สวัสดีค่ะ เรามีเรื่องสำคัญมาแจ้งเพื่อนสมาชิกทุกท่าน เพื่อให้ช่วยกันระวังในการใช้ชีวิตคนเมืองค่ะ
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา เราไปไหว้พระบรมสารีริกธาตุที่ภูเขาทอง วัดสระเกศ จากนั้นเวลาประมาณ 13.30 น. เราเดินออกมาที่ถนนมหาชัย เพื่อขึ้นรถเมล์สาย 56 โดยเราเดินริมถนนทางซ้ายมือตามภาพนี้ค่ะ
เราเดินมาเรื่อย ๆ โดยไม่ได้คิดอะไร เพราะปรกติเราก็เดินเส้นนี้อยู่ประจำ แต่ในขณะนั้นเอง เราก็รู้สึกว่ามีแรงกระชาก เราเห็นรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง ขนาบข้างเรา เรารู้ตัวว่าโดนกระชากเลยรีบดึงกลับ แต่สายกระเป๋าของเราหลุด เรารีบวิ่งตาม แต่ถนนเลนที่เราเดินรถโล่งมาก ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามรถติดแน่น รถคันที่กระชากเรา ขับไกลเราออกไปแบบสบาย ๆ ไม่ได้บิด เหมือนขับปรกติ แต่แรงฝีเท้าของมนุษย์ก็ไม่มีทางที่จะแซงได้ เมื่อเรารู้ว่าเราวิ่งตามไม่ทัน เรารีบสังเกตุเลขทะเบียน และเลขทะเบียนที่เราได้คือ วทว XX9 กรุงเทพมหานคร
เราวิ่งกระหืดกระหอบมาเข้าป้อมตำรวจ สำราญราษฎร์ ไม่มีตำรวจอยู่ประจำป้อม เป็นป้อมที่ว่างเปล่า เราเลยโทรหา 191 แจ้งเหตุการณ์ ผ่านไปสัก 5 นาที มีตำรวจมาที่ป้อม แต่ตำรวจกลับงงว่า มีอะไร (เพราะตำรวจท่านนั้นไม่ได้รับเหตุ) เราเลยนับ 1 กับตำรวจท่านนั้นใหม่ว่าเราเพิ่งโดนกระชากกระเป๋า สถานีตำรวจไปทางไหน ตำรวจชี้และบอกว่าเดินไปทางนี้นิดเดียวก็ถึง เราจึงรีบมาที่สถานทีตำรวจสำราญราษฏร์
เมื่อมาถึงสถานี เรากำลังเดินขึ้นโรงพัก ได้ยินเสียง ว. แจ้งอะไรบางอย่าง ตามด้วยหมายเลขโทรศัพท์เรา XXX-XXX2999 นั่นเบอร์เรา เราเลยแจ้งกับตำรวจที่กำลังเดินลงบันไดท่านหนึ่งว่า นั่นเบอร์เรา ตำรวจท่านนั้นจึงทราบว่าเราเป็นผู้เสียหาย และก็ให้เราขึ้นไปให้ปากคำที่โรงพัก และเชิญเราทำแผน ณ ที่เกิดเหตุ
ตำรวจบอกกับเราประมาณว่า ข้อมูลของเรายังไม่มาก และตรงนั้นไม่มีกล้องวงจรปิด ทำให้เรารู้สึกว่าเราจะคว้าน้ำเหลว
ถามว่าเราคิดยังไงกับคนที่ชิงกระเป๋าเราไปและเพราะอะไรเราถึงอยากจับให้ได้ ถ้าให้เราตอบตามจริงคือ เราต้องการถามดี ๆ ว่า ทำเพราะอะไร และถ้าเป็นไปได้ เราอยากให้เค้าไปขอขมาพ่อกับแม่เราและเราจะให้เค้าถวายสังฆทาน โดยเราจะออกให้เอง เพื่อให้เค้ากับเรา ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน ๆ อย่าได้เป็นเจ้ากรรมนายเวรกันอีก
เราไปทำแผน ณ ที่เกิดเหตุ ทำให้เราได้เห็นกล้องวงจรปิดของร้านพลุ หลังทำแผน เรากลับมาที่สน.อีกครั้ง และตำรวจถึง 3 ท่าน สอบปากคำเรานานมาก (4ชม.) จนเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น เราก็ออกมาจะกลับบ้าน แต่ในใจเรายังคาใจ เราเลยย้อนไปที่เกิดเหตุ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ร้านพลุที่มีกล้องวงจรปิดฟัง และนี่คือภาพที่เราได้จากร้านขายพลุ
เมื่อเราได้ภาพ เราวิ่งจากร้านพลุกลับไปที่สน.และเอาภาพให้ตร.ทันที
บุคคลในภาพนี้ รถคันนี้ คือรถที่กระชากกระเป๋าเรา นายคนนี้สวมเสื้อแจ๊กเก็ตแขนยาว หมวก , รถ ออกไปทางสีขาว (หรืออาจจะครีม) นี่คือสิ่งที่เราได้ และมีกล้องของกทม.อีก 1 ตัว ที่หันหน้ามาหาเราตอนที่เกิดเหตุ จากฝั่งตรงข้ามวัดราชนัดดา ซึ่งเราหวังว่า กล้องนั้นจะใช้ได้ และมุมภาพจะเห็นตอนที่เราโดนกระชาก
ล่าสุด จากที่เราช่วยตร.รวบรวมหลักฐานให้ มีอัพเดทจากเจ้าหน้าที่ว่า
- จากหมายเลขทะเบียนที่เราเห็นด้านหลัง + รุ่นรถที่เราได้ภาพมา ทำให้ทราบชื่อ "เจ้าของรถ" คันดังกล่าวแล้ว
- ตร.จะประสานงานกับกทม.เพื่อขอภาพจากกล้องวงจรปิด
ณ เวลานี้ เรารอความคืบหน้าจากเจ้าหน้าที่ เราคิดว่าหลักฐานน่าจะเพียงพอที่จะออกหมายจับแล้ว
จากเหตุการณ์ข้างต้น เราจึงขอแชร์เรื่องนี้ให้กับเพื่อน ๆ สมาชิกและคนกรุงเทพทุกคนได้ทราบค่ะว่า
เรา และคนกรุงเทพ ได้มาอยู่ในจุดที่ว่า "เดินบนนถนนใหญ่ เวลากลางวัน" ไม่ใช่ "เดินในซอยเปลี่ยนในเวลากลางคืน"
ก็สามารถถูกปล้นได้แล้ว
ดีที่ในกระเป๋าใบนั้นเราไม่ได้ใส่อะไรไว้มาก และโทรศัพท์ของเราใหญ่ (8.4นิ้ว) ทำให้เราใส่โทรศัพท์ในกระเป๋าไม่ได้
แต่ถ้าเป็นคนอื่นล่ะ ที่มีโทรศัพท์ เงิน และของมีค่าใส่ไว้ในกระเป๋า
ถ้าเป็นคนอื่น ที่ไม่ทันสังเกตุทะเบียน
และในมุมนั้น ไม่มีกล้องวงจรปิด
บอกได้เลยคุณจะโชคร้ายมาก ๆ หรือนั่นอาจเป็นเวลาที่คุณจะหมดกรรมกันเลยทีเดียว
ขอเดือนและขอฝากเพื่อน ๆ ทุกคนนะคะ เวลาเดินให้ระวังรถที่มาจากด้านหลัง และถ้าเดินชิดกำแพงซ้าย ให้สะพายกระเป๋าไว้ทางซ้าย ถ้าเดินชิดขวา ให้สะพายกระเป๋าไว้ทางขวา หากเกิดเหตุ ให้รีบใช้สติดูสี ป้ายทะเบียน เสื้อ ผิวสีและลักษณะคนร้ายให้มากที่สุดค่ะ
เทคแคร์ค่ะ
เตือนภัย เราโดนกระชากกระเป๋า ในเวลากลางวัน กลางถนนเส้นใหญ่ในกรุงเทพ
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา เราไปไหว้พระบรมสารีริกธาตุที่ภูเขาทอง วัดสระเกศ จากนั้นเวลาประมาณ 13.30 น. เราเดินออกมาที่ถนนมหาชัย เพื่อขึ้นรถเมล์สาย 56 โดยเราเดินริมถนนทางซ้ายมือตามภาพนี้ค่ะ
เราเดินมาเรื่อย ๆ โดยไม่ได้คิดอะไร เพราะปรกติเราก็เดินเส้นนี้อยู่ประจำ แต่ในขณะนั้นเอง เราก็รู้สึกว่ามีแรงกระชาก เราเห็นรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่ง ขนาบข้างเรา เรารู้ตัวว่าโดนกระชากเลยรีบดึงกลับ แต่สายกระเป๋าของเราหลุด เรารีบวิ่งตาม แต่ถนนเลนที่เราเดินรถโล่งมาก ในขณะที่ฝั่งตรงข้ามรถติดแน่น รถคันที่กระชากเรา ขับไกลเราออกไปแบบสบาย ๆ ไม่ได้บิด เหมือนขับปรกติ แต่แรงฝีเท้าของมนุษย์ก็ไม่มีทางที่จะแซงได้ เมื่อเรารู้ว่าเราวิ่งตามไม่ทัน เรารีบสังเกตุเลขทะเบียน และเลขทะเบียนที่เราได้คือ วทว XX9 กรุงเทพมหานคร
เราวิ่งกระหืดกระหอบมาเข้าป้อมตำรวจ สำราญราษฎร์ ไม่มีตำรวจอยู่ประจำป้อม เป็นป้อมที่ว่างเปล่า เราเลยโทรหา 191 แจ้งเหตุการณ์ ผ่านไปสัก 5 นาที มีตำรวจมาที่ป้อม แต่ตำรวจกลับงงว่า มีอะไร (เพราะตำรวจท่านนั้นไม่ได้รับเหตุ) เราเลยนับ 1 กับตำรวจท่านนั้นใหม่ว่าเราเพิ่งโดนกระชากกระเป๋า สถานีตำรวจไปทางไหน ตำรวจชี้และบอกว่าเดินไปทางนี้นิดเดียวก็ถึง เราจึงรีบมาที่สถานทีตำรวจสำราญราษฏร์
เมื่อมาถึงสถานี เรากำลังเดินขึ้นโรงพัก ได้ยินเสียง ว. แจ้งอะไรบางอย่าง ตามด้วยหมายเลขโทรศัพท์เรา XXX-XXX2999 นั่นเบอร์เรา เราเลยแจ้งกับตำรวจที่กำลังเดินลงบันไดท่านหนึ่งว่า นั่นเบอร์เรา ตำรวจท่านนั้นจึงทราบว่าเราเป็นผู้เสียหาย และก็ให้เราขึ้นไปให้ปากคำที่โรงพัก และเชิญเราทำแผน ณ ที่เกิดเหตุ
ตำรวจบอกกับเราประมาณว่า ข้อมูลของเรายังไม่มาก และตรงนั้นไม่มีกล้องวงจรปิด ทำให้เรารู้สึกว่าเราจะคว้าน้ำเหลว
ถามว่าเราคิดยังไงกับคนที่ชิงกระเป๋าเราไปและเพราะอะไรเราถึงอยากจับให้ได้ ถ้าให้เราตอบตามจริงคือ เราต้องการถามดี ๆ ว่า ทำเพราะอะไร และถ้าเป็นไปได้ เราอยากให้เค้าไปขอขมาพ่อกับแม่เราและเราจะให้เค้าถวายสังฆทาน โดยเราจะออกให้เอง เพื่อให้เค้ากับเรา ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน ๆ อย่าได้เป็นเจ้ากรรมนายเวรกันอีก
เราไปทำแผน ณ ที่เกิดเหตุ ทำให้เราได้เห็นกล้องวงจรปิดของร้านพลุ หลังทำแผน เรากลับมาที่สน.อีกครั้ง และตำรวจถึง 3 ท่าน สอบปากคำเรานานมาก (4ชม.) จนเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น เราก็ออกมาจะกลับบ้าน แต่ในใจเรายังคาใจ เราเลยย้อนไปที่เกิดเหตุ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ร้านพลุที่มีกล้องวงจรปิดฟัง และนี่คือภาพที่เราได้จากร้านขายพลุ
เมื่อเราได้ภาพ เราวิ่งจากร้านพลุกลับไปที่สน.และเอาภาพให้ตร.ทันที
บุคคลในภาพนี้ รถคันนี้ คือรถที่กระชากกระเป๋าเรา นายคนนี้สวมเสื้อแจ๊กเก็ตแขนยาว หมวก , รถ ออกไปทางสีขาว (หรืออาจจะครีม) นี่คือสิ่งที่เราได้ และมีกล้องของกทม.อีก 1 ตัว ที่หันหน้ามาหาเราตอนที่เกิดเหตุ จากฝั่งตรงข้ามวัดราชนัดดา ซึ่งเราหวังว่า กล้องนั้นจะใช้ได้ และมุมภาพจะเห็นตอนที่เราโดนกระชาก
ล่าสุด จากที่เราช่วยตร.รวบรวมหลักฐานให้ มีอัพเดทจากเจ้าหน้าที่ว่า
- จากหมายเลขทะเบียนที่เราเห็นด้านหลัง + รุ่นรถที่เราได้ภาพมา ทำให้ทราบชื่อ "เจ้าของรถ" คันดังกล่าวแล้ว
- ตร.จะประสานงานกับกทม.เพื่อขอภาพจากกล้องวงจรปิด
ณ เวลานี้ เรารอความคืบหน้าจากเจ้าหน้าที่ เราคิดว่าหลักฐานน่าจะเพียงพอที่จะออกหมายจับแล้ว
จากเหตุการณ์ข้างต้น เราจึงขอแชร์เรื่องนี้ให้กับเพื่อน ๆ สมาชิกและคนกรุงเทพทุกคนได้ทราบค่ะว่า
เรา และคนกรุงเทพ ได้มาอยู่ในจุดที่ว่า "เดินบนนถนนใหญ่ เวลากลางวัน" ไม่ใช่ "เดินในซอยเปลี่ยนในเวลากลางคืน"
ก็สามารถถูกปล้นได้แล้ว
ดีที่ในกระเป๋าใบนั้นเราไม่ได้ใส่อะไรไว้มาก และโทรศัพท์ของเราใหญ่ (8.4นิ้ว) ทำให้เราใส่โทรศัพท์ในกระเป๋าไม่ได้
แต่ถ้าเป็นคนอื่นล่ะ ที่มีโทรศัพท์ เงิน และของมีค่าใส่ไว้ในกระเป๋า
ถ้าเป็นคนอื่น ที่ไม่ทันสังเกตุทะเบียน
และในมุมนั้น ไม่มีกล้องวงจรปิด
บอกได้เลยคุณจะโชคร้ายมาก ๆ หรือนั่นอาจเป็นเวลาที่คุณจะหมดกรรมกันเลยทีเดียว
ขอเดือนและขอฝากเพื่อน ๆ ทุกคนนะคะ เวลาเดินให้ระวังรถที่มาจากด้านหลัง และถ้าเดินชิดกำแพงซ้าย ให้สะพายกระเป๋าไว้ทางซ้าย ถ้าเดินชิดขวา ให้สะพายกระเป๋าไว้ทางขวา หากเกิดเหตุ ให้รีบใช้สติดูสี ป้ายทะเบียน เสื้อ ผิวสีและลักษณะคนร้ายให้มากที่สุดค่ะ
เทคแคร์ค่ะ