เลิกกับแฟนเพื่อบวช ควรจะทำยังไงครับ

สวัสดีครับ ท่านทั้งหลาย...
ผมมีปัญหาหนึ่งซึ่งยังคงเป็นข้อค้างคาใจของผมในทุกวันนี้ อยากจะขอคำแนะนำ ขอความคิดเห็น ขอความรู้จากทุกๆท่านครับ
... ผมเรียนดนตรีในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เมื่อจบออกมาก็ทำงานเป็นนักดนตรีประจำที่สำนักวัฒนธรรมฯ วันหนึ่งเกิดความรู้สึกเบื่อหน่ายในความวุ่นวายของสังคมนักดนตรีที่มีแต่การแข่งขัน อวด ประชัน ฯลฯ จึงคิดจะขายเครื่องดนตรีชิ้นหนึ่งที่รักมากๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องเห็น ไม่ต้องเจอ ไม่ต้องสัมผัสกับมันอีก ตัดสินใจผระกาศขายเครื่องดนตรีชิ้นนั้นในเพทFacebook แล้ววางแผนไว้ว่าจะบวชสักหนึ่งพรรษาให้พ่อแม่ได้หมดห่วง เพราะปีก่อนหน้านี้ติดรับปริญญาเลยพลาดโอกาสบวชมาครั้งหนึ่งแล้ว  ...แล้วเหตุการณ์สำคัญก็เกิดขึ้น มันทำใฟ้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนไป มีคนคนหนึ่งแอดเพื่อนมา แล้วเราก็ได้สนทนากัน ทำใฟ้ผมรับรู้ได้ว่า เขาชื่นชอบเครื่องดนตรีนี้เหมือนๆกับกับผม อีกอย่างหนึ่งคือช่างที่สร้างเครื่องดนตรีชิ้นนี้ก็คือครูที่สอนเขาทำเครื่องดนตรีผระเภทนี้อีกด้วย.. เราได้สนทนากันสักระยะหนึ่งก็เกิดถูกคอ เขานัดผมให้มาพบกันเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้สึกดีๆต่อกัน ได้พบหน้ากันเป็นครั้งแรก หลังจากวันนั้นเราตัดสินใจคบกันเป็นแฟนครับ  .....
...หลังจากนั้น ชีวิตการทำงานของผมได้ปิดตัวลง เพราะการได้คุยกันถึงเรื่องต่างๆระหว่างผมกับแฟน ความเบื่อหน่ายความวุ่นวายของผมกับแฟนเรามีเหมือนๆกันผมจึงตัดสินใจออกจากการเป็นนักดนตรี แล้ววางแผนไว้ว่าจะบวชให้เรียบร้อย ลาสิกขาออกมาจะหาทุนมาลงหลักปักฐาน สร้างอาชีพเป็นกิจการแบบพอเพียงเป็นของเราสองคน
... แฟนผมเป็นผู้ชายนะครับ ความรักของเราเป็นแบบชายรักชาย แต่ความคิดและอีกหลายๆอย่างของเราต่างกับคู่อื่นๆ แฟนผมบวชเรียนมาตั้งแต่เด็ก ได้เปรียญธรรม ๕ ประโยค ด้วยความที่เรามีความคิดความอ่านคล้ายๆกันจึงเข้ากันได้ เราสองคนไม่ค่อยจพมีความรักกับใครๆได้ง่ายๆเหมือนคนทั่วๆไปหรอกนะครับ  ช่วงเวลาก่อนจะผมจะบวชนี้เอง ผมกับแฟนเราได้มีกิจกรรมต่างๆร่วมกันมากมาย ทั้งสุขและทุกข์ มีเรื่องราวต่างๆผ่านเข้ามาทำให้ผมยิ่งคิดว่านี่ล่ะคือคนที่เราจะรักเขาตลอดไป ไม่เคยคิดนอกใจ และจะไม่มีวันทำให้เขาต้องเสียใจ ผมไปอยู่บ้านเขาสักพักใหญ่ๆ ไปกราบขอฝากเนื้อฝากตัวกับแม่ของเขา อุปนิสัยต่างๆ การวางตัวของผมทำให้แม่ของเขารักผมเหมือนลูกอีกคนหนึ่ง แต่แล้วเขาก็มีเหตุที่จะต้องจากผมไป คือต้องไปเป็นทหาร ๒ ปี เราสัญญากันว่าเราจะรอกัน ต่างคนต่างทำภาระหน้าที่สุดท้ายของตัวเแงให้สำเร็จเสร็จสิ้น แล้วจะมาเริ่มต้นชีวิตด้วยกันอย่างสบายใจ ก่อนเขาจะไปฝึกทหารเขาก็มาที่บ้านผมนะ มาทำความรู้จักกับแม่ ฝากเนื้อฝากตัวเรียบร้อย ต้องบอกก่อนว่าเพราะเขานี่แหละที่ทำให้ผมตัดสินใจบอกกับคนทางบ้าน(ยกเว้นพ่อ)ว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชาย  แม่ผมเข้าใจนะ แล้วก็เคยอวยพรให้เรารักกันนานๆ แม่ผมก็เอ็นดูแฟนผมเหมือนกันครับ เราคุยกันไว้มากมายก่อนที่จะห่างกันว่าหลังจากเสร็จภาระกิจ เราจะทำไอ้นี่ไอ้โน่นด้วยกัน มีคำสัญญาร่วมกันหลายต่อหลายอย่าง ผมรักเขานะครับ รักมาก เลยไม่อยากให้เขาเป็นทุกข์ ...
... ทีนี้มาถึงปัญหาในส่วนของคำถามนะครับ ...
คือ ณ ตอนนี้ผมบวชอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งแถวบ้านของผมเอง (ขออนุญาติเรียกตัวเองว่า "ผม" นะครับ) เป็นธรรมยุติกนิกาย ตอนเป็นเด็กผมบวชสามเณรภาคฤดูร้อนที่วัดนี้อยู่หลายครั้ง และตอนนี้ก็ได้กลับมาได้อยู่เรียนรู้ชีวิตกับพระอาจารย์อีกครั้ง ความรู้สึกผมตอนนี้อยากอยู่แบบนี้ไปเรื่อยๆ เรียนรู้ชีวิตความเป็นสมณะ พระอาจารย์สอนผมหลายอย่างมาก ทั้งเรื่องการผรับจิตของตัวเราเอง การเข้าใจในความเป็นจริงไม่ยึดอารมณ์เป็นหลัก การทำหน้าที่ไปรษณีย์บุญที่ดีให้กับญาติโยม และที่สำคัญต้องครองตนให้ปราศจากกิเลศ อยู่ในศีล ปราศจากมลทิน หรือให้เปรอะเปื้อนมลทินน้อยที่สุด นี่เป็นงานที่ไม่ง่ายเลย ผมเคยคิดนะว่าแค่จะบวชสัก1พรรษาเพื่อแม่พ่อและคนที่มีพระคุณ คนที่ผมรัก แต่ตอนนี้ผมกลับคิดไปว่า ผมเบื่อ เบื่อความวุ่นวายเมื่อกลับไปเผชิญกับโลกคฤหัส ปัญหาคาใจที่ทำให้ผมทุกข์ยังมีอยู่มากมายในความคิดของผม เรื่องหนี้ กยศ.ที่ยังไม่ได้ใช้คืนหลวงเลยแม้แต่บาทเดียว ปีหน้าก็เรียกเก็บแล้ว ไม่อยากปล่อยให้เป็นภาระของคนทางบ้านอีก ลำพังเป็นพระแบบนี้จะมีเงินพอส่งหรือเปล่าก็ไม่รู้ อีกเรื่องหนึ่งคือแฟนของผม ผมรักเขานะ ไม่อยากให้เขาเป็นทุกข์เลย เนื่องจากว่าเรามีความสัมพันธ์ที่แนบแน่น มีความทรงจำที่ยากจะลืม มีพันธะสัญญาหลายอย่าง และผมก็เคยบอกเขาว่าจะลาสิกขาไปร่วมชีวิตคู่ด้วยกันหลังออกพรรษา แม่ของเขาก็รอลุ้นและฝากฝังลูกเขาให้เราสองคนดูแลกันรักกันนานๆ หากผมบวชต่อทั้งแฟนและแม่ของเขาต้องทุกข์มากๆแน่ๆ ผมจะบาปมั้ยถ้าจะขอเลิกกับเขาแล้วจะขอบวชไปเรื่อยๆ ผมควรจะทำอย่างไรต่อไปดีครับ ผมขอคำปรึกษาหน่อยครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่