หลังจากที่พยายามหาจังหวะและโอกาสอันเหมาะสมมานาน ในที่สุดผมก็ได้จังหวะเดินเข้าไปที่ห้องทำงานของหัวหน้าทีม เพื่อขอลางาน 4 วัน (ไม่รวมเสาร์อาทิตย์) และออกไปท่องเที่ยวตามใจตัวเองซักที โดยจุดหมายปลายทางของผมในครั้งนี้ก็คือ ประเทศญี่ปุ่น นี่แหละครับ แต่ไปญี่ปุ่นทั้งที จะไปแบบธรรมดาๆ มันจะไปตื่นเต้นยังไง ผมจึงวางแผนทริปสุดอินดี้ของผมขึ้น โดยการเช่ารถขับขึ้นทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงโตเกียว มุ่งหน้าสู่ Gunma Prefecture เมืองแห่งบ่อน้ำร้อน อย่างไรก็ตาม ผมมีเวลาอยู่ในประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด 6 วัน จึงวางแผนที่จะเที่ยวในกรุงโตเกียวในวันแรก หลังจากนั้น วันที่ 2 - 4 จะเป็นการมุ่งหน้าเยือน Gunma Prefecture ก่อนจะกลับมาอยู่ในโตเกียวในวันที่ 5 - 6
- เ ก ร็ ด เ ล็ ก เ ก ร็ ด น้ อ ย -
การเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก และจะไม่เป็นครั้งสุดท้ายอย่างแน่นอน หลายๆครั้งที่ได้มีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศนี้ ผมมักจะได้รับความสนุกสนานกลับมาทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวหรือกิจกรรมต่างๆที่มีโอกาสได้ไปทำ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมักจะสร้างความประทับใจเป็นพิเศษจากเกาะแห่งนี้ กลายเป็น Culture ที่เป็นเรื่องของ "นามธรรม" คือ จิตใจ ความมีน้ำใจ และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของประชาชนคนญี่ปุ่น ซึ่งหากได้สัมผัสโดยตรงแล้ว คุณจะรู้เลยว่าคนญี่ปุ่นได้รับการปลูกฝังพื้นฐานทางด้านจิตใจและความคิดมาอย่างดีมาก (อาจจะดีที่สุดในโลกแล้วก็ได้) คุณจะสามารถพบเห็น Culture เหล่านี้ได้ตามสถานที่ต่างๆ เช่น สถานที่ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า หรือแม้กระทั่งห้องน้ำในปั๊มน้ำมันเล็กๆ ไม่ว่าคุณจะตามหาสิ่งใด หรือต้องการความช่วยเหลือในรูปแบบไหน ขอแค่คุณเปิดปากถามด้วยภาษาอังกฤษเป็นคำสั้นๆ ความช่วยเหลือจากประชาชนคนอาทิตย์อุทัยพร้อมเสมอที่จะเข้ามาหาตัวคุณ ในบางครั้งมันอาจเข้ามามากกว่าที่คุณขอด้วยซ้ำ ผมจึงไม่เคยตั้งคำถามเลยว่า ทำไมประเทศญี่ปุ่นถึงได้เจริญและมีความเป็นระเบียบ จนขึ้นชื่อได้ว่าเป็นประเทศที่เจริญที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง
- อ อ ก ไ ป วั น นี้ -
06:55 am : เดินทางถึงสนามบินฮาเนดะกรุงโตเกียว
08:00 am : ฝากกระเป๋าเดินทาง ณ โรงแรม The Tokyo Station Hotel
10:00 am : ออกร่อนย่าน Chiyoda และด้านหน้า The Imperial Palace
11:00 am : ร่อนย่าน Marunouchi
12:00 pm : ชิมเนื้อร้านชาบู Imahan ย่าน Ginza
13:30 pm : ออกร่อนย่าน Shibuya
17:00 pm : เดินเฮฮา ณ Daimaru
20:00 pm : Maisen สูตรแดนอาทิตย์อุทัย
เครื่องบิน Boeing 747 ของการบินไทยลงจอด ณ สนามบิน Haneda International Airport เวลา 6 นาฬิกา 55 นาที ตามเวลาท้องถิ่นของประเทศญี่ปุ่น หลังจากขุดและลากตัวเองออกจากที่นั่งผู้โดยสารและลงจากเครื่องได้แล้ว ผมก็ได้รับโอกาสในการออกกำลังกายในสนามบินประเทศญี่ปุ่นก็เริ่มต้นขึ้นจากทางเดินจาก Gate มาจนถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองนั้น ไกลเป็นกิโลเลยจ้า เดินมาถึงคิวตรวจคนเข้าเมืองก็เปียกไปครึ่งหลังทีเดียว หลังจากผ่านการตรวจคนเข้าเมือง และรับกระเป๋าเดินทางแล้วนั้น ก็ถึงเวลาออกเดินทางเสียที
ถึงแม้การเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองโดยรถไฟจะไม่ได้ยากมากนัก แต่เช้าวันแรก ขอสบายๆเป็นรถไปส่งก็แล้วกัน นอกจากจะได้พักผ่อนในระหว่างนั่งรถแล้ว ยังได้เห็นสภาพบ้านเมืองและถนนหนทางของประเทศญี่ปุ่นด้วย มีข้อสังเกตว่ารถยนต์ประเทศนี้ขับพวงมาลัยขวาเหมือนประเทศไทยของเรานะครับ แต่ในความเหมือนที่แตกต่างก็คือการขับรถของคนญี่ปุ่นช่างเป็นระเบียบเสียจริง ไม่มีการขับปาดซ้ายปาดขวา หรือขับรถเร็วเกินกว่าที่อัตรากำหนด รถทุกคันเคลื่อนไปในลักษณะที่วิ่งตามๆ กันไปเรื่อยๆ เหมือนการเข้าคิวซื้อของไม่มีผิด
อย่างที่ทราบกันดีว่าการเดินทางในกรุงโตเกียวด้วยรถไฟ เป็นช่องทางที่สะดวกที่สุด เนื่องมาด้วยสถานีที่มีความถี่ค่อนข้างเยอะ ทำให้สามารถเดินทางไปยังสถานที่ๆ เราต้องการได้ด้วยความรวดเร็ว และราคาไม่แพงจนเกินไป ดังนั้น ผมจึงเลือกพักที่โรงแรม The Tokyo Station Hotel โรงแรมที่เป็นส่วนหนึ่งของสถานีรถไฟโตเกียว เพียงแค่ลงลิฟต์จากห้องพักแล้วเปิดประตูโรงแรมออกมา ก็สามารถเดินเข้าสถานีรถไฟได้ทันที โดยมีประตูทางเข้าถึง 3 ประตูเลยทีเดียว
Tokyo Station นั้น ตั้งอยู่ในย่าน Chiyoda ซึ่งเป็นย่านที่มีพื้นที่ติดกับพระราชวังหลวง (The Imperial Palace) ถือเป็นศูนย์กลางการปกครองของประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณเลยทีเดียว บรรยากาศโดยรอบบริเวณนี้จะมีลักษณะที่สบายๆ เนื่องจากคนไม่พลุกพล่านมากนัก มีพื้นที่สาธารณะที่ชัดทำไว้เป็นลานกว้างสวยงาม รายล้อมไปด้วยอาคารที่มี Design การออกแบบแนว Modern มีสระน้ำเล็กๆ และน้ำพุเรียงเป็นระเบียบ ถือเป็นบรรยากาศเช้าวันแรกที่มีความ Relax เหมาะกับอากาศเย็นๆ มีฝนพรำเป็นบางเวลา
ไหนๆ ก็มาเดินเยี่ยมชมย่าน Chiyoda แล้ว ก็ขอข้ามถนนอีกนิดไปเดินดูสวนหน้าพระราชวังหลวง (The Imperial Palace) อีกซักนิด เนื่องจากครั้งแรกที่มาเยี่ยมชมบริเวณด้านหน้าด้านพระราชวังแล้ว วันนี้จึงอยากจะไปชมทางด้านหลังบ้าง ส่วนใหญ่แล้วพระราชวังญี่ปุ่นนั้น มีเอกลักษณ์อยู่อย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ คือต้องมีคูน้ำล้อมรอบเพื่อป้องกันหรือชลอข้าศึกในสมัยโบราณ
ข้ามคูน้ำด้วยสะพานเล็กๆ มา จะพบกับสวนขนาดใหญ่บริเวณหน้าพระราชวังที่ได้รับการตกแต่งและดูแลเป็นอย่างดี
- Marunouchi - เป็นอีกหนึ่งย่านที่ผมไม่เคยมา เนื่องจากเคยได้อ่านผ่านตามาบ้างว่าเป็นย่านธุรกิจขนาดใหญ่ และคิดว่าคงไม่มีอะไรให้ท่องเที่ยวมากนัก แต่ในครั้งนี้ Marunouchi มาตั้งอยู่ตรงข้ามโรงแรมที่พักแล้ว ผมจึงถือโอกาสนี้ในการเปิดหูเปิดตาสถานที่ใหม่ๆบ้าง แล้วจึงพบว่า "ผมคงต้องเปลี่ยนความคิดเสียแล้วล่ะ" เพราะมันดีงามกว่าที่คิดมาก
Marunouchi ในส่วนนี้ เป็นถนนเล็กๆ ที่บนทางเท้าเรียงรายไปด้วยร้านค้า Brand Name สุดหรูและร้านอาหารตลอดสองข้างทาง มาพร้อมกับบรรยากาศสุดชิค มีต้นไม้สองข้างฟุตบาทที่มีลำต้นโค้งเข้าสู่ตรงกลาง ทำให้อากาศไม่ร้อนมาก ในช่วงเวลา 11.00 น. ยังเป็นช่วงที่คนทำงานยังไม่พักเที่ยง คนไม่พลุกพล่านมากนัก ทำให้สามารถเดินไปได้เรื่อยๆ สบายๆ จะไปนอนเล่นชมความสวยงามของยอดไม้ กลางถนนก็ไม่มีใครว่า เนื่องจากถนนปิดอยู่
นอกจาก Marunouchi จะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการ shopping ของ brand name ต่างๆแล้ว Marunouchi ยังเป็นแบบในการวาดภาพของจิตรกรสูงอายุชาวญี่ปุ่นอีกด้วย สังเกตได้จากสองข้างทางที่มีคนจำนวนมาก (ส่วนใหญ่เป็นวัยป้าๆ) มาจับจองที่นั่งบนทางเท้า พร้อมเก้าอี้ส่วนตัว กระดานวาดภาพ และดินสอคู่ใจ นั่งสร้างสรรผลงานของแต่ละคนอย่างขะมักเขม่น
Brick Square เป็นสถานที่โดดเด่นอีกแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณ Marunouchi ด้วย design ซุ้มประตูทางเข้าที่ลำสมัยไม่เหมือนใคร พร้อมสรรพไปด้วยร้านอาหารมากมาย มีสวนเล็กๆ บรรยากาศสบายๆ ให้คนเมืองได้มีโอกาสสัมผัสธรรมชาติสีเขียวซึ่งหาได้ยากยิ่งในยุคสมัยนี้ ซึ่งคนส่วนมากก็จะใช้พื้นที่ดังกล่าวในการนั่งอ่านหนังสือ นั่งทำงาน หรือพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง
บริเวณสวนเล็กๆด้านใน ตกแต่งเป็นลานเล็กๆ ให้ผู้คนได้นั่งสบายๆ มีการสร้างที่นั่งเป็นวงกลมล้อมรอบต้นไม้ และมีน้ำพุเล็กๆประดับไว้กลางลาน หลายสิ่งหลายอย่างในบริเวณนี้ต่างกับที่ได้จินตนาการไว้ นี่สินะ Innovation ใหม่ๆ ที่มีความจำเป็นมากสำหรับชีวิตในปัจจุบัน ย่านธุรกิจไม่จำเป็นต้องมีแต่ธุรกิจการงานล้วนๆ หากมีไอเดียดีๆ สอดใส่ลงไปในการออกแบบแล้ว ยังสามารถทำให้ย่านธุรกิจธรรมดาๆ กลายเป็นย่านธุรกิจท่องเที่ยวได้อีกด้วย
และแล้วก็ถึงเวลาเที่ยง เวลาของอาหารมื้อแรกของวัน เที่ยงวันนี้ ได้มาจัดหนักที่ร้าน Imahan เป็นร้าน Suki ซึ่งค่อนข้างมีชื่อในย่าน Ginza โดยขึ้นรถไฟใต้ดินจาก Tokyo Station ใช้เส้นทางสีแดง หรือ Marunouchi Line ไปลงสถานี Ginza ใช้เวลาแค่ 2 นาที เสียค่าตั๋วรถไฟเพียง 170 เยน เท่านั้น เดินจากสถานีมาประมาณ 5 นาทีก็ถึงร้าน โดยร้านตั้งบนชั้น 5 ของตึก Kojun
มาแล้วครับ เนื้อแทรกมันลายสวยๆ เสิร์ฟพร้อมไข่ดิบ และชุดผักรวมเล็กๆน้อยๆ แต่วันนี้ผักก็ต้องถอยห่างเพราะเรามาเพื่อเนื้อเท่านั้นครับ
เริ่มแรกนั้น จะมีพนักงานของทางร้านมาสาธิตการต้มเนื้อให้ดูกันก่อนครับ โดยเขาจะเริ่มจากการใส่น้ำสุกี้น้อยๆ ขั้นตอนในการทำให้เนื้อสุกนั้น ออกจากคล้ายกับการต้มกึ่งผัดเสียมากกว่าที่จะเป็นการต้มล้วนๆ (นึกถึงภาพร้านสุกี้ญี่ปุ่นในประเทศไทยที่เราเทน้ำสุกี้ซะจนแทบจะทะลักออกจากหม้อ สุดท้ายจะทำให้เนื้อที่ต้มแล้วเค็มเกินไป)
แน่นอนครับ การต้มเนื้อไม่ควรให้สุกมากนัก เหลือเป็นสีแดงๆไว้ซักนิด จะทำให้เนื้อนุ่มและรสชาติกลมกล่อม ก่อนเข้าปากก็ต้องชุบไข่ดิบซักนิด บอกเลยว่านุ่มครับ ด้วยความที่มีมันแทรกอยู่ด้วย ทำให้ความนุ่มของเนื้อมีความพอดี ไม่เหนียวและรสชาติดี ไม่ผิดหวังชริงๆ ที่เลือก Imahan
อิ่มหนำสำราญเรียบร้อย มีพลังในการตะลุยกรุงโตเกียวต่อในช่วงบ่าย โดยเริ่มจากการเดินเยี่ยมชมย่าน Ginza ไปพลางๆ ระหว่างเดินทางไปยังสถานี Ginza
สังเกตเห็นได้ชัดว่าคนญี่ปุ่นมักจะข้ามถนนตรงทางม้าลายเสมอ โดยอาศัยการกดปุ่มตรงทางข้าม เพื่อให้สัญญาณไฟจราจรหาจังหวะที่รถจะสามารถหยุดและให้คนข้ามได้ บวกกับการขับขี่รถยนต์ของคนญี่ปุ่นนั้นเป็นไปตามกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัด ดังนั้น ความปลอดภัยในการข้ามถนนที่ประเทศนี้จึงมีค่อนข้างสูง
[CR] Exploring North Western Japan Trip Day 1
หลังจากที่พยายามหาจังหวะและโอกาสอันเหมาะสมมานาน ในที่สุดผมก็ได้จังหวะเดินเข้าไปที่ห้องทำงานของหัวหน้าทีม เพื่อขอลางาน 4 วัน (ไม่รวมเสาร์อาทิตย์) และออกไปท่องเที่ยวตามใจตัวเองซักที โดยจุดหมายปลายทางของผมในครั้งนี้ก็คือ ประเทศญี่ปุ่น นี่แหละครับ แต่ไปญี่ปุ่นทั้งที จะไปแบบธรรมดาๆ มันจะไปตื่นเต้นยังไง ผมจึงวางแผนทริปสุดอินดี้ของผมขึ้น โดยการเช่ารถขับขึ้นทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงโตเกียว มุ่งหน้าสู่ Gunma Prefecture เมืองแห่งบ่อน้ำร้อน อย่างไรก็ตาม ผมมีเวลาอยู่ในประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด 6 วัน จึงวางแผนที่จะเที่ยวในกรุงโตเกียวในวันแรก หลังจากนั้น วันที่ 2 - 4 จะเป็นการมุ่งหน้าเยือน Gunma Prefecture ก่อนจะกลับมาอยู่ในโตเกียวในวันที่ 5 - 6
- เ ก ร็ ด เ ล็ ก เ ก ร็ ด น้ อ ย -
การเดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก และจะไม่เป็นครั้งสุดท้ายอย่างแน่นอน หลายๆครั้งที่ได้มีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศนี้ ผมมักจะได้รับความสนุกสนานกลับมาทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวหรือกิจกรรมต่างๆที่มีโอกาสได้ไปทำ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมักจะสร้างความประทับใจเป็นพิเศษจากเกาะแห่งนี้ กลายเป็น Culture ที่เป็นเรื่องของ "นามธรรม" คือ จิตใจ ความมีน้ำใจ และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของประชาชนคนญี่ปุ่น ซึ่งหากได้สัมผัสโดยตรงแล้ว คุณจะรู้เลยว่าคนญี่ปุ่นได้รับการปลูกฝังพื้นฐานทางด้านจิตใจและความคิดมาอย่างดีมาก (อาจจะดีที่สุดในโลกแล้วก็ได้) คุณจะสามารถพบเห็น Culture เหล่านี้ได้ตามสถานที่ต่างๆ เช่น สถานที่ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้า หรือแม้กระทั่งห้องน้ำในปั๊มน้ำมันเล็กๆ ไม่ว่าคุณจะตามหาสิ่งใด หรือต้องการความช่วยเหลือในรูปแบบไหน ขอแค่คุณเปิดปากถามด้วยภาษาอังกฤษเป็นคำสั้นๆ ความช่วยเหลือจากประชาชนคนอาทิตย์อุทัยพร้อมเสมอที่จะเข้ามาหาตัวคุณ ในบางครั้งมันอาจเข้ามามากกว่าที่คุณขอด้วยซ้ำ ผมจึงไม่เคยตั้งคำถามเลยว่า ทำไมประเทศญี่ปุ่นถึงได้เจริญและมีความเป็นระเบียบ จนขึ้นชื่อได้ว่าเป็นประเทศที่เจริญที่สุดในโลกประเทศหนึ่ง
- อ อ ก ไ ป วั น นี้ -
06:55 am : เดินทางถึงสนามบินฮาเนดะกรุงโตเกียว
08:00 am : ฝากกระเป๋าเดินทาง ณ โรงแรม The Tokyo Station Hotel
10:00 am : ออกร่อนย่าน Chiyoda และด้านหน้า The Imperial Palace
11:00 am : ร่อนย่าน Marunouchi
12:00 pm : ชิมเนื้อร้านชาบู Imahan ย่าน Ginza
13:30 pm : ออกร่อนย่าน Shibuya
17:00 pm : เดินเฮฮา ณ Daimaru
20:00 pm : Maisen สูตรแดนอาทิตย์อุทัย
เครื่องบิน Boeing 747 ของการบินไทยลงจอด ณ สนามบิน Haneda International Airport เวลา 6 นาฬิกา 55 นาที ตามเวลาท้องถิ่นของประเทศญี่ปุ่น หลังจากขุดและลากตัวเองออกจากที่นั่งผู้โดยสารและลงจากเครื่องได้แล้ว ผมก็ได้รับโอกาสในการออกกำลังกายในสนามบินประเทศญี่ปุ่นก็เริ่มต้นขึ้นจากทางเดินจาก Gate มาจนถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองนั้น ไกลเป็นกิโลเลยจ้า เดินมาถึงคิวตรวจคนเข้าเมืองก็เปียกไปครึ่งหลังทีเดียว หลังจากผ่านการตรวจคนเข้าเมือง และรับกระเป๋าเดินทางแล้วนั้น ก็ถึงเวลาออกเดินทางเสียที
ถึงแม้การเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองโดยรถไฟจะไม่ได้ยากมากนัก แต่เช้าวันแรก ขอสบายๆเป็นรถไปส่งก็แล้วกัน นอกจากจะได้พักผ่อนในระหว่างนั่งรถแล้ว ยังได้เห็นสภาพบ้านเมืองและถนนหนทางของประเทศญี่ปุ่นด้วย มีข้อสังเกตว่ารถยนต์ประเทศนี้ขับพวงมาลัยขวาเหมือนประเทศไทยของเรานะครับ แต่ในความเหมือนที่แตกต่างก็คือการขับรถของคนญี่ปุ่นช่างเป็นระเบียบเสียจริง ไม่มีการขับปาดซ้ายปาดขวา หรือขับรถเร็วเกินกว่าที่อัตรากำหนด รถทุกคันเคลื่อนไปในลักษณะที่วิ่งตามๆ กันไปเรื่อยๆ เหมือนการเข้าคิวซื้อของไม่มีผิด
อย่างที่ทราบกันดีว่าการเดินทางในกรุงโตเกียวด้วยรถไฟ เป็นช่องทางที่สะดวกที่สุด เนื่องมาด้วยสถานีที่มีความถี่ค่อนข้างเยอะ ทำให้สามารถเดินทางไปยังสถานที่ๆ เราต้องการได้ด้วยความรวดเร็ว และราคาไม่แพงจนเกินไป ดังนั้น ผมจึงเลือกพักที่โรงแรม The Tokyo Station Hotel โรงแรมที่เป็นส่วนหนึ่งของสถานีรถไฟโตเกียว เพียงแค่ลงลิฟต์จากห้องพักแล้วเปิดประตูโรงแรมออกมา ก็สามารถเดินเข้าสถานีรถไฟได้ทันที โดยมีประตูทางเข้าถึง 3 ประตูเลยทีเดียว
Tokyo Station นั้น ตั้งอยู่ในย่าน Chiyoda ซึ่งเป็นย่านที่มีพื้นที่ติดกับพระราชวังหลวง (The Imperial Palace) ถือเป็นศูนย์กลางการปกครองของประเทศญี่ปุ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณเลยทีเดียว บรรยากาศโดยรอบบริเวณนี้จะมีลักษณะที่สบายๆ เนื่องจากคนไม่พลุกพล่านมากนัก มีพื้นที่สาธารณะที่ชัดทำไว้เป็นลานกว้างสวยงาม รายล้อมไปด้วยอาคารที่มี Design การออกแบบแนว Modern มีสระน้ำเล็กๆ และน้ำพุเรียงเป็นระเบียบ ถือเป็นบรรยากาศเช้าวันแรกที่มีความ Relax เหมาะกับอากาศเย็นๆ มีฝนพรำเป็นบางเวลา
ไหนๆ ก็มาเดินเยี่ยมชมย่าน Chiyoda แล้ว ก็ขอข้ามถนนอีกนิดไปเดินดูสวนหน้าพระราชวังหลวง (The Imperial Palace) อีกซักนิด เนื่องจากครั้งแรกที่มาเยี่ยมชมบริเวณด้านหน้าด้านพระราชวังแล้ว วันนี้จึงอยากจะไปชมทางด้านหลังบ้าง ส่วนใหญ่แล้วพระราชวังญี่ปุ่นนั้น มีเอกลักษณ์อยู่อย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้ คือต้องมีคูน้ำล้อมรอบเพื่อป้องกันหรือชลอข้าศึกในสมัยโบราณ
ข้ามคูน้ำด้วยสะพานเล็กๆ มา จะพบกับสวนขนาดใหญ่บริเวณหน้าพระราชวังที่ได้รับการตกแต่งและดูแลเป็นอย่างดี
- Marunouchi - เป็นอีกหนึ่งย่านที่ผมไม่เคยมา เนื่องจากเคยได้อ่านผ่านตามาบ้างว่าเป็นย่านธุรกิจขนาดใหญ่ และคิดว่าคงไม่มีอะไรให้ท่องเที่ยวมากนัก แต่ในครั้งนี้ Marunouchi มาตั้งอยู่ตรงข้ามโรงแรมที่พักแล้ว ผมจึงถือโอกาสนี้ในการเปิดหูเปิดตาสถานที่ใหม่ๆบ้าง แล้วจึงพบว่า "ผมคงต้องเปลี่ยนความคิดเสียแล้วล่ะ" เพราะมันดีงามกว่าที่คิดมาก
Marunouchi ในส่วนนี้ เป็นถนนเล็กๆ ที่บนทางเท้าเรียงรายไปด้วยร้านค้า Brand Name สุดหรูและร้านอาหารตลอดสองข้างทาง มาพร้อมกับบรรยากาศสุดชิค มีต้นไม้สองข้างฟุตบาทที่มีลำต้นโค้งเข้าสู่ตรงกลาง ทำให้อากาศไม่ร้อนมาก ในช่วงเวลา 11.00 น. ยังเป็นช่วงที่คนทำงานยังไม่พักเที่ยง คนไม่พลุกพล่านมากนัก ทำให้สามารถเดินไปได้เรื่อยๆ สบายๆ จะไปนอนเล่นชมความสวยงามของยอดไม้ กลางถนนก็ไม่มีใครว่า เนื่องจากถนนปิดอยู่
นอกจาก Marunouchi จะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ต้องการ shopping ของ brand name ต่างๆแล้ว Marunouchi ยังเป็นแบบในการวาดภาพของจิตรกรสูงอายุชาวญี่ปุ่นอีกด้วย สังเกตได้จากสองข้างทางที่มีคนจำนวนมาก (ส่วนใหญ่เป็นวัยป้าๆ) มาจับจองที่นั่งบนทางเท้า พร้อมเก้าอี้ส่วนตัว กระดานวาดภาพ และดินสอคู่ใจ นั่งสร้างสรรผลงานของแต่ละคนอย่างขะมักเขม่น
Brick Square เป็นสถานที่โดดเด่นอีกแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณ Marunouchi ด้วย design ซุ้มประตูทางเข้าที่ลำสมัยไม่เหมือนใคร พร้อมสรรพไปด้วยร้านอาหารมากมาย มีสวนเล็กๆ บรรยากาศสบายๆ ให้คนเมืองได้มีโอกาสสัมผัสธรรมชาติสีเขียวซึ่งหาได้ยากยิ่งในยุคสมัยนี้ ซึ่งคนส่วนมากก็จะใช้พื้นที่ดังกล่าวในการนั่งอ่านหนังสือ นั่งทำงาน หรือพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง
บริเวณสวนเล็กๆด้านใน ตกแต่งเป็นลานเล็กๆ ให้ผู้คนได้นั่งสบายๆ มีการสร้างที่นั่งเป็นวงกลมล้อมรอบต้นไม้ และมีน้ำพุเล็กๆประดับไว้กลางลาน หลายสิ่งหลายอย่างในบริเวณนี้ต่างกับที่ได้จินตนาการไว้ นี่สินะ Innovation ใหม่ๆ ที่มีความจำเป็นมากสำหรับชีวิตในปัจจุบัน ย่านธุรกิจไม่จำเป็นต้องมีแต่ธุรกิจการงานล้วนๆ หากมีไอเดียดีๆ สอดใส่ลงไปในการออกแบบแล้ว ยังสามารถทำให้ย่านธุรกิจธรรมดาๆ กลายเป็นย่านธุรกิจท่องเที่ยวได้อีกด้วย
และแล้วก็ถึงเวลาเที่ยง เวลาของอาหารมื้อแรกของวัน เที่ยงวันนี้ ได้มาจัดหนักที่ร้าน Imahan เป็นร้าน Suki ซึ่งค่อนข้างมีชื่อในย่าน Ginza โดยขึ้นรถไฟใต้ดินจาก Tokyo Station ใช้เส้นทางสีแดง หรือ Marunouchi Line ไปลงสถานี Ginza ใช้เวลาแค่ 2 นาที เสียค่าตั๋วรถไฟเพียง 170 เยน เท่านั้น เดินจากสถานีมาประมาณ 5 นาทีก็ถึงร้าน โดยร้านตั้งบนชั้น 5 ของตึก Kojun
มาแล้วครับ เนื้อแทรกมันลายสวยๆ เสิร์ฟพร้อมไข่ดิบ และชุดผักรวมเล็กๆน้อยๆ แต่วันนี้ผักก็ต้องถอยห่างเพราะเรามาเพื่อเนื้อเท่านั้นครับ
เริ่มแรกนั้น จะมีพนักงานของทางร้านมาสาธิตการต้มเนื้อให้ดูกันก่อนครับ โดยเขาจะเริ่มจากการใส่น้ำสุกี้น้อยๆ ขั้นตอนในการทำให้เนื้อสุกนั้น ออกจากคล้ายกับการต้มกึ่งผัดเสียมากกว่าที่จะเป็นการต้มล้วนๆ (นึกถึงภาพร้านสุกี้ญี่ปุ่นในประเทศไทยที่เราเทน้ำสุกี้ซะจนแทบจะทะลักออกจากหม้อ สุดท้ายจะทำให้เนื้อที่ต้มแล้วเค็มเกินไป)
แน่นอนครับ การต้มเนื้อไม่ควรให้สุกมากนัก เหลือเป็นสีแดงๆไว้ซักนิด จะทำให้เนื้อนุ่มและรสชาติกลมกล่อม ก่อนเข้าปากก็ต้องชุบไข่ดิบซักนิด บอกเลยว่านุ่มครับ ด้วยความที่มีมันแทรกอยู่ด้วย ทำให้ความนุ่มของเนื้อมีความพอดี ไม่เหนียวและรสชาติดี ไม่ผิดหวังชริงๆ ที่เลือก Imahan
อิ่มหนำสำราญเรียบร้อย มีพลังในการตะลุยกรุงโตเกียวต่อในช่วงบ่าย โดยเริ่มจากการเดินเยี่ยมชมย่าน Ginza ไปพลางๆ ระหว่างเดินทางไปยังสถานี Ginza
สังเกตเห็นได้ชัดว่าคนญี่ปุ่นมักจะข้ามถนนตรงทางม้าลายเสมอ โดยอาศัยการกดปุ่มตรงทางข้าม เพื่อให้สัญญาณไฟจราจรหาจังหวะที่รถจะสามารถหยุดและให้คนข้ามได้ บวกกับการขับขี่รถยนต์ของคนญี่ปุ่นนั้นเป็นไปตามกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัด ดังนั้น ความปลอดภัยในการข้ามถนนที่ประเทศนี้จึงมีค่อนข้างสูง