แชร์ประสบการณ์ตกเครื่องที่อเมริกา

กระทู้สนทนา
กระทู้แรกของดิฉันค่ะ
เห็นมีกระทู้เรื่องตกเครื่องบินก็ค่อนข้างบ่อย เลยเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพันทิปเพื่อแชร์ประสบการณ์ของตัวเอง
ดิฉันเดินทาง 3-4 ครั้งต่อปี ไป-กลับ California – กรุงเทพฯ เดินทางแบบนี้มาเกือบ 20 ปี เคยคิดว่าตัวเองชำนาญ แต่ทุกเรื่องเกิดขึ้นได้เสมอ

เส้นทางที่ทำให้ดิฉันตกเครื่องครั้งแรกในชีวิต San Jose-Seattle-Narita-Bangkok สายการบิน Delta Airlines ค่ะ
เครื่องออกจาก San Jose เพื่อไป Seattle เวลา 10:00 am ดิฉันไปถึงสนามเวลา 6:30 am Check-in เรียบร้อย เข้าแถว Security Check เวลา 7:30 am ก็ให้สามีกลับบ้านไปได้ ตัวดิฉันก็ชิวๆ เดินไปที่ Gate 7 ตาม Boarding Pass เวลาถมเถ ไม่ได้สนใจอะไร มองไปที่ Monitor เห็นเป็นเที่ยวบินไป Salt Lake City ก็ยังไม่สนใจนะคะ คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติสนามบินทในอเมริกามีเครื่องขึ้น-ลง เยอะมาก Flight Salt Lake City คงออกก่อน Flight Seattle

ความประมาท (โง่) ของตัวเองครั้งที่ 1 ไม่ดูว่า Next Flight เป็น Seattle หรือเปล่า คิดไปเองว่าเวลาเหลือเยอะ Seattle ต้องเป็น Next Flight - - - - ตรงนึ้อยากจะแนะนำว่าถ้าเราไปถึง Gate ก่อนเวลาเยอะๆ อย่างประมาท คิดไปเองแบบดิฉัน ถ้า Monitor ยังไม่ขึ้น Next Flight ให้เดินไปถามเจ้าหน้าที่เลยค่ะ

ประมาท (โง่) ครั้งที่ 2 เห็นว่าเหลือเวลาอีกเยอะก็นั่งอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ จนเวลาประมาณ 8:45 ลุกไปเข้าห้องน้ำ แล้วเดินไปซื้อ Sandwich กับกาแฟที่ Starbuck กลับมานั่งกินที่หน้า Gate มองไปที่ Monitor ก็ยังเป็น Salt Lake City อยู่

ด้วยความประมาท (โง่) เป็นครั้งที่ 3 ขนาดนี้แล้วยังไม่เอะใจ Boarding Time คือ 9:30 ยังนั่งกิน นั่งรอ นั่งอ่านหนังสือ จนอีก 5 นาทีจะ 10:00 คราวนี้ไม่ใช่แล้ว ลุกค่ะ วิ่งไปถามเจ้าหน้าที่ คำตอบคือ Seattle เปลี่ยนเป็น Gate 8 วิ่งไปที่ Gate 8…… Oh, my God, บริเวณ Gate โล่งค่ะไม่มีใครอยู่เครื่องออกไปแล้ว งานเข้าแล้ว วิ่งกลับไปขอความช่วยเหลือที่ Gate 7 แล้ว Gate Agent ก็บอกให้ลงไปติดต่อ Counter Check-in ข้างล่าง (ทราบทีหลัง ว่าความจริงแล้วเจ้าหน้าที่ Gate สามารถช่วย Re-book ให้เราได้เหมือนกัน ไม่ต้องวิ่งกลับลงมาถึงข้างล่าง ---เข้าใจว่า Gate Agent ในขณะนั้นกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียม Board ผู้โดยสาร Salt Lake City ก็เลยส่งดิฉันลงไปข้างล่าง)

Delta พยายามช่วยนะคะ ด้วยการที่เช็ค Flight ต่อไปจาก SJC ไป Seattle แต่เวลาคือ 13:00 ใช้เวลาบิน 2 ชั่วโมง แล้วเครื่องที่จะออกจาก Seattle ไป Narita จะออกเวลา 14:10 เป็นไปไม่ได้ค่ะ ทางเลือกที่ 2 มี Flight SJC ไป LA เวลา 11:00 ใช้เวลาบิน 50 นาทีเพื่อจับเครื่องจาก LA ไป Narita แล้วไปต่อ Flight เดิมของเราจาก Narita เข้า Bangkok โชคไม่ดีค่ะ LA-Narita ที่นั่งแน่นมากไม่สามารถหาที่นั่งให้ได้ ทางเลือกที่ 3 คือจะมี Flight ออกจาก San Francisco ไป Seattle แต่เครื่องจะออกในอีก 50 นาที โดยปกติแล้วจะใช้เวลาเดินทางจากสนามบิน San Jose ไปสนามบิน San Francisco ประมาณ 30-40 นาที (ถ้ารถไม่ติด) ทางเลือกสุดท้ายคือ Re-book เป็นวันรุ่งขึ้น โทรเรียกสามีกลับมารับแล้วค่อยเดินทางวันรุ่งขึ้น

ณ เวลานั้นสมองดิฉันทำงานไม่เป็นระบบแล้วค่ะ ดิฉันเลือกที่จะไปขึ้นเครื่องที่ San Fran เจ้าหน้าที่โทรเรียก Limo ให้ แต่ไม่มีเวลาทำการ Cancel Boarding Pass เดิม (มันอาจใข้เวลา 1-2 นาที แต่เวลาขณะนั้นกระชั้นชิดมาก) เขาโทรเรียกรถแล้วก็ส่งเราขึ้น Limo โดยไม่ลืมบอกว่าค่าโดยสาร $120 ดิฉันก็ตอบ Sure  ขณะนั่งมาในรถใจก็ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวค่ะ พึ่งจะนึกได้ว่าควรโทร.บอกสามี เพื่อยังไงตกเครื่องที่ SFO เขาจะต้องขับรถไปรับเรากลับบ้านก่อน (ระยะทางจากบ้านถึง SFO 100 ไมล์ ใข้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง) สามีตกใจค่ะ เวลานี้เราควรจะอยู่บนเครื่องทำไมยังโทรได้ เกิดอะไรขึ้น บลาๆๆๆ เราก็อธิบายคร่าวๆ เพราะมีสายเรียกเข้าจาก Delta แจ้งว่า ได้ส่ง Boarding Pass ใหม่ให้เราแล้วใน Email ต่อจากนั้นก็ชำระค่าโดยสาร เงินสดไม่พอค่ะ ขอจ่ายบัตร คนขับก็ขับไปด้วยเก็บค่าโดยสารจากบัตรไปด้วย ถึงสนามบิน SFO ลงจากรถได้ก็วิ่งไป Counter ไปที่ Sky Priority ตัดหน้าผู้โดยสารอื่นๆ (ซึ่งเป็นการเสียมารยาทอย่างมากถึงมากที่สุด ไม่มีใครเขาทำกัน) หันไปทำได้แค่ Say Sorry แล้วยื่น Passport ให้เจ้าหน้าที่

Delta ที่ SFO คงทราบเรื่องแล้ว เขาบอกว่าเรากำลังจะตกเครื่องอีกครั้งเพราะขณะนี้ที่ Gate กำลัง Board ผู้โดยสาร เขาก็ช่วยอีกพาวิ่งไปที่ Priority Security เพื่อให้เราผ่านเข้าไป Scan ร่างกาย แล้วก็วิ่ง 4x100 ไป Gate 84 เจ้าหน้าที่ Gate ก็ดูเหมือนจะทราบเรื่องแล้ว เธอยืนรอแล้วใช้วิทยุสื่อสาร ดิฉันทันได้ยินเธอพูดว่า she made it  

เอาละคะตอนนี้มีเวลาหายใจอีกเกือบ 2 ขั่วโมงเพื่อบินไป Seattle ต่อเครื่องไป Narita สมองเริ่มทำงานเข้ารูปเข้ารอยขึ้นเล็กน้อย เริ่มคิดตายละทิ้งสามีให้รอโทรศัพท์ ไม่มีเวลาโทรกลับไปบอกว่า I made it ลำดับต่อมา......เห้ย.....กระเป๋าฉันหล่ะโหลดกระเป๋าที่ SJC เขา Off-Load หรือเปล่าหว่าเพราะไม่ได้เดินทางไปกลับเครื่องลำนั้น  เดินไปถาม Crew แต่เธอตอบไม่ได้ ต้องรอไปเข็คที่ Seattle ดิฉันตอนนั้นได้แต่คิดแค่ช่างมันเถอะแล้วค่อยว่ากัน  มีเวลาต่อเครื่องที่ Seattle ไม่ถึง 1 ชั่วโมงต้องเปลี่ยน Terminal (Loop Train วิ่งวนระหว่าง S,N, B และ Main Terminals) ตอนนั้นก็คิดเซ็งตัวเองมากค่ะ ทำไมถึงเป็นไปได้ขนาดนี้ มันเกิดขึ้นกับฉันได้ยังไง บลาๆๆๆๆ บ่นกับตัวเองไปค่ะ

โดยสรุป ดิฉันเดินทางมาถึงกรุงเทพฯ ตามกำหนดเดิม กระเป๋าที่ติด Tag Sky Priority ก็เดินทางถึงปลายทางกรุงเทพฯ พร้อมกันด้วยความรวดเร็วตามสไตล์ Sky Priority ของสายการบิน Delta

ณ เวลานั้นคิดแค่ว่าตัวเองโชคดี ไม่ต้องวุ่นวายมากไปกว่านี้

แต่หลังจากนั้นมานั่งทบทวนดู มองเห็นช่องโหว่เบ้อเริ่มเลยค่ะ
FAA ที่ให้ประเทศไทยไม่ผ่านมาตรฐานของ FAA ไม่อนุญาตให้สายการบินสัญชาติไทยบินเข้าสหรัฐฯ
แต่กระเป๋าของดิฉันที่ Loaded จากSJC ไม่ถูก Off-Load ทั้งที่ตัวผู้โดยสารคือดิฉันไม่ได้เดินทางไปกับเที่ยวบินนั้น
***มาตรฐานสายการบินสัญชาติไทยของเราจะทำการ Off-Load กระเป๋านะคะ***

ดิฉันได้ส่ง email ขอบคุณเจ้าหน้าที่ Delta ทันทีที่กลับถึงกรุงเทพฯ แต่หลังจากมาคิดทบทวนเหตุการณ์ จริงๆ แล้วมาตรฐานความปลอดภัยทางการบินสหรัฐฯ (บางสนามบินกระมังคะ) ก็ไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานสากล FAA ไม่ควรมีสิทธิมาขึ้นบัญชีสายการบินสัญชาติไทยของเราว่าไม่ผ่านมาตรฐานสากล

ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ Delta ที่ทำหน้าที่เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันดิฉันก็คิดว่าระบบรักษาความปลอดภัยของ Delta (หรือของสนามบิน SJC - ดิฉันไม่มีความรู้ในรายละเอียดพอนะคะ) ยังหละหลวมอยู่มากเช่นเดียวกัน และท้ายที่สุดไม่พอใจการชึ้นบัญชีของ FAA ต่อสายการบินสัญชาติไทยค่ะ

ปล. ไม่ทราบว่ากระทู้นี้ถูกหัวข้อหรือไม่ เริ่มจากแชร์ประสบการณ์ตกเครื่องบิน จบด้วยเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยของ FAA

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่