การส่งบุตรหลานของตนเองได้มีการศึกษามันคือ ภาระหรือหน้าที่

สวัสดีค่ะ เราจะมาเล่าเรื่องชีวิตของเราให้ทุกคนได้อ่านและช่วยออกความเห้นส่วนตัวนะคะ
เข้าเรื่องเลย ตอนนี้เราอายุ 17 แล้ว ตั้งแต่เล็กๆ เราจำได้ว่า ครอบครัวของเรามีความสุขมาตลอด มีพ่อ แม่ เรา พร้อมหน้าพร้อมตา เราเข้าเรียนอนุบาล 1 ที่โรงเรียนแถว ท่าพระในกรุงเทพ ตอนนั้นเราเด็กมาก เท่าที่เราจำได้มีโรคจิตมาแอบดูแม่ของเราอาบน้ำ พ่อของเราเลยพาเราย้ายบ้าน จึงทำให้เราต้องย้ายโรงเรียน เราย้ายมาอยู่ห้านเช่าแถวสำโรงสมุทรปราการย้ายมาไกลมาก ต่อมาแม่ก็พาเราไปสมัครเรียนต่อชั้นอนุบาล 2 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนต่เทอมค่อนข้างสูง เราเรียนจนมาถึงชั้น ป.2 พ่อกับแม่เราทะเลาะกันก่อนหน้านั้นก็ทะเลาะกันบ่อยมากเพราะแม่รู้ว่าพ่อมีคนใหม่ จนแม่ทนไม่ไหวก็เลิกกับพ่อจนในที่สุด ตอนนั้นเรายังไม่เข้าใจอะไรหรอก แม่ได้แต่บอกเราว่า พ่อไปทำธุระเดี๋ยวก็กลับ แม่คงหวังแค่ว่าพอเราโตขึ้นเราคงเข้าใจเอง จนเราเรียนถึงชั้น ป.4 แม่โทรคุยกับน้าของเราที่อยู่จังหวะดบุรีรัมย์ว่าจะย้ายเราไปเรียนที่นั้นเพราะแม่เราไม่ไหว หาเงินไม่ทันด้วยค่าเทอมแพง ตอนนั้นแม่เราไม่มีเงินไปจ่ายค่าเทอมในช่วง 3 เทอมท้ายๆ เวลาย้ายใบย้ายก็ไม่ได้มาได้แค่ใบรับรอง ดังนั้นชั้น ป.5 เราจึงได้ย้ายมาเรียนที่บุรีรัมย์ เรียนไปไม่เท่าไหร่คุณครูก็จะคอยทวงถามเรื่องใบย้าย ถ้าคนที่เคยย้ายโรงเรียนจะเข้าใจว่าความรู้สึกในช่วงแรกที่ย้ายอะไรๆดูแย่ไปหมด แต่เวลาผ่านไปก็ดูเหมือนเราจะเข้ากับที่นี่ได้ ธรรมดาที่เด็กที่เคยมีพ่อแม่อยู่ด้วย แล้วต้องแยกมาอยู่กับน้า ตา ยาย ก็คิดถึงพ่อแม่อยู่แล้ว เราย้ายมาที่นี่พ่อของเราก็ไม่เคยส่งเสียอะไรเลยเพราะพ่อของเรามีเมียใหม่หรือแม่เลี้ยงนั้นแหละ แม่บอกว่าเราต้องอดทนนะ เดินหน้าไปด้วยกัน หนูไม่ท้อแม่ก็ไม่ท้อ จนเราใกล้จะจบมัธยม 3 คุณครูก็ทวงเรื่องใบย้าย เราคิดในใจว่าทำไมแม่ไม่เอามาให้สักที มีแอบโกรธแม่บ้าง แต่พอเรารู้ความจริงจากปากแม่ว่าเงินที่ติดค้างไว้มีจำนวนมากจนผู้หญิงคนนึงที่มีอาชีพค้าขายธรรมดาหาเงินจำนวนนี้ไม่ไหว หนี้จำนวน 30000 บาท ทั้งส่งเงินให้เราเรียน ค่าเช่าบ้าน เดือนต่อเดือนก็หมดไปกับเรื่องพวกนี้แล้ว เงิน 30000 บาท แม่หาคนเดียวไม่ไหวหรอก จนเราจบมัธยม 3 วุฒิการศึกษาเราก็ไม่ได้ เนื่องจากเราไม่มีใบย้ายจากโรงเรียนเก่า เราตัดสินใจเอาใบจำลองวุฒิมาสมัครเรียนที่โคราช คิดแค่ว่าระหว่างนี้จะหาเงินเอาไปให้เค้าแล้วพอครบจำนวนค่อยเอาตัวจริงมายื่นทีหลัง เรียนมาถึงปัจจุบันเราศึกษาอยู่ชั้น ปวช 2 ที่ผ่านมาเราไม่เคยขออะไรจากพ่อเลย พ่อก็ไม่เคยติดต่อมา จน 2 วันก่อนเราต้องใช้เงินในการทำโครงการเราคิดว่าเราไม่อยากขอแม่เราอยากให้แม่เหลือใชเหลือกินบ้าง ไม่ต้องมาคอยส่งให้เราตลอด เราตัดสินใจโทรหาพ่อ ขอเงินทำโครงการแค่ไม่กี่บาท สิ่งที่ได้ยินเราแทบจะทรุดตัวลงร้องไห้แต่ตอนนั้นอยู่ต่อหน้าเพื่อนหลายคนเลยบอกพ่อไปว่า ขอเรียนก่อน เดี๋ยวโทรหาใหม่ กลับมาหอ เราโทรหาพ่อเราอีกครั้ง ครั้งนี้พ่อโมโหโวยใส่เราว่า เมื่อไหร่จะเลิกเป็นตัวปันหาทำตัวเป็นภาระสักที เราสะอึกคำนี้มาก ร้องไห้แบบท่อปะปาแตก เราพูดออกไปว่า การส่งหนูเรียนคือภาระหรอพ่อ พ่อเราตอบกลับมาว่า ใช่ ตัวปันหา เราเริ่มไม่ไหวกับคำพูดของพ่อ เราเลยบอกไปว่า หนูขอโทดค่ะพ่อ จะไม่รบกวนอีกแล้ว เราก็ตัดสายไป ความคิดแรกเลยหลังจากวางสายไป เราอยากโทรหาแม่ เราโทรหาแม่แล้วเล่าทุกอย่างให้แม่ฟัง แม่เราพูดน้ำเสียงอ่อยๆ เครือๆ ว่าหนูไม่ใช่ภาระของใครการที่แม่ส่งหนูเรียนแม่ไม่เหนื่อยเลยแม่คิดว่ามันคือหน้าที่ที่แม่ต้องทำให้ดีที่สุด แล้วจำไว้เลยว่าหนูไม่ใช่ตัวปันหาของใคร ปัจจุบันเราคิดแค่ว่าพ่อคงทิ้งเราไปจริงๆแล้วแหละ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านนิยายชีวิตเน่าๆของเราจนจบ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ปัญหาครอบครัว ปัญหาชีวิต ครอบครัว
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่