ตำนานเรื่องเล่าสยองขวัญ
The Ghost Tellers
ให้เสียงภาษาไทยโดย มัทรี
สำหรับเรื่องผี เรื่องไสยศาสตร์นั้นต้องยกให้เรา เพราะเราคือผู้เชี่ยวชาญและ ผู้สืบสานตำนานสยองขวัญ ประติมากรรมลึกลับ ถ้าอยากฟังต่อให้กด Subscribe นะคะ
วันนี้เสนอตอน สาลิกา ลิ้นทอง
นกสาลิกา เป็นนกในวงศ์นกเอี้ยงและนกกิ้งโครง ตัวสีน้ำตาล หัวและคอดำ ปากและขอบตาสีเหลือง มีเสียงร้องไพเราะ เวลากู่หาคู่เป็นจังหวะจะโคน จึงมีบางคนนิยมจับมาเลี้ยง
แต่ "สาลิกา" อันเป็นเครื่องรางของขลัง มีผู้คนนิยมด้วยความเชื่อความศรัทธาว่ามีคุณในด้านเมตตามหานิยม เป็นวิชาที่มีอาถรรพ์มากมายพอสมควรแต่โบราณกาล พระอาจารย์ผู้ทำสาลิกานี้ส่วนมากแล้วหากเป็นฆราวาสจะนิยมไปในทางเสน่ห์ยาแฝดเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าเป็นพระเกจิอาจารย์แล้ว ท่านมุ่งไปในด้านเมตตามหานิยมในการค้าขาย ในการเจรจาพาที ให้เป็นที่รักของผู้คน
ซึ่งสาลิกาที่กล่าวถึงนี้มีหลายรูปแบบ ที่พระเกจิอาจารย์ทำขึ้นมา คือ
สาลิกาลิ้นทอง ใช้การลงอักขระที่ปลายลิ้น ใช้แต่เพียงการลงเปล่าๆ ไม่ต้องมีการลงหมึกแบบสักยันต์ หรือลงอักขระที่ฟันซี่หน้าแถบบนก็ได้ จากนั้นก็ให้ลงคาถากำกับ โดยมากเป็นวิธีที่ฆราวาสผู้ร่ำเรียนวิชาเป็นผู้ทำ
วิธีการลงพึลึกพิลั่น ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าขานว่า ผู้ใดมีความประสงค์จะลงสาลิกาลิ้นทองต้องไปหาอาจารย์ที่มีอาคมกล้า นำไปทำพิธีกันในป่าช้า เริ่มด้วยการตั้งศาลเพียงตาชุมนุมเทวดาสังเวยบวงสรวง จากนั้นให้กั้นสายสิญจน์นำโลงผีที่เคยใส่ผีตายโหงมาไว้ในวงพิธี ทั้งอาจารย์และผู้จะลงสาลิกาต้องลงไปในโลงผีนั้น หันหน้าเข้าหากัน อาจารย์จะภาวนาบริกรรมคาถา จนกระทั่งมีนกสาลิกาบินมาจับที่ขอบโลงจึงจะลงอักขระที่ปลายลิ้น หรือที่ฟันของผู้ที่จะลง ปลุกเสกสำทับจนนกที่บินมาเกาะนั้นบินจากไปจึงเสร็จพิธี
ขี้ผึ้งสาลิกา คือการหุงขี้ผึ้งด้วยน้ำมันหอมกับขี้ผึ้งที่ปลุกเสกด้วยคาถาทางเมตตามหานิยม แล้วใช้สีปาก โดยนำขี้ผึ้งบริสุทธิ์มากวนผสมกับเครื่องหอม และวัสดุอาถรรพ์ต่างๆ บางพระเกจิอาจารย์ที่อาคมแก่กล้าท่านไม่ได้ใช้ไฟในการกวน หากแต่เพ่งกสิณเตโชทิพย์จนขี้ผึ้งละลายผสมกับส่วนผสมต่างๆ
สาริกาลิ้นทอง ตั้งแต่ครั้งโบราณกาลมาจนถึงปัจจุบัน สาริกาลิ้นทอง ได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์ ทางด้านเสน่ห์เมตตามหานิยม โชคลาภ หากผู้ใดมีไว้สักการะบูชา ย่อมก่อเกิดความเป็นสิริมงคล ทั้งแก่ตนเองและครอบครัว ช่วยให้ค้าขายดี บังเกิดโชคลาภ เงินทองไม่ขาดมือ ตลอดจนมีแต่คนรักใคร่เมตตา เจรจามีแต่คนเชื่อถือ แคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวงบังเกิดแต่ความสุขความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งในขณะทำพิธีปลุกเสกนั้น บารมีของสาริกาลิ้นทอง จะลงมาอยู่ในตัวจริงหรือไม่จริงนั้น ในขณะเข้าพิธีทุกท่านจะมีปฏิกิริยาอาการต่างๆ เมื่อลงจนเต็มแล้วก็จะมีเสียงคล้ายนกหรือเวทย์มนต์คาถา ออกมาจากปากของตนเองได้ และถ้าหากผู้ใดมีสิ่งต่างๆที่ไม่ดี สิงสู่อยู่ในร่างกายไม่ว่าจะเป็นคุณไสย์คุณผีคุณของใดๆ หรือมีวิญญานเจ้ากรรมนายเวรอะไรอยู่ ก็จะแสดงออกมาให้ทราบ หรือถูกขับไล่ออกมาทันทีในขณะเข้าพิธี ในขณะที่ทุกท่านเข้าประกอบพิธีอยู่นี้ท่านก็จะยังคงมีความรู้สึกตัว และมีสติอยู่ตลอดเวลา เหมือนขณะที่ยังไม่เข้าพิธีทุกประการ เพียงแต่ฝืนปฏิกิริยาอาการต่างๆที่เกิดไม่ได้เท่านั้นเอง จนกว่าจะเสร็จพิธีจึงไม่มีสิ่งใดที่น่ากลัว เพราะมิใช่การทรงเจ้าหรือการสะกดจิตใดๆทั้งสิ้น หากแต่เป็นวิชาภาวนาธรรม
ข้อห้ามสำหรับผู้ที่ลงนะหน้าทอง สาลิกาลิ้นทอง
1. ห้ามกล่าวว่าบุพการี, ครูบาอาจารย์, ผู้มีพระคุณ
2. ห้ามคนเล่นศรีษะ
3. ห้ามลอดใต้ราวผ้า
4. ห้ามทานอาหารเหลือจากผู้อื่น แต่ทานร่วมกับผู้อื่นได้
5. ห้ามดื่มร่วมแก้ว หรือขวดร่วมกับผู้อื่น
6. ห้ามทานเครื่องเซ่นไหว้, ของแจกทาน, ของงานศพ
7. ห้ามแช่งด่า, ใส่ร้าย, ใส่ความผู้อื่น
8. ห้ามบ้วนน้ำลายลงในโถส้วมเด็ดขาด
สาลิกา ลิ้นทอง - GTX
ตำนานเรื่องเล่าสยองขวัญ
The Ghost Tellers
ให้เสียงภาษาไทยโดย มัทรี
สำหรับเรื่องผี เรื่องไสยศาสตร์นั้นต้องยกให้เรา เพราะเราคือผู้เชี่ยวชาญและ ผู้สืบสานตำนานสยองขวัญ ประติมากรรมลึกลับ ถ้าอยากฟังต่อให้กด Subscribe นะคะ
วันนี้เสนอตอน สาลิกา ลิ้นทอง
นกสาลิกา เป็นนกในวงศ์นกเอี้ยงและนกกิ้งโครง ตัวสีน้ำตาล หัวและคอดำ ปากและขอบตาสีเหลือง มีเสียงร้องไพเราะ เวลากู่หาคู่เป็นจังหวะจะโคน จึงมีบางคนนิยมจับมาเลี้ยง
แต่ "สาลิกา" อันเป็นเครื่องรางของขลัง มีผู้คนนิยมด้วยความเชื่อความศรัทธาว่ามีคุณในด้านเมตตามหานิยม เป็นวิชาที่มีอาถรรพ์มากมายพอสมควรแต่โบราณกาล พระอาจารย์ผู้ทำสาลิกานี้ส่วนมากแล้วหากเป็นฆราวาสจะนิยมไปในทางเสน่ห์ยาแฝดเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ถ้าเป็นพระเกจิอาจารย์แล้ว ท่านมุ่งไปในด้านเมตตามหานิยมในการค้าขาย ในการเจรจาพาที ให้เป็นที่รักของผู้คน
ซึ่งสาลิกาที่กล่าวถึงนี้มีหลายรูปแบบ ที่พระเกจิอาจารย์ทำขึ้นมา คือ
สาลิกาลิ้นทอง ใช้การลงอักขระที่ปลายลิ้น ใช้แต่เพียงการลงเปล่าๆ ไม่ต้องมีการลงหมึกแบบสักยันต์ หรือลงอักขระที่ฟันซี่หน้าแถบบนก็ได้ จากนั้นก็ให้ลงคาถากำกับ โดยมากเป็นวิธีที่ฆราวาสผู้ร่ำเรียนวิชาเป็นผู้ทำ
วิธีการลงพึลึกพิลั่น ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าขานว่า ผู้ใดมีความประสงค์จะลงสาลิกาลิ้นทองต้องไปหาอาจารย์ที่มีอาคมกล้า นำไปทำพิธีกันในป่าช้า เริ่มด้วยการตั้งศาลเพียงตาชุมนุมเทวดาสังเวยบวงสรวง จากนั้นให้กั้นสายสิญจน์นำโลงผีที่เคยใส่ผีตายโหงมาไว้ในวงพิธี ทั้งอาจารย์และผู้จะลงสาลิกาต้องลงไปในโลงผีนั้น หันหน้าเข้าหากัน อาจารย์จะภาวนาบริกรรมคาถา จนกระทั่งมีนกสาลิกาบินมาจับที่ขอบโลงจึงจะลงอักขระที่ปลายลิ้น หรือที่ฟันของผู้ที่จะลง ปลุกเสกสำทับจนนกที่บินมาเกาะนั้นบินจากไปจึงเสร็จพิธี
ขี้ผึ้งสาลิกา คือการหุงขี้ผึ้งด้วยน้ำมันหอมกับขี้ผึ้งที่ปลุกเสกด้วยคาถาทางเมตตามหานิยม แล้วใช้สีปาก โดยนำขี้ผึ้งบริสุทธิ์มากวนผสมกับเครื่องหอม และวัสดุอาถรรพ์ต่างๆ บางพระเกจิอาจารย์ที่อาคมแก่กล้าท่านไม่ได้ใช้ไฟในการกวน หากแต่เพ่งกสิณเตโชทิพย์จนขี้ผึ้งละลายผสมกับส่วนผสมต่างๆ
สาริกาลิ้นทอง ตั้งแต่ครั้งโบราณกาลมาจนถึงปัจจุบัน สาริกาลิ้นทอง ได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพผู้ศักดิ์สิทธิ์ ทางด้านเสน่ห์เมตตามหานิยม โชคลาภ หากผู้ใดมีไว้สักการะบูชา ย่อมก่อเกิดความเป็นสิริมงคล ทั้งแก่ตนเองและครอบครัว ช่วยให้ค้าขายดี บังเกิดโชคลาภ เงินทองไม่ขาดมือ ตลอดจนมีแต่คนรักใคร่เมตตา เจรจามีแต่คนเชื่อถือ แคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวงบังเกิดแต่ความสุขความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งในขณะทำพิธีปลุกเสกนั้น บารมีของสาริกาลิ้นทอง จะลงมาอยู่ในตัวจริงหรือไม่จริงนั้น ในขณะเข้าพิธีทุกท่านจะมีปฏิกิริยาอาการต่างๆ เมื่อลงจนเต็มแล้วก็จะมีเสียงคล้ายนกหรือเวทย์มนต์คาถา ออกมาจากปากของตนเองได้ และถ้าหากผู้ใดมีสิ่งต่างๆที่ไม่ดี สิงสู่อยู่ในร่างกายไม่ว่าจะเป็นคุณไสย์คุณผีคุณของใดๆ หรือมีวิญญานเจ้ากรรมนายเวรอะไรอยู่ ก็จะแสดงออกมาให้ทราบ หรือถูกขับไล่ออกมาทันทีในขณะเข้าพิธี ในขณะที่ทุกท่านเข้าประกอบพิธีอยู่นี้ท่านก็จะยังคงมีความรู้สึกตัว และมีสติอยู่ตลอดเวลา เหมือนขณะที่ยังไม่เข้าพิธีทุกประการ เพียงแต่ฝืนปฏิกิริยาอาการต่างๆที่เกิดไม่ได้เท่านั้นเอง จนกว่าจะเสร็จพิธีจึงไม่มีสิ่งใดที่น่ากลัว เพราะมิใช่การทรงเจ้าหรือการสะกดจิตใดๆทั้งสิ้น หากแต่เป็นวิชาภาวนาธรรม
ข้อห้ามสำหรับผู้ที่ลงนะหน้าทอง สาลิกาลิ้นทอง
1. ห้ามกล่าวว่าบุพการี, ครูบาอาจารย์, ผู้มีพระคุณ
2. ห้ามคนเล่นศรีษะ
3. ห้ามลอดใต้ราวผ้า
4. ห้ามทานอาหารเหลือจากผู้อื่น แต่ทานร่วมกับผู้อื่นได้
5. ห้ามดื่มร่วมแก้ว หรือขวดร่วมกับผู้อื่น
6. ห้ามทานเครื่องเซ่นไหว้, ของแจกทาน, ของงานศพ
7. ห้ามแช่งด่า, ใส่ร้าย, ใส่ความผู้อื่น
8. ห้ามบ้วนน้ำลายลงในโถส้วมเด็ดขาด