเวลาที่อยู่ที่เลยนานเกือบครึ่งเดือน จะไปไหนละทีนี้
ช่วงแรก 25 - 28 ไม่ต้องคิดมาก ค้างบ้านเพื่อน หาถ่ายภาพแถว ๆ บ้านเพื่อนไปพลาง ๆ แต่พอแยกย้ายกับเพื่อนในวันที่ 28 นั้นจะเป็นอย่างไง ผมแค่วางแผนว่ามีที่ไหนที่ผมพอจะไปได้บ้าง แล้วไว้ไปหาความเหมาะสมที่จะไปเอาอีกทีในวันนั้น
ฝนไม่ร้ายกับผม
25 มิ.ย. 2559 ตื่น 1.20 น. เตรียมของไว้ก่อนแล้วเลยไม่รีบมากนักก่อนจะไปหาเพื่อนที่บ้านเพื่อนแถวเจริญนคร (กรุงเทพ) เพื่อนออกเดินทางกันจริง ๆ ตอนตี 3 โดยเพื่อนผมซ้อนมอเตอร์ไซค์ผมไป ข้าวของผม รวมทั้งอุปกรณ์กล้องใส่ไว้ในกล่องหลังรถ และแพ็คติดไว้บนกล่อง ส่วนของเพื่อนไม่มีอะไรนอกจากโน๊ตบุ๊คใส่เป้วางไว้บนตักแทน
โดยใช้เส้นทางไปทางรังสิต ฝนก็เริ่มตกตั้งแต่ดอนเมือง แต่วัดใจกันไป คิดว่าคงจะขี่พ้นกลุ่มฝนได้ไม่นาน และก็เป็นจริง เพียง 10 นาทีเราก็ผ่านฝน ตรงไปสระบุรี ลพบุรี เพชรบูรณ์ โดยที่แวะกินข้าวที่เพชรบูรณ์ในปั้มน้ำมัน ซึ่งไม่เจอฝนอีกเลย
ความประทับใจในระหว่างทาง
เช้าวันถัดมา ด้วยความที่ว่าติดใจถนนลอยฟ้า และเมื่อวานก็ยังถ่ายรูปได้ไม่ทั่ว จึงตัดสินใจออกจากที่พักตอน 6.30 น. โดยประมาณ วิ่งย้อนกลับไปถ่ายมุมต่าง ๆ ที่น่าสนใจ
เข้าสู่เพชรบูรณ์ อากาศก็เย็นลงพอสมควร และมีภาพทิวเขาที่มีเมฆปกคลุมให้เห็นอยู่เนือง ๆ ลมเย็น ๆ ปะทะตัวทำให้เรารู้สึกสบายใจบอกไม่ถูก โดยเฉพาะช่วงที่เข้าสู่ถนนเส้น 2016 ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมระหว่างเพชรบูรณ์กับเลย เป็นถนนที่ไต่ขึ้นไปบนยอดเขาที่อยู่ในทิวเขา และก็ลัดเลาะไปมา ซึ่งมันสวยงามขนาดที่ผมอดไม่ได้ที่จะกลับมาเก็บภาพเหล่านี้ใหม่อีกครั้งในเช้าวันถัดมา (เช้าวันที่ 26 มิ.ย. 2559) เพราะตอนเดินทางมาในช่วงวันที่ 25 มิ.ย. นั้นได้เก็บภาพไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
วิวของภูหอ หรือบางคนรู้จักในนาม ฟูจิเมืองเลย แต่มุมนี้ไม่ได้ถ่ายจากภูป่าเปาะที่ทางการผลักดันให้เป็นจุดชมวิวฟูจิเมืองเลย ผมถ่ายจากถนนเส้น 2016 นั้นแหละครับ เพราะมันก็อยู่แถวนั้น แค่คนละมุมกับภูป่าเปาะ
ตอนขี่กลับไปที่พักหลังจากถ่ายรูปจบแล้ว ก็เห็นภูหอ หรือฟูจิเมืองเลยอีกรอบ แต่หลายคนอาจจะแปลกใจว่า ทำไมพื้นที่บนยอดมันดูแคบ ๆ นั้นเป็นเพราะมุมด้านนี้ของภูหอจะดูแคบครับ ขับต่อไปคุณจะเห็นภูหอหน้าตัดใหญ่ ๆ เอง
ถนน 2016 ผมจะเรียกชื่อมันว่าถนนลอยฟ้าก็ไม่ผิด ถ้าได้ไปเห็นด้วยตาจะรู้สึกถึงความสดชื่นของอากาศเย็น ๆ แม้ในช่วงกลางวันก็ตาม ทิวเขาช่วงนี้ส่วนใหญ่แล้วจะกลายเป็นเขาหัวโล้น และกลายเป็นพื้นที่เกษตกรรม ซึ่งส่วนใหญ่จะปลูกข้าวโพด ถึงจะไม่ถูกต้องที่พื้นที่ป่าหายไปกลายเป็นเขาหัวโล้นชวนสะท้อนใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่า วิวบางจุดถ้าเรามองเจาะเข้าไปก็รู้สึกว่าสวยงามแปลกตา สีแดง ๆ ส้ม ๆ ของดินเขาหัวโล้น สลับกับสีเหลืองของพืชพันธุ์บางอย่าง สีเขียวของป่าไม้ ต้นไม้ที่เหลืออยู่ และสีฟ้าของท้องฟ้า มันดูสวยงามในความสะท้อนใจนั้น
บนถนนสาย 2016 จะมีจุดชมวิว นักท่องเที่ยวไม่เยอะนัก แต่ก็เห็นตลอดครับ
วิวภูเขาหัวโล้นบ้าง พื้นที่เกษตรบ้าง มีป่าบ้าง สวยไปอีกแบบ สะท้อนใจไปอีก ก็ว่ากันไป แต่อากาศดี สดชื่น เย็น ๆ แต่เช้า ๆ จะถ่ายรูปแล้วภาพไม่ชัดนัก เพราะไอน้ำ ไอหมอกเยอะ
นี่ก็ภาพจากจุดชมวิวครับ
เช้า ๆ ที่ผมย้อนกลับไปถ่ายรูปบบถนนเส้นนี้ พบกับไอ้น้ำ ไอหมอกจำนวนมาก ทำให้ภาพจะดูไม่ค่อยชัดเจนมากนัก แต่ถ้ามองด้วยตาเปล่าก็จะรู้สึกสบาย ๆ เย็น ๆ
รถแท็กเตอร์วิ่งขึ้นที่ชันเพื่อไปทำไร่ ทำสวนบนภูเขาหัวโล้น
ด้านซ้ายนี้บ้านร้าง เห็นมันสวยดี ผมถึงกับยอมขับกลับมาตามหามุมของภาพนี้ 2 รอบ
บางจุดของถนนจะมีจุดแวะพัก จุดชมวิวภูหลวงที่ทางการทำไว้ให้ ผมพบนักท่องเที่ยวตลอดที่วิ่งผ่านจุดนี้ 3 รอบ ถึงจะมีแค่ 1 -3 คันรถ แต่จุดชมวิวนี้ไม่ได้รับการผลักดันให้เป็นที่รู้จักมากนัก ผมเดาเอาว่า นักท่องเที่ยวขับรถผ่านแล้วเห็นว่าสวยจึงจอดแวะกันเสียมากกว่า เพราะถนนเส้นนี้ ถึงจะอยู่ในชนบท บนยอดเขา แต่กลับมีรถวิ่งไปมาตลอดเรื่อย ๆ ทุก ๆ 2 นาทีเป็นอย่างมาก
จุดนี้ของถนนสาย 2016 จะอยู่บนยอดเขา ทำให้เรารู้สึกเหมือนถนนลอยฟ้า
เพื่อนผมเล่าให้ฟังว่า คนที่จะเข้ากรุงเทพ ถ้าใช้รถส่วนตัวมักจะใช้เส้นทางนี้กัน ส่วนรถทัวร์จะวิ่งเส้นทางไปจังหวัดชัยภูมิแทน
วิวยอดภูหลวงในวันที่เมฆฝนตั้งเค้า มุมมองจากไร่มันสัปปะหลังในพื้นที่ของบ้านเพื่อน
พิกัดจุดถ่ายรูป https://goo.gl/maps/ddSYVD2tPm32
พอถึงบ้านเพื่อนที่เป็นหมู่บ้านในอำเภอวังสะพุงก็พักผ่อนเล็กน้อยก่อนจะออกมาถ่ายรูปแนวเขาที่เรียกว่า ‘ภูหลวง’ ซึ่งมีหมอกปกคลุมอยู่บนยอดที่มีลักษณะเฉพาะตัว คือ บนยอดบางช่วงจะเป็นที่โล่งมีต้นไม้ขึ้นไม่มาก และมีหินปรากฎเป็นชั้น ๆ สวยงาม ตัวภูหลวงเป็นแนวเขายาวไม่ถึงกับมากนัก แต่จะอยู่ติดกับภูหอ หรือที่หลายคนจะรู้จักในชื่อ ‘ฟูจิเมืองเลย’ เพราะภูหอตรงยอดนั้นเป็นที่ราบขนาดใหญ่ลักษณะคล้ายภูเขาไฟฟูจิ
ช่วงนี้ทางหน่วยพิทักษ์ป่าปิดไม่ให้เราขึ้นภูหลวง ซึ่งทางขึ้นตรงหน่วยพิทักษ์ป่า เพื่อนผมบอกว่าเป็นทางที่คนนิยมขึ้น ส่วนเส้นทางอื่นก็มีคนในพื้นที่บางจุดที่เขาก็ขึ้นกันไปหาของป่าบ้าง นั้นทำให้ผมไม่ได้ขึ้นไปสัมผัสที่ราบบนภูหลวง
ฝนมาเป็นสาย เห็นแต่ไกล ภาพแบบนี้หาดูได้ยากในเมือง เพราะมันไม่โล่งมากพอที่จะสังเกตุเห็นได้ง่าย ๆ
ตลอดเวลาที่ผมสั่งเกตุอยู่ 2 วัน บนยอดภูหลวงจะมีหมอก หรือกลายเป็นเมฆอยู่เกือบตลอดเวลา เวลาฝนก่อนตัวก็มองเห็นเป็นเมฆดราม่า ๆ อยู่บนยอดภูมาก่อนแต่ไกล และเห็นฝนตกเป็นทางมาแต่ไกล ภาพแปลกตาซึ่งต้องมองเห็นในที่โล่งกว้าง ๆ แบบนี้ สำหรับเด็กกรุงเทพอย่างผม หาดูได้ยาก และประทับใจเสมอ ทั้งที่คนในพื้นที่คงไม่ได้คิดว่ามันน่าประทับใจอะไร
เพื่อนที่เดินทางซ้อนท้ายรถผมมา และผมก็นอนบ้านเขา
เราคุยกันว่า จะโดนฝนไหมเนี้ย เพื่อนบอกว่าอีกนาน แต่หลังจากจบคำไม่ถึงนาที เริ่มมีเม็ดฝนปลิวมา ถึงแม้ว่าสายบนกลุ่มหลักจะอยู่ไกลมาก แต่ลมที่นั้นแรงมาก ทำให้เม็ดฝนบางส่วนปลิวมาไกลมาก
จากนี้คือความมั่ว
พรุ่งนี้ (27 มิ.ย. 2559) เพื่อนผมจะต้องไปธุระกับทางบ้านเขา หมายความว่า ผมจะต้องตระเวณหาที่ถ่ายภาพเอาเองแถวนี้ เพื่อนผมพูดถึงอำเภอหนองหินบ่อย ๆ ผมก็เลยกะว่าจะแวะไปที่นั้นซักหน่อย เพราะเห็นมีแหล่งท่องเที่ยวอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าจริง ๆ ผมจะไม่ได้สนใจที่นั้นเท่าไหร่นักก็ตาม
และเมื่อเข้าวันที่ 28 มิ.ย. 2559 วันที่ผมต้องแยกกับเพื่อน เพื่อนผมจะเดินทางกลับกรุงเทพ ส่วนผมต้องตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อรอถ่ายภาพงานผีตาโขนในวันที่ 7 ก.ค. หรือจะกลับกรุงเทพเลย ถ้าอยู่ต่อ ความมั่วในแผนหลวมสุด ๆ ที่วางไว้ในการตะลุยเมืองเลยก็จะเกิดขึ้น คงต้องรอดูอีกที ว่าอะไรจะมาดลใจผม ให้ไปต่อ หรือกลับกรุง
บันทึกสด 25 - 26 มิ.ย. 2559 [แรกเยือนเมืองเลย ประทับใจถนนลอยฟ้า].
[บันทึกสด การเดินทางของข้าพเจ้า]
ติดตามผลงานอื่น ๆ ได้จาก Page https://web.facebook.com/omeoyou
ต่อให้ไม่สนใจก็คงต้องเคยได้ยินชื่อภูกระดึงของจังหวัดเลย แต่ ‘บันทึกการเดินทางของข้าพเจ้า’ ในจังหวัดเลยครั้งนี้ไม่มีภูกระดึงเลยซะงั้น คงเพราะนิสัยการตัดสินใจอะไรเร็ว ๆ และการวางแผนเดินทางแบบหลวม ๆ ของผมเอง
อย่างแรก ภูกระดึงปิดเพื่อให้ธรรมชาติฟื้นฟูตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.ถึง 30 ก.ย. ของทุกปี ผมคิดในใจว่า ไม่เป็นไรหรอก ภูกระดึงนั้นมีข้อมูลเยอะ ต่อให้เดินดุ่ม ๆ เข้าไปก็ไม่หลงได้ง่าย ๆ ไว้มาคร่าวหน้าก็ได้
อย่างที่สอง ผมไปได้ยินเรื่องเทศกาลผีตาโขนเข้าจากเพื่อนอีกคนที่ถามถึงว่า “ไปเลย ไปดูผีตาโขนหรอ” นั้นเป็นที่มาที่ทำให้ผมสนใจจะอยู่เลยยาวตั้งแต่ 25 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันที่นัดไปบ้านเพื่อนที่จังหวัดเลย ไปจนถึงวันที่ 7 ก.ค. 2559 ซึ่งเป็นวันแห่ขบวนผีตาโขนใหญ่ที่สุด
ปัญหาก็เกิด เพราะระยะเวลาที่อยู่ที่เลยนานเกือบครึ่งเดือน จะไปไหนละทีนี้
ช่วงแรก 25 - 28 ไม่ต้องคิดมาก ค้างบ้านเพื่อน หาถ่ายภาพแถว ๆ บ้านเพื่อนไปพลาง ๆ แต่พอแยกย้ายกับเพื่อนในวันที่ 28 นั้นจะเป็นอย่างไง ผมแค่วางแผนว่ามีที่ไหนที่ผมพอจะไปได้บ้าง แล้วไว้ไปหาความเหมาะสมที่จะไปเอาอีกทีในวันนั้น
25 มิ.ย. 2559 ตื่น 1.20 น. เตรียมของไว้ก่อนแล้วเลยไม่รีบมากนักก่อนจะไปหาเพื่อนที่บ้านเพื่อนแถวเจริญนคร (กรุงเทพ) เพื่อนออกเดินทางกันจริง ๆ ตอนตี 3 โดยเพื่อนผมซ้อนมอเตอร์ไซค์ผมไป ข้าวของผม รวมทั้งอุปกรณ์กล้องใส่ไว้ในกล่องหลังรถ และแพ็คติดไว้บนกล่อง ส่วนของเพื่อนไม่มีอะไรนอกจากโน๊ตบุ๊คใส่เป้วางไว้บนตักแทน
โดยใช้เส้นทางไปทางรังสิต ฝนก็เริ่มตกตั้งแต่ดอนเมือง แต่วัดใจกันไป คิดว่าคงจะขี่พ้นกลุ่มฝนได้ไม่นาน และก็เป็นจริง เพียง 10 นาทีเราก็ผ่านฝน ตรงไปสระบุรี ลพบุรี เพชรบูรณ์ โดยที่แวะกินข้าวที่เพชรบูรณ์ในปั้มน้ำมัน ซึ่งไม่เจอฝนอีกเลย
เช้าวันถัดมา ด้วยความที่ว่าติดใจถนนลอยฟ้า และเมื่อวานก็ยังถ่ายรูปได้ไม่ทั่ว จึงตัดสินใจออกจากที่พักตอน 6.30 น. โดยประมาณ วิ่งย้อนกลับไปถ่ายมุมต่าง ๆ ที่น่าสนใจ
เข้าสู่เพชรบูรณ์ อากาศก็เย็นลงพอสมควร และมีภาพทิวเขาที่มีเมฆปกคลุมให้เห็นอยู่เนือง ๆ ลมเย็น ๆ ปะทะตัวทำให้เรารู้สึกสบายใจบอกไม่ถูก โดยเฉพาะช่วงที่เข้าสู่ถนนเส้น 2016 ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมระหว่างเพชรบูรณ์กับเลย เป็นถนนที่ไต่ขึ้นไปบนยอดเขาที่อยู่ในทิวเขา และก็ลัดเลาะไปมา ซึ่งมันสวยงามขนาดที่ผมอดไม่ได้ที่จะกลับมาเก็บภาพเหล่านี้ใหม่อีกครั้งในเช้าวันถัดมา (เช้าวันที่ 26 มิ.ย. 2559) เพราะตอนเดินทางมาในช่วงวันที่ 25 มิ.ย. นั้นได้เก็บภาพไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
วิวของภูหอ หรือบางคนรู้จักในนาม ฟูจิเมืองเลย แต่มุมนี้ไม่ได้ถ่ายจากภูป่าเปาะที่ทางการผลักดันให้เป็นจุดชมวิวฟูจิเมืองเลย ผมถ่ายจากถนนเส้น 2016 นั้นแหละครับ เพราะมันก็อยู่แถวนั้น แค่คนละมุมกับภูป่าเปาะ
ตอนขี่กลับไปที่พักหลังจากถ่ายรูปจบแล้ว ก็เห็นภูหอ หรือฟูจิเมืองเลยอีกรอบ แต่หลายคนอาจจะแปลกใจว่า ทำไมพื้นที่บนยอดมันดูแคบ ๆ นั้นเป็นเพราะมุมด้านนี้ของภูหอจะดูแคบครับ ขับต่อไปคุณจะเห็นภูหอหน้าตัดใหญ่ ๆ เอง
ถนน 2016 ผมจะเรียกชื่อมันว่าถนนลอยฟ้าก็ไม่ผิด ถ้าได้ไปเห็นด้วยตาจะรู้สึกถึงความสดชื่นของอากาศเย็น ๆ แม้ในช่วงกลางวันก็ตาม ทิวเขาช่วงนี้ส่วนใหญ่แล้วจะกลายเป็นเขาหัวโล้น และกลายเป็นพื้นที่เกษตกรรม ซึ่งส่วนใหญ่จะปลูกข้าวโพด ถึงจะไม่ถูกต้องที่พื้นที่ป่าหายไปกลายเป็นเขาหัวโล้นชวนสะท้อนใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่า วิวบางจุดถ้าเรามองเจาะเข้าไปก็รู้สึกว่าสวยงามแปลกตา สีแดง ๆ ส้ม ๆ ของดินเขาหัวโล้น สลับกับสีเหลืองของพืชพันธุ์บางอย่าง สีเขียวของป่าไม้ ต้นไม้ที่เหลืออยู่ และสีฟ้าของท้องฟ้า มันดูสวยงามในความสะท้อนใจนั้น
บนถนนสาย 2016 จะมีจุดชมวิว นักท่องเที่ยวไม่เยอะนัก แต่ก็เห็นตลอดครับ
วิวภูเขาหัวโล้นบ้าง พื้นที่เกษตรบ้าง มีป่าบ้าง สวยไปอีกแบบ สะท้อนใจไปอีก ก็ว่ากันไป แต่อากาศดี สดชื่น เย็น ๆ แต่เช้า ๆ จะถ่ายรูปแล้วภาพไม่ชัดนัก เพราะไอน้ำ ไอหมอกเยอะ
นี่ก็ภาพจากจุดชมวิวครับ
เช้า ๆ ที่ผมย้อนกลับไปถ่ายรูปบบถนนเส้นนี้ พบกับไอ้น้ำ ไอหมอกจำนวนมาก ทำให้ภาพจะดูไม่ค่อยชัดเจนมากนัก แต่ถ้ามองด้วยตาเปล่าก็จะรู้สึกสบาย ๆ เย็น ๆ
รถแท็กเตอร์วิ่งขึ้นที่ชันเพื่อไปทำไร่ ทำสวนบนภูเขาหัวโล้น
ด้านซ้ายนี้บ้านร้าง เห็นมันสวยดี ผมถึงกับยอมขับกลับมาตามหามุมของภาพนี้ 2 รอบ
บางจุดของถนนจะมีจุดแวะพัก จุดชมวิวภูหลวงที่ทางการทำไว้ให้ ผมพบนักท่องเที่ยวตลอดที่วิ่งผ่านจุดนี้ 3 รอบ ถึงจะมีแค่ 1 -3 คันรถ แต่จุดชมวิวนี้ไม่ได้รับการผลักดันให้เป็นที่รู้จักมากนัก ผมเดาเอาว่า นักท่องเที่ยวขับรถผ่านแล้วเห็นว่าสวยจึงจอดแวะกันเสียมากกว่า เพราะถนนเส้นนี้ ถึงจะอยู่ในชนบท บนยอดเขา แต่กลับมีรถวิ่งไปมาตลอดเรื่อย ๆ ทุก ๆ 2 นาทีเป็นอย่างมาก
จุดนี้ของถนนสาย 2016 จะอยู่บนยอดเขา ทำให้เรารู้สึกเหมือนถนนลอยฟ้า
เพื่อนผมเล่าให้ฟังว่า คนที่จะเข้ากรุงเทพ ถ้าใช้รถส่วนตัวมักจะใช้เส้นทางนี้กัน ส่วนรถทัวร์จะวิ่งเส้นทางไปจังหวัดชัยภูมิแทน
วิวยอดภูหลวงในวันที่เมฆฝนตั้งเค้า มุมมองจากไร่มันสัปปะหลังในพื้นที่ของบ้านเพื่อน
พิกัดจุดถ่ายรูป https://goo.gl/maps/ddSYVD2tPm32
พอถึงบ้านเพื่อนที่เป็นหมู่บ้านในอำเภอวังสะพุงก็พักผ่อนเล็กน้อยก่อนจะออกมาถ่ายรูปแนวเขาที่เรียกว่า ‘ภูหลวง’ ซึ่งมีหมอกปกคลุมอยู่บนยอดที่มีลักษณะเฉพาะตัว คือ บนยอดบางช่วงจะเป็นที่โล่งมีต้นไม้ขึ้นไม่มาก และมีหินปรากฎเป็นชั้น ๆ สวยงาม ตัวภูหลวงเป็นแนวเขายาวไม่ถึงกับมากนัก แต่จะอยู่ติดกับภูหอ หรือที่หลายคนจะรู้จักในชื่อ ‘ฟูจิเมืองเลย’ เพราะภูหอตรงยอดนั้นเป็นที่ราบขนาดใหญ่ลักษณะคล้ายภูเขาไฟฟูจิ
ช่วงนี้ทางหน่วยพิทักษ์ป่าปิดไม่ให้เราขึ้นภูหลวง ซึ่งทางขึ้นตรงหน่วยพิทักษ์ป่า เพื่อนผมบอกว่าเป็นทางที่คนนิยมขึ้น ส่วนเส้นทางอื่นก็มีคนในพื้นที่บางจุดที่เขาก็ขึ้นกันไปหาของป่าบ้าง นั้นทำให้ผมไม่ได้ขึ้นไปสัมผัสที่ราบบนภูหลวง
ฝนมาเป็นสาย เห็นแต่ไกล ภาพแบบนี้หาดูได้ยากในเมือง เพราะมันไม่โล่งมากพอที่จะสังเกตุเห็นได้ง่าย ๆ
ตลอดเวลาที่ผมสั่งเกตุอยู่ 2 วัน บนยอดภูหลวงจะมีหมอก หรือกลายเป็นเมฆอยู่เกือบตลอดเวลา เวลาฝนก่อนตัวก็มองเห็นเป็นเมฆดราม่า ๆ อยู่บนยอดภูมาก่อนแต่ไกล และเห็นฝนตกเป็นทางมาแต่ไกล ภาพแปลกตาซึ่งต้องมองเห็นในที่โล่งกว้าง ๆ แบบนี้ สำหรับเด็กกรุงเทพอย่างผม หาดูได้ยาก และประทับใจเสมอ ทั้งที่คนในพื้นที่คงไม่ได้คิดว่ามันน่าประทับใจอะไร
เพื่อนที่เดินทางซ้อนท้ายรถผมมา และผมก็นอนบ้านเขา
เราคุยกันว่า จะโดนฝนไหมเนี้ย เพื่อนบอกว่าอีกนาน แต่หลังจากจบคำไม่ถึงนาที เริ่มมีเม็ดฝนปลิวมา ถึงแม้ว่าสายบนกลุ่มหลักจะอยู่ไกลมาก แต่ลมที่นั้นแรงมาก ทำให้เม็ดฝนบางส่วนปลิวมาไกลมาก
พรุ่งนี้ (27 มิ.ย. 2559) เพื่อนผมจะต้องไปธุระกับทางบ้านเขา หมายความว่า ผมจะต้องตระเวณหาที่ถ่ายภาพเอาเองแถวนี้ เพื่อนผมพูดถึงอำเภอหนองหินบ่อย ๆ ผมก็เลยกะว่าจะแวะไปที่นั้นซักหน่อย เพราะเห็นมีแหล่งท่องเที่ยวอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าจริง ๆ ผมจะไม่ได้สนใจที่นั้นเท่าไหร่นักก็ตาม
และเมื่อเข้าวันที่ 28 มิ.ย. 2559 วันที่ผมต้องแยกกับเพื่อน เพื่อนผมจะเดินทางกลับกรุงเทพ ส่วนผมต้องตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อรอถ่ายภาพงานผีตาโขนในวันที่ 7 ก.ค. หรือจะกลับกรุงเทพเลย ถ้าอยู่ต่อ ความมั่วในแผนหลวมสุด ๆ ที่วางไว้ในการตะลุยเมืองเลยก็จะเกิดขึ้น คงต้องรอดูอีกที ว่าอะไรจะมาดลใจผม ให้ไปต่อ หรือกลับกรุง