เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2559 พล.อ. ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีเปลี่ยนเมทแอมเฟตามีน เป็นยารักษาโรคว่า ก่อนหน้านี้ตนรายงานให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทราบแล้ว เพราะปัจจุบัน การปราบยาเสพติดโดยใช้วิธีการอย่างรุนแรงอาจจะไม่ได้ผล อีกทั้งมีผลวิจัยระบุว่า องค์ประกอบของยาเสพติดจากพืชกัญชาและฝิ่น สามารถนำมาเป็นยารักษาโรคได
ทั้งนี้ การปราบปรามของทางรัฐที่ผ่านมาได้เน้นทำลายแหล่งผลิต และสกัดเส้นทางขนส่ง ซึ่งคนที่ถูกจับกุมเป็นเพียงผู้ค้ารายย่อยเท่านั้น และเมื่อผู้ต้องหาล้นเรือนจำ พ้นโทษออกมาก็กลับไปสร้างปัญหาต่อสังคมอีก ดังนั้น จึงต้องเปลี่ยนวิธีการหาวิธีอยู่กับยาเสพติดอย่างไร ซึ่งที่ตนเสนอมาเป็นเพียงแนวทางหนึ่ง ยังไม่ได้มีการศึกษาชัดเจน
นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กำลังพิจารณากำหนดโทษผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้เสพยาเสพติดว่ารุนแรงไปหรือไม่ สุดท้าย ตนก็อยากให้สังคมช่วยพิจารณาว่า สุรา บุหรี่ และกาแฟ เป็นสารเสพติดหรือไม่ เหตุใดไม่มีการจับกุม และปล่อยให้มีการค้าอย่างเสรี แม้มันจะมีผลต่อจิตประสาทเช่นเดียวกับยาบ้า
http://hilight.kapook.com/view/138320
เข้าไปอ่านคอมเม้นท์ท้ายข่าวแล้วโดนซะ " เละ " พอๆ กะ ชัย ราชวัตรเลย
<<< ไพบูลย์ วอนสังคมทบทวน เหล้า-กาแฟ มีผลต่อจิตเช่นเดียวกับยาบ้า ทำไมยังค้าเสรี >>>
ทั้งนี้ การปราบปรามของทางรัฐที่ผ่านมาได้เน้นทำลายแหล่งผลิต และสกัดเส้นทางขนส่ง ซึ่งคนที่ถูกจับกุมเป็นเพียงผู้ค้ารายย่อยเท่านั้น และเมื่อผู้ต้องหาล้นเรือนจำ พ้นโทษออกมาก็กลับไปสร้างปัญหาต่อสังคมอีก ดังนั้น จึงต้องเปลี่ยนวิธีการหาวิธีอยู่กับยาเสพติดอย่างไร ซึ่งที่ตนเสนอมาเป็นเพียงแนวทางหนึ่ง ยังไม่ได้มีการศึกษาชัดเจน
นอกจากนี้ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กำลังพิจารณากำหนดโทษผู้ผลิต ผู้ค้า ผู้เสพยาเสพติดว่ารุนแรงไปหรือไม่ สุดท้าย ตนก็อยากให้สังคมช่วยพิจารณาว่า สุรา บุหรี่ และกาแฟ เป็นสารเสพติดหรือไม่ เหตุใดไม่มีการจับกุม และปล่อยให้มีการค้าอย่างเสรี แม้มันจะมีผลต่อจิตประสาทเช่นเดียวกับยาบ้า
http://hilight.kapook.com/view/138320
เข้าไปอ่านคอมเม้นท์ท้ายข่าวแล้วโดนซะ " เละ " พอๆ กะ ชัย ราชวัตรเลย