สินค้าที่เข้าประเทศไทยมีพกัดภาษีที่ต้องชำระครับ มากหรือน่อยก็ขึ้นกับ HS Code ของสินค้านั้นๆ ซึ่งศุลกากรเป็นผู้กำหนดตามมาตรฐานสากล
สินค้าที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรไทย แบ่งออกได้ 4ประเภทใหญ่ๆในการดำเนินพิธีการศุลกากรนำเข้าแบบสินค้าเร่งด่วน
1. เอกสาร. (น้ำหนักไม่มาก) ไม่เสียภาษี  แต่จ่ายค่าปรับให้ไปรษณีย์ไทย
2. สินค้าที่มูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท ไม่เสียภาษี
3. สินค้าที่มีมูลค่ามากกว่า 1,500 บาท แต่ไม่ถึง 40,000 บาท มีภาษีตามพิกัด
4. สินค้าที่มีมูลค่ามากกว่า 40,000 บาท เสียภาษีตามปกติ เดินพิธีการศุลกากรเต็มรูปแบบ ไม่สามารถเคลียสินค้าแบบเร่งด่วนได้

ทั้งนี้ศุลกากรมีข้อกำหนดให้มูลค่าที่สำแดงเท่ากับ FOB Value ดังนั้นต้องทำการเปลี่ยนมูลค่าสินค้าให้เป็น CIF Value โดยการเอา FOB Value x Freight Zone x Insurance (1% ของ FOB  Value) แล้วจึงไป x กับพิกัดอัตราภาษีศุลกากรของสินค้านั้นๆจึงจะได้ค่าภาษี เอาตัวตั้งทั้งหมดบวกกัน แล้วคูณ VAT 7% จะได้ค่าอากร ดังนั้นจะได้ค่าภาษีและอากร ซึ่งเป็นไปได้ที่จะมากกว่าราคาสินค้า

วิธีคิดเป็นสูตรตายตัวแต่ราคาที่ประเมินเข้ามานั้น ถ้าศุลกากรเห็นว่าต่ำเกินไป (สามารถประเมินจากสินค้าจากแหล่งเดียวกันสินค้าที่ชนิดใกล้เคียงกัน) ก็จะต้องถูกปรับราคาเพื่อใช้คำนวณภาษีขึ้น  ถ้ายืนยันไม่ปรับราคาสินค้าก็จะถูกกักไว้ให้ทำการเคลียสินค้าแบบปกติ ซึ่งผู้รับของต้องเตรียมเอกสารและใช้เวลาดำเนินการหลังจากได้รับเอกสารครบและยื่นเจ้าหน้าที่ไม่น้อยกว่า. 1 วัน แต่ยังคงต้องเสียภาษีเหมือนเดิม