ถ้าพูดถึงชื่อคุณ
สุวรรณฉัตร พรหมชาติ หลายคนอาจจะคุ้นๆแต่นึกไม่ออกว่าใคร
แต่ถ้าพูดถึง เท็กซี่อุ้มบุญที่ให้ พระ สามเณร แม่ชี คนพิการ คนตาบอด ขึ้นฟรี น่าจะร้องอ๋อกันทุกคน
วันนี้หลังจากทำหน้าที่ต่อเนื่องมานาน วันก่อนมีคนช่วยบริจาคเก้าอี้ไฟฟ้าเพื่อเป็น
บุญต่อบุญให้เขาสะดวกในการช่วยคน ดูได้ในข่าวครับ
ประวัติ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
กว่า 20 ปีแล้วที่ “สุวรรณฉัตร พรหมชาติ” โชเฟอร์แท็กซี่วัย 38 เจ้าของฉายาแท็กซี่อุ้มบุญ
ทำหน้าที่รับคนป่วย คนพิการที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ไปส่งโรงพยาบาล โดยไม่คิดเงินแม้แต่บาทเดียว
ทุกๆวัน สุวรรณฉัตรจะขับแท็กซี่คันเก่งสีเขียวเหลือง ทะเบียน มฎ 2840 ติดสติ๊กเกอร์รอบคันข้อความว่า
“เชิญครับไปทุกที่” หรือ “พระสงฆ์ สามเณร แม่ชี นั่งฟรี นิมนต์เชิญครับ”
รับผู้ป่วยพาไปส่งที่โรงพยาบาล ทันทีที่รถจอดเทียบ เขาจะเปลี่ยนหน้าที่จากพลขับเป็นพลอุ้ม
อุ้มผู้ป่วยลงจากรถเพื่อส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ดูแลต่อไป
อ่านต่อได้ที่ (อาจจะน้ำตาไหลได้)
http://men.sanook.com/6157
ลองมาดูข้อคิดในการดำเนินชีวิตของพี่สุวรรณฉัตรกันนะครับ
"
ผมเคยเป็นผู้รับมาก่อน ตอนนั้นบวชเณร มีโยมคนนึงให้นั่งรถฟรี แล้วถวายปัจจัยมา100 ทำให้เกิดความประทับใจ
เวลาเขาโบสถ์วิหารก็อธิษฐานจิตให้เขาแข็งแรง รุ่งเรือง ปัจจุบันยังไม่ลืม"
“
เวลาเจอพระ ผมจะลงไปบอกว่านั่งฟรี ระหว่างทางนี่จะเป็นบุญของเราตรงที่ว่าเจอพระนักเทศน์ เราได้ฟังเทศน์ยันถึงวัดเลย
พอไปส่งแล้วขับรถออกมา ท่านยังมองตามรถผม ผมว่าท่านต้องประทับใจเหมือนที่เราประทับใจ ทำแล้วก็เกิดความรู้สึกปิติยินดี”
"ถามว่าทำแบบนี้ได้อะไร ผมแค่คิดว่าเขาเดือดร้อน เราก็ต้องเสียสละหลายๆ อย่าง ทั้งเวลา ค่าแก๊ส ค่าน้ำมัน
ต้องข้ามให้พ้นคำว่าขาดทุน กำไร ถ้าข้ามไม่พ้นมันทำไม่ได้ ถ้ารอให้รวยก่อนแล้วค่อยทำ ชาตินี้ไม่ได้ทำความดีหรอก”
"ผมไม่เหนื่อย ไม่ท้อนะครับ ผมมีความสุขมากกว่า คนเราเกิดมา ผมว่าจะท้อไม่ได้หรอกเพราะว่าเราต้องใช้ชีวิต เรามีลมหายใจ
เรามีสติสัมปชัญญะครบถ้วนอยู่
เราต้องอยู่อย่างมีเมตตา อยู่อย่างมีศักดิ์ศรี อยู่อย่างมีศีลธรรม มันไม่ท้อหรอก
ผมมีความเชื่อว่า ถ้าเรายิ่งให้ก็จะยิ่งได้ ยิ่งทำยิ่งมีความสุข ยิ่งปีติ"
“ผมอุ้มคนป่วยได้ไม่เกิน 100 กิโล (หัวเราะ) แต่เชื่อไหมว่าบางคนใหญ่จนบังเรามิด หนักมาก แต่กลับอุ้มไหวเหมือนมีคนช่วยยก
อาจเป็นเพราะความปลื้มใจที่ได้ช่วยเขา เลยทำให้รู้สึกว่าหนักแค่ไหนก็อุ้มไหว คิดซะว่าเป็นการออกกำลังกายแล้วกัน"
“ถ้ารอให้รวยก่อน บางอาชีพไม่รวย ถ้ารอให้เกษียณก่อน พอคุณเกษียณแล้วทำบุญได้แค่ 3 ครั้ง คุณอาจจะเป็นมะเร็งตาย
บางครั้งรวยแล้วก็อาจจะขี้เหนียวไม่แบ่งใครก็ได้ ก็ทำเท่าที่มีลมหายใจ
คิดว่าวันนี้เป็นวันสุดท้าย ทำสะสมบุญไป
ถ้าเราจะตายพรุ่งนี้เราก็ไม่เสียดายชีวิต”
"ผมมีคติในการใช้ชีวิตอย่างหนึ่งก็คือ เป็นคนดี ดีกว่าดวงดี คนเรามักจะพูดว่าดวงดีแล้วจะดี แต่จริงๆ แล้วเราดี ดีกว่าดวงดีนะครับ
ถ้าเราเป็นคนชั่วแล้วจะดวงดีมันก็ยังไงๆ อยู่นะ เพราะถ้าเราเป็นคนดี ยังไงมันก็ดีกว่าแน่นอน เพราะเราเป็นคนกำหนดเอง"
"
ผมมีความสุขทุกวัน มีญาติพี่น้องทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเต็มไปหมด เขาไม่เคยลืมเรา ซึ่งเราก็ไม่เคยไปรบกวนเขานะครับ"
"
เราได้เป็นแบบอย่างของการแบ่งปัน บางเคสที่ผมไปรับ ลูกหลานตัวเล็กๆ ขึ้นรถเรามาด้วย เห็นสิ่งที่เราทำ
วันข้างหน้าน้องๆ เหล่านี้เติบโตขึ้นมาในสังคม เขาจะทำให้สังคมน่าอยู่ เพราะว่าเราทำเป็นแบบอย่างให้เขาเห็น
วันข้างหน้าเขาจะมีเมตตา เขาจะช่วยเหลือสังคมโดยที่มองเราเป็นตัวอย่าง ผมมีความเชื่อแบบนั้นนะครับ"
ปิดท้ายด้วยประโยคในเฟสของพี่เขา
https://www.facebook.com/suwannachat.phromchat
"บุญทุกๆบุญที่ข้าพเจ้าได้กระทำก็ขอให้ผู้ที่ร่วมอนุโมทนาสาธุทุกๆท่านสุขภาพแข็งแรงชีวิตมีแต่ความสุขความเจริญครับ"
"บุญต่อบุญ" ข้อคิดในการใช้ชีวิตของแท็กซี่อุ้มบุญ ... "สุวรรณฉัตร พรหมชาติ"
ถ้าพูดถึงชื่อคุณสุวรรณฉัตร พรหมชาติ หลายคนอาจจะคุ้นๆแต่นึกไม่ออกว่าใคร
แต่ถ้าพูดถึง เท็กซี่อุ้มบุญที่ให้ พระ สามเณร แม่ชี คนพิการ คนตาบอด ขึ้นฟรี น่าจะร้องอ๋อกันทุกคน
วันนี้หลังจากทำหน้าที่ต่อเนื่องมานาน วันก่อนมีคนช่วยบริจาคเก้าอี้ไฟฟ้าเพื่อเป็นบุญต่อบุญให้เขาสะดวกในการช่วยคน ดูได้ในข่าวครับ
ประวัติ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ลองมาดูข้อคิดในการดำเนินชีวิตของพี่สุวรรณฉัตรกันนะครับ
"ผมเคยเป็นผู้รับมาก่อน ตอนนั้นบวชเณร มีโยมคนนึงให้นั่งรถฟรี แล้วถวายปัจจัยมา100 ทำให้เกิดความประทับใจ
เวลาเขาโบสถ์วิหารก็อธิษฐานจิตให้เขาแข็งแรง รุ่งเรือง ปัจจุบันยังไม่ลืม"
“เวลาเจอพระ ผมจะลงไปบอกว่านั่งฟรี ระหว่างทางนี่จะเป็นบุญของเราตรงที่ว่าเจอพระนักเทศน์ เราได้ฟังเทศน์ยันถึงวัดเลย
พอไปส่งแล้วขับรถออกมา ท่านยังมองตามรถผม ผมว่าท่านต้องประทับใจเหมือนที่เราประทับใจ ทำแล้วก็เกิดความรู้สึกปิติยินดี”
"ถามว่าทำแบบนี้ได้อะไร ผมแค่คิดว่าเขาเดือดร้อน เราก็ต้องเสียสละหลายๆ อย่าง ทั้งเวลา ค่าแก๊ส ค่าน้ำมัน
ต้องข้ามให้พ้นคำว่าขาดทุน กำไร ถ้าข้ามไม่พ้นมันทำไม่ได้ ถ้ารอให้รวยก่อนแล้วค่อยทำ ชาตินี้ไม่ได้ทำความดีหรอก”
"ผมไม่เหนื่อย ไม่ท้อนะครับ ผมมีความสุขมากกว่า คนเราเกิดมา ผมว่าจะท้อไม่ได้หรอกเพราะว่าเราต้องใช้ชีวิต เรามีลมหายใจ
เรามีสติสัมปชัญญะครบถ้วนอยู่ เราต้องอยู่อย่างมีเมตตา อยู่อย่างมีศักดิ์ศรี อยู่อย่างมีศีลธรรม มันไม่ท้อหรอก
ผมมีความเชื่อว่า ถ้าเรายิ่งให้ก็จะยิ่งได้ ยิ่งทำยิ่งมีความสุข ยิ่งปีติ"
“ผมอุ้มคนป่วยได้ไม่เกิน 100 กิโล (หัวเราะ) แต่เชื่อไหมว่าบางคนใหญ่จนบังเรามิด หนักมาก แต่กลับอุ้มไหวเหมือนมีคนช่วยยก
อาจเป็นเพราะความปลื้มใจที่ได้ช่วยเขา เลยทำให้รู้สึกว่าหนักแค่ไหนก็อุ้มไหว คิดซะว่าเป็นการออกกำลังกายแล้วกัน"
“ถ้ารอให้รวยก่อน บางอาชีพไม่รวย ถ้ารอให้เกษียณก่อน พอคุณเกษียณแล้วทำบุญได้แค่ 3 ครั้ง คุณอาจจะเป็นมะเร็งตาย
บางครั้งรวยแล้วก็อาจจะขี้เหนียวไม่แบ่งใครก็ได้ ก็ทำเท่าที่มีลมหายใจ คิดว่าวันนี้เป็นวันสุดท้าย ทำสะสมบุญไป
ถ้าเราจะตายพรุ่งนี้เราก็ไม่เสียดายชีวิต”
"ผมมีคติในการใช้ชีวิตอย่างหนึ่งก็คือ เป็นคนดี ดีกว่าดวงดี คนเรามักจะพูดว่าดวงดีแล้วจะดี แต่จริงๆ แล้วเราดี ดีกว่าดวงดีนะครับ
ถ้าเราเป็นคนชั่วแล้วจะดวงดีมันก็ยังไงๆ อยู่นะ เพราะถ้าเราเป็นคนดี ยังไงมันก็ดีกว่าแน่นอน เพราะเราเป็นคนกำหนดเอง"
"ผมมีความสุขทุกวัน มีญาติพี่น้องทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเต็มไปหมด เขาไม่เคยลืมเรา ซึ่งเราก็ไม่เคยไปรบกวนเขานะครับ"
"เราได้เป็นแบบอย่างของการแบ่งปัน บางเคสที่ผมไปรับ ลูกหลานตัวเล็กๆ ขึ้นรถเรามาด้วย เห็นสิ่งที่เราทำ
วันข้างหน้าน้องๆ เหล่านี้เติบโตขึ้นมาในสังคม เขาจะทำให้สังคมน่าอยู่ เพราะว่าเราทำเป็นแบบอย่างให้เขาเห็น
วันข้างหน้าเขาจะมีเมตตา เขาจะช่วยเหลือสังคมโดยที่มองเราเป็นตัวอย่าง ผมมีความเชื่อแบบนั้นนะครับ"
ปิดท้ายด้วยประโยคในเฟสของพี่เขา
https://www.facebook.com/suwannachat.phromchat
"บุญทุกๆบุญที่ข้าพเจ้าได้กระทำก็ขอให้ผู้ที่ร่วมอนุโมทนาสาธุทุกๆท่านสุขภาพแข็งแรงชีวิตมีแต่ความสุขความเจริญครับ"