ธุรกิจจิวเวลรี่ ธุรกิจสุดหินที่อยากทำ
ตั้งชื่อกระทู้ ตามกระทู้เก่าในพันทิพที่มีคนเคยเขียนไว้ แต่ต่างกันตรงที่เจ้าของกระทู้คนก่อนยังวางแผนตัดสินใจเริ่มธุรกิจอยู่ ส่วนผมเริ่มทำแล้ว ผ่านมาประมาณเกือบสองปี ใครจะว่าเขียนกระทู้โปรโมทร้าน ยินดีคับ เอาจริงๆ ก็แอบหวังโปรโมทเล็กๆเหมือนกัน
การเป็นเจ้าของธุรกิจสักชิ้น คือความใฝ่ฝันเล็กๆของผมตั้งแต่เด็กๆ ภาพพระเอกในละครหลังข่าว เดินใส่สูทเข้าไปเซ็นเอกสาร เรียกประชุม และสั่งงาน สำหรับผม มันโคตรเท่ แต่ชีวิตจริงเป็นแค่พนักงานรัฐวิสาหกิจ กินเงินเดือน ห่างไกลจากความฝันไปเยอะ แม้มีงานหลักต้องรับผิดชอบ แต่ความฝันต้องไล่ตาม ลองผิดลองถูกไปเยอะ เสียเงินทดลองไปหลายธุรกิจ เสียเงินเก็บเป็นหลักหมื่นหลักแสน แทบไม่ได้คืนกลับมา แต่ก็ยังไม่หยุด
ธุรกิจจิวเวลรี่ เป็นธุรกิจที่ไม่เคยนึกถึง เพราะรู้สึกว่าไกลเกินตัว ใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง พนักงานธรรมดาแบบผม จะหาเงินจากไหนละคับ
จุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจ
ชีวิตจริงตั้งแต่สมัยเด็ก เคยจับแหวนเพชรก็แค่แหวนแต่งงานของพ่อกับแม่ เพชรเม็ดเล็กๆบนตัวเรือน ที่ส่งผ่านมาตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ย่าตายาย ส่วนของตัวเอง เคยอยากได้สักวง คิดไว้ทำงานเก็บเงินได้ จะซื้อใส่ เป็นของรางวัลเล็กๆให้ตัวเอง แต่พอเอาเข้าใจจริงๆ อยากจะเดินเข้าไปดู ก็รู้สึกประหม่า ทั้งกลัวทั้งกังวล ประหนึ่งหนุ่มวัยรุ่นเดินไปดูหนังคนเดียวในโรงเป็นครั้งแรก ทำได้แค่ปาดหน้าร้าน ชำเลืองตาดู เห็นแค่ราคาก็ต้องสะดุ้ง กับราคาป้ายเหยียบแสน (ร้านส่วนใหญ่ชอบโชว์สินค้าสวยๆไว้ด้านหน้า ซึ่งโดยมากมักมีราคาสูง) ยิ้มเจื่อนๆแล้วเดินผ่าน ก่อนวัยเกษียณคงมีกะเค้าสักวง เก็บความอยากใส่กระเป๋ากลับบ้าน
จนเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปต่างประเทศ บินไกลถึงโจฮันเนสเบริ์ก แอฟาริกา ทวีปที่มีเหมืองเพชรใหญ่ติดอันดับโลก ไม่คิดไม่ฝันหรอกคับ ว่าจะไปซื้อเพชรไกลถึงที่นู่น ใจจริงตั้งใจแค่ว่า ถ้าว่าง จะไปกินไปเที่ยว ชมเมือง ถ่ายรูป กินของอร่อยตามประสา(สเต็กเนื้อที่นู่นอร่อยมากจนติดใจ อยากไปกินอีกสักครั้ง) เมื่อสวรรค์เป็นใจ มีเพื่อนไปด้วย บวกพี่ที่ทำงานด้วยอีกหลายคน จัดสรรเวลาได้อย่างลงตัว พี่ที่อยู่ทางนู่นออกปากอาสาจะขับรถพาเที่ยว พาไปเยี่ยมชม lion farm ไปดูสิงโตจ้าวป่าแบบใกล้ๆ แผงคอดูสง่า ลูบหลังเจ้าสิงโตตัวน้อยน่ารัก ที่เอาแต่นอนซะส่วนใหญ่ ตกเย็นพาไปทานสเต็กแสนอร่อย จัดเป็นแบบบุฟฟเฟ่ย์กินได้ไม่อั้น แถมเจ้าของร้านชาวฝรั่งยังมีภรรยาเป็นสาวไทยแดนอิสาน ที่ทำเมนูส้มตำ น้ำจิ้มแจ่ว ข้าวเหนียว ให้คนไทยอย่างเราได้ทานคู่กับสเต็ก พี่เจ้าของร้านไม่ได้มีดีแค่ขายสเต็กนะคับ แต่พี่แกยังทำธุรกิจขายส่งเพชรร่วงด้วย ระหว่างรออาหาร เลยพาทุกคนเข้าไปดูเพชร หยิบให้เลือกดูกันใกล้ๆกันเม็ดต่อเม็ด หลายทรง หลายไซส์ หลายแบบให้เลือกกัน เข้าไปดูแล้ว แสงไฟระยิบระยับ สวยวิบๆ ดูไปดูมาเริ่มหลงใหล เม็ดนั้นก็สวย เม็ดนี้ก็งาม แต่เงินไม่มี ทำได้เพียงชื่นชมด้วยสายตาไปก่อน จนสะดุดกับเพชรทรงหยดน้ำ ที่ไม่แน่ใจว่าสวยไหม ดูเพชรไม่เป็น อ่านเซอร์ไม่เข้าใจ(ใบเซอร์ เป็นของท้องถิ่นที่นู่น ไม่ใช่ GIA HRD อย่างหลายคนรู้จักกัน) ยิ่งดูยิ่งชอบ ยิ่งมองยิ่งหลง ตัดสินใจซื้อกลับบ้าน ทั้งที่ไม่มีเงิน ออกปากของยืมพี่จ่ายไปก่อน สัญญาใจกันไว้ กลับบ้านไปโอนคืนให้นะคับ
ได้เพชรมาแล้ว อารมณ์คล้ายคนบ้า เห่อ หยิบออกมาชื่นชมอยู่หลายรอบ (ถ้าให้เปรียบคงคล้ายๆหมาได้กระดูกอะคับ) แต่พอกลับถึงบ้าน เริ่มกังวล ฉันซื้ออะไรมาว่ะ ของราคาเป็นหมื่นใช้สติปัญญาน้อยนิดในการตัดสินใจ เห็นแค่ราคาถูกกว่าทั่วไปก็คว้ากลับมา พอกังวลมากๆ ทำอะไรไม่ได้ ทำได้อย่างมากก็แค่ศึกษาหาข้อมูลว่าที่ซื้อมา มันคุ้มไหม เปิดเช็คราคามันแทบทุกร้านค้า เปิดเนตอ่านมันทุกเวป อ่านวิธีการดูเพชร การประเมินคุณภาพและราคา เรียกได้ว่าหมกหมุ่นอยู่หลายเดือนจนกว่าได้คำตอบ
สเตปแรกผ่านไป สเตปสองตามมา มีเพชรแล้ว อยากทำเป็นแหวนละจะทำไง สอบถามจากเพื่อนหลายคน ทุกคนแนะนำให้วิ่งเข้าร้านจิวเวลรี่ มีหลายร้านที่เพื่อนแนะนำ แต่เอาเข้าจริง ด้วยงบที่น้อย สั่งทำจากร้านจิวเวลรี่เลยก็สู้งบไม่ไหว เช็คราคาแล้วระดับเราแทบจะขอพับโครงการไปก่อน แต่ซื้อเก็บไว้หลายเดือนแล้ว อารมณ์กระสันอยากได้ มันช่างร้อนรุ่มในใจ อยากได้แหวนสวยๆมาใส่บนนิ้ว แต่ถ้าสั่งจากร้านจิวเวลรี่คงสู้ไม่ไหว งั้นพุ่งตรงสู่โรงงานน่าจะได้ราคาดีกว่า คิดได้แบบนี้ ต้องหาข้อมูลขั้นตอนการทำแหวนเพชร อินเตอร์เน็ตคับ พี่กูเกิ้ลเรามีทุกอย่าง เปิดหาเปิดอ่านจนพอใจ ได้รายชื่อโรงงานมาหลายที่ ทั้งโทร ทั้งบุก เพื่อสอบถามพูดคุย หลายแห่งเค้าทำตามเฉพาะแบบของเค้า หรือไม่ก็ต้องสั่งหลายชิ้น อันนี้เข้าใจคับ เพราะงานเค้าเยอะ ทั้งงานของร้านค้าปลีก งานค้าส่ง งานส่งออก แต่ยังมีอีกหลายโรงงานพร้อมให้บริการ
ในใจคิด หากคิดจะทำแหวน สั่งตรงจากแหล่งผลิต จะทำให้เหมือนคนอื่นทำไม ไหนๆจะทำทั้งที ต้องทำให้แตกต่าง เปิดแบบแหวนเพชรทรงหยดน้ำสำหรับผู้ชายดูจากอินเตอร์เนต แต่ไม่มีครับ ทรงหยดน้ำส่วนใหญ่มีแต่ของผู้หญิง แม้แบบจะสวย แต่สาวเกินไป ผู้ชายร่างยักษ์อย่างผมใส่คงไม่เหมาะ เลยต้องคิดใหม่ เอาไอเดียมาจากเนต วาดรูปแบบกะโหลกกะลา ส่งให้ช่าง แอบกังวลใจว่า ช่างจะเข้าใจไหม คุยกัน อธิบายไปหลายรอบ ในที่สุดเราก็ได้แบบอยากที่เราต้องการ
ระยะเวลาผ่านไป 6เดือน หลังจากได้เพชรเม็ดร่วง บวกอีก 3-4สัปดาห์ แหวนเพชรในฝันก็ออกมา(รวมๆแล้ว ราคาถูกกว่าทั่วไปหลายตังค์) อาจจะไม่ใช่แหวนเพชรที่สวยที่สุด แต่ก็เป็นแหวนวงแรกที่มีเรื่องราวและแรงบันดาลใจมากมาย เพราะเพชรหนึ่งเม็ด กลายเป็นแหวนหนึ่งวง เปลี่ยนเป็นแรงบันดาลใจ สู่จุดเริ่มต้นสู่ธุรกิจจิวเวลรี่
เริ่มต้น
พูดถึงแหวนเพชรวงแรก ที่เป็นแรงบันดาลใจในการเริ่มทำธุรกิจนี้ไปแล้ว หลังจากได้แหวนมาแล้ว คิดๆในใจ มาถึงจุดนี้แล้ว ทำใส่เองได้ ทำไมไม่ทำขาย เกิดประกายไอเดียเล็กๆอยู่ในหัว หากคิดจะทำ ต้องศึกษาความเป็นไปได้ หลายๆคนว่าไว้ ธุรกิจนี้สุดหิน ไม่ใช่จะทำกันได้ง่ายๆเงินไม่ถึง สายป่านไม่ยาวจะทำได้ไง มัวแต่คิดมัวแต่กังวล คงไม่ได้เริ่มกันสักที ความอยากบวกความตั้งใจมีพร้อม ต้องเปิดโลก หาโอกาสและความเป็นไปได้ทุกรูป
รูปแบบธุรกิจจิวเวลรี่เองมีหลากหลาย ทั้งของแท้ของเลียนแบบ มีตั้งแต่ขายเพชรร่วง โรงงาน ร้านค้าส่ง และร้านค้าปลีก ประเทศไทยเองถือเป็นแหล่งผลิตสินค้าจิวเวลรี่ที่สำคัญ ช่างฝีมือไทยเก่งๆระดับโลกค่อนข้างเยอะ
1. ตัวเลือกแรกที่น่าสนใจ คือรับจากร้านค้าส่งมาขาย บวกกำไรเอง เป็นหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ไม่ต้องวุ่นวายกับการผลิต แบบทั่วไปขายได้อยู่แล้ว แต่ไม่มีความแตกต่าง หาง่ายทั่วไปในตลาด แต่ไม่สามารถกำหนดรูปแบบและคุณภาพได้ตามต้องการ ไม่มีแตกต่าง ขายกันสิบร้าน มีเหมือนกันสิบร้าน คนซื้อไม่ได้อะไรใหม่ๆเลย
2. เป็นตัวแทนแฟรนไชส์ ภายใต้แบรนด์ ไม่ยุ่งยากวุ่นวาย รูปแบบสินค้าและคุณภาพอยู่ภายใต้แบรนด์นั้นๆ มีระบบการจัดการ มีชื่อเสียงเดิมเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว แต่ไม่มีอิสระ ทุกอย่างถูกกำหนดด้วยต้นสังกัด อยากจะคิด อยากจะทำอะไรใหม่ๆหมดโอกาส เราเป็นผู้ตาม ไม่ใช่ผู้นำ
3. ทำเอง เปิดแบรนด์ใหม่ เหมือนจะง่ายครับ แต่ถือว่ายาก ค่อนข้างวุ่นวาย ต้องหาวัตถุดิบ หาโรงงานผลิต คิดรูปแบบธุรกิจ คิดแบบโลโก้ บรรจุภัณฑ์ หาลูกค้า สร้างความไว้ใจ ฯลฯ เริ่มนับหนึ่งใหม่ในทุกเรื่อง มีเรื่องให้คิดให้ทำร้อยแปดพันเก้า แต่มีอิสระ สามารถสร้างสรรค์ได้ตามที่คิด แม้ค่อนข้างเสี่ยงและเครียด แต่สนุก
สามตัวเลือกที่พอเป็นไปได้ พอมองเห็นอนาคตว่า "สู้ไหว" แม้ช้อยส์จะน้อยลง แต่ต้องรอบคอบ เพราะหากเลือกผิด ชีวิตเปลี่ยน จะมาใช้วิธีโยนใส่ถ้วย แล้วเขย่าๆเป็นเซียมซี ธุรกิจคงไปไม่รอด ทั้งคิด ทั้งศึกษาหาข้อมูล ทั้งปรึกษา ต้องคำนวณต้นทุนค่าใช้จ่ายด้วย นอนกุมขมับไปหลายสิบวันเลยทีเดียว
แม้จะเลือกยากสักหน่อย ผมตัดสินใจเลือกแบบที่สามคับ แม้จะค่อนข้างเสี่ยง และยุ่งยาก แต่มีอิสระในการทำงานสูง บวกด้วยงบประมาณที่มีน้อย เริ่มต้นจากเล็กๆ ทำงานอย่างอิสระน่าจะดีกว่า
ทำได้ดีประสบความสำเร็จ ทำแย่ไม่สำเร็จ ก็เจ๊งคนเดียวล้วนๆคับ
ธุรกิจจิวเวลรี่ ธุรกิจสุดหินที่อยากทำ
ตั้งชื่อกระทู้ ตามกระทู้เก่าในพันทิพที่มีคนเคยเขียนไว้ แต่ต่างกันตรงที่เจ้าของกระทู้คนก่อนยังวางแผนตัดสินใจเริ่มธุรกิจอยู่ ส่วนผมเริ่มทำแล้ว ผ่านมาประมาณเกือบสองปี ใครจะว่าเขียนกระทู้โปรโมทร้าน ยินดีคับ เอาจริงๆ ก็แอบหวังโปรโมทเล็กๆเหมือนกัน
การเป็นเจ้าของธุรกิจสักชิ้น คือความใฝ่ฝันเล็กๆของผมตั้งแต่เด็กๆ ภาพพระเอกในละครหลังข่าว เดินใส่สูทเข้าไปเซ็นเอกสาร เรียกประชุม และสั่งงาน สำหรับผม มันโคตรเท่ แต่ชีวิตจริงเป็นแค่พนักงานรัฐวิสาหกิจ กินเงินเดือน ห่างไกลจากความฝันไปเยอะ แม้มีงานหลักต้องรับผิดชอบ แต่ความฝันต้องไล่ตาม ลองผิดลองถูกไปเยอะ เสียเงินทดลองไปหลายธุรกิจ เสียเงินเก็บเป็นหลักหมื่นหลักแสน แทบไม่ได้คืนกลับมา แต่ก็ยังไม่หยุด
ธุรกิจจิวเวลรี่ เป็นธุรกิจที่ไม่เคยนึกถึง เพราะรู้สึกว่าไกลเกินตัว ใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง พนักงานธรรมดาแบบผม จะหาเงินจากไหนละคับ
จุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจ
ชีวิตจริงตั้งแต่สมัยเด็ก เคยจับแหวนเพชรก็แค่แหวนแต่งงานของพ่อกับแม่ เพชรเม็ดเล็กๆบนตัวเรือน ที่ส่งผ่านมาตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ย่าตายาย ส่วนของตัวเอง เคยอยากได้สักวง คิดไว้ทำงานเก็บเงินได้ จะซื้อใส่ เป็นของรางวัลเล็กๆให้ตัวเอง แต่พอเอาเข้าใจจริงๆ อยากจะเดินเข้าไปดู ก็รู้สึกประหม่า ทั้งกลัวทั้งกังวล ประหนึ่งหนุ่มวัยรุ่นเดินไปดูหนังคนเดียวในโรงเป็นครั้งแรก ทำได้แค่ปาดหน้าร้าน ชำเลืองตาดู เห็นแค่ราคาก็ต้องสะดุ้ง กับราคาป้ายเหยียบแสน (ร้านส่วนใหญ่ชอบโชว์สินค้าสวยๆไว้ด้านหน้า ซึ่งโดยมากมักมีราคาสูง) ยิ้มเจื่อนๆแล้วเดินผ่าน ก่อนวัยเกษียณคงมีกะเค้าสักวง เก็บความอยากใส่กระเป๋ากลับบ้าน
จนเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปต่างประเทศ บินไกลถึงโจฮันเนสเบริ์ก แอฟาริกา ทวีปที่มีเหมืองเพชรใหญ่ติดอันดับโลก ไม่คิดไม่ฝันหรอกคับ ว่าจะไปซื้อเพชรไกลถึงที่นู่น ใจจริงตั้งใจแค่ว่า ถ้าว่าง จะไปกินไปเที่ยว ชมเมือง ถ่ายรูป กินของอร่อยตามประสา(สเต็กเนื้อที่นู่นอร่อยมากจนติดใจ อยากไปกินอีกสักครั้ง) เมื่อสวรรค์เป็นใจ มีเพื่อนไปด้วย บวกพี่ที่ทำงานด้วยอีกหลายคน จัดสรรเวลาได้อย่างลงตัว พี่ที่อยู่ทางนู่นออกปากอาสาจะขับรถพาเที่ยว พาไปเยี่ยมชม lion farm ไปดูสิงโตจ้าวป่าแบบใกล้ๆ แผงคอดูสง่า ลูบหลังเจ้าสิงโตตัวน้อยน่ารัก ที่เอาแต่นอนซะส่วนใหญ่ ตกเย็นพาไปทานสเต็กแสนอร่อย จัดเป็นแบบบุฟฟเฟ่ย์กินได้ไม่อั้น แถมเจ้าของร้านชาวฝรั่งยังมีภรรยาเป็นสาวไทยแดนอิสาน ที่ทำเมนูส้มตำ น้ำจิ้มแจ่ว ข้าวเหนียว ให้คนไทยอย่างเราได้ทานคู่กับสเต็ก พี่เจ้าของร้านไม่ได้มีดีแค่ขายสเต็กนะคับ แต่พี่แกยังทำธุรกิจขายส่งเพชรร่วงด้วย ระหว่างรออาหาร เลยพาทุกคนเข้าไปดูเพชร หยิบให้เลือกดูกันใกล้ๆกันเม็ดต่อเม็ด หลายทรง หลายไซส์ หลายแบบให้เลือกกัน เข้าไปดูแล้ว แสงไฟระยิบระยับ สวยวิบๆ ดูไปดูมาเริ่มหลงใหล เม็ดนั้นก็สวย เม็ดนี้ก็งาม แต่เงินไม่มี ทำได้เพียงชื่นชมด้วยสายตาไปก่อน จนสะดุดกับเพชรทรงหยดน้ำ ที่ไม่แน่ใจว่าสวยไหม ดูเพชรไม่เป็น อ่านเซอร์ไม่เข้าใจ(ใบเซอร์ เป็นของท้องถิ่นที่นู่น ไม่ใช่ GIA HRD อย่างหลายคนรู้จักกัน) ยิ่งดูยิ่งชอบ ยิ่งมองยิ่งหลง ตัดสินใจซื้อกลับบ้าน ทั้งที่ไม่มีเงิน ออกปากของยืมพี่จ่ายไปก่อน สัญญาใจกันไว้ กลับบ้านไปโอนคืนให้นะคับ
ได้เพชรมาแล้ว อารมณ์คล้ายคนบ้า เห่อ หยิบออกมาชื่นชมอยู่หลายรอบ (ถ้าให้เปรียบคงคล้ายๆหมาได้กระดูกอะคับ) แต่พอกลับถึงบ้าน เริ่มกังวล ฉันซื้ออะไรมาว่ะ ของราคาเป็นหมื่นใช้สติปัญญาน้อยนิดในการตัดสินใจ เห็นแค่ราคาถูกกว่าทั่วไปก็คว้ากลับมา พอกังวลมากๆ ทำอะไรไม่ได้ ทำได้อย่างมากก็แค่ศึกษาหาข้อมูลว่าที่ซื้อมา มันคุ้มไหม เปิดเช็คราคามันแทบทุกร้านค้า เปิดเนตอ่านมันทุกเวป อ่านวิธีการดูเพชร การประเมินคุณภาพและราคา เรียกได้ว่าหมกหมุ่นอยู่หลายเดือนจนกว่าได้คำตอบ
สเตปแรกผ่านไป สเตปสองตามมา มีเพชรแล้ว อยากทำเป็นแหวนละจะทำไง สอบถามจากเพื่อนหลายคน ทุกคนแนะนำให้วิ่งเข้าร้านจิวเวลรี่ มีหลายร้านที่เพื่อนแนะนำ แต่เอาเข้าจริง ด้วยงบที่น้อย สั่งทำจากร้านจิวเวลรี่เลยก็สู้งบไม่ไหว เช็คราคาแล้วระดับเราแทบจะขอพับโครงการไปก่อน แต่ซื้อเก็บไว้หลายเดือนแล้ว อารมณ์กระสันอยากได้ มันช่างร้อนรุ่มในใจ อยากได้แหวนสวยๆมาใส่บนนิ้ว แต่ถ้าสั่งจากร้านจิวเวลรี่คงสู้ไม่ไหว งั้นพุ่งตรงสู่โรงงานน่าจะได้ราคาดีกว่า คิดได้แบบนี้ ต้องหาข้อมูลขั้นตอนการทำแหวนเพชร อินเตอร์เน็ตคับ พี่กูเกิ้ลเรามีทุกอย่าง เปิดหาเปิดอ่านจนพอใจ ได้รายชื่อโรงงานมาหลายที่ ทั้งโทร ทั้งบุก เพื่อสอบถามพูดคุย หลายแห่งเค้าทำตามเฉพาะแบบของเค้า หรือไม่ก็ต้องสั่งหลายชิ้น อันนี้เข้าใจคับ เพราะงานเค้าเยอะ ทั้งงานของร้านค้าปลีก งานค้าส่ง งานส่งออก แต่ยังมีอีกหลายโรงงานพร้อมให้บริการ
ในใจคิด หากคิดจะทำแหวน สั่งตรงจากแหล่งผลิต จะทำให้เหมือนคนอื่นทำไม ไหนๆจะทำทั้งที ต้องทำให้แตกต่าง เปิดแบบแหวนเพชรทรงหยดน้ำสำหรับผู้ชายดูจากอินเตอร์เนต แต่ไม่มีครับ ทรงหยดน้ำส่วนใหญ่มีแต่ของผู้หญิง แม้แบบจะสวย แต่สาวเกินไป ผู้ชายร่างยักษ์อย่างผมใส่คงไม่เหมาะ เลยต้องคิดใหม่ เอาไอเดียมาจากเนต วาดรูปแบบกะโหลกกะลา ส่งให้ช่าง แอบกังวลใจว่า ช่างจะเข้าใจไหม คุยกัน อธิบายไปหลายรอบ ในที่สุดเราก็ได้แบบอยากที่เราต้องการ
ระยะเวลาผ่านไป 6เดือน หลังจากได้เพชรเม็ดร่วง บวกอีก 3-4สัปดาห์ แหวนเพชรในฝันก็ออกมา(รวมๆแล้ว ราคาถูกกว่าทั่วไปหลายตังค์) อาจจะไม่ใช่แหวนเพชรที่สวยที่สุด แต่ก็เป็นแหวนวงแรกที่มีเรื่องราวและแรงบันดาลใจมากมาย เพราะเพชรหนึ่งเม็ด กลายเป็นแหวนหนึ่งวง เปลี่ยนเป็นแรงบันดาลใจ สู่จุดเริ่มต้นสู่ธุรกิจจิวเวลรี่
เริ่มต้น
พูดถึงแหวนเพชรวงแรก ที่เป็นแรงบันดาลใจในการเริ่มทำธุรกิจนี้ไปแล้ว หลังจากได้แหวนมาแล้ว คิดๆในใจ มาถึงจุดนี้แล้ว ทำใส่เองได้ ทำไมไม่ทำขาย เกิดประกายไอเดียเล็กๆอยู่ในหัว หากคิดจะทำ ต้องศึกษาความเป็นไปได้ หลายๆคนว่าไว้ ธุรกิจนี้สุดหิน ไม่ใช่จะทำกันได้ง่ายๆเงินไม่ถึง สายป่านไม่ยาวจะทำได้ไง มัวแต่คิดมัวแต่กังวล คงไม่ได้เริ่มกันสักที ความอยากบวกความตั้งใจมีพร้อม ต้องเปิดโลก หาโอกาสและความเป็นไปได้ทุกรูป
รูปแบบธุรกิจจิวเวลรี่เองมีหลากหลาย ทั้งของแท้ของเลียนแบบ มีตั้งแต่ขายเพชรร่วง โรงงาน ร้านค้าส่ง และร้านค้าปลีก ประเทศไทยเองถือเป็นแหล่งผลิตสินค้าจิวเวลรี่ที่สำคัญ ช่างฝีมือไทยเก่งๆระดับโลกค่อนข้างเยอะ
1. ตัวเลือกแรกที่น่าสนใจ คือรับจากร้านค้าส่งมาขาย บวกกำไรเอง เป็นหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ไม่ต้องวุ่นวายกับการผลิต แบบทั่วไปขายได้อยู่แล้ว แต่ไม่มีความแตกต่าง หาง่ายทั่วไปในตลาด แต่ไม่สามารถกำหนดรูปแบบและคุณภาพได้ตามต้องการ ไม่มีแตกต่าง ขายกันสิบร้าน มีเหมือนกันสิบร้าน คนซื้อไม่ได้อะไรใหม่ๆเลย
2. เป็นตัวแทนแฟรนไชส์ ภายใต้แบรนด์ ไม่ยุ่งยากวุ่นวาย รูปแบบสินค้าและคุณภาพอยู่ภายใต้แบรนด์นั้นๆ มีระบบการจัดการ มีชื่อเสียงเดิมเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว แต่ไม่มีอิสระ ทุกอย่างถูกกำหนดด้วยต้นสังกัด อยากจะคิด อยากจะทำอะไรใหม่ๆหมดโอกาส เราเป็นผู้ตาม ไม่ใช่ผู้นำ
3. ทำเอง เปิดแบรนด์ใหม่ เหมือนจะง่ายครับ แต่ถือว่ายาก ค่อนข้างวุ่นวาย ต้องหาวัตถุดิบ หาโรงงานผลิต คิดรูปแบบธุรกิจ คิดแบบโลโก้ บรรจุภัณฑ์ หาลูกค้า สร้างความไว้ใจ ฯลฯ เริ่มนับหนึ่งใหม่ในทุกเรื่อง มีเรื่องให้คิดให้ทำร้อยแปดพันเก้า แต่มีอิสระ สามารถสร้างสรรค์ได้ตามที่คิด แม้ค่อนข้างเสี่ยงและเครียด แต่สนุก
สามตัวเลือกที่พอเป็นไปได้ พอมองเห็นอนาคตว่า "สู้ไหว" แม้ช้อยส์จะน้อยลง แต่ต้องรอบคอบ เพราะหากเลือกผิด ชีวิตเปลี่ยน จะมาใช้วิธีโยนใส่ถ้วย แล้วเขย่าๆเป็นเซียมซี ธุรกิจคงไปไม่รอด ทั้งคิด ทั้งศึกษาหาข้อมูล ทั้งปรึกษา ต้องคำนวณต้นทุนค่าใช้จ่ายด้วย นอนกุมขมับไปหลายสิบวันเลยทีเดียว
แม้จะเลือกยากสักหน่อย ผมตัดสินใจเลือกแบบที่สามคับ แม้จะค่อนข้างเสี่ยง และยุ่งยาก แต่มีอิสระในการทำงานสูง บวกด้วยงบประมาณที่มีน้อย เริ่มต้นจากเล็กๆ ทำงานอย่างอิสระน่าจะดีกว่า
ทำได้ดีประสบความสำเร็จ ทำแย่ไม่สำเร็จ ก็เจ๊งคนเดียวล้วนๆคับ