แม่ ผม และสวนชีวิต

กระทู้สนทนา
บ้านของผมตั้งอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ อาณาบริเวณประมาณเกือบร้อยตารางวา ตัวบ้านเป็นบ้านชั้นเดียวหลังเล็กๆ พื้นที่ใช้สอยไม่เกิน 120 ตร.ม. ด้วยเหตุนี้ที่บ้านผมจึงมีที่ว่างค่อนข้างเยอะ ผมปูหญ้านวลน้อยเกือบเต็มที่ว่าง เว้นที่บางส่วนไว้ปลูกต้นไม้บ้าง แต่เนื่องจากผมไม่มีความรู้ในการจัดสวนต้นไม้ การปลูกต้นไม้จึงเป็นการปลูกแบบอยากปลูกตรงไหนก็ปลูก ต้นไม้ที่นำมาปลูกที่บ้านส่วนใหญ่เป็นไม้ที่คุณแม่บ้าน (ของผม) ถูกใจและซื้อมาปลูก ส่วนใหญ่เธอเลือกไม้ดอกไม้หอมจำพวกหอมหมื่นลี้ เทียนหอม ประยงค์ มะลิ มลุลี โมกข์ เขี้ยวกระแต สายหยุด กุหลาบ ลีลาวดี ยี่เข่ง พลับพลึง มีไม้ผลต้นเล็กๆ บ้าง เช่น กล้วย ขนุน มะม่วง มะละกอ และมะนาว บางต้นออกผลให้ได้กินบ้างแล้ว แต่หลายต้นยังไม่

หลายวันก่อนพ่อกับแม่ของผมซึ่งอยู่ที่แพร่ขึ้นมาตรวจสุขภาพที่เชียงใหม่ตามหมอนัดโดยแวะมาพักที่บ้าน มีกำหนดพักหลายคืน ผมรู้สึกยินดีมากเพราะว่าสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ผมไม่ค่อยมีเวลาดูแลท่านเลย แต่หลังจากกลับจากโรงพยาบาลมาที่บ้าน แม่และพ่อก็เปลี่ยนบทบาทจากคนถูกตรวจ (สุขภาพ) มาเป็นผู้ตรวจความสะอาดเรียบร้อยของบ้านทันที

สิ่งที่แม่สะท้อนหลังจากเห็นสภาพของบ้านก็คือ “สนามหญ้าหน้าบ้านรก”

“ตัดหญ้าบ้างหรือเปล่าเนี่ย” แม่ถาม

“ตัดสิแม่ ผมเพิ่งตัดไปเมื่อ 2-3 อาทิตย์ก่อน”

“อ้าวแล้วทำไมมันขึ้นสูง รกรุงรังอย่างนี้ล่ะ”

“ก็ฝนมันตกนะสิครับ แล้วหลังจากตัดผมก็ไม่ค่อยได้ดูแล เพราะงานมันยุ่ง ต้องไปนู่นไปนี่ไม่ค่อยมีเวลาอยู่บ้าน เสาร์อาทิตย์ที่แล้วผมยังต้องลงพื้นที่อยู่เลย”

“อย่าเอาเรื่องงานเรื่องเวลามาเป็นข้ออ้างสิ แม่ไม่เคยสอนให้เราเอาเรื่องพวกนี้มาเป็นข้ออ้าง ยังไงเสียนี่ก็บ้านของเรา ต้องให้เวลาดูแลเอาใจใส่ให้มากกว่านี้ แม่ได้ยินมาว่าสองสามวันก่อนงูเข้าบ้านใช่ไหม ถ้าเข้ามากัดมาทำอะไรคนในบ้านเราจะทำยังไง”

ผมนิ่งไปอึดใจเมื่อได้รับฟังโอวาท ก่อนจะบอกกับแม่ว่าได้ครับ ผมจะลงมือตัดมันตอนนี้เลย แต่แม่รั้งผมไว้ด้วยคำพูดอีกประโยคหนึ่ง

“แม่ไม่ได้ต้องการให้ลูกตัดหญ้า แม่ต้องการให้ลูกจัดสวน ดูสวนของลูกสิว่าตอนนี้เป็นยังไง ปลูกต้นไม้ระเกะระกะ นึกอยากจะปลูกตรงไหนก็ปลูก แน่นทึบไปหมด แม่ว่าตัดหญ้าแล้วก็จัดต้นไม้ในสวนของลูกให้เป็นระเบียบกว่านี้ดีกว่านะ หาไม้ใหญ่มาลงบ้านบ้าง บ้านจะได้มีร่มเงา ไม้เล็กๆ บางอันก็เอาลงกระถาง จะได้เคลื่อนย้ายจัดตำแหน่งมันได้ง่าย”

ผมทำตามคำขอร้อง (คำสั่ง) ของแม่โดยว่าง่าย ผมเป็นคนว่าง่ายอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วครับ

หาคนงานมาช่วยได้ 3 คน รวมกับผมเป็น 4 คน งานจัดระเบียบสวนก็เริ่มขึ้น

ไม้หอมบางต้นซึ่งเคยปลูกบนดิน ถูกขุดและย้ายมาปลูกในกระถางกระเบื้องเคลือบใบใหญ่ ไม้หอมบางชนิดยังปลูกบนดินเหมือนเดิม แต่ถูกตัดแต่งกิ่งและขุดขึ้นมาจากตำแหน่งเดิมเพื่อย้ายที่ปลูก เพื่อจัดให้เป็นสัดเป็นส่วนให้สวนหน้าบ้านดูเป็นระเบียบ โปร่งและโล่งมากขึ้น

ผมสั่งไม้ใหญ่สองสามต้นจากร้านขายต้นไม้ นำมาปลูกเพิ่มเพื่อเพิ่มร่มเงาให้กับตัวบ้าน ต้นไม้บางต้นซึ่งปลูกมาหลายปีแล้วแต่ต้นยังแคระแกร็นอยู่ เมื่อขุดขึ้นมาและพบว่ารากมันไม่แข็งแรง เพราะรากไม่เกาะกับดินเลย ผมหารือกับคนงานว่าจะเอายังไงกันดี เขาแนะนำว่าให้ปล่อยทิ้งไป เพราะถึงจะย้ายไปปลูกในกระถางหรือที่ใหม่ไม่นานมันก็ตาย ถ้าไม่ตายก็แคระแกร็นเหมือนเดิม

“รากมันไม่ดีมาตั้งแต่ต้นแล้ว ถ้าจะทำให้มันอยู่รอดและเติบโต คุณต้องดูแลมันให้มากกว่าเดิม ถ้ายังดูแลมันเหมือนอย่างที่คุณดูแลทุกวันนี้ ผมว่ายังไงมันก็ไปไม่รอดหรอก แต่ถึงคุณจะดูแลมันมากกว่าเดิม ผมก็ไม่กล้ารับประกันว่ามันจะแข็งแรงและเติบโตขึ้นหรือเปล่า คุณไม่กลัวจะเหนื่อยเปล่าเหรอคุณ”

นั่นคือสิ่งที่พวกเขาบอกผม แต่เมื่อนึกถึงวันที่ผมและคุณแม่บ้าน (ของผม) ช่วยกันปลูก ช่วยกันดูแลต้นไม้เหล่านี้ร่วมกันมา ผมเลือกที่จะเก็บพวกมันเอาไว้ โดยย้ายพวกมันไปปลูกไว้ในกระถาง นับจำนวนได้หลายสิบต้นทีเดียว

ยังไม่เสร็จแค่นี้นะครับ แม่ขอร้องให้ผมทำซุ้มไม้ระแนง บ่อเลี้ยงปลา และกรงให้หมาใหม่ (ที่บ้านผมมีหมาอยู่ 2 ตัวครับ ตัวใหญ่เอาเรื่องเหมือนกัน ใครจะแวะมาหาผมที่บ้านขอให้โทรบอกก่อน) เสร็จจากการจัดระเบียบต้นไม้ งานที่เหลืออีก 3 งานจึงเริ่มขึ้น ใช้เวลาเกือบ 3 วันงานทั้งหมดจึงแล้วเสร็จ

ตอนที่ผมนั่งคุยกับพ่อและแม่ที่ซุ้มไม้ระแนง ผมมองไปที่ต้นไม้ใหญ่ที่เพิ่งเอามาปลูกและไม้ที่ถูกปลูกไว้ในกระถางกระเบื้องเคลือบ แล้วอดนึกสงสัยไม่ได้ว่า ต้นไม้ในกระถางจะเติบโตไปได้ซักแค่ไหนกันนะ เพราะมันมีแหล่งอาหารอยู่เพียงแหล่งเดียว ถ้าธาตุอาหารในดินในกระถางหมด และผมไม่เติมธาตุอาหารให้มันเพิ่ม มันจะเป็นยังไง

มันจะรู้สึกอิจฉาต้นไม้ใหญ่ที่สามารถแผ่รากหาอาหารไปได้อย่างกว้างไกลและสามารถเติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่องด้วยตัวของมันเองบ้างไหมนะ

หรือว่ามันอาจจะไม่รู้สึกอะไรมาก มันอาจจะพอใจในสิ่งที่มันเป็นอยู่ ได้อยู่ในพื้นที่เล็กๆ มีคนคอยหาน้ำหาธาตุอาหารมาเติมให้ ไม่ต้องออกแรงแผ่รากออกไปไขว่คว้าเสาะหาน้ำและธาตุอาหารเองเหมือนต้นไม้ใหญ่ มันอาจจะรู้สึกพอใจแล้วก็ได้ที่มันสามารถเติบใหญ่ได้เท่าที่จะเติบใหญ่ได้ในกระถางที่มันอยู่ สำหรับมันแล้วการเป็นไม้ใหญ่ในกระถางใบเล็กๆ นี้ อาจจะดีกว่าการเป็นไม้ใหญ่ที่เด่นตระหง่านให้ร่มเงาและความชุ่มชื่นแก่สิ่งต่างๆ บนพื้นโลกก็ได้

ขณะที่นึกและหาคำตอบไม่ได้นั้น ผมเหลือบไปเห็นต้นไม้ต้นเล็กแคระแกร็นที่ผมย้ายไปปลูกไว้ในกระถาง และเพียรพยายามดูแลมันอย่างต่อเนื่องมาสามวันติดต่อกัน เพราะหวังว่ามันจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมา

...แต่ตอนนี้พวกมันพากันผลัดใบทิ้ง ลำต้นและกิ่งก้านแห้งเหี่ยว...

ผมผละจากซุ้มไม้ระแนง ลุกขึ้นเดินเข้าไปดูอาการของพวกมัน

...บางต้นตายแล้ว และบางต้นก็มีอาการที่อยากจะตามกันไป...

“เป็นไงบ้างลูก” แม่เอ่ยถาม

“มันตายแล้วครับแม่ ส่วนอีกสองสามต้นนั่นก็ท่าจะไม่รอด”

“ไม่เป็นไรลูก แม่ว่าลูกทำดีที่สุดแล้ว บางครั้งการที่ต้นไม้แต่ละต้นจะมีชีวิตเป็นยังไงนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราดูแลฝ่ายเดียว เราไม่สามารถดูแลใครหรือดูแลอะไรได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงหรอกลูก บางทีพวกมันก็ต้องดูแลตัวเองด้วย และต้องดูแลตัวเองให้ดีกว่าที่เราดูแลมันด้วย มันถึงจะเติบใหญ่เป็นต้นไม้ที่แข็งแรงได้”

ผมพยักหน้าน้อยๆ และยิ้มให้แม่ ระหว่างที่เดินกลับมาที่ซุ้มนั้น มีความคิดบางอย่างเกิดขึ้นภายในใจ

บางทีนอกจากการจัดสวนหน้าบ้านแล้ว ผมอาจจะต้องให้เวลากับการจัดการสวนชีวิตของผมด้วย

ที่ผ่านมานั้นไม่รู้ว่า ผมปลูกอะไรลงไปในสวนชีวิตของผมบ้าง ทั้งความรู้สึกด้านบวก/ด้านลบ ความรู้/ความไม่รู้ วัตถุสิ่งของที่จำเป็น/ฟุ่มเฟือย ความกลัว/ความกล้า ความกระตือรือร้น/ความเกียจคร้าน และอื่นๆ อีกมากมาก

ตอนนี้สิ่งต่างๆ เหล่านี้คงค่อยๆ เจริญเติบโต อยู่ภายในสวนชีวิตของผม

บางทีอาจจะถึงเวลาที่ผมต้องเพ่งพินิจพิจารณาว่าจะจัดวางสิ่งต่างๆ เหล่านี้อย่างไรดี

เรื่องดีๆ สิ่งดีๆ บางเรื่องที่ผมปลูกไว้อาจจะต้องจัดระเบียบให้มันมีความสวยโปร่งโล่งสบายมากขึ้น เพื่อที่ในยามที่ผมมองลึกลงไปภายในสวนแล้วจะได้มองเห็นมันก่อนความรู้สึกลบหรือความทรงจำร้ายๆ ที่เป็นวัชพืชหรือต้นไม้แห่งความมืด

ความรู้สึก ความทรงจำ ความคิดดีๆ ต่างๆ ที่ผมหลงลืม ไม่ได้ดูแลเอาใจใส่มัน ปล่อยให้มันเหี่ยวเฉารอวันตาย คงต้องค้นหามันให้เจอและเอาใจใส่มันให้มากขึ้น

ความรู้สึก ความทรงจำ ความคิดลบคิดร้ายต่างๆ ที่มีอยู่ภายใน คงต้องให้เวลาในการตัดถอนให้ลดน้อยลงไป

ความรู้สึก ความทรงจำ ความคิดบางอย่างที่ไม่สามารถทำให้ผมเติบโตเป็นคนที่เข้มแข็ง ใจกว้าง ใจเย็น คิดอ่านเห็นการณ์ไกล คงต้องขุดรากถอนโคนมันออกไป

ความคิด ความรู้สึก ความรู้และทักษะบางอย่างที่จำเป็นสำหรับสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงานที่ผมเผชิญอยู่ หากผมยังไม่มีมันคงต้องขวนขวายใฝ่หามันมาไว้กับตัว

ช่วงเวลาที่ชีวิตส่วนตัว และชีวิตการทำงานของเรากำลังเผชิญกับปัญหาต่างๆ จนมันทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตช่างวุ่นวายหน้าหงุดหงิดงุ่นง่านใจอะไรอย่างนี้

ข้างนอกนั้นมองไปข้างหน้าก็ไม่เห็นทางไป มองไปข้างหลังก็ไม่เห็นทางกลับ ข้างในนั้นความรู้สึก ความคิดแง่ลบต่างๆ ผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้ทั้งข้างนอกและข้างใจตัวเรา เต็มไปด้วยพุ่มไม้พุ่มหญ้ารกหนาทึบ ไม่รู้จะทำอย่างไรกับมันดี

บางทีช่วงเวลาอย่างนี้ ถ้าเราหยุดปลูกความคิดความรู้สึกแง่ลบต่างๆ ในสวนชีวิตของเรา และค่อยๆ ลงมือจัดสวนชีวิตให้ดีขึ้น หนทางสำหรับเดินต่อไปอาจจะค่อยๆ ปรากฎตัวขึ้นมาเอง

ผมบอกกับตัวเองว่าจะพยายาม

ผมจะพยายามจัดระเบียบสวนชีวิตของตนเองให้ดีขึ้น ผมจะทำมันอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะเจอปัญหาอุปสรรคสักแค่ไหนมาขวางกั้น แม้ที่สุดแล้วต้นไม้ใบหญ้าในสวนชีวิตของผม อาจจะไม่ผลิดอกผลิใบเต็มที่ หรืออาจจะมีใครแอบมาลิดรอนเอาดอกผลของมันไป ผมบอกกับตัวเองว่าจะไม่เสียใจ เพราะได้พยายามทำอย่างถึงที่สุดแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่