ตอนนี้แม่ของหนูป่วยเป็นโรงมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย มะเร็งได้ลุกลามไปที่ตับ หมอบอกว่ามะเร็งที่ลุกลามไปที่ตับนั้นมีโอกาสหายแค่13%และเมื่อถามถึงการรักษาหมอบอกว่าได้แค่ว่ารักษาไปเรื่อยๆซึ่งคำพูดนั้นมันดูเหมือนจะไม่มีโอกาสรักษาหายได้ ตอนนี้หนูท้อใจมากๆๆๆหนูกับแม่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน แม่ทำงานอยูกรุงเทพฯ หนูอยู่ต่างจังหวัดแม่อยู่คนเดียวเพราะพ่อก็จากเราไปเมื่อ 8ปีก่อน ตั้งแต่ที่พ่อจากไปแม่ก็ทำงานหนักมากขึ้น พักผ่อนน้อยลง หนูก็จะเข้ามหาลัยซึ่งกำลังเตรียมสอบ พอรู้เข้าว่าแม่เป็นมะเร็งเต้านมเท่านั้นแหละ ก็ไม่มีกำลังใจที่จะเรียน จะอ่านหนังสือมัวแต่คิดเรื่องการรักษาของแม่ กลัวแม่เจ็บ. กลัวแม่ทรมาน กลัวแม่คิดมาก. กลัวแม่ท้อ ตอนนี้ลุงก็ลงไปดูแลแม่ที่โรงพยาบาล. ซึ่งวันที่แม่ผ่าตัดหนูก็โทรไปถามอาการแม่ตลอดด้วยความร้อนใจ หนูฝากให้ลุงถามหมอหลายคำถามมากๆๆๆๆ แต่ดูเหมือนลุงจะไม่เคยสนใจสักเท่าไหร่ ลืมบอกไปว่าแม่ผ่าตัดวันที่18มิถุนา59ทุกวันนี้หนูก็ไม่ได้โทรคุยกับลุงแล้ว ถ้าอยากรู้อาการก็ถามที่แม่ แต่คำถามบางคำถามหนูก็ไม่ยากให้แม่รู้ กลัวแม่จะไม่มีกำลังใจที่จะรักษาแต่มันก็จำเป็น. ตอนนี้แม่ก็รู้แล้วว่าตัวเองเป็นมะเร็งเต้านมระยะสุดท้ายมันลุกลามไปที่ตับและรู้ว่ามันไม่โอกาสหายแค่13%. น้ำเสียงที่แม่บอกนั้นมันรับรู้ได้ถึงความกังวลใจอย่างมากๆๆๆๆ ทุกครั้งที่เราโทรคุยกันแม่ก็มีสีหน้าที่ยิ้มแย้ม หนูก็ดีใจ แม่ต้องทำคีโมนประมาณ15ครั้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทรมานมากๆๆๆๆ เมื่อถามถึงค่ารักษาแม่ก็บอกว่ามีปรถกันสังคม หนูไม่รู้เขาจะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เราหมดไหม ไม่รู้ว่าจะรักษาฟรีหรือเปล่า เราก็ฐานะไม่ค่อยดี แม่คือคนเดียวที่เลี้ยงครอบครัพอแม่ป่วยแม่ก็ต้องหยุดงานซึ่งก็หมายความว่าไม่มีร่ายได้เข้ามา. ตอนนี้ก็พอมีเงินอยู่บ้าง ทางหนูและคนทางบ้านก็พยายามเต็มที เพื่อให้แม่หาย. ใครพอมีวิธีแนะนำเรื่องการรักษาก็ช่วยบอกหนูด้วยนะ แนะนำการดูแลผู้ป่วย. ในใจได้แต่ภาวนาให้มีหายเร็วๆๆ ตอนนี้ยังไม่รับการรักษาด้วคีโมนเพราะรอให้แผลหายก่อน
ใครเคยมีญาติป่วยเป็นมะเร็งเต้านมแล้วลุกลามไปที่ตับไหม?? ช่วยเราหน่อยยยย