สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่าเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องภายในครอบครัวของเราเอง ไม่ได้หมายความว่าจะเอาเรื่องครอบครัวมาประจานหรือย่างไรเพียงแต่คิดว่ามันน่าพอจะเป็นบทเรียนให้กับใครหลายๆคนได้
ขอเริ่มเลยแล้วกันนะคะ ดิฉันมีพี่น้อง 3 คนค่ะ ที่บ้านของดิฉันก็อยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ รักและดูแลเอาใจใส่กันเป็นอย่างดี
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 7ปีก่อน ตอนนั้นดิฉันเรียนอยู่ชั้น ม.6 มีน้อง2คน คนกลางเรียน ม.3 คนเล็ก ป.6 ปกติแล้วที่บ้านจะค่อนข้างสอนลูกหลานแบบคนทันสมัย
มีแฟนไม่ว่าขอให้อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ แล้วมันก็เป็นจังหวะที่น้องสาวคนกลางของดิฉัน (ต่อไปนี้เราขอแทนชื่อนางว่า Aนะคะ)
A มันกำลังเริ่มเป็นสาวค่ะ กำลังน่ารัก ขาวๆ อวบๆ ออกจะนักเลงนิดๆ เฟี้ยวฟ้าวเหมือนกัน ส่วนเราอยู่ ม.6 เป็นเด็กกิจกรรม เรียนมาไม่เคยให้แม่ต้องเข้าฝ่ายปกครองเลย ซึ่งต่างจาก A มาก เพราะนางซ่า แต่งตีวเปรี้ยวมักจะโดนเรียกพบผู้ปกครองเสมอ
ตอนนั้นเด็กๆแถวบ้านก็จะมีเยอะ รู้จักกันหมด แล้วสุดท้าย A นางก็มีแฟนค่ะ แฟนนางเรียนอยู่รุ่นเกียวกับเราค่ะ ม.6 แฟนนางเป็นหนุ่มฮอตมากเลยนะคะในโรงเรียน ทั้งสาวเล็กสาวใหญ่ สาวแท้ สาวเทียม กรี๊ดกันสลบสไล แต่คนที่ได้ครองหัวใจฮี คือนาง A ค่ะท่านผู้ชมมมม
(เราจะแทนผู้ชายคนนั้นว่า V) นะคะ
แล้วทั้งคู่ก็คบหากันผู้ใหญ่ทั้ง2ฝ่ายรู้ค่ะ บ้านเราก็อยู่ในระแวกเดียวกันนางก็คบกันเป็นปกติตามประสาวัยรุ่น จนวันนึงน้องสาวเรา A มันเกิดตั้งท้องค่ะ ท้องในวัยแค่ ม.3 ในขณะที่ V มันก็อยู่ ม.6 แล้วหล่ะ
แต่ตอนนั้นรัฐบาลยังไม่มีนโยบายว่าท้องให้เรียนได้ สรุปน้องเราก็ต้องออกจากโรงเรียนกลางครัน แต่ A นางเป็นคนใจเด็ดค่ะ หรือนางคงทบทวนของนางมาแล้ว นางเดินเข้าไปหาแม่แล้วบอกแม่เลยค่ะว่านางท้อง แม่ชอคสุดฤทธิ์เข้าใจหัวอกของคนเป็นแม่ใช่ไหมคะ ที่แย่ไปกว่านั้น พ่อของเราท่านได้แต่นั่งเหม่อลอยถามอะไรไม่ตอบข้าวผลาไม่ยอมกิน
นอนมองน้ำมองปลามองฟ้ามองต้นไม้อยู่แบบนั้น จนคุณยายเราท่านเฟี้ยวสุดๆ ท่านเรียกมาคุยกันว่าจะเอายังไง ถ้าจะปล่อยไว้ก็แต่งๆให้จบไปจะได้ไม่ต้องมานั่งตอบคำถามใคร ถ้าใครถามจะได้บอกว่ามันไม่อยากเรียนมันอยากมีสามี 5555555 จากนั้น 2 วันทางบ้านของนาย V ก็ให้แม่มาคุย สรุปก็สู่ขอกัน แต่งงานจัดงานใหญ่ แต่เช้ากินเลี้ยงเย็น ตามระเบียบทุกประการตอนที่พวกนางแต่งงานกัน มันเป็นช่วงที่เรากำลังจะจบ ม.6 ค่ะ แต่น้องเรานางไม่ได้จบ ม.3 ก็ต้องออกจากโรงเรียนก่อน หลักจากแต่งงานกันทั้ง A และ V เค้าก็ใช้ชีวิตกันปกติแหละค่ะ ตามประสาข้าวใหม่ปลามัน
แต่หลังจากนั้นประมาณ 2 เดือน มันเป็นช่วงที่นาย V ต้องไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย เค้าได้ไปเรียนต่อที่ มหาวิทยาราชภัฏชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ตอนนั้นฮีก็เป็นที่รักของบ้านเราค่ะ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่พี่น้อง กระทั่งตายายที่อยู่ กทม ก็รักฮี ข่วงที่ฮีต้องไปเรียน ยายเราเลยให้ไปอยู่ที่บ้านยายที่ กทม ค่ะ ไม่ต้องเช่าหอ เสีนงยแค่ค่ารถเมย์ไปเรียน บางวันยายเราก็จะวางเงินไว้ให้ไปโรงเรียนบ้าง วันละ 2-3 ร้อย แล้วแต่อารมณ์
เช้ามามีข้าวให้กิน เย็นกลับมาก็มีให้กิน แต่ฮีก็ช่วยงานยายตลอด ช่วยส่งผ้า เพราะยายรับจ้างซักผ้าค่ะ ถ้าฮีว่าง ฮีก็จะกลับบ้านมาหาภรรยา จนวันที่ A นางใกล้คลอดค่ะ ช่วงนั้นจำได้ดีว่าน้ำท่วม พอ A มันบ่นปวดท้องทุกคนก็ตื่นเต้นไปหมด รีบพายเรือไปส่งนางไปโรงพยาบาล สรุปไปนอนอยู่ 2 วัน ปากมดลูกนางไม่เปิดหมอเลยให้กลับบ้าน
แต่หลังจากนั้นไม่ถึงอาทิตย์ก็ครบกำหนดคลอดพอดี หลานชายคนแรกของเราาาาาา นางหน้าตาจิ้มลิ้ม ผิวพรรณสวยงาม เด็กผู้ชาย น้ำหนัก 2900 ตอนแรกลอดทุกคนหลงหลานเพราะปกติบ้านเราจะมาแต่ ผญ พอได้หลานชายทุกคนเลยดูตื่นเต้น A นางอาจจะเป็นเด็ก แต่ไม่น่าเชื่อว่านางทำหน้าที่แม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ชีวิตครอบครัวนางก็เริ่มเป็นปกติ พ่อแม่ลูก จนผ่านไป 2 ปี A ก็ตั้งท้องลูกคนที่ 2 ค่ะ คนนี้นาย V ให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ เนื่องจากมันเป็นช่วงที่ฮีฝึกงานเลยมีเวลามาดูแลภรรยามากกว่าลูกคนแรกเพราะตอนนั้นฮีเรียนค่ะ แต่วันที่ A จะคลอดมันเป็นอีกวันที่เราจำไม่เคยลืม ช่วงนั้นเรามีปัญหาครอบครัวค่ะ พ่อกับแม่น้องแยกย้ายไปทำงานคนละจังหวัด เราอยู่กับน้อง 2คน ตอนนั้นเราน่าจะเรียนมหาลัยประมานปี3 A นางเป็นคนอึดค่ะ อยู่กัน 3 คน น้องคนเล็กเข้านอนละ เราก็เก็บของปิดร้าน (พอดีตอนั้นเปืดร้านเกมส์ค่ะ) ก็เห็น A นางนอนหน้านิ่วคิ้วขมวด เราเลยถามน้องว่า ปวดท้องหรอ ไปโรงพยาบาลไหม แต่นางเป็นคนความอดทนสูงค่ะ นางบอกว่าป่าว
เราก็เดินเก็บโน่นเก็บนี่ไปเรื่อย หันไปดูน้องอีกทีตกใจมาก ทำไมน้องมีเลือดไหลออกมา รีบบอกว่าไปหาหมอกัน นางก็เหมือนรู้ตัวเพราะว่านางเตรียมของทุกอย่างใส่ตะกร้าไว้หมดแล้ว 2คนพี่น้อง ขี่มอเตอร์ไปโรงพยาบาลตอน 5 ทุ่มกว่าๆ ไปนั่งรอน้องหน้าห้องคลอด แล้วก็โทรบอกนาย V ว่าหลานจะคลอด ฮีก็ดูดีอกดีใจแต่ติดฝึกงานเลยบอกว่าจะมาเย็นๆ เรานั่งรอจนประมาณตี 3-4 พยาบาลก็มาเรียกว่าให้ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าเด็กคลอดแล้ว สรุปA ก็คลอดลูกชายคนที่ 2 ค่ะ แต่หลานเราคนนี้ทำไมน้ำหนักมันเยอะจังวะ 3900 แน่ะ
หมอชมว่าA เก่ง เด็กตัวใหญ่แต่ยอมคลอดเอง 5555 ก็บอกแล้วว่านางเป็นหญิงแกร่ง หลานชายคนที่ 2 หรอ หัวแก้วหัวแหวนของ นาย V เลยค่ะ อาจจะเพราะช่วงอยู่ในท้องฮีได้มีโอกาสดูแลกันมั้งคะผิดกับคนแรก ตอนนั้นเราเองที่เป็นคนดูแลน้อง ตื่นเต้นเวบาหลานถีบแล้วมีเท้าน้อยๆตุงที่หนังท้อง มันอัศจรรย์มากเบยเนอะ
อ้อ! ลืมบอกไปว่า นายVน่ะฮีออตตลอดการนะคะ เรียนม.ปลายก็ฮอตไป มหาลัยก็เป็นเดือนนะคะ ด้วยความที่ฮีสูงประมาน 180 นิดๆ ทำให้ดูสง่าและโดดเด่น พอช่วงที่หลานคนที่2 คลอดนั้น ฮีก็มีงานเยอะมาก มีถ่ายแบบด้วยนะ ถ่ายโฆษณาก็มี คือชีวิตฮีกำลังเริศค่ะ แต่พวกเราก็ยินดีกับฮีตลอดนะ จนเวลาผ่านไป เข้าสู่ปีที่ 7 ชีวิตคู่ของ A และ V มันเริ่มไม่โอเคค่ะ V ไปฝึกงาน ก็แอบไปกิ๊กกับสาวๆที่ทำงาน พอจับได้ก็เลิกยุ่งกันไปซึ่งตอนที่จับได้ทีแรกฮีมาจนของออกจากบ้านยายเราเลยนะคะ จนออกไปอยู่กับ ผญ คนนั้น ไปได้ซักอาทิตย์ฮีก็โทรหา A ว่าฮีสับสน ฮีไม่มีความสุขกับตรงนั้นเลย อ่ะ A นาวก็รักสามีไง ให้อภัย ให้กลับมาอยู่บ้านด้วยกัน ตอนนั้นก็ปกติค่ะ
จนฮีเรียนจบ รับปริญญา แล้วฮีตัดสินใจสมัครทหารค่ะ จากนั้นก็มาสอบเป็นนักเรียนนายสิบ ที่บ้านฮีก็ดีอกดีใจ พอถึงวันที่ต้องไปส่งตัว เค้าจะต้องมีข้าราชการเซ็นค้ำให้นาย V ค่ะ ตาเราเป็นนายร้อยตำรวจก็มาเซ็นให้หวังให้ชีวิตหลานดีในภายภาคหน้า แต่พีคกว่านั้นค่ะ คุณแม่สามีของ A เนี่ย(แม่นาย V) แผนสูงมาก ยิ่งกว่าแม่สามีในละครนะคะ นางมาบอกกับน้องเราว่ายังไม่ให้จดทะเบียนกับลูกนางค่ะ เพราะเป็นนายสิบเค้าห้ามมีครอบครัวห้ามแต่งงานเราก็ไม่รู้ว่าจริงไหม
น้องสาวเราก็ยอมค่ะกลัวสามีจะผิดกฏ ยอมที่จะยังไม่จดทะเบียน แต่ก็คุยกันไว้ว่าหน้าV มันติดยศเมื่อไรคงจะจดเพราะลูกจะได้มีสิทธิ์หลายๆอย่าง ช่วงนั้น นาย V ก็ไปเรียนค่ะ เรียนอยู่ 1 ปี กลับบ้านบ้างไม่กลับบ้าง จนถึงวันจบและติดยศค่ะ นาย V เริ่มมีอาการแปลกๆ A มันก็รู้สึกเลยชวนกันไปจดทะเบียนไว้ก่อน นาย V ก็ยอมค่ะ ยอมจดทะเบียนและจากนั้นไม่นาน สันดารก็เริ่มออกค่ะ อย่างว่า พอมีลาภยศก็หลงระเริงในตัวเอง นาย V เริ่มคุยกับสาวคนอื่นค่ะ ซึ่งผู้หญิงคนนี้ รู้จักกับฮีจากการที่ A มันเอารูคู่ของมันและสามีไปลงในเพจสาวอ้วนค่ะ
(หลังจากนางคลอดลูกคนที่2นางก็กลายเป็นสาวอ้วนไปโดยปริยาย)
พอผู้หญิงคนนั้นเห็นว่า A มีความอวดผัว 5555 ก็เกิดสนใจของชาวบ้านค่ะ Add facebook ของ A มาเพื่อมาส่อง แล้วก็แอดไปหานาย V ค่ะ แต่ก็ไม่รู้ไปแอบคุยกันตอนไหน มารู้อีกทีคือมีคนส่งรูปมาให้ดู ทุกอย่างโป๊ะแตกค่ะ ตอนแรกนาย V ก็ไม่ยอมรับค่ะ โทษน้องสาวเราว่า A มีคนอื่นก่อน ซึ่งพอได้สอบถามกันจริงๆ A มันรู้มาซักพักแล้วว่าสามีนอกใจ แต่ไม่เคยบอกใคร เก็บไว้มาคนเดียวตลอด คนวันนึงมันระเบิด อาจจะบวกกันมีคนเข้ามาดูแลมันด้วยมั้งมันถึงกล้าจะยอมรับความจริง ตอนแรกก็กะจะแยกทางกันด้วยดี
แต่ชะนีแก่นางนั้นไม่ค่อยโอเคเท่าไร ทำให้เกิดการฟ้องร้องเรียกค่าเลี้ยงดูกันขึ้นมา น้องเราฟ้องหย่าค่ะ ขึ้งโรงขึ้นศาลเรียกค่าเรียกดูลูกกันเป็นรายเดือน เด็ก 2 คนกำลังเรียน ตอนยื่นเรื่องไปขอเดือนละ 6000 คนละ 3000 ต่อเดือนค่ะ แต่คุณแม่สามีมหาประลัย นางไม่ยอมค่ะ นางบอกว่านางต้องเรียกค่าน้ำนมจากบูกชายนางเหมือนกัน ถ้าลูกชายนางให้น้องเราหมดนางก็ไม่ยอม (แบบนี้ก็ได้หรอวะ) คือ งง มาก สรุปศาลไกล่เกลีย และตกลงกันในจำนวนเงิน 3000 บาทต่อเดือน เด็ก 2 คน 3000 ทุกท่านคิดว่าทันพอไหมคะ?
แต่เราก็ตกลงค่ะเพราะจริงๆไม่ได้เดือดร้อนอะไ ปู่ย่าตายายมีเลั้ยงกันได้ แต่ถ่าปล่อยไปเฉยๆทั้งฮีทั้งชะนีแก่ ทั้งแม่ผัวมหาประลัยคงได้ใจ ก็เลยสรุปว่านาย V ค้องส่งค่าเลี้ยงดูบุตรเดือนละ 3000 ตอนแรกก็ยึกยักค่ะ ถึงเวลาก็ไม่โอนต้องมห้โทรตาม แท่เลยพาน้องไปปรึกษาศาล ศาลเลยทำหนังสือแจ้งนาย V ว่าหากเดือนไหนส่งไม่ตรงเวลาอนุญาตให้น้องสาวเราเพิ่มจำนวนเงินเป็น 6000 ดังเดิมได้
ทีนี้ฮีก็เลยส่งมาตรงทุกเดือนค่ะที่ร้ายไปกว่านั้นคุณแม่สามีที่น่ารักก็เป่าประกาศไปทั่วค่ะว่ากำลังจะได้ลูกสะใภ้คนใหม่ สวยและรวยมาก โดยที่คึณแม่สามีเนี่ยก็ไปคัยกับชะนีแก่นายนั้นว่านาย V เคยแต่งงาจริงค่ะ แต่ไม่ได้มีลูก! (แล้ว2หน่อนี่ลูกหมา?) แต่ก็ปิดไม่มิดค่ะ สุดทายชะนีแก่ก็รู้ค่ะมีนาย V มีลูก 2 คนผ่านไป 2 ปีได้แล้วมั้งคะ A มันก็ทำหน้าที่แม่ได้แบบไม่ขาดตกบกพร่อง แต่เรามองน้องแล้วสงสารค่ะ มันไม่เคยได้ใช้ชีวิตวัยรุ่น พอเริ่มจะเป็นสาวก็กลายมาเป็นแม่คนเลย อนาคตนางดับวูบเพียงเพราะ ผช ไม่รู้จักพอคนนี้
ที่หนักไปกว่านั้นคุณแม่สามีที่เคารพรัก เที่ยวไปพูดว่า อนาคตลูกชายนางต้องมาพังเพราะน้องสาวเรา เดี๋ยวนะ!! แล้วน้องสาวเราต้องมาเป็นคุณแม่ยังสาว เรียนไม่จบ ม.3 แล้วก็กลายเป็น single mom นี่ล่ะ อนาคตไม่ดับวูบหรอคะ? นี่ยังเป็นแค่เรื่องราวของ A น้องสาวคนกลางนะคะ เดี๋ยวมีเวลาจะมาอัพเดตต่อกับเรื่องน้องสาวคนเล็กที่รับชะตากรรมไม่ต่างกัน ด้วยเพตุผลนี้มันทำให้เรากลัวการมีชีวิตคู่มากที่สุดค่ะ ทุกท่านคิดเช่นไร สอบถามและแสดงความคิดเห็นกันได้นะคะ ขอบคุณที่เสียเวลามาอ่านเรื่องไร้สาระนะคะ ^^
เพราะผู้หญิงเชื่อใจ หรือผู้ชายไม่เคยพอ??????
ขอเริ่มเลยแล้วกันนะคะ ดิฉันมีพี่น้อง 3 คนค่ะ ที่บ้านของดิฉันก็อยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ รักและดูแลเอาใจใส่กันเป็นอย่างดี
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 7ปีก่อน ตอนนั้นดิฉันเรียนอยู่ชั้น ม.6 มีน้อง2คน คนกลางเรียน ม.3 คนเล็ก ป.6 ปกติแล้วที่บ้านจะค่อนข้างสอนลูกหลานแบบคนทันสมัย
มีแฟนไม่ว่าขอให้อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ แล้วมันก็เป็นจังหวะที่น้องสาวคนกลางของดิฉัน (ต่อไปนี้เราขอแทนชื่อนางว่า Aนะคะ)
A มันกำลังเริ่มเป็นสาวค่ะ กำลังน่ารัก ขาวๆ อวบๆ ออกจะนักเลงนิดๆ เฟี้ยวฟ้าวเหมือนกัน ส่วนเราอยู่ ม.6 เป็นเด็กกิจกรรม เรียนมาไม่เคยให้แม่ต้องเข้าฝ่ายปกครองเลย ซึ่งต่างจาก A มาก เพราะนางซ่า แต่งตีวเปรี้ยวมักจะโดนเรียกพบผู้ปกครองเสมอ
ตอนนั้นเด็กๆแถวบ้านก็จะมีเยอะ รู้จักกันหมด แล้วสุดท้าย A นางก็มีแฟนค่ะ แฟนนางเรียนอยู่รุ่นเกียวกับเราค่ะ ม.6 แฟนนางเป็นหนุ่มฮอตมากเลยนะคะในโรงเรียน ทั้งสาวเล็กสาวใหญ่ สาวแท้ สาวเทียม กรี๊ดกันสลบสไล แต่คนที่ได้ครองหัวใจฮี คือนาง A ค่ะท่านผู้ชมมมม
(เราจะแทนผู้ชายคนนั้นว่า V) นะคะ
แล้วทั้งคู่ก็คบหากันผู้ใหญ่ทั้ง2ฝ่ายรู้ค่ะ บ้านเราก็อยู่ในระแวกเดียวกันนางก็คบกันเป็นปกติตามประสาวัยรุ่น จนวันนึงน้องสาวเรา A มันเกิดตั้งท้องค่ะ ท้องในวัยแค่ ม.3 ในขณะที่ V มันก็อยู่ ม.6 แล้วหล่ะ
แต่ตอนนั้นรัฐบาลยังไม่มีนโยบายว่าท้องให้เรียนได้ สรุปน้องเราก็ต้องออกจากโรงเรียนกลางครัน แต่ A นางเป็นคนใจเด็ดค่ะ หรือนางคงทบทวนของนางมาแล้ว นางเดินเข้าไปหาแม่แล้วบอกแม่เลยค่ะว่านางท้อง แม่ชอคสุดฤทธิ์เข้าใจหัวอกของคนเป็นแม่ใช่ไหมคะ ที่แย่ไปกว่านั้น พ่อของเราท่านได้แต่นั่งเหม่อลอยถามอะไรไม่ตอบข้าวผลาไม่ยอมกิน
นอนมองน้ำมองปลามองฟ้ามองต้นไม้อยู่แบบนั้น จนคุณยายเราท่านเฟี้ยวสุดๆ ท่านเรียกมาคุยกันว่าจะเอายังไง ถ้าจะปล่อยไว้ก็แต่งๆให้จบไปจะได้ไม่ต้องมานั่งตอบคำถามใคร ถ้าใครถามจะได้บอกว่ามันไม่อยากเรียนมันอยากมีสามี 5555555 จากนั้น 2 วันทางบ้านของนาย V ก็ให้แม่มาคุย สรุปก็สู่ขอกัน แต่งงานจัดงานใหญ่ แต่เช้ากินเลี้ยงเย็น ตามระเบียบทุกประการตอนที่พวกนางแต่งงานกัน มันเป็นช่วงที่เรากำลังจะจบ ม.6 ค่ะ แต่น้องเรานางไม่ได้จบ ม.3 ก็ต้องออกจากโรงเรียนก่อน หลักจากแต่งงานกันทั้ง A และ V เค้าก็ใช้ชีวิตกันปกติแหละค่ะ ตามประสาข้าวใหม่ปลามัน
แต่หลังจากนั้นประมาณ 2 เดือน มันเป็นช่วงที่นาย V ต้องไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย เค้าได้ไปเรียนต่อที่ มหาวิทยาราชภัฏชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ตอนนั้นฮีก็เป็นที่รักของบ้านเราค่ะ ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่พี่น้อง กระทั่งตายายที่อยู่ กทม ก็รักฮี ข่วงที่ฮีต้องไปเรียน ยายเราเลยให้ไปอยู่ที่บ้านยายที่ กทม ค่ะ ไม่ต้องเช่าหอ เสีนงยแค่ค่ารถเมย์ไปเรียน บางวันยายเราก็จะวางเงินไว้ให้ไปโรงเรียนบ้าง วันละ 2-3 ร้อย แล้วแต่อารมณ์
เช้ามามีข้าวให้กิน เย็นกลับมาก็มีให้กิน แต่ฮีก็ช่วยงานยายตลอด ช่วยส่งผ้า เพราะยายรับจ้างซักผ้าค่ะ ถ้าฮีว่าง ฮีก็จะกลับบ้านมาหาภรรยา จนวันที่ A นางใกล้คลอดค่ะ ช่วงนั้นจำได้ดีว่าน้ำท่วม พอ A มันบ่นปวดท้องทุกคนก็ตื่นเต้นไปหมด รีบพายเรือไปส่งนางไปโรงพยาบาล สรุปไปนอนอยู่ 2 วัน ปากมดลูกนางไม่เปิดหมอเลยให้กลับบ้าน
แต่หลังจากนั้นไม่ถึงอาทิตย์ก็ครบกำหนดคลอดพอดี หลานชายคนแรกของเราาาาาา นางหน้าตาจิ้มลิ้ม ผิวพรรณสวยงาม เด็กผู้ชาย น้ำหนัก 2900 ตอนแรกลอดทุกคนหลงหลานเพราะปกติบ้านเราจะมาแต่ ผญ พอได้หลานชายทุกคนเลยดูตื่นเต้น A นางอาจจะเป็นเด็ก แต่ไม่น่าเชื่อว่านางทำหน้าที่แม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ชีวิตครอบครัวนางก็เริ่มเป็นปกติ พ่อแม่ลูก จนผ่านไป 2 ปี A ก็ตั้งท้องลูกคนที่ 2 ค่ะ คนนี้นาย V ให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ เนื่องจากมันเป็นช่วงที่ฮีฝึกงานเลยมีเวลามาดูแลภรรยามากกว่าลูกคนแรกเพราะตอนนั้นฮีเรียนค่ะ แต่วันที่ A จะคลอดมันเป็นอีกวันที่เราจำไม่เคยลืม ช่วงนั้นเรามีปัญหาครอบครัวค่ะ พ่อกับแม่น้องแยกย้ายไปทำงานคนละจังหวัด เราอยู่กับน้อง 2คน ตอนนั้นเราน่าจะเรียนมหาลัยประมานปี3 A นางเป็นคนอึดค่ะ อยู่กัน 3 คน น้องคนเล็กเข้านอนละ เราก็เก็บของปิดร้าน (พอดีตอนั้นเปืดร้านเกมส์ค่ะ) ก็เห็น A นางนอนหน้านิ่วคิ้วขมวด เราเลยถามน้องว่า ปวดท้องหรอ ไปโรงพยาบาลไหม แต่นางเป็นคนความอดทนสูงค่ะ นางบอกว่าป่าว
เราก็เดินเก็บโน่นเก็บนี่ไปเรื่อย หันไปดูน้องอีกทีตกใจมาก ทำไมน้องมีเลือดไหลออกมา รีบบอกว่าไปหาหมอกัน นางก็เหมือนรู้ตัวเพราะว่านางเตรียมของทุกอย่างใส่ตะกร้าไว้หมดแล้ว 2คนพี่น้อง ขี่มอเตอร์ไปโรงพยาบาลตอน 5 ทุ่มกว่าๆ ไปนั่งรอน้องหน้าห้องคลอด แล้วก็โทรบอกนาย V ว่าหลานจะคลอด ฮีก็ดูดีอกดีใจแต่ติดฝึกงานเลยบอกว่าจะมาเย็นๆ เรานั่งรอจนประมาณตี 3-4 พยาบาลก็มาเรียกว่าให้ไปแจ้งเจ้าหน้าที่ว่าเด็กคลอดแล้ว สรุปA ก็คลอดลูกชายคนที่ 2 ค่ะ แต่หลานเราคนนี้ทำไมน้ำหนักมันเยอะจังวะ 3900 แน่ะ
หมอชมว่าA เก่ง เด็กตัวใหญ่แต่ยอมคลอดเอง 5555 ก็บอกแล้วว่านางเป็นหญิงแกร่ง หลานชายคนที่ 2 หรอ หัวแก้วหัวแหวนของ นาย V เลยค่ะ อาจจะเพราะช่วงอยู่ในท้องฮีได้มีโอกาสดูแลกันมั้งคะผิดกับคนแรก ตอนนั้นเราเองที่เป็นคนดูแลน้อง ตื่นเต้นเวบาหลานถีบแล้วมีเท้าน้อยๆตุงที่หนังท้อง มันอัศจรรย์มากเบยเนอะ
อ้อ! ลืมบอกไปว่า นายVน่ะฮีออตตลอดการนะคะ เรียนม.ปลายก็ฮอตไป มหาลัยก็เป็นเดือนนะคะ ด้วยความที่ฮีสูงประมาน 180 นิดๆ ทำให้ดูสง่าและโดดเด่น พอช่วงที่หลานคนที่2 คลอดนั้น ฮีก็มีงานเยอะมาก มีถ่ายแบบด้วยนะ ถ่ายโฆษณาก็มี คือชีวิตฮีกำลังเริศค่ะ แต่พวกเราก็ยินดีกับฮีตลอดนะ จนเวลาผ่านไป เข้าสู่ปีที่ 7 ชีวิตคู่ของ A และ V มันเริ่มไม่โอเคค่ะ V ไปฝึกงาน ก็แอบไปกิ๊กกับสาวๆที่ทำงาน พอจับได้ก็เลิกยุ่งกันไปซึ่งตอนที่จับได้ทีแรกฮีมาจนของออกจากบ้านยายเราเลยนะคะ จนออกไปอยู่กับ ผญ คนนั้น ไปได้ซักอาทิตย์ฮีก็โทรหา A ว่าฮีสับสน ฮีไม่มีความสุขกับตรงนั้นเลย อ่ะ A นาวก็รักสามีไง ให้อภัย ให้กลับมาอยู่บ้านด้วยกัน ตอนนั้นก็ปกติค่ะ
จนฮีเรียนจบ รับปริญญา แล้วฮีตัดสินใจสมัครทหารค่ะ จากนั้นก็มาสอบเป็นนักเรียนนายสิบ ที่บ้านฮีก็ดีอกดีใจ พอถึงวันที่ต้องไปส่งตัว เค้าจะต้องมีข้าราชการเซ็นค้ำให้นาย V ค่ะ ตาเราเป็นนายร้อยตำรวจก็มาเซ็นให้หวังให้ชีวิตหลานดีในภายภาคหน้า แต่พีคกว่านั้นค่ะ คุณแม่สามีของ A เนี่ย(แม่นาย V) แผนสูงมาก ยิ่งกว่าแม่สามีในละครนะคะ นางมาบอกกับน้องเราว่ายังไม่ให้จดทะเบียนกับลูกนางค่ะ เพราะเป็นนายสิบเค้าห้ามมีครอบครัวห้ามแต่งงานเราก็ไม่รู้ว่าจริงไหม
น้องสาวเราก็ยอมค่ะกลัวสามีจะผิดกฏ ยอมที่จะยังไม่จดทะเบียน แต่ก็คุยกันไว้ว่าหน้าV มันติดยศเมื่อไรคงจะจดเพราะลูกจะได้มีสิทธิ์หลายๆอย่าง ช่วงนั้น นาย V ก็ไปเรียนค่ะ เรียนอยู่ 1 ปี กลับบ้านบ้างไม่กลับบ้าง จนถึงวันจบและติดยศค่ะ นาย V เริ่มมีอาการแปลกๆ A มันก็รู้สึกเลยชวนกันไปจดทะเบียนไว้ก่อน นาย V ก็ยอมค่ะ ยอมจดทะเบียนและจากนั้นไม่นาน สันดารก็เริ่มออกค่ะ อย่างว่า พอมีลาภยศก็หลงระเริงในตัวเอง นาย V เริ่มคุยกับสาวคนอื่นค่ะ ซึ่งผู้หญิงคนนี้ รู้จักกับฮีจากการที่ A มันเอารูคู่ของมันและสามีไปลงในเพจสาวอ้วนค่ะ
(หลังจากนางคลอดลูกคนที่2นางก็กลายเป็นสาวอ้วนไปโดยปริยาย)
พอผู้หญิงคนนั้นเห็นว่า A มีความอวดผัว 5555 ก็เกิดสนใจของชาวบ้านค่ะ Add facebook ของ A มาเพื่อมาส่อง แล้วก็แอดไปหานาย V ค่ะ แต่ก็ไม่รู้ไปแอบคุยกันตอนไหน มารู้อีกทีคือมีคนส่งรูปมาให้ดู ทุกอย่างโป๊ะแตกค่ะ ตอนแรกนาย V ก็ไม่ยอมรับค่ะ โทษน้องสาวเราว่า A มีคนอื่นก่อน ซึ่งพอได้สอบถามกันจริงๆ A มันรู้มาซักพักแล้วว่าสามีนอกใจ แต่ไม่เคยบอกใคร เก็บไว้มาคนเดียวตลอด คนวันนึงมันระเบิด อาจจะบวกกันมีคนเข้ามาดูแลมันด้วยมั้งมันถึงกล้าจะยอมรับความจริง ตอนแรกก็กะจะแยกทางกันด้วยดี
แต่ชะนีแก่นางนั้นไม่ค่อยโอเคเท่าไร ทำให้เกิดการฟ้องร้องเรียกค่าเลี้ยงดูกันขึ้นมา น้องเราฟ้องหย่าค่ะ ขึ้งโรงขึ้นศาลเรียกค่าเรียกดูลูกกันเป็นรายเดือน เด็ก 2 คนกำลังเรียน ตอนยื่นเรื่องไปขอเดือนละ 6000 คนละ 3000 ต่อเดือนค่ะ แต่คุณแม่สามีมหาประลัย นางไม่ยอมค่ะ นางบอกว่านางต้องเรียกค่าน้ำนมจากบูกชายนางเหมือนกัน ถ้าลูกชายนางให้น้องเราหมดนางก็ไม่ยอม (แบบนี้ก็ได้หรอวะ) คือ งง มาก สรุปศาลไกล่เกลีย และตกลงกันในจำนวนเงิน 3000 บาทต่อเดือน เด็ก 2 คน 3000 ทุกท่านคิดว่าทันพอไหมคะ?
แต่เราก็ตกลงค่ะเพราะจริงๆไม่ได้เดือดร้อนอะไ ปู่ย่าตายายมีเลั้ยงกันได้ แต่ถ่าปล่อยไปเฉยๆทั้งฮีทั้งชะนีแก่ ทั้งแม่ผัวมหาประลัยคงได้ใจ ก็เลยสรุปว่านาย V ค้องส่งค่าเลี้ยงดูบุตรเดือนละ 3000 ตอนแรกก็ยึกยักค่ะ ถึงเวลาก็ไม่โอนต้องมห้โทรตาม แท่เลยพาน้องไปปรึกษาศาล ศาลเลยทำหนังสือแจ้งนาย V ว่าหากเดือนไหนส่งไม่ตรงเวลาอนุญาตให้น้องสาวเราเพิ่มจำนวนเงินเป็น 6000 ดังเดิมได้
ทีนี้ฮีก็เลยส่งมาตรงทุกเดือนค่ะที่ร้ายไปกว่านั้นคุณแม่สามีที่น่ารักก็เป่าประกาศไปทั่วค่ะว่ากำลังจะได้ลูกสะใภ้คนใหม่ สวยและรวยมาก โดยที่คึณแม่สามีเนี่ยก็ไปคัยกับชะนีแก่นายนั้นว่านาย V เคยแต่งงาจริงค่ะ แต่ไม่ได้มีลูก! (แล้ว2หน่อนี่ลูกหมา?) แต่ก็ปิดไม่มิดค่ะ สุดทายชะนีแก่ก็รู้ค่ะมีนาย V มีลูก 2 คนผ่านไป 2 ปีได้แล้วมั้งคะ A มันก็ทำหน้าที่แม่ได้แบบไม่ขาดตกบกพร่อง แต่เรามองน้องแล้วสงสารค่ะ มันไม่เคยได้ใช้ชีวิตวัยรุ่น พอเริ่มจะเป็นสาวก็กลายมาเป็นแม่คนเลย อนาคตนางดับวูบเพียงเพราะ ผช ไม่รู้จักพอคนนี้
ที่หนักไปกว่านั้นคุณแม่สามีที่เคารพรัก เที่ยวไปพูดว่า อนาคตลูกชายนางต้องมาพังเพราะน้องสาวเรา เดี๋ยวนะ!! แล้วน้องสาวเราต้องมาเป็นคุณแม่ยังสาว เรียนไม่จบ ม.3 แล้วก็กลายเป็น single mom นี่ล่ะ อนาคตไม่ดับวูบหรอคะ? นี่ยังเป็นแค่เรื่องราวของ A น้องสาวคนกลางนะคะ เดี๋ยวมีเวลาจะมาอัพเดตต่อกับเรื่องน้องสาวคนเล็กที่รับชะตากรรมไม่ต่างกัน ด้วยเพตุผลนี้มันทำให้เรากลัวการมีชีวิตคู่มากที่สุดค่ะ ทุกท่านคิดเช่นไร สอบถามและแสดงความคิดเห็นกันได้นะคะ ขอบคุณที่เสียเวลามาอ่านเรื่องไร้สาระนะคะ ^^