###ดีเอสไอแจ้งจับผู้ขวาง จนท.ค้นวัด ด้าน “บิ๊กต๊อก” เผยหากนำกำลังบุกจับได้ไม่คุ้มเสีย###

อ้างอิง

http://manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9590000060449

-----

ดีเอสไอเข้าแจ้งความ สภ.คลองหลวง จับลูกศิษยานุศิษย์วัดพระธรรมกาย ขวาง จนท. ค้นวัด ฐานผิด ม.189 ด้าน รมว.ยธ. ระบุ การดำเนินการวันนี้เป็นไปตามกรอบที่วางไว้ หากนำกำลังเข้าบุกจับ “ธัมมชโย” หวั่นจะบานปลายจนเกิดเหตุรุนแรง ขณะที่ “พล.ต.อ.ศรีวราห์” รับลูกหากดีเอสไอแจ้ง ตร. เตรียมรวบรวมหลักฐานเอาผิด
       
       วันนี้ (16 มิ.ย.) เมื่อเวลา 16.30 น. พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้เปิดเผยหลังการประชุม ว่า กรณีกลุ่มศิษยานุศิษย์นั่งสมาธิ บริเวณทางเข้าวัดพระธรรมกาย เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นวัดนั้น ก็ถือว่ามีความผิด หากเจ้าหน้าที่ดีเอสไอร้องทุกข์มา ทางตำรวจก็ต้องไปรวบรวมพยานหลักฐานมา ตามขั้นตอนของกฎหมาย ทั้งนี้ ตำรวจมาในฐานะผู้รักษาความสงบ มาป้องกันเหตุร้ายแรง แต่วันนี้ไม่มีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้น ก็ถือว่าดีแล้ว คนไทยด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องมาทะเลาะกัน เพื่อประเทศชาติบ้านเมือง
       
       ในส่วนหมายค้นดีเอสไอเป็นผู้ขออนุญาตศาล และการขอค้นนั้น จะต้องชี้แจงศาลว่าจะใช้เจ้าหน้าที่กี่คน และระบุชื่อด้วยว่าใครบ้าง ไม่ใช่ใครเข้าไปก็ได้ หรือใช้กำลัง 5 - 6 กองร้อยเข้าไปได้ มันไม่ใช่แบบนั้น ศาลจะพิจารณาจึงค่อยอนุมัติหมายค้นได้ หากดีเอสไอมีการขอหมายค้นอีก ก็ประสานมาเราเตรียมกำลังไว้พร้อม
       
       “ในส่วนการกีดขวางการจราจร และอำนวยความสะดวกประชาชนรอบวัด ได้กำชับให้ทุกหน่วย และท้องที่ดูแลไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ประชาชนส่วนใหญ่มีผลกระทบ รวมทั้งเหตุการณ์มือที่ 3 เป็นห่วงเรื่องนี้ ถึงวันนี้ยังไม่มีเหตุอะไร เราก็สั่งให้เฝ้าระวังต่อไป แต่วันนี้ไม่มีเหตุรุนแรงเป็นเรื่องที่ดี พร้อมเน้นย้ำเจ้าหน้าที่ทุกหน่วย ไม่ว่าจะเป็นท้องที่ สันติบาล กองสืบสวน หรือศูนย์สืบสวน ต้องสวมเครื่องแบบเต็มยศเมื่อต้องเข้าไปในวัด ไม่มีนอกเครื่องแบบ หรือไอ้โม่งเด็ดขาด” พล.ต.อ.ศรีวราห์ กล่าว
       
       ด้าน พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม เผยว่า สำหรับการขอหมายค้น ครั้งที่ 2 นั้น ยังไม่ได้รับรายงาน เพราะเป็นแง่กฎหมาย เนื่องจากสำนวนทั้งหมดอยู่กับอัยการเรียบร้อยแล้ว ส่วนกรณีการเจรจากับวัดพระธรรมกาย สำเร็จหรือไม่นั้น ไม่ทราบว่าไปเจรจาอะไรกัน โดยวันที่ 17 มิ.ย. นี้ ตนจะเรียก พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ มาชี้แจงภาพรวมทั้งหมดให้ฟัง ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่ในวันนี้ เป็นไปตามกรอบที่วางไว้ เพราะไม่อยากให้มีเรื่องมีราว ส่วนการนำตัวออกมาสามารถทำได้ คือ นำกำลังเข้าไป แต่ถามว่ามันคุ้มหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ประเมินว่าไม่คุ้ม
       
       “คำตอบของเราก็มีอยู่แล้ว ประกาศให้เห็นแล้วว่า เจ้าหน้าที่ได้ถูกขัดขวาง หากมีผู้ใดขัดขวางก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งขั้นตอนนี้หากประสบความสำเร็จ ก็ถือว่าทำตามที่ตนสั่งได้ และทำตามที่รัฐบาลห่วงใยไม่ให้เกิดปัญหาความรุนแรง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ทำตาม เพราะสิ่งที่เราต้องการ ก็คือ ต้องเอาตัวผู้ต้องหามาส่งอัยการ แต่ถ้ามันสูญเสียมากกว่า แล้วจะทำให้เกิดการสูญเสียทำไม ตนจึงปล่อยให้เจ้าหน้าที่ทำงานตามขั้นตอนที่วางไว้” พล.อ.ไพบูลย์ กล่าว
       
       ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กองคดี ดีเอสไอ เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.เขมพัทธ์ โพธิพิทักษ์ ผกก.สภ.คลองหลวง เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มที่ขัดขวางไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจค้นพื้นที่วัดพระธรรมกาย ตามที่ศาลอนุมัติหมายค้น ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 189 ผู้ใดช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้นหรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใดเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
       
       นอกจากนี้ ทางพนักงานสอบสวนยังได้เชิญ นายสมเกียรติ ธงศรี ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (มศ.) เข้าให้ปากคำต่อ พ.ต.ท.ยศวัฒน์ นิติรัจพัฒนคุณ สว.(สส.) สภ.คลองหลวง ในฐานะพยาน ที่เป็นตัวแทนเข้าไปร่วมตรวจค้นวัดพระธรรมกาย พร้อมเจ้าหน้าที่ดีเอสไอด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่