รูปประกอบจากhttp://www.boycottisraeliapartheid.org/page/2/
บทที่๔
วันแรกของงานจบลงด้วยดี แต่คนไทยทั้งสามหิวจัด เพราะทั้งวันได้แค่จิบชากาแฟ กับขนมเล็กน้อยที่ธีรดาวิ่งไปหาซื้อมาประทังความหิวแทนมื้อกลางวัน
หญิงสาวจัดการปิดบูธวันแรกอย่างรวดเร็วก่อนเวลา แล้วเผ่นไปยืนจองคิวรถแท็กซี่ก่อนที่บรรดาผู้เข้าร่วมงานและผู้ออกบูธส่วนใหญ่จะทยอยกันออกมา เจ้าตัวยิ้มร่าเมื่อทั้งลูกพี่และซัพพลายเออร์รายใหญ่ออกปากว่ารู้งานและจัดคิวได้ดี ทั้งสามคนเห็นชอบตรงกันที่จะเข้าโรงแรมเพื่อเก็บสัมภาระก่อนที่จะไปรับประทานอาหารเย็น
“ จะพาเฮียไปกินที่ไหน ไอ้หนูธีร์” เสียงผู้อาวุโสที่สุดเอ่ยถาม เจ้าตัวล้างหน้ามาสะอาดเอี่ยม ผิวขาวๆของเถ้าแก่ใหญ่ฉายออร่ามหาเศรษฐีสุดๆในความเห็นของธีรดา
“ร้านงอนค่ะเฮีย”
“ ห๊ะ “ เศรษฐีไทยหลุดอุทานเสียงไม่เบาเลย “ร้านอะไรวะ ชื่อพิกล”
ธีรดาหัวเราะชอบใจ “ คือร้านเขาเขียนเป็นภาษาอังกฤษสะกดด้วยตัว N-G-O- N ค่ะ ธีร์เลยเรียกว่าร้านงอน“ อธิบายไปยิ้มไป หน้าตาคนพูดแจ่มใสนัยน์ตาระยับ จนเถ้าแก่ใหญ่อดยิ้มตามไม่ได้
“ เอา ไป งอนก็งอน แต่อย่างอนมากนักนะเว้ย เฮียไม่ชอบง้อ เฮียแก่แล้ว เฮียชอบคนเอาใจมากกว่าว่ะ”
รุ่นพี่รุ่นน้องสองคนยิ้มแย้มชอบใจ ท่านผู้ใหญ่ตรงหน้ามีเมตตาสูงและให้ความเป็นกันเองต่อเด็กรุ่นหลังอย่างพวกเขามากนัก ตรีภูวันเปิดประตูรถแท็กซี่แล้วผายมือเชิญนายอภิรักษ์ขึ้นนั่งพร้อมกับพูดเบาๆ “เชิญครับเฮีย เดี๋ยววันนี้ไอ้ธีร์มันจะเอาใจเฮีย ส่วนผมจะเป็นบอดี้การ์ดให้เองครับ”
ธีรดาและตรีภูวันพานายอภิรักษ์เดินชมซุ้มเตรียมอาหารและเลือกสั่งตามชอบใจ เถ้าแก่ใหญ่ถูกใจร้านที่บรรยากาศเป็นอาคารสวยตกแต่งงดงามในสไตล์โคโลเนียล โทนสีอ่อนนวลและสีเหลืองสดใสให้บรรยากาศสบายตาไม่หนักขรึมแม้เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่จะเป็นไม้สีเข้มก็ตาม
อาหารพื้นเมืองที่เลือกไว้ ถูกทยอยนำมาส่งที่โต๊ะ ทั้งสามคนลงมือจัดการด้วยความหิว กินไปคุยไป เสียงนายอภิรักษ์ถามไถ่ถึงงานวันแรกที่เพิ่งผ่านพ้น และแผนการตลาดของปีถัดไป
“ เท่าที่เห็นงานวันแรกนี้นับได้ว่าผู้จัดประสบความสำเร็จอย่างสูงนะครับเฮีย เมื่อเทียบกับสองครั้งก่อนหน้า ต้องถือว่ารอบนี้จำนวนผู้เข้าชมเยอะมาก และผมเห็นจำนวนคนที่ห้อยป้ายconference ก็เยอะมาก” ตรีภูวันรินเบียร์พื้นเมืองของเวียดนามให้ผู้สูงวัยก่อนรินให้ตัวเอง
“เออ เฮียก็ว่าคนเยอะดี ไม่มีโอกาสได้นั่งตบยุงเลย” เศรษฐีชาวไทยยกแก้วเย็นฉ่ำขึ้นจิบสลับคุย “เห็นป้ายมีสองสี ที่ธีร์ให้เฮียมามันสำหรับเข้าฟังบรรยายเหรอ แล้วมันต่างกันยังไงกับป้ายอีกสีนึงล่ะ”
“ คนที่เข้ามาร่วมงานต้องเสียเงินซื้อบัตรครับเฮีย มีสองแบบ คือถ้าจะเข้าชมงานแสดงสินค้าและดูในส่วนของโปสเตอร์ด้านวิชาการที่จัดแสดงที่บอร์ดก็ราคานึง ถูกหน่อย แค่สิบเหรียญ แต่ถ้าจะเข้าฟังบรรยายตลอดสามวัน ก็อีกราคานึง ราคาสูงอยู่ แต่ผมก็ว่าคุ้ม เหมาะสำหรับนักวิชาการครับ เพราะงานนี้มีความหลากหลายครอบคลุมทุกด้านของอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปสัตว์น้ำ”
“นี่เฮียก็เสียดาย พรุ่งนี้ต้องกลับ นี่ถ้าว่างเฮียก็อยากอยู่ต่อนะ แล้วว่าแต่เราสองคนว่าไง เรื่องแผนการขายของปีหน้า อย่างที่เฮียบอก กำลังการผลิตที่จะเพิ่มขึ้นในไตรมาศสองของปีหน้า เฮียอยากให้เราเตรียมรับมือ” นายอภิรักษ์จิบเบียร์เย็นฉ่ำ ถูกใจอาหารยังไม่เท่าคู่สนทนาหนุ่มตรงหน้า ถูกใจจนต้องละศีลข้อห้าชั่วคราว ปกตินายอภิรักษ์ไม่ค่อยแตะเครื่องดื่มมึนเมาเท่าไหร่นัก ถ้าไม่ใช่วันสบายๆกับคนที่ถูกใจ
“ผมกับธีร์ตั้งใจว่าปีหน้าจะต้องได้ลูกค้าใหม่อย่างน้อยจากสองประเทศครับ” ตรีภูวันบอกอย่างหมายมาด
“ธีร์มันชวนไปเที่ยวไหนล่ะตรี” เถ้าแก่ใหญ่ถูกใจหนุ่มตรงหน้านักหนา ตรีภูวันเป็นคนหนุ่มที่ขยันขันแข็ง อีกทั้งเฉลียวฉลาดแต่ไม่ขาดความอ่อนน้อมถ่อมตน ปรายตามองไอ้คนตัวเล็กที่นั่งมองลูกพี่สลับกับเขาไปมาพร้อมกับจิ้มอาหารกินไปเงียบๆ ไอ้เจ้านี่ก็ใช้ได้เลย นึกเอ็นดูจนต้องแซว
“อ้าวววว” ธีรดาทำคอย่นแล้วยิ้มเหนียมๆ “โธ่ เฮียคะ “
“ก็เฮียได้ยินเราบอกไม่ใช่หรือไง ว่าถ้าอยากไปเที่ยวไหน ก็หาลูกค้าที่นั่นจะได้หาเรื่องไปเยี่ยมลูกค้าแล้วเที่ยวต่อ”
“ไม่ใช่แค่หาลูกค้าครับ” ตรีภูวันสำทับ “ ธีร์มันยังขยันหาซัพพลายเออร์ใหม่ๆด้วย แต่ผมเห็นรายชื่อแล้ว มาจากประเทศที่มันเคยพูดว่าอยากไปเที่ยวทั้งนั้นเลยครับเฮีย”
โธ่เอ๋ย วันนี้งานหนักจริงหนอ ตอนกลางวันก็โดนห้ารุมหนึ่งเล็กๆจากหนุ่มๆบังกลาเทศ พอตกเย็นก็โดนลูกพี่เผาเสียเกรียมเชียว ธีร์เอ๋ยธีร์
“ ธีร์เอ๊ย เฮียก็ชอบนะไอ้นโยบายแบบทำงานด้วยได้เที่ยวด้วยเนี่ย แต่วันนี้เห็นบอกเฮียว่าจะไปเปิดตลาดบังกลาเทศให้ได้ เอาจริงด้วยใช่หรือเปล่า งั้น เฮียถามหน่อยเหอะวะ มันน่าเที่ยวตรงไหน ประเทศบังกลาเทศเนี่ย”
..... บังกลา ล่าหัวใจ .....(บทที่๔)
รูปประกอบจากhttp://www.boycottisraeliapartheid.org/page/2/
บทที่๔
วันแรกของงานจบลงด้วยดี แต่คนไทยทั้งสามหิวจัด เพราะทั้งวันได้แค่จิบชากาแฟ กับขนมเล็กน้อยที่ธีรดาวิ่งไปหาซื้อมาประทังความหิวแทนมื้อกลางวัน
หญิงสาวจัดการปิดบูธวันแรกอย่างรวดเร็วก่อนเวลา แล้วเผ่นไปยืนจองคิวรถแท็กซี่ก่อนที่บรรดาผู้เข้าร่วมงานและผู้ออกบูธส่วนใหญ่จะทยอยกันออกมา เจ้าตัวยิ้มร่าเมื่อทั้งลูกพี่และซัพพลายเออร์รายใหญ่ออกปากว่ารู้งานและจัดคิวได้ดี ทั้งสามคนเห็นชอบตรงกันที่จะเข้าโรงแรมเพื่อเก็บสัมภาระก่อนที่จะไปรับประทานอาหารเย็น
“ จะพาเฮียไปกินที่ไหน ไอ้หนูธีร์” เสียงผู้อาวุโสที่สุดเอ่ยถาม เจ้าตัวล้างหน้ามาสะอาดเอี่ยม ผิวขาวๆของเถ้าแก่ใหญ่ฉายออร่ามหาเศรษฐีสุดๆในความเห็นของธีรดา
“ร้านงอนค่ะเฮีย”
“ ห๊ะ “ เศรษฐีไทยหลุดอุทานเสียงไม่เบาเลย “ร้านอะไรวะ ชื่อพิกล”
ธีรดาหัวเราะชอบใจ “ คือร้านเขาเขียนเป็นภาษาอังกฤษสะกดด้วยตัว N-G-O- N ค่ะ ธีร์เลยเรียกว่าร้านงอน“ อธิบายไปยิ้มไป หน้าตาคนพูดแจ่มใสนัยน์ตาระยับ จนเถ้าแก่ใหญ่อดยิ้มตามไม่ได้
“ เอา ไป งอนก็งอน แต่อย่างอนมากนักนะเว้ย เฮียไม่ชอบง้อ เฮียแก่แล้ว เฮียชอบคนเอาใจมากกว่าว่ะ”
รุ่นพี่รุ่นน้องสองคนยิ้มแย้มชอบใจ ท่านผู้ใหญ่ตรงหน้ามีเมตตาสูงและให้ความเป็นกันเองต่อเด็กรุ่นหลังอย่างพวกเขามากนัก ตรีภูวันเปิดประตูรถแท็กซี่แล้วผายมือเชิญนายอภิรักษ์ขึ้นนั่งพร้อมกับพูดเบาๆ “เชิญครับเฮีย เดี๋ยววันนี้ไอ้ธีร์มันจะเอาใจเฮีย ส่วนผมจะเป็นบอดี้การ์ดให้เองครับ”
ธีรดาและตรีภูวันพานายอภิรักษ์เดินชมซุ้มเตรียมอาหารและเลือกสั่งตามชอบใจ เถ้าแก่ใหญ่ถูกใจร้านที่บรรยากาศเป็นอาคารสวยตกแต่งงดงามในสไตล์โคโลเนียล โทนสีอ่อนนวลและสีเหลืองสดใสให้บรรยากาศสบายตาไม่หนักขรึมแม้เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่จะเป็นไม้สีเข้มก็ตาม
อาหารพื้นเมืองที่เลือกไว้ ถูกทยอยนำมาส่งที่โต๊ะ ทั้งสามคนลงมือจัดการด้วยความหิว กินไปคุยไป เสียงนายอภิรักษ์ถามไถ่ถึงงานวันแรกที่เพิ่งผ่านพ้น และแผนการตลาดของปีถัดไป
“ เท่าที่เห็นงานวันแรกนี้นับได้ว่าผู้จัดประสบความสำเร็จอย่างสูงนะครับเฮีย เมื่อเทียบกับสองครั้งก่อนหน้า ต้องถือว่ารอบนี้จำนวนผู้เข้าชมเยอะมาก และผมเห็นจำนวนคนที่ห้อยป้ายconference ก็เยอะมาก” ตรีภูวันรินเบียร์พื้นเมืองของเวียดนามให้ผู้สูงวัยก่อนรินให้ตัวเอง
“เออ เฮียก็ว่าคนเยอะดี ไม่มีโอกาสได้นั่งตบยุงเลย” เศรษฐีชาวไทยยกแก้วเย็นฉ่ำขึ้นจิบสลับคุย “เห็นป้ายมีสองสี ที่ธีร์ให้เฮียมามันสำหรับเข้าฟังบรรยายเหรอ แล้วมันต่างกันยังไงกับป้ายอีกสีนึงล่ะ”
“ คนที่เข้ามาร่วมงานต้องเสียเงินซื้อบัตรครับเฮีย มีสองแบบ คือถ้าจะเข้าชมงานแสดงสินค้าและดูในส่วนของโปสเตอร์ด้านวิชาการที่จัดแสดงที่บอร์ดก็ราคานึง ถูกหน่อย แค่สิบเหรียญ แต่ถ้าจะเข้าฟังบรรยายตลอดสามวัน ก็อีกราคานึง ราคาสูงอยู่ แต่ผมก็ว่าคุ้ม เหมาะสำหรับนักวิชาการครับ เพราะงานนี้มีความหลากหลายครอบคลุมทุกด้านของอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปสัตว์น้ำ”
“นี่เฮียก็เสียดาย พรุ่งนี้ต้องกลับ นี่ถ้าว่างเฮียก็อยากอยู่ต่อนะ แล้วว่าแต่เราสองคนว่าไง เรื่องแผนการขายของปีหน้า อย่างที่เฮียบอก กำลังการผลิตที่จะเพิ่มขึ้นในไตรมาศสองของปีหน้า เฮียอยากให้เราเตรียมรับมือ” นายอภิรักษ์จิบเบียร์เย็นฉ่ำ ถูกใจอาหารยังไม่เท่าคู่สนทนาหนุ่มตรงหน้า ถูกใจจนต้องละศีลข้อห้าชั่วคราว ปกตินายอภิรักษ์ไม่ค่อยแตะเครื่องดื่มมึนเมาเท่าไหร่นัก ถ้าไม่ใช่วันสบายๆกับคนที่ถูกใจ
“ผมกับธีร์ตั้งใจว่าปีหน้าจะต้องได้ลูกค้าใหม่อย่างน้อยจากสองประเทศครับ” ตรีภูวันบอกอย่างหมายมาด
“ธีร์มันชวนไปเที่ยวไหนล่ะตรี” เถ้าแก่ใหญ่ถูกใจหนุ่มตรงหน้านักหนา ตรีภูวันเป็นคนหนุ่มที่ขยันขันแข็ง อีกทั้งเฉลียวฉลาดแต่ไม่ขาดความอ่อนน้อมถ่อมตน ปรายตามองไอ้คนตัวเล็กที่นั่งมองลูกพี่สลับกับเขาไปมาพร้อมกับจิ้มอาหารกินไปเงียบๆ ไอ้เจ้านี่ก็ใช้ได้เลย นึกเอ็นดูจนต้องแซว
“อ้าวววว” ธีรดาทำคอย่นแล้วยิ้มเหนียมๆ “โธ่ เฮียคะ “
“ก็เฮียได้ยินเราบอกไม่ใช่หรือไง ว่าถ้าอยากไปเที่ยวไหน ก็หาลูกค้าที่นั่นจะได้หาเรื่องไปเยี่ยมลูกค้าแล้วเที่ยวต่อ”
“ไม่ใช่แค่หาลูกค้าครับ” ตรีภูวันสำทับ “ ธีร์มันยังขยันหาซัพพลายเออร์ใหม่ๆด้วย แต่ผมเห็นรายชื่อแล้ว มาจากประเทศที่มันเคยพูดว่าอยากไปเที่ยวทั้งนั้นเลยครับเฮีย”
โธ่เอ๋ย วันนี้งานหนักจริงหนอ ตอนกลางวันก็โดนห้ารุมหนึ่งเล็กๆจากหนุ่มๆบังกลาเทศ พอตกเย็นก็โดนลูกพี่เผาเสียเกรียมเชียว ธีร์เอ๋ยธีร์
“ ธีร์เอ๊ย เฮียก็ชอบนะไอ้นโยบายแบบทำงานด้วยได้เที่ยวด้วยเนี่ย แต่วันนี้เห็นบอกเฮียว่าจะไปเปิดตลาดบังกลาเทศให้ได้ เอาจริงด้วยใช่หรือเปล่า งั้น เฮียถามหน่อยเหอะวะ มันน่าเที่ยวตรงไหน ประเทศบังกลาเทศเนี่ย”