สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
ตอบตามประสบการณ์ที่เคยบริหารธุรกิจประเภทนี้....
ปกติการขายรถกำไรจะมาจาก
1.Dealer Margin ประมาณ 3.5% คือราคาทุนที่ซื้อรถมาเช่นราคา 1 ล้าน ราคาทุนคือ 965,000
2.Quantitative Bonus ประมาณ 2-3% หมายถึงการทำยอดขายให้ถึงเป้าที่บริษัทแม่กำหนดโดยอาจแบ่งเป็นเป้ารวม เป้าแต่ละรุ่น หรือเป้าเฉพาะรุ่นที่ขายยาก
3.Qualitative Bonus ประมาณ 2-3% เช่นการรักษาความพึงพอใจของลูกค้าที่มาซื้อและเข้ารับบริการวัดจากดรรชนีความพึงพอใจ การให้ความร่วมมือในการปรับปรุงสถานที่ให้เป้นไปตามข้อกำหนดของบริษัทแม่ที่ต้องการให้สถานที่ใหม่/ทันสมัยอยู่เสมอ
จะเห็นว่ารวมๆกันประมาณ 7.5%-9.5% ของราคารถ
กระบะตอนเดียวราคาประมาณ 550,000 ซึ่งถ้าคิดจากกำไรข้างต้นควรอยู่ที่ 50,000 โดยประมาณ...อันที่จริงสิ่งที่ดีลเลอร์หวังได้ก็แค่ข้อ 1.เท่านั้นเพราะโบนัสที่พูดถึงมันต้องรอว่าทำผลงานได้มั้ยและส่วนมากจะวัดและจ่ายเป็นรายไตรมาสด้วย...เพราะฉนั้น ในกรณีของจขกท.เป็นไปได้ว่า
1.บริษัทแม่มีงบการตลาดมาช่วยสำหรับรถรุ่นนี้เช่นงบช่วยการขาย คันละ 20,000
2.บางดีลเลอร์มีการตัดรถรุ่นนี้เก็บไว้เพื่อทำกำไร แต่อาจคาดผิด พูดง่ายๆก็คือรถอยู่ในสต๊อคเยอะและต้องระบายออก ทั้งนี้บางดีลเลอร์อาจมีน้อยก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงเล่นตัดราคากัน
3.บางยี่ห้อ แต่ะดีลเลอร์เค้าจะมีการขอซื้อรถที่ตัวเองไม่มีขายกันอยู่แล้ว หมายถึงเป็นพันธมิตรกัน ถ้ามีการตัดราคา ผจก.หรือพนง.ขายจะโทรถามกัน แต่เรื่องเงินทองก็ไม่แน่เสมอไปที่ต้องช่วยกันไปซะทุกกรณี กรณีนี้อาจเจอลูกค้าปั่นหัวหรือตัดราคากันจริงๆก็ได้
จะเห็นว่ารถคันนึงกำไรไม่มากนักและต้องมีสายป่านยาวๆ เท่าที่จำได้ Net Profit ของรถต่อคันอยู่ไม่เกิน 2% และต้องเก็บเงินไว้ส่วนหนึ่งเพื่อการปรับปรุงสถานที่ให้ทันสมัยเสมอ อาจจะทุก 5 ปี ก็ต้องมี 20 ล้านขึ้นไป
ทีนี้คำถามของจขกท.จะทำยังไงดีกับสงครามตัดราคา ขอให้ความเห็นดังนี้
1.ถ้ายังมีงบปิดการขายให้ใช้อยู่ จะเล่นสงครามต่อก็ว่ากันไป แนะนำให้เพิ่มของแถมแทนส่วนลดเงินสดเพราะของแถมเราบอกลูกค้าได้ว่าซื้อมาแพง ทั้งๆที่จริงๆซื้อมาถูกกว่าเยอะ
2.ถ้าหมดงบแล้วและเป้าโชว์รูมประจำเดือนก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว ก็ปล่อยไปเถอะ...ขึ้นอยู่กับว่าอยากจะแกล้งกันมั้ยเช่นบอกไปเลยว่าให้ส่วนลดเพิ่มแต่ต้องจองเลย โดยมากลูกค้าก็จะรีบไปต่อลองทางนู้น แล้วกลับมาบอกเรา คราวนี้เราก็หยุดว่าให้ไม่ได้แล้ว ให้ดีลเลอร์ทางนู้นเจ็บตัวหนักขึ้น แต่ต้องเช็คดูสถานะกำไรประจำเดือนด้วยว่าเกิดทางนู้นใช้ไม้เดียวกันเราจะได้ไม่ขาดทุนในภาพรวม...ธุรกิจนี้คิดจะกำไรทุกคันไปหมด อย่าหวัง โดยเฉพาะกับรถช่วงเปลี่ยนโฉมหรือไมเนอร์เชนจ์
3.ถ้าเป้ายังห่างแต่ไม่มาก อันนี้อาจต้องเปิดศึกสู้กันหนัก ลูกค้าได้ประโยชน์เต็มๆ...เซลล์ที่เก่งมีประสบการณ์จะขายรถให้ได้เป้าของเดือนถัดไปรอไว้เลย จะได้ไม่เหนื่อยมากในแต่ละเดือน
4.ถ้าเป้าห่างมากยังไงก็ไปไม่ถึง ไม่มีรถรุ่นนี้ในสต๊อคและงบหมดแล้ว คงต้องทิ้งไป...ทำอย่างนี้บ่อยๆไม่ได้เพราะหมายถึงการบริหารงานขายของผจก.ไม่ดี คาดเดารถที่ต้องสั่งเพื่อขายไม่แม่น และไม่ติดตามการขายของเซลล์ทุกคนอย่างใกล้ชิด
หวังว่าคงพอเป็นประโยชน์กับจขกท.บ้าง
ปกติการขายรถกำไรจะมาจาก
1.Dealer Margin ประมาณ 3.5% คือราคาทุนที่ซื้อรถมาเช่นราคา 1 ล้าน ราคาทุนคือ 965,000
2.Quantitative Bonus ประมาณ 2-3% หมายถึงการทำยอดขายให้ถึงเป้าที่บริษัทแม่กำหนดโดยอาจแบ่งเป็นเป้ารวม เป้าแต่ละรุ่น หรือเป้าเฉพาะรุ่นที่ขายยาก
3.Qualitative Bonus ประมาณ 2-3% เช่นการรักษาความพึงพอใจของลูกค้าที่มาซื้อและเข้ารับบริการวัดจากดรรชนีความพึงพอใจ การให้ความร่วมมือในการปรับปรุงสถานที่ให้เป้นไปตามข้อกำหนดของบริษัทแม่ที่ต้องการให้สถานที่ใหม่/ทันสมัยอยู่เสมอ
จะเห็นว่ารวมๆกันประมาณ 7.5%-9.5% ของราคารถ
กระบะตอนเดียวราคาประมาณ 550,000 ซึ่งถ้าคิดจากกำไรข้างต้นควรอยู่ที่ 50,000 โดยประมาณ...อันที่จริงสิ่งที่ดีลเลอร์หวังได้ก็แค่ข้อ 1.เท่านั้นเพราะโบนัสที่พูดถึงมันต้องรอว่าทำผลงานได้มั้ยและส่วนมากจะวัดและจ่ายเป็นรายไตรมาสด้วย...เพราะฉนั้น ในกรณีของจขกท.เป็นไปได้ว่า
1.บริษัทแม่มีงบการตลาดมาช่วยสำหรับรถรุ่นนี้เช่นงบช่วยการขาย คันละ 20,000
2.บางดีลเลอร์มีการตัดรถรุ่นนี้เก็บไว้เพื่อทำกำไร แต่อาจคาดผิด พูดง่ายๆก็คือรถอยู่ในสต๊อคเยอะและต้องระบายออก ทั้งนี้บางดีลเลอร์อาจมีน้อยก็ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงเล่นตัดราคากัน
3.บางยี่ห้อ แต่ะดีลเลอร์เค้าจะมีการขอซื้อรถที่ตัวเองไม่มีขายกันอยู่แล้ว หมายถึงเป็นพันธมิตรกัน ถ้ามีการตัดราคา ผจก.หรือพนง.ขายจะโทรถามกัน แต่เรื่องเงินทองก็ไม่แน่เสมอไปที่ต้องช่วยกันไปซะทุกกรณี กรณีนี้อาจเจอลูกค้าปั่นหัวหรือตัดราคากันจริงๆก็ได้
จะเห็นว่ารถคันนึงกำไรไม่มากนักและต้องมีสายป่านยาวๆ เท่าที่จำได้ Net Profit ของรถต่อคันอยู่ไม่เกิน 2% และต้องเก็บเงินไว้ส่วนหนึ่งเพื่อการปรับปรุงสถานที่ให้ทันสมัยเสมอ อาจจะทุก 5 ปี ก็ต้องมี 20 ล้านขึ้นไป
ทีนี้คำถามของจขกท.จะทำยังไงดีกับสงครามตัดราคา ขอให้ความเห็นดังนี้
1.ถ้ายังมีงบปิดการขายให้ใช้อยู่ จะเล่นสงครามต่อก็ว่ากันไป แนะนำให้เพิ่มของแถมแทนส่วนลดเงินสดเพราะของแถมเราบอกลูกค้าได้ว่าซื้อมาแพง ทั้งๆที่จริงๆซื้อมาถูกกว่าเยอะ
2.ถ้าหมดงบแล้วและเป้าโชว์รูมประจำเดือนก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว ก็ปล่อยไปเถอะ...ขึ้นอยู่กับว่าอยากจะแกล้งกันมั้ยเช่นบอกไปเลยว่าให้ส่วนลดเพิ่มแต่ต้องจองเลย โดยมากลูกค้าก็จะรีบไปต่อลองทางนู้น แล้วกลับมาบอกเรา คราวนี้เราก็หยุดว่าให้ไม่ได้แล้ว ให้ดีลเลอร์ทางนู้นเจ็บตัวหนักขึ้น แต่ต้องเช็คดูสถานะกำไรประจำเดือนด้วยว่าเกิดทางนู้นใช้ไม้เดียวกันเราจะได้ไม่ขาดทุนในภาพรวม...ธุรกิจนี้คิดจะกำไรทุกคันไปหมด อย่าหวัง โดยเฉพาะกับรถช่วงเปลี่ยนโฉมหรือไมเนอร์เชนจ์
3.ถ้าเป้ายังห่างแต่ไม่มาก อันนี้อาจต้องเปิดศึกสู้กันหนัก ลูกค้าได้ประโยชน์เต็มๆ...เซลล์ที่เก่งมีประสบการณ์จะขายรถให้ได้เป้าของเดือนถัดไปรอไว้เลย จะได้ไม่เหนื่อยมากในแต่ละเดือน
4.ถ้าเป้าห่างมากยังไงก็ไปไม่ถึง ไม่มีรถรุ่นนี้ในสต๊อคและงบหมดแล้ว คงต้องทิ้งไป...ทำอย่างนี้บ่อยๆไม่ได้เพราะหมายถึงการบริหารงานขายของผจก.ไม่ดี คาดเดารถที่ต้องสั่งเพื่อขายไม่แม่น และไม่ติดตามการขายของเซลล์ทุกคนอย่างใกล้ชิด
หวังว่าคงพอเป็นประโยชน์กับจขกท.บ้าง
แสดงความคิดเห็น
ส่วนลดราคาของรถยนต์ ปัญหาที่ไม่รู้จะไปถามใคร ช่วยด้วยนะคะ
มี ลค เข้ามาซื้อรถ ขอของแถม และส่วนลดเงินสด ซึ่งทางคนรู้จักของเราให้ส่วนลดเงินสด 30000 แระของแถม รวมแล้วเป็น 60000 แต่วันรุ่งขึ้น
ลค มาบอกว่า เซลอีกดีลนึง ซึ่งเป็นจังหวัดติดกัน ให้ส่วนลดเงินสด 40000 พร้อมของแถมเท่ากัน เขาจึงไปบอก ผจก สรุปคือ ผจก ให้เพิ่ม
เป็น 40000 และของแถม รวมเป็น 70000
มาวันนี้ ลค มาบอกว่า ทางโน้น(เซลของดีลจังหวัดติดกัน) โทรมาบอกว่า จะให้ส่วนลดเงินสดเป็น 60000 และของแถม สรุป ทางนี้จะยังไงดี
พอฟังเพื่อนเล่าจบ เกิดคำถาม
1. ทำไมส่วนลดเงินสดถึงไม่เท่ากัน ทั้งที่เป็นยี่ห้อเดียวกัน แต่ต่างกันที่ดีลเลอร์ ของพวกนี้ไม่มีมาตรฐานเหรอคะ
2. ทำไมขอส่วนลดเพิ่มได้ แล้วทำไมถึงไม่เสนอให้ตั้งแต่แรก และถ้าไม่ได้ให้ส่วนลดเงินสด ลค เงินส่วนนั้นไปไหน (จขกท ซื้อรถ โดยที่ไม่เคยได้ส่วนลดเงินสด)
ช่วยตอบคำถามหน่อยนะคะ
ปล เพิ่งได้ทราบว่า การซื้อรถหนึ่งคันสามารถต่อรองอะไรกันได้มากขนาดนี้ เมื่อมีคนรู้จักได้เข้าไปทำงานนี่ละคะ
ปล2 รถที่จะทำการซื้อขายกันคือ รถกะบะตอนเดียว