เรียน EP หรือ เรียน Inter ดีกว่ากันครับ

ตอนนี้ผมกำลังตัดสินใจเลือกให้ลูกที่จะเข้าป.1 ในปีการศึกษา2562-2563
ซึ่งตอนนี้กำลังชั่งใจอยู่กับ2 ระบบนี้อยู่ ซึ่งเข้าใจว่า
โรงเรียนที่มีระบบEP จะสอนวิชาคณิต,อังกฤษ,วิทย์ ด้วยภาษาอังกฤษ
แต่ในส่วนของวิชาภาษาไทย,สังคม,ศาสนา จะสอนด้วยภาษาไทย แต่จะได้วิชาการด้วย
แต่ในส่วนของInter จะสอนด้วยภาษาอังกฤษทั้งหมด ในบางโรงเรียนจะมีสอนภาษาไทย
วิชาการจะด้อยกว่า แต่ภาษาจะดีกว่า
ปล.ที่ผมเข้าใจมาไม่รู้ว่าถูกต้องเปล่า ถ้าผิดช่วยแนะนำด้วยครับ


จึงอยากเรียนสอบครับว่าน่าจะส่งลูกไปเรียนในทิศทางใดดีกว่าครับ

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นล่วงหน้าครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องเงิน
Inter แนะนำอินเตอร์แน่นอนล้านเปอร์เซ็นค่ะ

เราในฐานะเคยเรียนทั้ง รร.รัฐ, ep  และ inter มาจนมหาลัย และเป็นติวเตอร์ด้วยตอนนี้

ความเชื่อที่ว่า Inter วิชาการด้อยกว่า ภาษาดีกว่า อันนี้ผิดค่ะ เราไม่แน่ใจว่าความเชื่อพวกนี้มาจากไหน
ภาษาดีกว่าแน่นอน แต่วิชาการก็ได้ด้วยค่ะ ส่วนใหญ่เด็กอินเตอร์วิชาการก็ดี โดยเฉพาะในโรงเรียนอินเตอร์ดังๆที่วิชาการแข็ง
(และเด็กกลุ่มนี้ค่อนข้างหัวไว ด้วยความมั่นใจในตัวเอง ไม่กลัวการออกจาก comfort zone นักค่ะ)

แต่ถ้าเป็นส่วนของเด็ก EP จากประสพการณ์และวิเคราะห์โดยหลักการและเหตุผล
วิชาการจะไม่แน่นเท่าเด็กไทย ภาษาก็จะไม่แน่นเท่าเด็กอินเตอร์ (แต่ภาษาดีกว่าหลักสูตรไทยล้วน) จะก้ำกึ่งค่ะ
เพราะอะไร? เพราะว่า เด็ก EP สังคมและในรร.ก็ยังเป็นอะไรไทยๆ ทำให้ภาษาอังกฤษไม่ได้เป็นธรรมชาติและคล่องเท่าอินเตอร์แน่นอน
พูดกับเพื่อนก็ยังไทย ฟังอะไรหน้าเสาธงก็ไทย คือได้ฟังและเรียนภาษาแค่ในชั้นเรียน เผลอๆแทบไม่ได้พูดอิ๊งค่ะ
จะเห็นได้ว่า เด็กจะพอฟังได้ อ่านได้ แต่จะพูดไม่ได้ค่ะ หรือได้น้อยมาก

และในส่วนวิชาหลักที่เรียนเป็นภาษาอังกฤษ เช่น วิทย์ คณิต
จากข้างต้นที่พูดถึงระดับภาษาในภาพรวมของนักเรียนEP เขาก็ไม่ได้เข้าใจเนื้อหา 100%
ตรงนี้จึงทำให้วิชาการอ่อนกว่าเด็กไทยหรืออินเตอร์ด้วยซ้ำค่ะ
การสื่อสารระหว่างครูและนร.ในห้อง ก็น้อยไปด้วย เพราะเรื่องภาษาและการเข้าใจ
นี่ยังไม่นับความเหนียมอายสไตล์ไทยๆนะคะ

ที่ว่ามาเราไม่ได้บอกว่า EP ไม่ดีนะคะ หากมีเงินพอประมาณ EP ก็เหมาะ มันดีนะคะ
ที่แน่ๆ ลูกคุณก็จะได้การฟัง การอ่านภาษาอังกฤษไปด้วยค่ะ การพูดอันนี้แล้วแต่สไตล์รรแล้วค่ะ
ดีกว่าเรียนอยู่รรไทยธรรมดาแน่นอนค่ะในเรื่องของภาษา

ที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ได้พูดถึงการเรียนเสริมข้างนอกของนักเรียนนะคะ
พูดในแง่ที่โรงเรียนให้กับนักเรียนโดยตรง

ผู้ปกครองต้องลองชั่งใจและนึกถึงผลระยะยาวด้วยค่ะ
เช่น สถานะการเงิน ความมั่นคงในงาน ฯลฯ

มีอะไรปรึกษาได้นะคะ ยินดีแนะนำค่ะ
ความคิดเห็นที่ 8
ตามความเข้าใจของผมในเรื่อง ep นะครับ ไม่แน่ใจว่าถูกหรือเปล่า มีคนบอกมาอีกที ถ้าผิดก็ขออภัยด้วยครับ

Ep ก็คือโรงเรียนที่ใช้หลักสูตรของโรงเรียนไทยแต่สอนเป็นภาษาอังกฤษแค่นั้นเองครับ
ส่วน inter คือการเอาหลักสูตรเมืองนอกมาใช้ในโรงเรียนเลย ครูก็ต้องผ่านการรับรองของประเทศเจ้าของหลักสูตร มันก็เหมือนกับการที่ส่งลูกไปเรียนเมืองนอก แต่ว่าเรียนอยู่เมืองไทยครับ

ด้านวิชาการอย่าคิดมากครับ โรงเรียน inter ในไทยส่วนใหญ่จะใช้อยู่ 2 หลักสูตรคือ usa กับ uk ทั้ง 2 ประเทศนี้มี หมอ, วิศวกร, สถาปนิก, ฯลฯ ด้วยกันทั้งนั้นครับ บางสาขาอาชีพเราก็รู้ๆกันอยู่ว่าเราสู้ต่างชาติไม่ได้ ถ้าคิดว่าโรงเรียน inter อ่อนวิชาการ ผมว่าไม่จริงเลย

ผมเรียนโรงเรียนไทย แต่มีโอกาศได้ไปเรียน usa มา 1 ปีตอนเกรด 12 แต่ต้องกลับมาเพราะปัญหาเศรษฐกิจ ไม่ได้ต่อมหาลัยที่นั่น บอกได้เลยครับว่าหลังสือที่เรียนที่นั่นกับที่เมืองไทย เนื้อหาไม่ได้ต่างกันมาก แต่ที่ต่างกันมากคือวิธีการสอน ที่นั่นไม่เน้นท่องจำ อะไรที่ควรจำก็ต้องจำ แต่บอกได้เลยว่าไม่เยอะ เน้นทำความเข้าใจ เน้นให้รู้จักคิด ไม่เน้นว่าประกาศอิสรภาพปีไหน แต่เน้นว่าทำไมต้องประการอิสรภาพ ไม่ต้องท่องสูตรเพื่อเข้าสอบวิชาเลข, ฟิสิกส์, เคมี มีสูตรให้ตอนสอบ แต่จะเน้นว่าคุณจะต้องใช้สูตรให้เป็น รู้จักพลิกแพลงสูตรที่ให้มา

สมัยนี้ผมไม่รู้ว่าโรงเรียนไทยเป็นยังไงบ้าง ยังเหมือนตอนที่ผมเรียนอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้นะครับ แต่ตอนที่ผมเรียนอยู่ยังเน้นท่องจำอยู่ ถ้าปัจจุบันยังเหมือนเดิมอยู่ผมแนะนำว่าเรียน inter ดีกว่าครับ

ป.ล. ลูกสาวผมเรียน inter ครับ
ความคิดเห็นที่ 15
ก่อนอื่นขอตอบแบบไม่เหมารวมนะคะ

ทั้ง EPและ Inter ต้องแยกเป็น 2 ระดับก่อน คือ ประถม กับ มัธยม

EP ประถม
ก็มักเป็นพวกโรงเรียนเอกชน   ถ้าเรียน EP ตั้งแต่ช่วงนี้ วิชาการไม่แข็งเท่าเด็กไทย ภาษาไม่ได้เท่า Inter แน่นอน
เพราะ การสื่อสารที่ยังไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติ วิชาการที่ต้องอธิบายโดยครูต่างชาติ ในขณะที่ความพร้อม
ด้านภาษาของเด็กส่วนใหญ่ยังไม่สูง เนื้อหาของหลักสูตรแบบไทยที่เน้นปริมาณ วิธีการสอนที่เน้นท่องจำ ไม่ใช่คิดวิเคราะห์
่ส่วนใหญ่ เมื่อขึ้นประถมปลายต้องไปเรียนกวดวิชาเพื่อให้ความรู้ในวิทย์ - คณิต แน่นขึ้นกันทั้งนั้น เด็กๆส่วนใหญ่จึงต้องโหลดมาก
ฃ่วงประถมปลาย เพื่อให้ได้ความรู้มากพอสำหรับเนื้อหาที่ยากขึ้นในระดับมัธยม  เมื่อสอบเข้ามัธยม EP ของรัฐ กลุ่มครีมสอบติด แต่ที่เหลือกระจายกันไป ผลสัมฤทธิ์ทางวิชาการไม่ได้แตกต่างกับเด็กไทยในระบบอื่นๆมากนัก

Inter ประถม
เด็กได้เรียนตามหลักสูตรแท้ๆ ของประเทศนั้นๆ นอกจากการสอนเป็นภาษาอังกฤษเกือบทั้งหมด สิ่งแวดล้อม บรรยากาศ
ก็ใช้ภาษาอังกฤษตลอดเวลา  หลักสูตรเน้นคิดวิเคราะห์ ไม่ได้วัดผลจากความจำ มีทั้งความเป็นผู้นำ กล้าแสดงออก การแก้ปัญหา
ความคิดสร้างสรรค์ บรรยากาศการเรียนก็เป็นไปอย่างสนุก เด็กสามารถแย้งครูได้ถ้ามีความรู้ หรือเหตุผลมาหักล้าง ไม่มีบรรยากาศแบบ
ต้องห้ามเถียง ห้ามถาม เชื่อฟังครูอย่างเดียว ไม่ต้องเรียนพิเศษหนัก  มีกิจกรรมให้ค้นหาตัวเองเยอะ ส่วนคุณภาพทางวิชาการก็ขึ้นกับเกรดของโรงเรียน มีตั้งแต่ดีมาก ถึงไม่ดีมากๆ

EP มัธยม
EP มัธยมของรร.รัฐ ส่วนใหญ่คุณภาพสูงจริง ได้ทั้งวิชาการและภาษา เพียงพอที่จะมีโอกาสสูงในการเข้าเรียนในระดับอุดมศึกษาต่อไป
แต่ถ้าดูจำนวน ก็จะพบว่าเป็นกลุ่มเล็กๆ ที่นั่งมีจำกัด เป็นเด็กที่คัดมาจากกลุ่มครีมของเด็กที่เรียน EP ประถมอีกที + กับเด็กหลักสูตรสามัญเก่งๆ ที่เรียน อังกฤษเสริม  ดังนั้น โอกาสในเข้าเรียน EP รัฐของเด็กที่มาจาก EPเอกชน ไม่ง่าย การแข่งขันสูง ภาพรวมของเด็กส่วนใหญ่ที่เรียนเคยเรียน EP เอกชนในระดับประถม พอถึงมัธยมก็กระจายกันไป  รร.เอกชน บางแห่งก็ไม่เปิด EP ในระดับนี้แล้ว บางรร.มีจบแค่ประถม เพราะในแง่ธุรกิจ ทำต่อลำบาก หาครูที่มีคุณภาพยาก

Inter มัธยม
ข้อดีของเรียน inter ช่วงนี้ก็เป็นเหมือนประถม แต่มีข้อเสียที่ผู้ปกครองกังวลชัดเจนขึ้น จากสังคมที่แตกต่างจากเด็กในระบบไทยชัด
ทั้ง lifestyle แนวคิดเรื่องเพศ สัมมาคารวะ ทำให้บางครอบครัวที่ยังไม่เปิดใจรับกับวัฒนธรรมกังวล

อุดมศึกษา
เด็กที่จบ Inter ถ้าไม่เรียนตปท. ก็เรียนต่อหลักสูตร Inter ที่ตอนนี้หลากหลายมากขึ้น คณะแพทย์ก็มีแล้ว
เด็กที่จบ EP ในรร.รัฐ เก่งอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ก็ต่อ มหาวิทยาลัยดีๆได้ เดี๋ยวนี้สอบตรงก็ไม่ยาก หรือเรียนหลักสูตร Inter ก็ได้ เพราะ6ปีในมัธยม
ในช่วงเวลาที่พร้อม ไม่มีปัญหาอะไร

หลักๆ EP มัธยม ถ้าลูกสอบติดไม่น่าห่วง ที่น่าห่วงคือการเรียน EP ตั้งแต่ประถมและเชื่อมต่อมัธยมมากกว่า ว่าลูกเราจะอยู่ในกลุ่มเด็กที่ประสบความสำเร็จมั้ย หรือ หลุดไปตอนมัธยม

แต่ทั้งนี้ ไม่ว่าหลักสูตรไหน ก็มีทั้งข้อดี ข้อเสีย ไม่มีสูตรสำเร็จ ชึ้นอยู่กับลักษณะของเด็ก เป้าหมาย ความคาดหวังของครอบครัว เลือกให้เหมาะที่สุด อะไรที่ขาดก็ไปเสริมเอาข้างนอก ถ้าเด็กมีแรงจูงใจมีเป้าหมายในชีวิต ต่อให้ครอบครัวไม่มีความพร้อมก็จะมีแรงผลักดันให้สำเร็จได้ไม่ต่างกัน

ปล.ความเห็นส่วนตัว จากการทำงานในวงการศึกษา และเจอเด็ก และ ผปค.ทุกรูปแบบค่ะ
ความคิดเห็นที่ 44
จากคนที่เคย รับเด็กเข้าทำงานที่มาจาก เด็กตรีนอก  2 คน กับ เด็กปตรี จุฬา เกษตร ลาดกระบัง
สรุป ด็กจุฬา ทำงานดีมาก ภาษาอังกฤษก็โอเคนะ เห็นบอกว่า เรียนจาก youtube
เด็ก inter ภาษาอังกฤษดีมาก แต่ว่า พอแจกงานยากๆ จะทำไม่ค่อยได้ ทั้งสองคน
สรุปตอนนั้น งานยากให้เด็กจุฬา เกษตร ลาดกระบัง ส่วนงานง่ายให้เด็ก inter แต่ว่า เด็กจุฬาจะได้ ขึ้นเงินเดือนมากที่สุด  เก่งสุด
สุดท้ายเด็ก inter ทนไม่ได้ ลาออกไปเอง เหลือแต่ เด็ก จุฬา เกษตร ลาดกระบัง

เด็ก inter จะมีปัญหา เรื่องเข้ากับเพื่อนไทยลำบาก
ถ้าคิดว่า ลูกจะทำงานที่ไทย แนะนำให้ ไป EP หรือ สามัญ จะได้เปรียบกว่า ไม่มีปัญหาเรื่องการเข้ากับสังคมไทย
ตอนสัมภาษณ์ เด็ก inter จะดูดีกว่า แต่ว่า ตอนทำงาน คนละเรื่อง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่