เราเคยอยากตายเพราะเป็นหนี้บัตรเครดิตหัวโต(แต่ตอนนี้ปลดหนี้หมดครบทุกใบแล้วค่ะ)
เราเป็นหนี้บัตรเครดิต 11 ใบ
เราจ่ายล่าช้า จนธนาคารโทรตามทวงหนี้ โทรศัพท์ดังแทบจะทั้งวัน ไม่มีจ่ายขั้นต่ำเราก็เครียด จนคิดฆ่าตัวตาย
ใบแจ้งหนี้มาที่คอนโดเป็นปึกๆ หลอนมากจากเบอร์แปลกๆทุกเบอร์ที่โทรเข้ามา
วันไหนเครียดมากๆก็ปิดเสียง คว่ำโทรศัพท์ไว้ เราทำงานอย่างไม่มีสมาธิเลย
ออกตัวก่อนว่าอย่าสมน้ำหน้ากันเลย ตอนนี้เราปลดหมดทุกใบแล้ว แต่ที่เราเล่าเรื่องนี้ขึ้นมาอีกเพราะอยากเตือนใจทุกคน ไม่อยากให้มาหลงผิด
แบบเรา เราได้รับรู้รสของความทุกข์แล้ว อยากให้ทุกคนหนีการเป็นหนี้ไว้ให้ไกล ไม่มีสุขใด เท่าการไม่มีหนี้นะคะ
ที่มาของการเป็นหนี้บัตรเครดิต 11 ใบ
เริ่มจากทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เงินเดือน 20000 กว่าบาท
เริ่มใช้บัตรเครดิตใบที่ 1 แรกๆเรารายได้ดี มีโบนัสอีก เราจ่ายเต็มจำนวนในทุกเดือน ไม่มีดอกเบี้ย
หลังๆเริ่มมีเหตุจำเป็นจริงๆให้ผ่อนชำระไม่เต็มจำนวน เพราะเราเริ่มเรียนต่อปริญญาโท มีค่าเทอม ค่าหนังสือ เริ่มมีนัดกินข้าวเย็นกันหลังเลิกเรียน
ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นเรื่อยๆ
เรื่อยๆ
ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เรื่อยๆ
จนทนไม่ไหว เริ่มผ่อนชำระขั้นต่ำ เริ่มวงเงินบัตรเครดิตเต็มจำนวน
เริ่มขอเพิ่มวงเงินฉุกเฉินค่ะ
เริ่มขอเพิ่มวงเงินถาวร
แล้วในที่สุด ก็เริ่มเปิดใช้บัตรใบที่2 3 4 5
แต่ช่วงระยะนี้ ตระหนักแล้วว่ามหันตภัยของการใช้เงินเกินตัวได้มาเยือน
แต่ในบัตรทั้ง 5 ใบ เรายังคงชำระยอดขั้นต่ำอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะถึงกำหนดชำระของทุกเดือน
แล้วก็มาถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เข้าขั้นวิกฤตค่ะ
เราย้ายงานใหม่
(แน่นอนค่ะเราย้ายไปทำ รัฐวิสาหกิจ รายได้ลดลงมากค่ะ แต่เราก็คิดว่ามั่นคงกว่าเอกชนหน่อย ในความคิดบ้าบอตอนนั้นอะนะ เห็นแก่ความมั่นคงและสวัสดิการที่พ่อแม่เบิกได้ล้วนๆค่ะ)
เล่าต่อค่ะ เราสอบติดรัฐวิสาหกิจค่ะ ตอนแรกเราดีใจมาก เราลาออกจากที่ทำงานเก่าตั้งแต่ยังไม่ประกาศผลสัมภาษณ์เลย เพราะมั่นใจมากว่าสอบผ่านข้อเขียนแล้ว เราต้องสอบสัมภาษณ์ผ่านแน่ เพราะเรามีประสบการณ์ทำงาน และตอบคำถามได้ดี
แต่นั่นแหละค่ะ การที่ออกจากเอกชน มาอยู่บ้านเฉยๆ เพื่อรอผลสัมภาษณ์ ก็ยิ่งทำให้เราไม่มีเงินมาใช้หนี้บัตรเครดิต
ไหนจะมีการเรียกเก็บค่าบริการรายปีของบัตรเครดิต ซึ่งปกติเราเคยโทรไปขอยกเลิกได้ แต่ตอนนี้อยู่ดีๆ ก็ขอยกเลิกไม่ได้เลย
ไหนจะค่าใช้จ่ายรุมเร้า ได้แก่ กยศ. ค่างวดรถยนต์ ค่าประกันรถยนต์ ค่าพรบ. ค่ากินอยู่ในแต่ละวัน จะให้มาแบมือขอพ่อแม่ก็ละอายใจแล้ว
ไหนจะค่าห้องที่กรุงเทพที่เรายังไม่ได้ย้ายออก
ด้วยเหตุนี้ทำให้เราไปเปิด บัตรเครดิต ใบที่ 6 7 8 9
------------------------------
แล้วเราก็เริ่มงานที่ใหม่ ซึ่งมีรายได้น้อยลงเหลือ หมื่นกว่าๆ ไม่มีโบนัสอีกด้วยค่ะ
------------------------------
ส่วนใบที่ 10 นั้น ก็เกิดจากความโง่ของเราล้วนๆค่ะ ควายจริงๆ ไม่มีวัวปนเลย
เรื่องแฟนค่ะ แฟนมาขอให้เรารูดบัตรเครดิตให้ สองรอบ
รอบแรก รูดผ่อนยางรถยนต์ 4 เส้น รถเค้านะคะ โดยผ่อนจ่ายเรา 6 งวด ซึ่งเค้าก็จ่ายคบทุกงวด ถึงจะตรงเวลาบ้างไม่ตรงเวลาบ้าง พอหมดงวดที่ 6 มาขอใหม่ค่ะ คราวนี้ ขอให้รูดผ่อนล้อแม็คให้
รอบที่สอง ล้อแม็ค 4 ล้อ ผ่อน 12 งวด แต่รอบนี้เราซวยค่ะ เค้าผ่อนให้เราได้เดือนเดียว แล้วติดผู้หญิง บังเอิญว่าเราจับได้ ก็เลยหนีไป แบบไม่มาบอกเลิก ไม่มาเก็บข้าวของเครื่องใช้ ไม่มาผ่อนต่ออีก 11 งวด ที่เหลือค่ะ เสียใจมาก ทั้งเรื่องหักหลัง ทั้งเรื่องเชิดเงิน
เงินเดือนหมื่นกว่าๆ แฟนทิ้ง งานโหด มีความเหนื่อยล้า ชีวิตตอนนั้นอยากตายมากค่ะ
แต่เราหันไปเห็นแม่เรา
แม่เราเงินเดือนไม่ถึงหมื่น กัดฟันส่งเราเรียนมหาวิทยาลัย โดยที่ไม่มีหนี้ซักบาท
เราลุกขึ้นใหม่อีกครั้งโดยมีแม่เป็นกำลังใจค่ะ แล้วก็ใช้วิธีอดข้าวเย็น เลิกซื้อของใช้ หาอาชีพเสริมอะไรที่ทำแล้วได้เงินแล้วสุจริตเราทำหมดค่ะ
แล้วในที่สุดเราก็ทะยอยปิดบัตรเครดิตทีละใบ จนตอนนี้ ยอดเป็น 0 ครบทุกใบแล้วค่ะ
หลังจากนั้น เราโทรปิดบัตรทั้งหมด 10 ใบ เหลือไว้ 1 ใบ เป็นบัตรเครดิตที่ฟรีค่าธรรมเนียมตลอดชีพ เผื่อไว้ว่าวันนึงต้องจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก แต่คงไม่ใช้มันแล้วล่ะค่ะ เข็ดทั้งบัตรเครดิต เข็ดทั้งเรื่องแฟน บทเรียนนี้ราคาแพงแสนแพงจิงค่ะ
เคยอยากตายเพราะเป็นหนี้บัตรเครดิตหัวโต
เราเป็นหนี้บัตรเครดิต 11 ใบ
เราจ่ายล่าช้า จนธนาคารโทรตามทวงหนี้ โทรศัพท์ดังแทบจะทั้งวัน ไม่มีจ่ายขั้นต่ำเราก็เครียด จนคิดฆ่าตัวตาย
ใบแจ้งหนี้มาที่คอนโดเป็นปึกๆ หลอนมากจากเบอร์แปลกๆทุกเบอร์ที่โทรเข้ามา
วันไหนเครียดมากๆก็ปิดเสียง คว่ำโทรศัพท์ไว้ เราทำงานอย่างไม่มีสมาธิเลย
ออกตัวก่อนว่าอย่าสมน้ำหน้ากันเลย ตอนนี้เราปลดหมดทุกใบแล้ว แต่ที่เราเล่าเรื่องนี้ขึ้นมาอีกเพราะอยากเตือนใจทุกคน ไม่อยากให้มาหลงผิด
แบบเรา เราได้รับรู้รสของความทุกข์แล้ว อยากให้ทุกคนหนีการเป็นหนี้ไว้ให้ไกล ไม่มีสุขใด เท่าการไม่มีหนี้นะคะ
ที่มาของการเป็นหนี้บัตรเครดิต 11 ใบ
เริ่มจากทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เงินเดือน 20000 กว่าบาท
เริ่มใช้บัตรเครดิตใบที่ 1 แรกๆเรารายได้ดี มีโบนัสอีก เราจ่ายเต็มจำนวนในทุกเดือน ไม่มีดอกเบี้ย
หลังๆเริ่มมีเหตุจำเป็นจริงๆให้ผ่อนชำระไม่เต็มจำนวน เพราะเราเริ่มเรียนต่อปริญญาโท มีค่าเทอม ค่าหนังสือ เริ่มมีนัดกินข้าวเย็นกันหลังเลิกเรียน
ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นเรื่อยๆ
เรื่อยๆ
ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เรื่อยๆ
จนทนไม่ไหว เริ่มผ่อนชำระขั้นต่ำ เริ่มวงเงินบัตรเครดิตเต็มจำนวน
เริ่มขอเพิ่มวงเงินฉุกเฉินค่ะ
เริ่มขอเพิ่มวงเงินถาวร
แล้วในที่สุด ก็เริ่มเปิดใช้บัตรใบที่2 3 4 5
แต่ช่วงระยะนี้ ตระหนักแล้วว่ามหันตภัยของการใช้เงินเกินตัวได้มาเยือน
แต่ในบัตรทั้ง 5 ใบ เรายังคงชำระยอดขั้นต่ำอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะถึงกำหนดชำระของทุกเดือน
แล้วก็มาถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เข้าขั้นวิกฤตค่ะ
เราย้ายงานใหม่
(แน่นอนค่ะเราย้ายไปทำ รัฐวิสาหกิจ รายได้ลดลงมากค่ะ แต่เราก็คิดว่ามั่นคงกว่าเอกชนหน่อย ในความคิดบ้าบอตอนนั้นอะนะ เห็นแก่ความมั่นคงและสวัสดิการที่พ่อแม่เบิกได้ล้วนๆค่ะ)
เล่าต่อค่ะ เราสอบติดรัฐวิสาหกิจค่ะ ตอนแรกเราดีใจมาก เราลาออกจากที่ทำงานเก่าตั้งแต่ยังไม่ประกาศผลสัมภาษณ์เลย เพราะมั่นใจมากว่าสอบผ่านข้อเขียนแล้ว เราต้องสอบสัมภาษณ์ผ่านแน่ เพราะเรามีประสบการณ์ทำงาน และตอบคำถามได้ดี
แต่นั่นแหละค่ะ การที่ออกจากเอกชน มาอยู่บ้านเฉยๆ เพื่อรอผลสัมภาษณ์ ก็ยิ่งทำให้เราไม่มีเงินมาใช้หนี้บัตรเครดิต
ไหนจะมีการเรียกเก็บค่าบริการรายปีของบัตรเครดิต ซึ่งปกติเราเคยโทรไปขอยกเลิกได้ แต่ตอนนี้อยู่ดีๆ ก็ขอยกเลิกไม่ได้เลย
ไหนจะค่าใช้จ่ายรุมเร้า ได้แก่ กยศ. ค่างวดรถยนต์ ค่าประกันรถยนต์ ค่าพรบ. ค่ากินอยู่ในแต่ละวัน จะให้มาแบมือขอพ่อแม่ก็ละอายใจแล้ว
ไหนจะค่าห้องที่กรุงเทพที่เรายังไม่ได้ย้ายออก
ด้วยเหตุนี้ทำให้เราไปเปิด บัตรเครดิต ใบที่ 6 7 8 9
------------------------------
แล้วเราก็เริ่มงานที่ใหม่ ซึ่งมีรายได้น้อยลงเหลือ หมื่นกว่าๆ ไม่มีโบนัสอีกด้วยค่ะ
------------------------------
ส่วนใบที่ 10 นั้น ก็เกิดจากความโง่ของเราล้วนๆค่ะ ควายจริงๆ ไม่มีวัวปนเลย
เรื่องแฟนค่ะ แฟนมาขอให้เรารูดบัตรเครดิตให้ สองรอบ
รอบแรก รูดผ่อนยางรถยนต์ 4 เส้น รถเค้านะคะ โดยผ่อนจ่ายเรา 6 งวด ซึ่งเค้าก็จ่ายคบทุกงวด ถึงจะตรงเวลาบ้างไม่ตรงเวลาบ้าง พอหมดงวดที่ 6 มาขอใหม่ค่ะ คราวนี้ ขอให้รูดผ่อนล้อแม็คให้
รอบที่สอง ล้อแม็ค 4 ล้อ ผ่อน 12 งวด แต่รอบนี้เราซวยค่ะ เค้าผ่อนให้เราได้เดือนเดียว แล้วติดผู้หญิง บังเอิญว่าเราจับได้ ก็เลยหนีไป แบบไม่มาบอกเลิก ไม่มาเก็บข้าวของเครื่องใช้ ไม่มาผ่อนต่ออีก 11 งวด ที่เหลือค่ะ เสียใจมาก ทั้งเรื่องหักหลัง ทั้งเรื่องเชิดเงิน
เงินเดือนหมื่นกว่าๆ แฟนทิ้ง งานโหด มีความเหนื่อยล้า ชีวิตตอนนั้นอยากตายมากค่ะ
แต่เราหันไปเห็นแม่เรา
แม่เราเงินเดือนไม่ถึงหมื่น กัดฟันส่งเราเรียนมหาวิทยาลัย โดยที่ไม่มีหนี้ซักบาท
เราลุกขึ้นใหม่อีกครั้งโดยมีแม่เป็นกำลังใจค่ะ แล้วก็ใช้วิธีอดข้าวเย็น เลิกซื้อของใช้ หาอาชีพเสริมอะไรที่ทำแล้วได้เงินแล้วสุจริตเราทำหมดค่ะ
แล้วในที่สุดเราก็ทะยอยปิดบัตรเครดิตทีละใบ จนตอนนี้ ยอดเป็น 0 ครบทุกใบแล้วค่ะ
หลังจากนั้น เราโทรปิดบัตรทั้งหมด 10 ใบ เหลือไว้ 1 ใบ เป็นบัตรเครดิตที่ฟรีค่าธรรมเนียมตลอดชีพ เผื่อไว้ว่าวันนึงต้องจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก แต่คงไม่ใช้มันแล้วล่ะค่ะ เข็ดทั้งบัตรเครดิต เข็ดทั้งเรื่องแฟน บทเรียนนี้ราคาแพงแสนแพงจิงค่ะ