ต้องบอกก่อนเลยครับว่า ที่จริงแล้วก่อนหน้านี้ผมเป็นคนนึงที่เมื่อได้เห็นกล้อง Canon EOS 80d เปิดตัวออกมาพร้อมสเป็กที่บอกได้ว่าดูแทบไม่ต่างจากรุ่นก่อนอย่าง Canon EOS 70D แล้ว ไม่มีความรู้สึกตื่นเต้นเลย ซึ่งก็คงเหมือนๆ กับอีกหลายคนที่มองว่ายังไม่น่าสนใจเมื่อเทียบกับราคาของเจ้า 80D ตัวนี้ ที่หลายคนมองว่าสูงไปถ้าดูจากสเป็ก ทำให้หลายๆ คนเลือกที่จะมองข้ามกล้องตัวนี้ไป หรือไม่ก็ไม่สนใจเลย หรือไม่ก็เลือกที่จะซื้อ 70D ที่ราคาถูกกว่าแล้วนำส่วนต่างไปซื้อเลนส์เพิ่ม ซึ่งช่วงนั้นที่ได้คุยกับแฟนเพจหลายคนก็จะมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน
แต่เมื่อไม่นานมานี้ผมก็มีโอกาสได้ลองสัมผัสกับเจ้ากล้อง Canon EOS 80D ตัวนี้แบบตัวจริงเสียงจริง พร้อมกับคำแนะนำเกี่ยวกับกล้องตัวนี้ว่า “เป็นกล้องที่ถ่ายสนุกทั้งงานภาพนิ่งและวีดีโอ เน้นถ่ายภาพความเร็วสูงต่อเนื่องและใช้งานวีดีโอได้ดี และกล้องตัวนี้ก็มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจและมีดีกว่ากล้องรุ่นก่อนซ่อนอยู่ โดยที่ดูแค่จากสเป็กนั้นไม่รู้แน่นอนว่ามีดียังไง” ทำให้ผมเองเริ่มมีความสนใจในกล้องตัวนี้และเริ่มเปิดใจที่จะลองให้โอกาสมันได้พิสูจน์ตัวเอง ว่ามันจะมีดีจริงอย่างที่แคนนอนบอกมาไหม และจะทำให้คนที่เคยใช้กล้องในซีรีย์นี้ถึง 3 รุ่น ทั้ง 50D / 60D / 70D อย่างผมว้าวได้รึเปล่า
กล้อง 80D นั้นมาพร้อมกับเลนส์ Kit ตัวใหม่ 18-135 IS Nano USM ซึ่งเป็นเลนส์ติดกล้องที่ต้องบอกว่าคุณภาพดีมากๆ คาแร็คเตอร์ของภาพที่ได้จากเลนส์ตัวนี้ จะเป็นแนวคม ใส และให้สีที่ดูสะอาดๆ โดยแสงสีที่ได้จากเลนส์ตัวนี้จะดูออกอมฟ้านิดๆ จึงทำให้ดูสะอาดตากว่าอมเหลือง และจุดเด่นของเลนส์รุ่นใหม่ตัวนี้ก็คือ มันโฟกัสได้ไวมากๆ แต่กลับนุ่มนวลและเงียบมากๆ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากมอเตอร์ตัวใหม่นั่นเอง จากที่ได้ลองใช้ถ่ายนู่นนี่ดูแล้วบอกได้เลยว่าถ้ามีเลนส์ตัวนี้ติดกล้อง (ตัวคูณ) ตัวเดียวก็เพียงพอแล้ว เพราะเป็นเลนส์ที่ให้ภาพที่คมใสสวยงาม เบา โฟกัสไว และให้ช่วงระยะที่ครอบคลุมกว้างเพียงพอที่จะถ่ายได้ทุกสถานการณ์ ตั้งแต่ 18 - 135 มม. และเหมาะมากกับการถ่ายวีดีโอเพราะโฟกัสได้เงียบ ไว และไหลลื่นนั่นเอง
ทีนี้หลังจากที่ได้ทั้งกล้องและเลนส์มาแล้ว ผมก็ลองนำมาเรียนรู้ถึงฟีเจอร์และโหมดต่างๆ ที่มีเพื่อหาข้อแตกต่างและสิ่งที่น่าสนใจของเจ้า 80D ซึ่งสิ่งแรกที่ทำให้ผมรู้สึกสนใจในกล้องตัวนี้ก็คือ "วีดีโอ" กล้องรุ่นนี้นั้นยังไม่ได้ให้วีดีโอมาเป็น 4K นะครับยังคงเป็น Full HD แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปจากรุ่นก่อนนั้น ทำให้โหมดวีดีโอของ 80d นั้นน่าสนใจมีเยอะมาก ทั้ง ระบบโฟกัส / ลูกเล่นการโฟกัส / Creative filter ต่างๆ / HDR ในวีดีโอ / ไวท์บาลานซ์ / ถ่ายเป็น MP4 ได้เลย / ไปจนถึงการสั่งงานวีดีโอได้จากแอพบนสมาร์ทโฟน... คือถ้าเทียบกับ 70D นั้นถือว่ามีเพิ่มมาเยอะเลยทีเดียว และด้วยความที่มันมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเข้ามาแบบนี้ บวกกับคำแนะนำรวมไปถึงความรู้สึกที่ว่า 80D นั้นถ่ายวีดีโอได้สนุกและง่ายเหมาะกับผู้ใช้ในทุกๆ ระดับ จึงทำให้ผมนำเจ้า 80D ตัวนี้ไปลองถ่ายวีดีโอแถมให้ลูกค้าที่มาถ่าย Pre Wedding กับผมด้วย โดยที่ปกติไม่เคยถ่ายวีดีโอให้ลูกค้ามาก่อนเลย เพราะว่าตัวผมเองไม่ถนัดงานวีดีโอเอาซะเลย แต่กล้องตัวนี้ทำให้ผมรู้สึกสนใจในโหมดวีดีโอมากๆ จึงทำการถ่ายวีดีโอแถมให้ลูกค้าตามสไตล์มือใหม่งานวีดีโออย่างผมซะเลย หุๆๆ ^^
และนี่คือคลิปที่อยากจะพูดถึงการได้ลองจับกล้อง 80D กับการถ่ายวีดีโอของผมครับ
ส่วนอันนี้คือวีดีโอตัวที่แถมให้ลูกค้าโดยใช้กล้อง Canon EOS 80D ถ่ายทั้งหมดครับ และภาพในวีดีโอที่เห็นนี้เป็นไฟล์จบจากหลังกล้องทั้งหมดนะครับ สีสัน ฟิลเตอร์ที่ใช้เป็นของภายในกล้องทั้งหมด และเอามาใช้ Sony Vegas ในการตัดต่อเท่านั้น (แต่งอย่างอื่นไม่เป็น 5555+)
นั่นก็คือในส่วนของฟีเจอร์วีดีโอที่ผมได้ลองใช้ไปนะครับ เชื่อเลยว่าถ้าคนที่เป็นมือวีดีโอจริงๆ ได้นำไปใช้แล้วล่ะก็งานจะออกมาดีกว่านี้เยอะแน่นอน เพราะขนาดมือใหม่งานวีดีโออย่างผมยังถ่ายออกมาส่งงานให้ลูกค้าพอใจได้ ถ้าโปรฯหรือคนทำงานด้านนี้จริงๆ ถ่ายมันจะขนาดไหนเน๊อะๆ
ทีนี้เมื่อถ่ายวีดีโอไปแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการถ่ายภาพนิ่งนั่นเอง โดยที่หลังจากถ่ายวีดีโอและถ่ายภาพกับกล้องหลักเสร็จแล้วฟ้าก็เริ่มมืดลงจนท้องฟ้าดำเกือบจะสนิท เป็นเวลาที่ผมอยากจะลองใช้เจ้า 80D มาถ่ายในเซ็ตปิดมากๆ เพราะอยากจะรู้ว่ากล้องตัวนี้จะถ่ายภาพในที่แสงน้อยดีเหมือนโฆษณามั้ย และใน ISO สูงๆ จะยังให้ภาพที่ดีอยู่รึเปล่า เพราะจากที่เคยใช้ 70D มานั้นบอกเลยว่า ฟ้ามืดปุ๊ปต้องเก็บกล้องปั๊ป เนื่องจากมันถ่ายออกมาไม่ดีในที่แสงน้อย ภาพจะเป็นปื้นๆ น๊อยซ์เต็มไปหมด ส่วนในตัว 80D นี้เองทางสเป็กมันก็บอกอยู่ว่ามีการพัฒนา Sensor เป็นตัวใหม่เป็นเซ็นเซอร์แบบ Dual Pixel CMOS Censor 24.2 ล้านพิกเซล พร้อมชิพประมวลผลใหม่ Digic 6 ซึ่งจะช่วยในการได้ภาพและประมวลผลให้ออกมาคุณภาพดีกว่าเดิม ในส่วนของ View Finder เองก็คลอบคลุมถึง 100 % และทางแคนนอนก็ได้บอกอีกว่า 80D นี้มีการพัฒนาในเรื่องของน๊อยซ์ให้ดีขึ้นด้วยใน ISO สูงๆ ผมจึงต้องขอลองพิสูจน์ด้วยตัวเองก่อนที่จะเชื่อดีกว่าว่าใช้งานจริงจะเป็นยังไงบ้าง ว่าแล้วก็ลุย!!
***ภาพที่โพสต์ในกระทู้นี้ "ไม่ได้แต่งภาพใดๆ" ทั้งสิ้นนะครับ ถ่ายเป็น JPG จบจากกล้องมายังไง ก็นำมาย่อใส่ลายน้ำเท่านั้นนะครับ เพราะอยากให้เห็นถึงภาพที่ได้จากกล้องตัวนี้จริงๆ กันไปเลยครับ เผื่อคนที่แต่งภาพไม่เป็นหรือไม่ชอบแต่งภาพจะได้เห็นว่ากล้องตัวนี้ถ่ายออกมาแล้วได้ภาพเป็นยังไง***
( 1/10 f5.6 ISO 2500 )
( 1/20 f1.8 ISO 320 )
( 1/20 f1.8 ISO 320 )
จากที่ลองถ่ายดูสิ่งแรกที่รู้สึกได้เลยก็คือ "โฟกัสได้แม่นยำและรวดเร็วมากแม้ในที่แสงน้อย" ด้วยความสามารถในการโฟกัสในที่แสงน้อยได้ถึง -3EV นี้ทำให้โฟกัสในที่แสงน้อยได้ง่ายและแม่นยำ ส่วนความเร็วในการโฟกัสนั้นก็น่าจะป็นอานิสงฆ์ของทางเซ็นเซอร์ตัวใหม่ที่ถูกพัฒนาต่อจาก 70D นั่นเอง และในส่วนของการโฟกัสของ 80D นั้นก็มีเพิ่มเติมขึนมาจาก 70D อีกเช่นกันเริ่มจากจุดโฟกัสที่เพิ่มขึ้นเป็น 45 จุดแบบ Cross Type ทั้งหมด และมีถึง 27 จุดที่เป็นแบบ Dual Cross Type ช่วยให้โฟกัสได้ดีในทุกกรณีแนวตั้งแนวนอนแนวทแยง โดยเฉพาะในการถ่ายภาพที่ตัวแบบมีการเคลื่อนไหว เพราะสามารถเลือกจุดโฟกัสได้ตรงเป้ารวมถึงจำนวนจุดที่มากขึ้นยังช่วยติดตามแบบที่เคลื่อนที่ได้ดีด้วย ซึ่งการจะใช้จุดโฟกัสให้ดีที่สุดนั้นต้องใช้ให้เหมาะสมกับระบบการโฟกัสที่เหมาะกับสถานการณ์นั้นๆ ด้วย โดยที่ใน 80D นั้นมีระบบโฟกัสถึง 4 แบบได้แก่ แบบจุด / แบบกลุ่ม / แบบ Zone AF / แบบ AF 45 จุด ซึ่งแต่ละแบบจะเหมาะกับสถานการณ์แบบไหนบ้างก็แล้วแต่งานของแต่ละคนที่จะนำไปใช้ให้เข้ากับงานของตัวเอง แต่เท่าที่ลองดูแล้วส่วนใหญ่จะรองรับการถ่ายภาพต่อเนื่อง ภาพติดตามวัตถุได้ดีมากๆ (เท่าที่ถ่ายมาแทบไม่พลาดเลย)
( ใช้ระบบ AF 45 จุด 1/20 f3.5 ISO 2000 )
ส่วนในเรื่องของน๊อยซ์ในภาพที่ ISO สูงๆ นั้นต้องบอกเลยว่ารับได้สบายๆที่ไม่เกิน 6400 ถ้าเกินกว่านั้นภาพจะเริ่มสูญเสียรายละเอียดของภาพไปกับการมาของน๊อยซ์ แต่ยังถือว่าคุณภาพดีกว่า 70D มากเลยนะครับ ถ้าใครที่ใช้ 70D อยู่แล้วสงสัยว่า 80D จะไฟล์ดีกว่ารึเปล่า บอกเลยครับว่า "ดีกว่ามากแบบเห็นได้ชัดเลยครับ ทั้งความคม ความเนียน และน๊อยซ์ที่น้อยกว่าเยอะครับ" และน๊อยซ์ของเจ้า 80D ในความรู้สึกของผม มันไม่ได้ดูน่าเกลียดนะครับ แต่มันดูเหมือนน๊อยซ์ที่ถูกเพิ่มด้วยโปรแกรม PS ซะมากกว่า และจะไม่ค่อยเห็นในส่วนพื้นที่สว่างของภาพมากนักแม้จะใน ISO สูงๆ
ทีนี้มาถึงอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ผมชอบมากๆและเชื่อว่าคนที่ไม่ชอบเอาภาพไปแต่งต่อแต่อยากได้ภาพสวยๆจากกล้องเลย หรือแม้แต่สาวๆ ก็น่าจะชอบ นั่นก็คือ "Creative Filter" ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับที่ผมใช้ในวีดีโอ แต่คราวนี้ผมลองใช้กับภาพนิ่งบ้างก็ได้ผลออกมาดูดีใช้ได้เลย ซึ่งก็มีให้เลือกกับภาพต่างอารมณ์กันไป แต่ที่ผมชอบที่สุดที่ใช้ในงานคราวนี้จะเป็น "Filter Dream" เพราะดูฟรุ้งฟริ้งเหมาะกับคู่รักมากๆ
( Filter Dream )
(Filter Paint)
เท่าที่ถ่ายในวันนั้นผมใช้อยู่ 2 ตัวสำหรับภาพนิ่งนะครับ ซึ่งได้ภาพออกมาแบบไม่ต้องแต่งต่อก็ใช้ได้เลยทีเดียวนะครับ อันนี้ชอบมากๆ เลย
หลังจากถ่ายเสร็จเมื่อกลับบ้านมาผมก็สงสัยในเรื่องความยืดหยุ่นของไฟล์ ว่าถ้านำมาแต่งต่อเนื้อไฟล์จะสวยอยู่มั้ย จึงลองนำมาแต่งดูเพื่อหาคำตอบสักหน่อย
**แต่งจากไฟล์ JPG เลยนะครับ**
ก็ถือว่าไฟล์นั้นยังออกมาได้โอเคเลยทีเดียวครับ หรืออาจจะเพราะไม่ได้แต่งอะไรเยอะรึเปล่าไม่แน่ใจ แต่รู้สึกว่าไฟล์ไม่ช้ำเหมือนกล้องรุ่นเก่าที่นำรูปในที่แสงน้อยมาแต่ง อันนั้นไฟล์จะช้ำๆ ท้องฟ้าจะขึ้นเป็นกากๆเลยแต่อันนี้ไม่เป็น
ก็สรุปความรู้สึกจากการที่ได้ลองเปิดใจใช้งานกล้อง Canon EOS 80D ตัวนี้นะครับ ถ้าจะถามว่าว้าวมั้ยถ้าเทียบกับกล้องรุ่นเก่าที่เคยใช้มาในซีรี่ย์นี้ ก็ต้องบอกว่าว้าวนะครับ เพราะจากที่ได้ลองใช้ดูแล้วต้องยอมรับเลยว่า 80D ตัวนี้มีการพัฒนาปรับปรุงอะไรขึ้นมาเยอะมากโดยเฉพาะคุณภาพของไฟล์ภาพ ความรู้สึกสนุกในงานวีดีโอ และความรู้สึกเวลาที่ได้ใช้งานจริง มันรู้สึกสนุกและง่ายจริงๆ เหมือนกล้องตัวนี้นำข้อดีของกล้องแต่ละตัวมารวมกันทั้ง ไว แม่นยำ ใช้งานง่าย ลูกเล่นเยอะ ไฟล์สวย และมันมีตัวช่วยที่พร้อมจะทำให้ภาพเราออกมาสวยเพียงแต่อาจจะต้องทำความรู้จักกับกล้องตัวนี้ให้คุ้นเคยเพราะมันมีฟีเจอร์เยอะมากที่พร้อมให้เราไปปรับให้ตรงกับงานของเรา เราอาจจะดูสเป๊คต่างๆจากเว็บต่างๆได้แต่ยังไงก็ไม่เหมือนได้สัมผัสเองจริงๆ แน่นอนครับ เพราะจากวันนั้นที่ผมดูแค่สเป๊คจนถึงวันนี้ที่ผมได้ลองใช้ ความคิดผมต้องเปลี่ยนไปจริงๆ จากที่ไม่สนใจตอนนั้น แต่ในวันนี้คิดว่าจะต้องหามาเป็นกล้องเสริมอีกสักตัวแน่นอนครับ และสิ่งที่ผมพูดทั้งหมดในกระทู้นี้นั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของฟีเจอร์ที่มีในกล้องและผมได้ใช้งานจริงเท่านั้นนะครับ ในส่วนของลูกเล่นและสิ่งใหม่อื่นๆที่ผมยังไม่ได้ใช้และไม่ได้พูดถึงยังมีอีกมาก ลองไปจับและศึกษาความสามารถของกล้องตัวนี้เพิ่มเติมดูได้นะครับ แล้วคุณอาจจะประทัปใจกล้องตัวนี้เหมือนผม ถ้าคิดว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นเว่อร์เกินจริง ก็ลองไปสัมผัสของจริงดูแล้วจะรู้ครับว่าผมโกหกรึเปล่า ^_^
*ย้ำอีกครั้งว่ารูปในกระทู้นี้ไม่ได้แต่งเลยนะครับ ยกเว้น 3 รูปที่บอกว่านำมาลองแต่งเท่านั้น*
[SR] เมื่อผมได้เปิดใจลองจับ Canon EOS 80D และลองพาไปถ่ายงานด้วย
แต่เมื่อไม่นานมานี้ผมก็มีโอกาสได้ลองสัมผัสกับเจ้ากล้อง Canon EOS 80D ตัวนี้แบบตัวจริงเสียงจริง พร้อมกับคำแนะนำเกี่ยวกับกล้องตัวนี้ว่า “เป็นกล้องที่ถ่ายสนุกทั้งงานภาพนิ่งและวีดีโอ เน้นถ่ายภาพความเร็วสูงต่อเนื่องและใช้งานวีดีโอได้ดี และกล้องตัวนี้ก็มีฟีเจอร์ที่น่าสนใจและมีดีกว่ากล้องรุ่นก่อนซ่อนอยู่ โดยที่ดูแค่จากสเป็กนั้นไม่รู้แน่นอนว่ามีดียังไง” ทำให้ผมเองเริ่มมีความสนใจในกล้องตัวนี้และเริ่มเปิดใจที่จะลองให้โอกาสมันได้พิสูจน์ตัวเอง ว่ามันจะมีดีจริงอย่างที่แคนนอนบอกมาไหม และจะทำให้คนที่เคยใช้กล้องในซีรีย์นี้ถึง 3 รุ่น ทั้ง 50D / 60D / 70D อย่างผมว้าวได้รึเปล่า
กล้อง 80D นั้นมาพร้อมกับเลนส์ Kit ตัวใหม่ 18-135 IS Nano USM ซึ่งเป็นเลนส์ติดกล้องที่ต้องบอกว่าคุณภาพดีมากๆ คาแร็คเตอร์ของภาพที่ได้จากเลนส์ตัวนี้ จะเป็นแนวคม ใส และให้สีที่ดูสะอาดๆ โดยแสงสีที่ได้จากเลนส์ตัวนี้จะดูออกอมฟ้านิดๆ จึงทำให้ดูสะอาดตากว่าอมเหลือง และจุดเด่นของเลนส์รุ่นใหม่ตัวนี้ก็คือ มันโฟกัสได้ไวมากๆ แต่กลับนุ่มนวลและเงียบมากๆ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากมอเตอร์ตัวใหม่นั่นเอง จากที่ได้ลองใช้ถ่ายนู่นนี่ดูแล้วบอกได้เลยว่าถ้ามีเลนส์ตัวนี้ติดกล้อง (ตัวคูณ) ตัวเดียวก็เพียงพอแล้ว เพราะเป็นเลนส์ที่ให้ภาพที่คมใสสวยงาม เบา โฟกัสไว และให้ช่วงระยะที่ครอบคลุมกว้างเพียงพอที่จะถ่ายได้ทุกสถานการณ์ ตั้งแต่ 18 - 135 มม. และเหมาะมากกับการถ่ายวีดีโอเพราะโฟกัสได้เงียบ ไว และไหลลื่นนั่นเอง
ทีนี้หลังจากที่ได้ทั้งกล้องและเลนส์มาแล้ว ผมก็ลองนำมาเรียนรู้ถึงฟีเจอร์และโหมดต่างๆ ที่มีเพื่อหาข้อแตกต่างและสิ่งที่น่าสนใจของเจ้า 80D ซึ่งสิ่งแรกที่ทำให้ผมรู้สึกสนใจในกล้องตัวนี้ก็คือ "วีดีโอ" กล้องรุ่นนี้นั้นยังไม่ได้ให้วีดีโอมาเป็น 4K นะครับยังคงเป็น Full HD แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปจากรุ่นก่อนนั้น ทำให้โหมดวีดีโอของ 80d นั้นน่าสนใจมีเยอะมาก ทั้ง ระบบโฟกัส / ลูกเล่นการโฟกัส / Creative filter ต่างๆ / HDR ในวีดีโอ / ไวท์บาลานซ์ / ถ่ายเป็น MP4 ได้เลย / ไปจนถึงการสั่งงานวีดีโอได้จากแอพบนสมาร์ทโฟน... คือถ้าเทียบกับ 70D นั้นถือว่ามีเพิ่มมาเยอะเลยทีเดียว และด้วยความที่มันมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจเพิ่มเข้ามาแบบนี้ บวกกับคำแนะนำรวมไปถึงความรู้สึกที่ว่า 80D นั้นถ่ายวีดีโอได้สนุกและง่ายเหมาะกับผู้ใช้ในทุกๆ ระดับ จึงทำให้ผมนำเจ้า 80D ตัวนี้ไปลองถ่ายวีดีโอแถมให้ลูกค้าที่มาถ่าย Pre Wedding กับผมด้วย โดยที่ปกติไม่เคยถ่ายวีดีโอให้ลูกค้ามาก่อนเลย เพราะว่าตัวผมเองไม่ถนัดงานวีดีโอเอาซะเลย แต่กล้องตัวนี้ทำให้ผมรู้สึกสนใจในโหมดวีดีโอมากๆ จึงทำการถ่ายวีดีโอแถมให้ลูกค้าตามสไตล์มือใหม่งานวีดีโออย่างผมซะเลย หุๆๆ ^^
และนี่คือคลิปที่อยากจะพูดถึงการได้ลองจับกล้อง 80D กับการถ่ายวีดีโอของผมครับ
ส่วนอันนี้คือวีดีโอตัวที่แถมให้ลูกค้าโดยใช้กล้อง Canon EOS 80D ถ่ายทั้งหมดครับ และภาพในวีดีโอที่เห็นนี้เป็นไฟล์จบจากหลังกล้องทั้งหมดนะครับ สีสัน ฟิลเตอร์ที่ใช้เป็นของภายในกล้องทั้งหมด และเอามาใช้ Sony Vegas ในการตัดต่อเท่านั้น (แต่งอย่างอื่นไม่เป็น 5555+)
นั่นก็คือในส่วนของฟีเจอร์วีดีโอที่ผมได้ลองใช้ไปนะครับ เชื่อเลยว่าถ้าคนที่เป็นมือวีดีโอจริงๆ ได้นำไปใช้แล้วล่ะก็งานจะออกมาดีกว่านี้เยอะแน่นอน เพราะขนาดมือใหม่งานวีดีโออย่างผมยังถ่ายออกมาส่งงานให้ลูกค้าพอใจได้ ถ้าโปรฯหรือคนทำงานด้านนี้จริงๆ ถ่ายมันจะขนาดไหนเน๊อะๆ ทีนี้เมื่อถ่ายวีดีโอไปแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการถ่ายภาพนิ่งนั่นเอง โดยที่หลังจากถ่ายวีดีโอและถ่ายภาพกับกล้องหลักเสร็จแล้วฟ้าก็เริ่มมืดลงจนท้องฟ้าดำเกือบจะสนิท เป็นเวลาที่ผมอยากจะลองใช้เจ้า 80D มาถ่ายในเซ็ตปิดมากๆ เพราะอยากจะรู้ว่ากล้องตัวนี้จะถ่ายภาพในที่แสงน้อยดีเหมือนโฆษณามั้ย และใน ISO สูงๆ จะยังให้ภาพที่ดีอยู่รึเปล่า เพราะจากที่เคยใช้ 70D มานั้นบอกเลยว่า ฟ้ามืดปุ๊ปต้องเก็บกล้องปั๊ป เนื่องจากมันถ่ายออกมาไม่ดีในที่แสงน้อย ภาพจะเป็นปื้นๆ น๊อยซ์เต็มไปหมด ส่วนในตัว 80D นี้เองทางสเป็กมันก็บอกอยู่ว่ามีการพัฒนา Sensor เป็นตัวใหม่เป็นเซ็นเซอร์แบบ Dual Pixel CMOS Censor 24.2 ล้านพิกเซล พร้อมชิพประมวลผลใหม่ Digic 6 ซึ่งจะช่วยในการได้ภาพและประมวลผลให้ออกมาคุณภาพดีกว่าเดิม ในส่วนของ View Finder เองก็คลอบคลุมถึง 100 % และทางแคนนอนก็ได้บอกอีกว่า 80D นี้มีการพัฒนาในเรื่องของน๊อยซ์ให้ดีขึ้นด้วยใน ISO สูงๆ ผมจึงต้องขอลองพิสูจน์ด้วยตัวเองก่อนที่จะเชื่อดีกว่าว่าใช้งานจริงจะเป็นยังไงบ้าง ว่าแล้วก็ลุย!!
***ภาพที่โพสต์ในกระทู้นี้ "ไม่ได้แต่งภาพใดๆ" ทั้งสิ้นนะครับ ถ่ายเป็น JPG จบจากกล้องมายังไง ก็นำมาย่อใส่ลายน้ำเท่านั้นนะครับ เพราะอยากให้เห็นถึงภาพที่ได้จากกล้องตัวนี้จริงๆ กันไปเลยครับ เผื่อคนที่แต่งภาพไม่เป็นหรือไม่ชอบแต่งภาพจะได้เห็นว่ากล้องตัวนี้ถ่ายออกมาแล้วได้ภาพเป็นยังไง***
( 1/10 f5.6 ISO 2500 )
( 1/20 f1.8 ISO 320 )
( 1/20 f1.8 ISO 320 )
จากที่ลองถ่ายดูสิ่งแรกที่รู้สึกได้เลยก็คือ "โฟกัสได้แม่นยำและรวดเร็วมากแม้ในที่แสงน้อย" ด้วยความสามารถในการโฟกัสในที่แสงน้อยได้ถึง -3EV นี้ทำให้โฟกัสในที่แสงน้อยได้ง่ายและแม่นยำ ส่วนความเร็วในการโฟกัสนั้นก็น่าจะป็นอานิสงฆ์ของทางเซ็นเซอร์ตัวใหม่ที่ถูกพัฒนาต่อจาก 70D นั่นเอง และในส่วนของการโฟกัสของ 80D นั้นก็มีเพิ่มเติมขึนมาจาก 70D อีกเช่นกันเริ่มจากจุดโฟกัสที่เพิ่มขึ้นเป็น 45 จุดแบบ Cross Type ทั้งหมด และมีถึง 27 จุดที่เป็นแบบ Dual Cross Type ช่วยให้โฟกัสได้ดีในทุกกรณีแนวตั้งแนวนอนแนวทแยง โดยเฉพาะในการถ่ายภาพที่ตัวแบบมีการเคลื่อนไหว เพราะสามารถเลือกจุดโฟกัสได้ตรงเป้ารวมถึงจำนวนจุดที่มากขึ้นยังช่วยติดตามแบบที่เคลื่อนที่ได้ดีด้วย ซึ่งการจะใช้จุดโฟกัสให้ดีที่สุดนั้นต้องใช้ให้เหมาะสมกับระบบการโฟกัสที่เหมาะกับสถานการณ์นั้นๆ ด้วย โดยที่ใน 80D นั้นมีระบบโฟกัสถึง 4 แบบได้แก่ แบบจุด / แบบกลุ่ม / แบบ Zone AF / แบบ AF 45 จุด ซึ่งแต่ละแบบจะเหมาะกับสถานการณ์แบบไหนบ้างก็แล้วแต่งานของแต่ละคนที่จะนำไปใช้ให้เข้ากับงานของตัวเอง แต่เท่าที่ลองดูแล้วส่วนใหญ่จะรองรับการถ่ายภาพต่อเนื่อง ภาพติดตามวัตถุได้ดีมากๆ (เท่าที่ถ่ายมาแทบไม่พลาดเลย)
( ใช้ระบบ AF 45 จุด 1/20 f3.5 ISO 2000 )
ส่วนในเรื่องของน๊อยซ์ในภาพที่ ISO สูงๆ นั้นต้องบอกเลยว่ารับได้สบายๆที่ไม่เกิน 6400 ถ้าเกินกว่านั้นภาพจะเริ่มสูญเสียรายละเอียดของภาพไปกับการมาของน๊อยซ์ แต่ยังถือว่าคุณภาพดีกว่า 70D มากเลยนะครับ ถ้าใครที่ใช้ 70D อยู่แล้วสงสัยว่า 80D จะไฟล์ดีกว่ารึเปล่า บอกเลยครับว่า "ดีกว่ามากแบบเห็นได้ชัดเลยครับ ทั้งความคม ความเนียน และน๊อยซ์ที่น้อยกว่าเยอะครับ" และน๊อยซ์ของเจ้า 80D ในความรู้สึกของผม มันไม่ได้ดูน่าเกลียดนะครับ แต่มันดูเหมือนน๊อยซ์ที่ถูกเพิ่มด้วยโปรแกรม PS ซะมากกว่า และจะไม่ค่อยเห็นในส่วนพื้นที่สว่างของภาพมากนักแม้จะใน ISO สูงๆ
ทีนี้มาถึงอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ผมชอบมากๆและเชื่อว่าคนที่ไม่ชอบเอาภาพไปแต่งต่อแต่อยากได้ภาพสวยๆจากกล้องเลย หรือแม้แต่สาวๆ ก็น่าจะชอบ นั่นก็คือ "Creative Filter" ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับที่ผมใช้ในวีดีโอ แต่คราวนี้ผมลองใช้กับภาพนิ่งบ้างก็ได้ผลออกมาดูดีใช้ได้เลย ซึ่งก็มีให้เลือกกับภาพต่างอารมณ์กันไป แต่ที่ผมชอบที่สุดที่ใช้ในงานคราวนี้จะเป็น "Filter Dream" เพราะดูฟรุ้งฟริ้งเหมาะกับคู่รักมากๆ
( Filter Dream )
(Filter Paint)
เท่าที่ถ่ายในวันนั้นผมใช้อยู่ 2 ตัวสำหรับภาพนิ่งนะครับ ซึ่งได้ภาพออกมาแบบไม่ต้องแต่งต่อก็ใช้ได้เลยทีเดียวนะครับ อันนี้ชอบมากๆ เลย
หลังจากถ่ายเสร็จเมื่อกลับบ้านมาผมก็สงสัยในเรื่องความยืดหยุ่นของไฟล์ ว่าถ้านำมาแต่งต่อเนื้อไฟล์จะสวยอยู่มั้ย จึงลองนำมาแต่งดูเพื่อหาคำตอบสักหน่อย **แต่งจากไฟล์ JPG เลยนะครับ**
ก็ถือว่าไฟล์นั้นยังออกมาได้โอเคเลยทีเดียวครับ หรืออาจจะเพราะไม่ได้แต่งอะไรเยอะรึเปล่าไม่แน่ใจ แต่รู้สึกว่าไฟล์ไม่ช้ำเหมือนกล้องรุ่นเก่าที่นำรูปในที่แสงน้อยมาแต่ง อันนั้นไฟล์จะช้ำๆ ท้องฟ้าจะขึ้นเป็นกากๆเลยแต่อันนี้ไม่เป็น
ก็สรุปความรู้สึกจากการที่ได้ลองเปิดใจใช้งานกล้อง Canon EOS 80D ตัวนี้นะครับ ถ้าจะถามว่าว้าวมั้ยถ้าเทียบกับกล้องรุ่นเก่าที่เคยใช้มาในซีรี่ย์นี้ ก็ต้องบอกว่าว้าวนะครับ เพราะจากที่ได้ลองใช้ดูแล้วต้องยอมรับเลยว่า 80D ตัวนี้มีการพัฒนาปรับปรุงอะไรขึ้นมาเยอะมากโดยเฉพาะคุณภาพของไฟล์ภาพ ความรู้สึกสนุกในงานวีดีโอ และความรู้สึกเวลาที่ได้ใช้งานจริง มันรู้สึกสนุกและง่ายจริงๆ เหมือนกล้องตัวนี้นำข้อดีของกล้องแต่ละตัวมารวมกันทั้ง ไว แม่นยำ ใช้งานง่าย ลูกเล่นเยอะ ไฟล์สวย และมันมีตัวช่วยที่พร้อมจะทำให้ภาพเราออกมาสวยเพียงแต่อาจจะต้องทำความรู้จักกับกล้องตัวนี้ให้คุ้นเคยเพราะมันมีฟีเจอร์เยอะมากที่พร้อมให้เราไปปรับให้ตรงกับงานของเรา เราอาจจะดูสเป๊คต่างๆจากเว็บต่างๆได้แต่ยังไงก็ไม่เหมือนได้สัมผัสเองจริงๆ แน่นอนครับ เพราะจากวันนั้นที่ผมดูแค่สเป๊คจนถึงวันนี้ที่ผมได้ลองใช้ ความคิดผมต้องเปลี่ยนไปจริงๆ จากที่ไม่สนใจตอนนั้น แต่ในวันนี้คิดว่าจะต้องหามาเป็นกล้องเสริมอีกสักตัวแน่นอนครับ และสิ่งที่ผมพูดทั้งหมดในกระทู้นี้นั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของฟีเจอร์ที่มีในกล้องและผมได้ใช้งานจริงเท่านั้นนะครับ ในส่วนของลูกเล่นและสิ่งใหม่อื่นๆที่ผมยังไม่ได้ใช้และไม่ได้พูดถึงยังมีอีกมาก ลองไปจับและศึกษาความสามารถของกล้องตัวนี้เพิ่มเติมดูได้นะครับ แล้วคุณอาจจะประทัปใจกล้องตัวนี้เหมือนผม ถ้าคิดว่าสิ่งที่ผมพูดนั้นเว่อร์เกินจริง ก็ลองไปสัมผัสของจริงดูแล้วจะรู้ครับว่าผมโกหกรึเปล่า ^_^
*ย้ำอีกครั้งว่ารูปในกระทู้นี้ไม่ได้แต่งเลยนะครับ ยกเว้น 3 รูปที่บอกว่านำมาลองแต่งเท่านั้น*