ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าผมไม่ได้แนะนำกล้องยี่ห้ออะไรเป็นพิเศษแต่อยากมาแชร์การมีกล้องตัวแรก
และการเลือกกล้องตัวแรกจากกล้องมือสองกันยังไงดี
ย้อนกลับไปเมื่อสิบปีก่อนผมใช้คอมแพคเป็นกล้องถ่ายเวลาไปเที่ยว
จนถึงวันพี่ชายรับปริญญาก็ใช้คอมแพคถ่ายให้ (สมัยนั้น DSLR แพงและผมเองก็ไม่มีเงินทุนหรือผู้สนับสนุนด้านนี้เลย)
จนผมเรียนจบมีงานทำก็อยากมีกล้องตัวแรกที่เป็น DSLR สักตัว
ต้องบอกก่อนว่าผมชอบการถ่ายรูปก็จริงแต่ผมไม่มีข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับ DSLR เลยเพราะฉะนั้นข้อมูลทั้งหมด GOOGLE ครับ
จนเมื่อทุกอย่างพร้อมก็เริ่มหาว่ามันมีกล้องมือสองขายที่ไหนบ้าง และก็ได้มาจากเวปๆนึงครับ
ตอนนั้นผมเลือกค่าย CANON ครับเพราะด้วยงบประมาณ ความชอบส่วนตัว และอะไรอีกหลายๆอย่างครับ
นัดซื้อ-ขายกัน เรียบร้อยโดยผมไปดูและเชคของด้วยตัวเอง ต้องขอบอกตามนี้ครับ
วิธีการเชค วิธีการใช้งาน ฟังก์ชัน ทั้งหมดได้มาจาก GOOGLE ล้วนๆครับ
ถ้ามีคนดูเป็นควรชวนไปดูให้เป็นอย่างยิ่งครับถ้าเชคเองไม่ได้ สำคัญมากครับ
ช่วงนั้นประมาณปี 52-53 ไม่แน่ใจผมเลือกกล้อง 1000D เป็นกล้องตัวแรกของผม (ถึงจะเป็นมือสองก็ตาม)
ตอนนั้นได้กล้อง เลนส์คิดส์ 18-55 และกระเป๋า แบต เม็ม ครบเหมือนซื้อใหม่ตามร้านทั่วไป
ได้กล้องมาก็เหมือนคนบ้ากล้อง ลองจับ ลองถ่าย ลองมันทุกมุมมอง และเปิดคู่มือบ้าง GOOGLE บ้าง
ผมใช้โหมด P เป็นโหมดครูของผมครับ และตามมาด้วยโหมด M และเป็นโหมดเดียวโหมดสุดท้ายที่ใช้ครับ
ตอนนั้นมีกล้องตัวเดียว เลนส์ตัวเดียวครับ
และวันที่พิสูจน์ตัวเองก็มาถึง ผมรับงานถ่ายภาพรับปริญญาด้วยกล้อง 1000D + 18-55 ที่ท่าพระจันทร์เป็นครั้งแรก
ซึ่งบอกเลยครับวันนั้น ความกล้า ความกลัว เท่ากัน ชอบก็ชอบนะ แต่ก็แอบกลัวจะไปทำวันสำคัญของเค้าพัง
อ่อ...ขอบอกก่อนครับว่างานวันนั้น น้องติดต่อให้ไปถ่ายให้ เพราะชอบผลงานที่ผมเคยถ่ายไว้แค่นั้น และนั่นคือการรับงานครั้งแรกครับ
จากนั้นก็เริ่มมีงานเรื่อยๆครับ และมีเลนส์เพิ่มอีก 1 ตัวคือ 50F1.8 ซึ่งก็มือสองอีกเช่นกัน
และก็เหมือนจะน้อยใจครับ พอมีของใหม่เข้ามาของเก่าก็พังทันที เลนส์ที่เป็นตัวแรก 18-55 ออโตโฟกัสเจ๊งครับ
เชคกับ GOOGLE เช่นเคยครับซ่อมไม่คุ้มเลยปล่อยซากได้เงินคืนมาหลักร้อยครับ
และหาเลนส์มือสองมาอีกตัวเพราะมีฟิกซ์ 50 ตัวเดียวจะถ่ายลำบากครับ (ถ้าถ่ายงาน)
เลยไปหาจากเวปขายกล้อง-เลนส์มือสองอีกเช่นเคย รอบนี้ได้ 24-85 มาใช้ครับราคามิตรภาพสุดๆครับตอนนั้น
การฝึกฝนมุมมอง รวมถึงการรับงานก็มีเรื่อยๆจนเพื่อนๆที่ชอบถ่ายรูปเหมือนๆกัน ขยับบอดี้กันหมดแล้ว
แต่ผมก็ยังใช้ตัวเดิม 555 ก็งบมันจำกัดนี่นา ><
ถ่ายมาจนถึงช่วงปี 55-56 ที่บ้านก็เริ่มรู้ว่ารับถ่ายภาพครับ ก็เป็นโอกาสอันดีที่จะมีสปอนเซอร์สนับสนุนกันซะที (อันนี้คิดเองนะครับ)
ตัดสินใจวอคอินเข้าไปคุยกับพ่อถึงที่มาที่ไปและอนาคต ยืมเงินสิครับ 555
ตอนนั้นตั้งใจขอยืมจริงๆเพื่อมุมมองในการนำเสนองานและการทำงานให้ง่ายยิ่งขึ้น
และพ่อก็ตอบรับครับ #ทีมพ่อ และการตอบรับครั้งนั้นทำให้ได้ 70-200F4 มือสองและ sigma8-16 มือสองครับ
และก็ทำงานง่ายขึ้นมากจริงๆครับ แต่แล้วก็ถึงวันที่ต้องลากับกล้องตัวแรกครับ
เค้าไม่สามารถกดได้อีกต่อไป ตอนนั้นพยายามทำทุกอย่าง จนโทรเข้าศูนย์ปรึกษาถึงอาการก็ได้รับคำตอบว่า...ชัตเตอร์พี่หมดแล้วครับ
เลยทำให้ต้องมีกล้องตัวที่สองมาใช้ครับ (แต่กล้องตัวแรกกด้วยความเสียดายผมเอาไปเปลี่ยนชัตเตอร์มาด้วยครับถึงแม้จะมีคนบอกไม่คุ้มก็ตาม)
และผมก็ได้ตัวนี้มาครับ 60D มือสองครับจากร้านกล้องต้นไม้ครับ ร้านนี้นอกจากมือ 1 แล้วก็ขายมือสองด้วยนะครับ ^^
ก็ใช้มาเรื่อยๆครับ เลนส์ยังเดิมๆครับ ไม่เพิ่ม ไม่พัง ไม่ขาย 555
จนเข้าปี 59 กล้องตัวที่สามก็มาถึงครับ ตอนนี้ผมซื้อมือ 1 ครับด้วยกำลังเงิน ด้วยงานถ่ายภาพที่สกิลมากขึ้น และความละเอียดของไฟล์งาน
ด้วยงบประมาณที่มีเลยทำให้ได้กล้องและเลนส์ตัวนี้มาใช้ครับ 6D + 24-105F4L
จริงๆที่เล่ามา อยากมาแชร์ว่าการใช้กล้องมือสองไม่ได้แย่เสมอไป ในมุมของผมมันดีด้วยซ้ำที่ได้ฝึกฝนเรียนรู้การถ่ายภาพกับงบที่มี
และถ้ามีโอกาสขยับไปในสเตปที่สูงขึ้นก็สามารถทำได้ ไม่ว่าจะขยับบอดี้หรือเลนส์ก็ตาม
ไม่ว่าใครก็ตามอยากมีกล้องตัวแรกจะมือหนึ่งหรือมือสองก็ตาม
จะรับงานหรือไม่รับงานก็ตาม
คุณได้หลงไหลและชอบการถ่ายรูปขึ้นมาไม่มากก็น้อยแล้วล่ะ
ขอให้คุณเรียนรู้และสนุกกับการถ่ายรูป
กล้องจะเข้าใจเรา และ เราจะเข้าใจกล้อง
อย่ามีกล้องเพราะคนอื่นมี อย่ามีกล้องเพราะอยากเท่ห์ เพราะสักวันคุณก็เบื่อ
ขอให้คุณถ่ายรูปด้วยใจรัก ด้วยความชอบที่มี เท่านี้คุณก็เรียกตัวเองว่า "ช่างภาพที่ดี" ได้แล้วครับ
ขอบคุณภาพประกอบจาก internet
การมีกล้องมือสอง เป็นกล้องตัวแรกในชีวิต
และการเลือกกล้องตัวแรกจากกล้องมือสองกันยังไงดี
จนถึงวันพี่ชายรับปริญญาก็ใช้คอมแพคถ่ายให้ (สมัยนั้น DSLR แพงและผมเองก็ไม่มีเงินทุนหรือผู้สนับสนุนด้านนี้เลย)
จนผมเรียนจบมีงานทำก็อยากมีกล้องตัวแรกที่เป็น DSLR สักตัว
ต้องบอกก่อนว่าผมชอบการถ่ายรูปก็จริงแต่ผมไม่มีข้อมูลอะไรเลยเกี่ยวกับ DSLR เลยเพราะฉะนั้นข้อมูลทั้งหมด GOOGLE ครับ
ตอนนั้นผมเลือกค่าย CANON ครับเพราะด้วยงบประมาณ ความชอบส่วนตัว และอะไรอีกหลายๆอย่างครับ
นัดซื้อ-ขายกัน เรียบร้อยโดยผมไปดูและเชคของด้วยตัวเอง ต้องขอบอกตามนี้ครับ
วิธีการเชค วิธีการใช้งาน ฟังก์ชัน ทั้งหมดได้มาจาก GOOGLE ล้วนๆครับ
ถ้ามีคนดูเป็นควรชวนไปดูให้เป็นอย่างยิ่งครับถ้าเชคเองไม่ได้ สำคัญมากครับ
ตอนนั้นได้กล้อง เลนส์คิดส์ 18-55 และกระเป๋า แบต เม็ม ครบเหมือนซื้อใหม่ตามร้านทั่วไป
ได้กล้องมาก็เหมือนคนบ้ากล้อง ลองจับ ลองถ่าย ลองมันทุกมุมมอง และเปิดคู่มือบ้าง GOOGLE บ้าง
ผมใช้โหมด P เป็นโหมดครูของผมครับ และตามมาด้วยโหมด M และเป็นโหมดเดียวโหมดสุดท้ายที่ใช้ครับ
และวันที่พิสูจน์ตัวเองก็มาถึง ผมรับงานถ่ายภาพรับปริญญาด้วยกล้อง 1000D + 18-55 ที่ท่าพระจันทร์เป็นครั้งแรก
ซึ่งบอกเลยครับวันนั้น ความกล้า ความกลัว เท่ากัน ชอบก็ชอบนะ แต่ก็แอบกลัวจะไปทำวันสำคัญของเค้าพัง
อ่อ...ขอบอกก่อนครับว่างานวันนั้น น้องติดต่อให้ไปถ่ายให้ เพราะชอบผลงานที่ผมเคยถ่ายไว้แค่นั้น และนั่นคือการรับงานครั้งแรกครับ
เชคกับ GOOGLE เช่นเคยครับซ่อมไม่คุ้มเลยปล่อยซากได้เงินคืนมาหลักร้อยครับ
และหาเลนส์มือสองมาอีกตัวเพราะมีฟิกซ์ 50 ตัวเดียวจะถ่ายลำบากครับ (ถ้าถ่ายงาน)
เลยไปหาจากเวปขายกล้อง-เลนส์มือสองอีกเช่นเคย รอบนี้ได้ 24-85 มาใช้ครับราคามิตรภาพสุดๆครับตอนนั้น
แต่ผมก็ยังใช้ตัวเดิม 555 ก็งบมันจำกัดนี่นา ><
ถ่ายมาจนถึงช่วงปี 55-56 ที่บ้านก็เริ่มรู้ว่ารับถ่ายภาพครับ ก็เป็นโอกาสอันดีที่จะมีสปอนเซอร์สนับสนุนกันซะที (อันนี้คิดเองนะครับ)
ตัดสินใจวอคอินเข้าไปคุยกับพ่อถึงที่มาที่ไปและอนาคต ยืมเงินสิครับ 555
ตอนนั้นตั้งใจขอยืมจริงๆเพื่อมุมมองในการนำเสนองานและการทำงานให้ง่ายยิ่งขึ้น
และพ่อก็ตอบรับครับ #ทีมพ่อ และการตอบรับครั้งนั้นทำให้ได้ 70-200F4 มือสองและ sigma8-16 มือสองครับ
เค้าไม่สามารถกดได้อีกต่อไป ตอนนั้นพยายามทำทุกอย่าง จนโทรเข้าศูนย์ปรึกษาถึงอาการก็ได้รับคำตอบว่า...ชัตเตอร์พี่หมดแล้วครับ
เลยทำให้ต้องมีกล้องตัวที่สองมาใช้ครับ (แต่กล้องตัวแรกกด้วยความเสียดายผมเอาไปเปลี่ยนชัตเตอร์มาด้วยครับถึงแม้จะมีคนบอกไม่คุ้มก็ตาม)
ก็ใช้มาเรื่อยๆครับ เลนส์ยังเดิมๆครับ ไม่เพิ่ม ไม่พัง ไม่ขาย 555
จนเข้าปี 59 กล้องตัวที่สามก็มาถึงครับ ตอนนี้ผมซื้อมือ 1 ครับด้วยกำลังเงิน ด้วยงานถ่ายภาพที่สกิลมากขึ้น และความละเอียดของไฟล์งาน
จริงๆที่เล่ามา อยากมาแชร์ว่าการใช้กล้องมือสองไม่ได้แย่เสมอไป ในมุมของผมมันดีด้วยซ้ำที่ได้ฝึกฝนเรียนรู้การถ่ายภาพกับงบที่มี
และถ้ามีโอกาสขยับไปในสเตปที่สูงขึ้นก็สามารถทำได้ ไม่ว่าจะขยับบอดี้หรือเลนส์ก็ตาม
จะรับงานหรือไม่รับงานก็ตาม
คุณได้หลงไหลและชอบการถ่ายรูปขึ้นมาไม่มากก็น้อยแล้วล่ะ
ขอให้คุณเรียนรู้และสนุกกับการถ่ายรูป
กล้องจะเข้าใจเรา และ เราจะเข้าใจกล้อง
อย่ามีกล้องเพราะคนอื่นมี อย่ามีกล้องเพราะอยากเท่ห์ เพราะสักวันคุณก็เบื่อ
ขอให้คุณถ่ายรูปด้วยใจรัก ด้วยความชอบที่มี เท่านี้คุณก็เรียกตัวเองว่า "ช่างภาพที่ดี" ได้แล้วครับ