คำแนะนำการเขียนหมายเลขโทรศัพท์ที่ถูกต้องตามมาตรฐาน ITU

กระทู้สนทนา
กระทู้นี้เพื่อให้เป็นความรู้ในการไปใช้งานในด้านเอกสารทางราชการหรือการทำนามบัตรได้หรืออื่นๆ ที่เป็นทางการ
การ เพิ่มเลขหมายโทรศัพท์พื้นฐานทั่วประเทศจาก 7 หลักเป็น 8 หลัก ในปี พ.ศ. 2544 นั้น ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการเขียนเลขหมายโทรศัพท์ เพื่อใช้ในนามบัตร โบรชัวร์ หรือสิ่งพิมพ์ต่างๆทีโอทีได้แนะนำรูปแบบการเขียนเลขหมายโทรศัพท์ ให้เป็นไปตามมาตรฐานของสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (International Telecommunication Union: ITU) เพื่อให้เป็นที่เข้าใจได้ง่าย ตรงตามมาตรฐานสากล โดยมีแนวทาง ดังต่อไปนี้
แบ่งกลุ่มตัวเลขให้ถูก
เลขหมายโทรศัพท์ในประเทศ
ให้เขียนเลขศูนย์นำหน้า ตามด้วยเลขหมาย 8 หลัก ซึ่งเป็นไปตามหลักของการเขียน Trunk prefix + Subscriber numbers
     เช่น 0 2345 6789 หรือ 0 5345 6789
เลขหมายโทรศัพท์สำหรับติดต่อกับ ต่างประเทศ
ให้เขียนรหัสประเทศตามด้วยเลขหมายโทรศัพท์ ซึ่งเป็นไปตามหลักของการเขียน Country code + Subscriber numbers
     เช่น +66 2345 6789 หรือ +66 5345 6789
หลายคนอาจจะมีปัญหากับการเขียนเลขหมายระบบใหม่ เพราะเคยชินกับระบบเดิมอยู่ แต่ก่อนเราเขียน (02) 345 6789 เพื่อแยกรหัสพื้นที่ ออกจากเลขหมายโทรศัพท์ ในเมื่อระบบเลขหมาย 8 หลัก ไม่มีรหัสพื้นที่แล้ว การที่เรายังคงเขียนเป็น (02) 345 6789 นั้นก็อาจทำให้เข้าใจผิดไปได้บ้าง แม้ว่าผลลัพธ์ของการโทรนั้นไม่แตกต่างกัน แต่ในการพูด คุณสามารถที่จะบอกเบอร์โทรของคุณเป็น “ศูนย์สอง สามสี่ห้า หกเจ็ดแปดเก้า” ได้เหมือนเดิม ก็ไม่มีใครว่าอะไร ที่จริงแล้ว บ้านเราก็ไม่ได้ทำตามคำแนะนำของ ITU เสียทั้งหมด รูปแบบบางอย่างเราก็ยังคงใช้ตามนิยมที่ทุกคนเข้าใจ เช่น การเขียนเบอร์โทรที่ประกอบด้วยหลายเลขหมาย (Multiple numbers) นั้น
มาตรฐาน ITU-T Recommendation E.123 แนะนำให้ใช้เครื่องหมายทับ (/) ระหว่างตัวเลข เช่น
* เลขหมายที่ไม่ติดกัน 0 2123 4567 / 3456 7890 / 4567 8901
* เลขหมายที่ติดกัน สามารถย่อเป็น 0 2123 4567 / 8 / 9
แต่ เราแทบจะไม่เคยเห็นรูปแบบนี้ในประเทศไทยเลย ที่นิยมใช้และเป็นที่เข้าใจกันโดยทั่วไป จะใช้เครื่องหมายขีด “-” ระหว่าง เลขหมายที่ติดกัน หรือคั่นด้วย “,” สำหรับเลขหมายที่ไม่ติดกัน เช่น
* เลขหมายติดกัน 0 2123 4567-9 หรือ 0 2123 4567-71
* เลขหมายที่ไม่ติดกัน 0 2134 4567, 0 2345 6789
การเขียนเลขโทรศัพท์ตามแบบใหม่นี้ยังมีข้อดีคือ เลขหมายของคนกรุงเทพฯและต่างจังหวัด จะมีรูปแบบเหมือนกันทั้งประเทศ
เช่น เลขหมายของชาวกรุงเทพฯ 0 2345 6789
      เลขหมายของชาวเชียงใหม่ 0 5345 6789
แบ่งกลุ่มตัวเลขด้วยช่องว่าง
มาตรฐาน ITU E.123 แนะนำให้มีการแบ่งกลุ่มตัวเลขของหมายเลขโทรศัพท์ โดยใช้ สัญลักษณ์ช่องว่าง (Spacing symbols) เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำและความสะดวกในการบอกกล่าว สัญลักษณ์ที่ควรใช้ที่สุดก็คือ ช่องว่าง (space) หรือการเว้นวรรค ไม่ควรใช้เครื่องหมายอื่นอย่างเช่น เครื่องหมายขีด “-” โดยเฉพาะเลขหมายระหว่างประเทศ เพราะอาจสร้างความสับสนได้โดยเฉพาะเมื่อนำไปใช้รวมกับเลขหมายที่ต่อเนื่องกัน
เช่น 0-2123-4567-8 หรือ 0-2123-4567-70
ด้วยเหตุนี้ เราควรใช้ “ช่องว่าง” ในการแบ่งกลุ่มตัวเลขเท่านั้น ใครที่เคยเขียนเบอร์โทรเป็น 02-123-456 นั้น ก็ควรเปลี่ยนมาเขียนเป็น 0 2123 4567 ซึ่งถูกต้องกว่า เลิกใช้เครื่องหมายวงเล็บ ( ) กับเบอร์โทร เครื่องหมายวงเล็บ ( ) นั้นใช้แสดงว่า ตัวเลขที่อยู่ในวงเล็บนั้นอาจไม่จำเป็นต้องใช้ในการโทร
     เช่น รหัสพื้นที่ (02) สำหรับกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งแต่ก่อนสามารถโทรถึงกันได้โดยไม่จำเป็นต้องกดรหัส 02 ก่อน เราจึงสามารถเขียนเลขหมายเป็น (02) 123 4567 หรือ (053) 123 456 ได้ เพื่อแสดงให้ทราบว่าถ้าอยู่ในพื้นที่เดียวกันไม่ต้องกดรหัสพื้นที่ แต่หลังจากการเปลี่ยนระบบเลขหมาบโทรศัพท์จาก 7 หลักมาเป็น 8 หลัก ทำให้ในปัจจุบัน เราต้องกดรหัสพื้นที่ก่อนเสมอ
ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่ควรใช้เครื่องหมายวงเล็บ ( ) ในเลขหมายโทรศัพท์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกต่อไป

คำแนะนำในการเขียนเลขหมายโทรศัพท์ ให้ถูกต้องตามมาตรฐานสากล ใช้ +66 สำหรับเลขหมายระหว่างประเทศ (International number)

เครื่องหมายบวก “+” เป็น International prefix symbol ที่ใช้นำหน้ารหัสประเทศ และแสดงให้ทราบว่าเลขหมายโทรศัพท์ที่ตามมานั้นเป็นเบอร์โทรระหว่างประเทศ สำหรับตัวเลข “66” นั้นก็คือ รหัสประเทศ(Country code) ของไทยนั่นเอง ในการกดเบอร์โทรไปต่างประเทศด้วยเครื่องโทรศัพท์ธรรมดา เราไม่ต้องกดเครื่องหมายบวก “+” แต่ถ้าโทรออกด้วยโทรศัพท์มือถือ เราถึงจะสามารถกดเครื่องหมายบวก “+” ได้จริงๆ แต่ถ้าเป็นการโทรระหว่างประเทศ เลข 0 ซึ่งเป็น Trunk prefix นี้จะถูกละเว้นไป นั่นเป็นเหตุผลที่เราสามารถเขียนเลขหมายโทรศัพท์สำหรับการโทรระหว่างประเทศ เป็น +66 2345 6789 และ
ไม่ควรใช้เครื่องหมายวงเล็บ ( ) และเครื่องหมายขีด (-) ในเลขหมายโทรศัพท์ระหว่างประเทศ ซึ่งจะสร้างความสับสนได้ง่าย
หมายเลขต่อ (ext.)
สำหรับ เบอร์ต่อนั้น ITU แนะนำให้เขียนโดยใช้คำว่า “ext.” ซึ่งย่อมาจาก extension ตามด้วยเลขหมาย เช่น 0 2345 6789 ext. 1234 แต่ของไทยเรานั้นใช้คำว่า “ต่อ” แทน จึงเขียนได้เป็น 0 2345 6789 ต่อ 1234 บางทีก็เห็นใช้เครื่องหมายชาร์ป (#) แทนอย่าง 0 2345 6789 # 1234 ก็เป็นที่เข้าใจได้เช่นกัน
สรุปแนวทางการเขียนเลขหมายโทรศัพท์
จาก หลักการเขียนเลขหมายโทรศัพท์สำหรับสิ่งพิมพ์และสื่อต่างๆ ซึ่งได้แก่ การแบ่งกลุ่มตัวเลขให้ถูกต้อง การใช้ช่องว่างแยกกลุ่มตัวเลข, การเลิกใช้เครื่องหมายวงเล็บ และการใช้ “+66” สำหรับเลขหมายระหว่างประเทศ เราจึงมีแนวทางการเขียนเบอร์โทรศัพท์ดังนี้
เลขหมายโทรศัพท์ สำหรับโทรในประเทศ
เลิกใช้วงเล็บ                                                   ไม่ควรเขียนว่า (02) 345 6789
เลิกใช้เครื่องหมายขีด (-)                               ไม่ควรเขียนว่า 02-345-6789
เลิกใช้ช่องว่างรวมกับเครื่องหมายขีด (-)          ไม่ควรเขียนว่า 02 345-6789          
ใช้ช่องว่างแยกกลุ่มตัวเลข                               เขียนได้เป็น 02 345 6789
แยกกลุ่มตัวเลขให้ถูกต้อง                               เขียนได้เป็น 0 2345 6789

การ เขียนเลขหมายโทรศัพท์อย่างถูกต้องนั้น อาจจะดูแปลกในตอนแรก หากเราลองฝืนใจทำตามคำแนะนำไปสักระยะหนึ่ง ไม่นานก็จะรู้สึกดีขึ้น ที่เราเขียนเบอร์โทรได้ตรงตามมาตรฐาน ไม่ทำให้คนอื่นสับสน

สำหรับเลขหมายโทรศัพท์สำหรับติดต่อกับต่างประเทศ
ไม่ควร เขียน (662) 3456789 เพราะไม่ควรใช้วงเล็บ และขาดเครื่องหมาย +
ไม่ควรเขียน +66 23 456789 เพราะแบ่งกลุ่มตัวเลขไม่เหมาะสม
ไม่ควรเขียน +66(0) 23456789 เพราะไม่จำเป็นต้องมีเลข 0 ให้สับสน
ไม่ควรเขียน +66 (0) 2 345 6789 เพราะไม่จำเป็นต้องมีเลข 0 และยังแบ่งกลุ่มไม่ถูก ยิ่งทำให้ดูสับสน
ไม่ควรเขียน +66-2345-6789 เพราะไม่ควรใช้เครื่องหมายขีด (-) ที่ทำให้ดูสับสนเมื่อมีทั้งเครื่องหมายบวก (+) และลบ (-) อยู่ร่วมกัน
ควรเขียนเป็น +66 2345 6789 ซึ่งเรียบง่าย และเป็นที่เข้าใจในระดับสากล

การเขียนเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่
สำหรับติดต่อในประเทศ
ให้เขียนโดยแยก 08 ไว้ข้างหน้า เว้นวรรคด้วยช่องว่าง ตามด้วยเลขอีก 4 ตัว เว้นวรรคด้วยช่องว่าง แล้วจึงตามด้วยเลขที่เหลืออีก 4 ตัว เช่น 08 1234 5678

ไม่ควรเขียนเป็น (081)-234-5678, (081) 234 5678, (081) 234 5678, 081-234-5678, 081 234 5678, 08-1234-5678, (08) 1234 5678
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.oknation.net/blog/Pasakorn/2010/11/04/entry-1
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่