เป็นคำถามสำหรับว่าที่คุณแม่หลายคนมากๆเน๊อะ ว่าจะฝากครรภ์ที่ไหนดี? ฝากครรภ์กับคุณหมอท่านใดดี?
เราก็เป็นอีกคนที่กังวลเรื่องนี้มาก่อนค่ะ ต้องตั้งคำถามให้ตัวเองหลายอย่างเลย
สุดท้ายลงเอยที่ รพ. บำรุงราษฏร์ค่ะ
จากที่เราเคยถามไปว่า จำเป็นหรือไม่...ฝากครรภ์กับทำคลอดต้องเป็นโรงพยาบาลเดียว
- ไม่จำเป็นนะคะ แต่เพื่อความสะดวกในการตรวจเช็ค เราเลือกใช้บริการ รพ. เดียวกันค่ะ แต่เราก็จำเป็นต้องติดต่อกับอีก รพ. หนึ่งที่เราเคยผ่าตัด
เพื่อขอข้อมูลทางการแพทย์มาให้ทาง รพ. ที่เราจะทำคลอดค่ะ
จากนั้นเราก็มองถึงความสะดวกในการเดินทางไป รพ.
- อันนี้สำคัญนะคะ แฟนเราถามคำถามข้อนึงว่า ก่อนคลอดน่าจะประมาณ 2 อาทิตย์ก่อนกำหนดคลอด "เราจะอยู่ที่ไหน?"
เห้ย! คำถามง่ายๆแต่มันตอบยากนะ ใครจะไปรู้ว่าอนาคตจะสิงตัวเองอยู่ไหน?
เราก็ลองคิดค่ะ.. จะอยู่ไหนดีนะ? จะลาคลอดเลยดีมั้ย? หรือมาทำงานเรื่อยๆ จนกว่าจะคลอด
เราเลยตัดสินใจบอกว่าจะทำงานจนกว่าจะคลอดค่ะ (ใจคือไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว.. เหงา!) แฟนก็ตกใจอยู่นะ.. ประมาณว่า "ไหวหรอเอ็ง!"
แฟนเลยเลือก รพ. ที่ใกล้ที่ทำงานเรา (เราอยู่อโศก) และที่ทำงานแฟน (แฟนอยู่เพลินจิต)
เลยจบอยู่ที่ตรงกลางคือ นานา
กรณีฉุกเฉิน ปวดท้องคลอดขณะทำงานล่ะ? เออ! น่าคิดค่ะ...
เราแจ้งเบอร์รถฉุกเฉินของ รพ. พร้อมทั้งชื่อคุณหมอที่ฝากครรภ์ เบอร์ HN ไว้กับพี่ๆน้องๆ ในแผนกทุกคนค่ะ รวมถึงเบอร์โทรสามี คุณพ่อคุณแม่ด้วย
สำคัญนะคะ!! สำหรับว่าที่คุณแม่ที่จะทำงานจนวันสุดท้ายกันเลย
เรื่องงบประมาณในการฝากครรภ์และแพคเกจคลอด
- เรื่องนี้ทำเราเครียดพอสมควรค่ะ อะไรที่ประหยัดได้ก็อยากช่วยแฟนประหยัดอ่ะเน๊อะ..
แต่พอแฟนบอกไม่เป็นไร เขาจ่ายได้... เรื่องงบประมาณเลยไม่ใช่ประเด็นเลยค่ะ เราตัดทิ้ง!!
ว่าที่คุณแม่ก็ลองคำนวณคร่าวๆได้นะคะ
มาที่ฝากครรภ์ก่อน... มาตรวจครั้งหนึ่งต้องจ่ายค่าไรบ้าง?
1. ค่าหมอ (แล้วแต่ รพ. )
2. ค่าพยาบาล (แล้วแต่ รพ.)
3. ค่าบริการ (แล้วแต่ รพ.)
4. ค่าอัลตร้าซาวด์ (แล้วแต่ รพ. อย่างเราซาวด์ประมาณ 2000 กว่าๆค่ะ)
5. ค่ายา (บอกเลยว่าซื้อข้างนอกถูกกว่าเยอะมากๆ)
หากมีการเจาะเลือด ก็จะมี ค่าอุปกรณ์ และ ค่าแล็ปเพิ่มเข้ามาค่ะ
เราโดนค่าเจาะเลือดครั้งแรกไปสาหัสเหมือนกัน แต่แฟนจ่าย.... สบ๊ายยย!!
ส่วนแพคเกจคลอด ส่วนมาก รพ. จะให้จ่ายแบบเหมาๆ
อย่างที่ รพ. บำรุงราษฎร์ เตรียมไว้เลยค่ะ 1แสนต้นๆ สำหรับคลอดธรรมชาติ
1.5 แสน - 2 แสน สำหรับผ่าตัดคลอดค่ะ
ราคาก็หาได้ตามเว็บไซต์ค่ะ มีตั้งแต่หมื่นยันแสนจริงๆ
ส่วนเลือกคุณหมอที่เราจะฝากครรภ์ เราเลือกยังไง?
- ตอนแรกก็ไม่ได้เลือกค่ะ รพ. จัดคุณหมอท่านใดมาก็เอาท่านนั้นเลย
แต่เราก็ต้องเปลี่ยนคุณหมอค่ะ เพราะคุณหมอคนเดิมไปประจำอีก รพ. แล้วมันไม่สะดวกในการเดินทางของเรา
เราเลยต้องฝากกับคุณหมอท่านอื่น สุดท้ายก็ฝากกับคุณหมอ นภดล สโรบล (คุณหมอคู่ใจของแม่ๆหลายท่าน) ค่ะ
ทำไมเราถึงเลือกคุณหมอนภดล?
- อย่างแรกคือเราอยากคลอดธรรมชาติมากๆ เพราะเราไม่อยากบล๊อคหลังค่ะ เราเคยผ่าตัดกระดูกสันหลัง และตอนนี้กระดูกเราไม่ตรง
มันมีความเสี่ยงในการบล๊อคพอสมควรถ้าแพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญในการบล๊อคค่ะ
เพื่อเป็นการลดความเสี่ยง เราก็เลยอยากคลอดธรรมชาติ
ข้อนี้เราแจ้งกับคุณหมอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอค่ะ คุณหมอถึงขั้นบอกว่า "มาหาหมอถูกเลย" (เออน่ะ! อวยตัวเองก็เป็นนะหมอ..)
คุณหมอเน้นคลอดธรรมชาติค่ะ อันนี้คอนเฟิร์มจากเสียงคุณแม่หลายท่าน (กับตัวเองก็นู่นค่ะปลายปี จะมารีวิวคลอดอีกที
)
- อย่างที่สอง อะไรที่ไม่จำเป็นคุณหมอไม่ทำ ไม่จ่ายนะคะ ว่าที่คุณแม่หลายท่านกังวลว่าทำไมคุณหมอไม่จ่ายวิตามินให้นะ?
ของเราก็ไม่จ่ายค่ะ แต่เราเป็นฝ่ายถามคุณหมอว่าทานวิตามินเสริมตัวไหนได้บ้าง?
ซึ่งเราเป็นภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กค่ะ จำเป็นต้องทานยาบำรุงเลือดเสริม
หมอก็บอกว่าไปหาซื้อเอานะ (ข้างนอกถูกกว่าเยอะค่ะ เราซื้อ FBC 100 เม็ดในราคา 50 บาท)
คุณหมอจะแนะนำแค่วิธีทาน อย่างของเราหมอแนะนำวันละ 2 เม็ด แต่ถ้ากลัวท้องผูกก็วันละ 1 เม็ด
*** FBC ไม่แนะนำว่าที่คุณแม่ที่มีภาวะโลหิตจางจากความผิดปกติของเม็ดเลือดนะคะ เคสนี้ให้คุณหมอจ่ายยาให้ดีกว่าค่ะ
ส่วนแคลเซียม เราก็ถามคุณหมออีกเช่นกันว่า ทานเสริมได้รึยัง? (เราถามตอนตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์) หมอก็แนะนำว่าทานได้แล้ว วันละ 1 เม็ด
(เราก็มาซื้อเอง เราทานแคลเทรต พลัส สีม่วงค่ะ)
ส่วนโฟลิค คุณหมอให้เราหยุดทานหลังจากตั้งครรภ์ 3 เดือนค่ะ
เราก็หยุดทาน แต่หันมาทานพวกนมที่มีแคลเซียมและโฟลิคแทน (แอนมัม รสส้ม... อร่อยล่ำค่ะ ส่วนรสงาดำ... นี่อยากเขวี้ยงทิ้ง โฆษณานมอีก!!)
(โฟลิคสามารถหาซื้อได้ทั่วไปนะคะ แถมถูกกว่า รพ. จ่ายเยอะมาก เราซื้อที่ Boots 20 เม็ด เราจ่ายไป 16 บาท... เออ! ถูกได้อีก)
ส่วนวิตามินอื่นๆ เราไม่ได้ทานเสริมเลยค่ะ นี่กำลังศึกษาน้ำมันปลา (ไม่ใช่น้ำมันตับปลานะเธอ..) ที่มีส่วนผสมโอเมก้า 3 และ DHA บลา บลา ...
ว่าควรจะทานมั้ย? ทานเยอะแค่ไหน? มีผลแต่ตัวเล็กมากน้อยแค่ไหน? อืมม.. เยอะแยะตาแป๊ะจิ้มขี้เลย
วกกลับมาที่คุณหมอ... ไปเรื่องยาซะยาว
คุณหมอคนเดิมของเรา คนนี่เน้นจ่ายยา และซาวด์ค่ะ เราซาวด์ตั้งแต่ตัวเล็กยังเป็นก้อน (7 สัปดาห์) และอีกครั้งตอนแงงขิงโผล่ (ประมาณ 9 สัปดาห์)
จากนั้นก็เปลี่ยนคุณหมอ มาเป็นคุณหมอนพดล.. จนบัดนี้ (16 สัปดาห์) คุณหมอก็ยังไม่ซาวด์เลยจ้า
คุณหมอบอกว่า "ไว้ซาวด์ตอน 20 สัปดาห์ ซาวด์ครั้งใหญ่ไปเลย..." (อิแม่ก็รอลุ้นต่อไปว่าตัวเล็กจะเป็นเพศไหน??)
คุณหมอจะตรวจแค่ฟังเสียงหัวใจตัวเล็กค่ะ ถ้าเต้นปกติก็โอเค
บางทีก็ทำเราช๊อคนะ... แบบเห้ยๆ หมอฟังแค่เนี่ย หมอรู้เลยไงว่าตัวเล็กแข็งแรง.. หัวใจเต้นไม่กี่ตึก
แต่แฟนเรากลับชอบค่ะ คุณหมอพูดตรงๆ ไม่อ้อม อะไรดีก็ว่าดี อะไรไม่ดีก็คือไม่ดี
จากที่เคยจ่าย 5-6 พันบาทต่อการไปตรวจครรภ์ นี่เราจ่ายไม่ถึง 2 พันบาทในการไปพบคุณหมอค่ะ (ไม่รวมพวกค่าตรวจเลือดเน๊อะ..)
ฝากครรภ์ครั้งแรกในชีวิตก็ประมาณนี้ค่ะ
เราๆ ต้องเป็นคนตั้งคำถาม ยิงถามคุณหมอไปเลยค่ะอย่าเกรงใจ คุณหมอยินดีที่จะตอบทุกท่านนะเราว่า
อย่างคำถามที่เราถามนะ
- หมอค่ะ.. หนูถ่ายไม่เป็นก้อนเลยคะ?.... หมอตอบ "หมอว่าดีกว่าท้องผูกนะ"
- หมอค่ะ.. หนูอ้วกเป็นน้ำย่อยบ่อยมากช่วงดึกๆคะ?.... หมอตอบ "ไม่เป็นไร ปกติ"
บลา บลา ไร้สาระอีกมากมาย....
ท้ายสุดคุณหมอให้คำแนะนำเราดีมาก....
คุณหมอบอกว่า "ไม่ต้องไปฟัง ไปอ่าน ไปเชื่อคนอื่นเยอะแยะ.. จะทำให้เรากังวลใจและเครียดเปล่าๆ"
"เชื่อตัวเองดีที่สุด.. ไม่มีใครรู้ว่าตัวเล็กต้องการอะไรมากที่สุดนอกจาก "เรา" "
"หลังจากตั้งครรภ์ 3 เดือน อยากทำอะไรก็ทำ ออกกำลังกายได้ปกติแค่อย่าหักโหม อยากไปเที่ยวไหนก็ไปก่อนจะไม่ได้เที่ยว"
"มีเพศสัมพันธ์ได้ปกติ แค่เลี่ยงการกดทับที่ท้องตรงๆ "
"คนท้องไม่ใช่คนป่วย ไม่จำเป็นต้องทำการรักษา คุณหมอมีหน้าที่แค่ช่วยประคอง ตบๆให้เข้าทางที่ถูก และถึงที่หมายปลอดภัยแค่นั้น"
อ่อ!! ส่วนว่าที่คุณแม่ที่กังวลเรื่องน้ำหนักตัวนะคะ
อย่างของเราก่อนตั้งครรภ์หนัก 57-58 กก. (เราสูงแค่ 160 ซม. แต่ไม่อ้วนนะคะ..เรายกเวทหนัก บ้ากล้ามก่อนท้อง แต่ก็ไม่มีกล้ามอยู่ดี)
ตอนนี้เราหนัก 65 กก. ขึ้นมาประมาณ 7-8 โลในระยะเวลา 4 เดือน
คุณหมอไม่ได้ว่าแต่อย่างใดค่ะ เพราะความดันเราปกติ (ความดันดีมากเลยแหละ.. หมอชม!)
อันนี้ตามความเข้าใจของเรา มันขึ้นอยู่กับโครงสร้างของตัวคุณแม่ค่ะว่าเป็นแบบไหน?
อย่างเราหน้าอกขยายเร็วมาก จาก 34C ตอนนี้ 36E แล้วค่ะ (วัดจากตอนตั้งครรภ์ได้ 2 เดือนกว่า) ซึ่งว่าที่คุณแม่บางคนหน้าอกยังไม่ขยายเท่านี้เลย
อย่ากังวลมากค่ะ เพราะมันจะทำให้เครียด ตัวเล็กก็เครียดตามไปด้วยนะจริงๆ
ขนาดท้องก็ไม่ได้เป็นเรื่องน่ากังวลมากค่ะ อย่างเราเป็นคนท้องใหญ่มาก ท้อง 4 เดือนเหมือนท้อง 6 เดือนเลยแหละ
เราว่ามันก็น่ารักดีอ่ะ และเราถือว่าเป็นเรื่องดีที่ท้องขยายเรื่อยๆ ไม่ปุบปับขยาย (อันนี้เสี่ยงผิวแตกค่ะ)
ไร้สาระซะยาว... มีอะไรสอบถามได้นะคะ
เรามีตัวเล็กคนแรก อาจจะตอบอะไรได้ไม่มากนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ ^^
[แชร์] ประสบการณ์ฝากครรภ์ค่ะ
เราก็เป็นอีกคนที่กังวลเรื่องนี้มาก่อนค่ะ ต้องตั้งคำถามให้ตัวเองหลายอย่างเลย
สุดท้ายลงเอยที่ รพ. บำรุงราษฏร์ค่ะ
จากที่เราเคยถามไปว่า จำเป็นหรือไม่...ฝากครรภ์กับทำคลอดต้องเป็นโรงพยาบาลเดียว
- ไม่จำเป็นนะคะ แต่เพื่อความสะดวกในการตรวจเช็ค เราเลือกใช้บริการ รพ. เดียวกันค่ะ แต่เราก็จำเป็นต้องติดต่อกับอีก รพ. หนึ่งที่เราเคยผ่าตัด
เพื่อขอข้อมูลทางการแพทย์มาให้ทาง รพ. ที่เราจะทำคลอดค่ะ
จากนั้นเราก็มองถึงความสะดวกในการเดินทางไป รพ.
- อันนี้สำคัญนะคะ แฟนเราถามคำถามข้อนึงว่า ก่อนคลอดน่าจะประมาณ 2 อาทิตย์ก่อนกำหนดคลอด "เราจะอยู่ที่ไหน?"
เห้ย! คำถามง่ายๆแต่มันตอบยากนะ ใครจะไปรู้ว่าอนาคตจะสิงตัวเองอยู่ไหน?
เราก็ลองคิดค่ะ.. จะอยู่ไหนดีนะ? จะลาคลอดเลยดีมั้ย? หรือมาทำงานเรื่อยๆ จนกว่าจะคลอด
เราเลยตัดสินใจบอกว่าจะทำงานจนกว่าจะคลอดค่ะ (ใจคือไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว.. เหงา!) แฟนก็ตกใจอยู่นะ.. ประมาณว่า "ไหวหรอเอ็ง!"
แฟนเลยเลือก รพ. ที่ใกล้ที่ทำงานเรา (เราอยู่อโศก) และที่ทำงานแฟน (แฟนอยู่เพลินจิต)
เลยจบอยู่ที่ตรงกลางคือ นานา
กรณีฉุกเฉิน ปวดท้องคลอดขณะทำงานล่ะ? เออ! น่าคิดค่ะ...
เราแจ้งเบอร์รถฉุกเฉินของ รพ. พร้อมทั้งชื่อคุณหมอที่ฝากครรภ์ เบอร์ HN ไว้กับพี่ๆน้องๆ ในแผนกทุกคนค่ะ รวมถึงเบอร์โทรสามี คุณพ่อคุณแม่ด้วย
สำคัญนะคะ!! สำหรับว่าที่คุณแม่ที่จะทำงานจนวันสุดท้ายกันเลย
เรื่องงบประมาณในการฝากครรภ์และแพคเกจคลอด
- เรื่องนี้ทำเราเครียดพอสมควรค่ะ อะไรที่ประหยัดได้ก็อยากช่วยแฟนประหยัดอ่ะเน๊อะ..
แต่พอแฟนบอกไม่เป็นไร เขาจ่ายได้... เรื่องงบประมาณเลยไม่ใช่ประเด็นเลยค่ะ เราตัดทิ้ง!!
ว่าที่คุณแม่ก็ลองคำนวณคร่าวๆได้นะคะ
มาที่ฝากครรภ์ก่อน... มาตรวจครั้งหนึ่งต้องจ่ายค่าไรบ้าง?
1. ค่าหมอ (แล้วแต่ รพ. )
2. ค่าพยาบาล (แล้วแต่ รพ.)
3. ค่าบริการ (แล้วแต่ รพ.)
4. ค่าอัลตร้าซาวด์ (แล้วแต่ รพ. อย่างเราซาวด์ประมาณ 2000 กว่าๆค่ะ)
5. ค่ายา (บอกเลยว่าซื้อข้างนอกถูกกว่าเยอะมากๆ)
หากมีการเจาะเลือด ก็จะมี ค่าอุปกรณ์ และ ค่าแล็ปเพิ่มเข้ามาค่ะ
เราโดนค่าเจาะเลือดครั้งแรกไปสาหัสเหมือนกัน แต่แฟนจ่าย.... สบ๊ายยย!!
ส่วนแพคเกจคลอด ส่วนมาก รพ. จะให้จ่ายแบบเหมาๆ
อย่างที่ รพ. บำรุงราษฎร์ เตรียมไว้เลยค่ะ 1แสนต้นๆ สำหรับคลอดธรรมชาติ
1.5 แสน - 2 แสน สำหรับผ่าตัดคลอดค่ะ
ราคาก็หาได้ตามเว็บไซต์ค่ะ มีตั้งแต่หมื่นยันแสนจริงๆ
ส่วนเลือกคุณหมอที่เราจะฝากครรภ์ เราเลือกยังไง?
- ตอนแรกก็ไม่ได้เลือกค่ะ รพ. จัดคุณหมอท่านใดมาก็เอาท่านนั้นเลย
แต่เราก็ต้องเปลี่ยนคุณหมอค่ะ เพราะคุณหมอคนเดิมไปประจำอีก รพ. แล้วมันไม่สะดวกในการเดินทางของเรา
เราเลยต้องฝากกับคุณหมอท่านอื่น สุดท้ายก็ฝากกับคุณหมอ นภดล สโรบล (คุณหมอคู่ใจของแม่ๆหลายท่าน) ค่ะ
ทำไมเราถึงเลือกคุณหมอนภดล?
- อย่างแรกคือเราอยากคลอดธรรมชาติมากๆ เพราะเราไม่อยากบล๊อคหลังค่ะ เราเคยผ่าตัดกระดูกสันหลัง และตอนนี้กระดูกเราไม่ตรง
มันมีความเสี่ยงในการบล๊อคพอสมควรถ้าแพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญในการบล๊อคค่ะ
เพื่อเป็นการลดความเสี่ยง เราก็เลยอยากคลอดธรรมชาติ
ข้อนี้เราแจ้งกับคุณหมอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอค่ะ คุณหมอถึงขั้นบอกว่า "มาหาหมอถูกเลย" (เออน่ะ! อวยตัวเองก็เป็นนะหมอ..)
คุณหมอเน้นคลอดธรรมชาติค่ะ อันนี้คอนเฟิร์มจากเสียงคุณแม่หลายท่าน (กับตัวเองก็นู่นค่ะปลายปี จะมารีวิวคลอดอีกที )
- อย่างที่สอง อะไรที่ไม่จำเป็นคุณหมอไม่ทำ ไม่จ่ายนะคะ ว่าที่คุณแม่หลายท่านกังวลว่าทำไมคุณหมอไม่จ่ายวิตามินให้นะ?
ของเราก็ไม่จ่ายค่ะ แต่เราเป็นฝ่ายถามคุณหมอว่าทานวิตามินเสริมตัวไหนได้บ้าง?
ซึ่งเราเป็นภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กค่ะ จำเป็นต้องทานยาบำรุงเลือดเสริม
หมอก็บอกว่าไปหาซื้อเอานะ (ข้างนอกถูกกว่าเยอะค่ะ เราซื้อ FBC 100 เม็ดในราคา 50 บาท)
คุณหมอจะแนะนำแค่วิธีทาน อย่างของเราหมอแนะนำวันละ 2 เม็ด แต่ถ้ากลัวท้องผูกก็วันละ 1 เม็ด
*** FBC ไม่แนะนำว่าที่คุณแม่ที่มีภาวะโลหิตจางจากความผิดปกติของเม็ดเลือดนะคะ เคสนี้ให้คุณหมอจ่ายยาให้ดีกว่าค่ะ
ส่วนแคลเซียม เราก็ถามคุณหมออีกเช่นกันว่า ทานเสริมได้รึยัง? (เราถามตอนตั้งครรภ์ 12 สัปดาห์) หมอก็แนะนำว่าทานได้แล้ว วันละ 1 เม็ด
(เราก็มาซื้อเอง เราทานแคลเทรต พลัส สีม่วงค่ะ)
ส่วนโฟลิค คุณหมอให้เราหยุดทานหลังจากตั้งครรภ์ 3 เดือนค่ะ
เราก็หยุดทาน แต่หันมาทานพวกนมที่มีแคลเซียมและโฟลิคแทน (แอนมัม รสส้ม... อร่อยล่ำค่ะ ส่วนรสงาดำ... นี่อยากเขวี้ยงทิ้ง โฆษณานมอีก!!)
(โฟลิคสามารถหาซื้อได้ทั่วไปนะคะ แถมถูกกว่า รพ. จ่ายเยอะมาก เราซื้อที่ Boots 20 เม็ด เราจ่ายไป 16 บาท... เออ! ถูกได้อีก)
ส่วนวิตามินอื่นๆ เราไม่ได้ทานเสริมเลยค่ะ นี่กำลังศึกษาน้ำมันปลา (ไม่ใช่น้ำมันตับปลานะเธอ..) ที่มีส่วนผสมโอเมก้า 3 และ DHA บลา บลา ...
ว่าควรจะทานมั้ย? ทานเยอะแค่ไหน? มีผลแต่ตัวเล็กมากน้อยแค่ไหน? อืมม.. เยอะแยะตาแป๊ะจิ้มขี้เลย
วกกลับมาที่คุณหมอ... ไปเรื่องยาซะยาว
คุณหมอคนเดิมของเรา คนนี่เน้นจ่ายยา และซาวด์ค่ะ เราซาวด์ตั้งแต่ตัวเล็กยังเป็นก้อน (7 สัปดาห์) และอีกครั้งตอนแงงขิงโผล่ (ประมาณ 9 สัปดาห์)
จากนั้นก็เปลี่ยนคุณหมอ มาเป็นคุณหมอนพดล.. จนบัดนี้ (16 สัปดาห์) คุณหมอก็ยังไม่ซาวด์เลยจ้า
คุณหมอบอกว่า "ไว้ซาวด์ตอน 20 สัปดาห์ ซาวด์ครั้งใหญ่ไปเลย..." (อิแม่ก็รอลุ้นต่อไปว่าตัวเล็กจะเป็นเพศไหน??)
คุณหมอจะตรวจแค่ฟังเสียงหัวใจตัวเล็กค่ะ ถ้าเต้นปกติก็โอเค
บางทีก็ทำเราช๊อคนะ... แบบเห้ยๆ หมอฟังแค่เนี่ย หมอรู้เลยไงว่าตัวเล็กแข็งแรง.. หัวใจเต้นไม่กี่ตึก
แต่แฟนเรากลับชอบค่ะ คุณหมอพูดตรงๆ ไม่อ้อม อะไรดีก็ว่าดี อะไรไม่ดีก็คือไม่ดี
จากที่เคยจ่าย 5-6 พันบาทต่อการไปตรวจครรภ์ นี่เราจ่ายไม่ถึง 2 พันบาทในการไปพบคุณหมอค่ะ (ไม่รวมพวกค่าตรวจเลือดเน๊อะ..)
ฝากครรภ์ครั้งแรกในชีวิตก็ประมาณนี้ค่ะ
เราๆ ต้องเป็นคนตั้งคำถาม ยิงถามคุณหมอไปเลยค่ะอย่าเกรงใจ คุณหมอยินดีที่จะตอบทุกท่านนะเราว่า
อย่างคำถามที่เราถามนะ
- หมอค่ะ.. หนูถ่ายไม่เป็นก้อนเลยคะ?.... หมอตอบ "หมอว่าดีกว่าท้องผูกนะ"
- หมอค่ะ.. หนูอ้วกเป็นน้ำย่อยบ่อยมากช่วงดึกๆคะ?.... หมอตอบ "ไม่เป็นไร ปกติ"
บลา บลา ไร้สาระอีกมากมาย....
ท้ายสุดคุณหมอให้คำแนะนำเราดีมาก....
คุณหมอบอกว่า "ไม่ต้องไปฟัง ไปอ่าน ไปเชื่อคนอื่นเยอะแยะ.. จะทำให้เรากังวลใจและเครียดเปล่าๆ"
"เชื่อตัวเองดีที่สุด.. ไม่มีใครรู้ว่าตัวเล็กต้องการอะไรมากที่สุดนอกจาก "เรา" "
"หลังจากตั้งครรภ์ 3 เดือน อยากทำอะไรก็ทำ ออกกำลังกายได้ปกติแค่อย่าหักโหม อยากไปเที่ยวไหนก็ไปก่อนจะไม่ได้เที่ยว"
"มีเพศสัมพันธ์ได้ปกติ แค่เลี่ยงการกดทับที่ท้องตรงๆ "
"คนท้องไม่ใช่คนป่วย ไม่จำเป็นต้องทำการรักษา คุณหมอมีหน้าที่แค่ช่วยประคอง ตบๆให้เข้าทางที่ถูก และถึงที่หมายปลอดภัยแค่นั้น"
อ่อ!! ส่วนว่าที่คุณแม่ที่กังวลเรื่องน้ำหนักตัวนะคะ
อย่างของเราก่อนตั้งครรภ์หนัก 57-58 กก. (เราสูงแค่ 160 ซม. แต่ไม่อ้วนนะคะ..เรายกเวทหนัก บ้ากล้ามก่อนท้อง แต่ก็ไม่มีกล้ามอยู่ดี)
ตอนนี้เราหนัก 65 กก. ขึ้นมาประมาณ 7-8 โลในระยะเวลา 4 เดือน
คุณหมอไม่ได้ว่าแต่อย่างใดค่ะ เพราะความดันเราปกติ (ความดันดีมากเลยแหละ.. หมอชม!)
อันนี้ตามความเข้าใจของเรา มันขึ้นอยู่กับโครงสร้างของตัวคุณแม่ค่ะว่าเป็นแบบไหน?
อย่างเราหน้าอกขยายเร็วมาก จาก 34C ตอนนี้ 36E แล้วค่ะ (วัดจากตอนตั้งครรภ์ได้ 2 เดือนกว่า) ซึ่งว่าที่คุณแม่บางคนหน้าอกยังไม่ขยายเท่านี้เลย
อย่ากังวลมากค่ะ เพราะมันจะทำให้เครียด ตัวเล็กก็เครียดตามไปด้วยนะจริงๆ
ขนาดท้องก็ไม่ได้เป็นเรื่องน่ากังวลมากค่ะ อย่างเราเป็นคนท้องใหญ่มาก ท้อง 4 เดือนเหมือนท้อง 6 เดือนเลยแหละ
เราว่ามันก็น่ารักดีอ่ะ และเราถือว่าเป็นเรื่องดีที่ท้องขยายเรื่อยๆ ไม่ปุบปับขยาย (อันนี้เสี่ยงผิวแตกค่ะ)
ไร้สาระซะยาว... มีอะไรสอบถามได้นะคะ
เรามีตัวเล็กคนแรก อาจจะตอบอะไรได้ไม่มากนะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ ^^