เนื่องจากกระทู้ที่แล้ว ที่เปรียบเทียบเรื่องวอลเลย์กับวิทยายุทธ์ มีเสียงเรีกร้องอยากอ่านอีก เพื่อฉลองศรัทธาก็เลยแต่งเรื่องสมมติเพื่อให้ทุกท่านเบิกบานสำราญใจกัน หากผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ด้วย ว่าแล้วก็เริ่มเลย
ในการแข่งประลองวิทยายุทธ์ประจำปีของสมาพันธ์วอลเลย์เพื่อชิงตำแหน่งยอดฝีมืออันดับหนึ่งประจำปีมีสำนักเข้าร่วมประลอง 12 สำนัก ซึ่งต่างส่งศิษย์เอกเข้าร่วมประลองกันฉันท์มิตร แต่ก็มีฝ่ายอธรรมเข้าร่วมชิงชัยด้วย
พรรคกระยาจกเป็นพรรคเก่าแก่ในแผ่นดินตงง้วน มีสมาชิกมากที่สุดในโลกมากกว่าพันล้าน จึงมียอดฝีมือปรากฎนามไม่ขาดในประวัติศาสตร์อันยาวนาน แต่ไม่นานนี้พรรคกระยาจกกลับตกต่ำเพราะประมุขพรรคไร้สามารถทำให้พ่ายแพ้ต่อสำนักต่างๆอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งปรมาจารย์หลางซึ่งเคยชนะเลิศในการประลองยุทธ์ที่ฮั๊วซัวเมื่อกาลก่อนได้รับเชิญให้มาดำรงตำแหน่งประมุข ปรมาจารย์หลางได้เข้ามาปรับปรุงพรรคและรับศิษย์โดยไม่จำกัดว่าเป็นเสื้อสะอาดหรือเสื้อสกปรก ใครสามารถก็ได้รับโอกาส ใครมีฝีมือก็ได้รับตำแหน่งสำคัญในพรรค ศิษย์เอกของปรมาจารย์หลางคือแม่นางจูหยวนจาง ซึ่งได้รับการถ่ายทอดไม้ตีสุนัขและฝ่ามือพิชิตมังกรทำให้สามารถปราบยอดฝีมือไปทั่วแผ่นดิน ทำให้พรรคนี้กลับมาเข้มแข็งพอที่จะช่วงชิงตำแหน่งผู้นำยุทธภพอีกครั้งหนึ่ง
สำนักสุสานโบราณเดิมก็สืบทอดวิชามาจากแผ่นดินตงง้วนเช่นกัน เมื่อกาลก่อนเอี๊ยก๊วยและเซียวเหล่งนึ่งได้ปลีกตัวจากยุทธจักรไม่มีใครพบอีก แต่ปรากฏว่าทั้งสองได้หลีกเร้นมาทางใต้เพื่อใช้ชิวิตอย่างสงบสุข ณ แผ่นดินเสียมก๊ก วิทยายุทธของสำนักนี้จึงสืบทอดมายังชนชาติไทย ซึ่งปัจจุบันมีศิษย์เอกของสำนัก 7 คน มีวิทยายุทธ์สูงล้ำและสวยสง่าราวเทพธิดา ผู้คนจึงขนานนามว่า 7 เซียน ยอดฝีมือที่เข้าร่วมการประลองคือแม่นางเซียวเหล่งนุศ ซึ่งเป็นทายาทโดยตรงของเซียวเหล่งนึ้งในอดีต
ยกแรกของการประลองเป็นประเดิมของพรรคอันดับหนึ่งของยุทธภพคือพรรคกระยาจกกับสำนักสุสานโบราณที่มาแรงในทศวรรษที่ผ่านมา ทั้งสองสำนักมีสัมพันธ์อันดีมาตั้งแต่ครั้งอดีต
แม่นางเซียวเหล่งนุศคารวะกล่าว ซือเจ๋ ท่านสบายดี แม่นางจูหยวนจางก็คาวระตอบ ซือม่วยไม่ต้องเกรงใจ ทั้งสองโอภาปราศัยด้วยน้ำจิตน้ำใจดังพี่น้อง
แม่นางจูชักไม้เท้าเขียวมรกตของวิเศษประจำพรรคเข้าจู่โจม เพียงนางสะบัดคราเดียวก็แฝงการจู่โจมไปยังจุดเส้นด้านหน้าทั้ง 36 ทันที ท่าเพลงนี้เป็นมิได้เป็นท่าไม้ตายเพื่อเอาชัย แต่ใช้ผลักดันให้คู่ต่อสู่ต้องล่าถอยเพื่อชิงความได้เปรียบ จากนั้นท่าเพลงอันร้ายกาจจึงตามมา แต่เซียวเหล่งนุศไม่ได้หวั่น นางเคยฝึกจับนกกระจอกถึง 72 ตัวมาแล้ว เพียงนางใช้วิชาเท้าทองท่องคลื่นก็สามารถหลบหลีกท่าเพลงอันร้ายกาจได้โดยไม่ต้องถอยหลัง แต่เซียวเหล่งนุศกลับเดินหน้าไปในเงาไม้เท้าแล้วสะบัดแพรต่วนทีมีปลายเป็นกระบี่เข้าจี้จุดที่ท้องน้อยอย่างแม่นยำ
แม่นางจูตกใจชักไม้เท้ากลับ แต่ก็สูญเสียสถานะจากฝ่ายรุกเป็นฝ่ายรับ นางไม่ทันที่จะร่ายรำไม้เท้ามาป้องกันตัว ยามคับขันต้องโดดขึ้นเพื่อให้พ้น แต่แพรต่วนราวกับมีชิวิต มันเลื่อนลอยตามติดขึ้นมาอย่างไม่ลดละ ชาวยุทธ์ร้องฮือเห็นว่าแม่นางจูต้องโดนจี้จุดแน่ๆ แต่พลันแม่นางจูหดหน้าท้องวูบเพื่อหลบจุดสำคัญไม่ให้ถูกจี้ แล้วพ่นลมเข้าใส่แพรต่วน ไม่ให้เลื้อยติดตามไปได้อีก แล้วใช้วิชาไต่บันไดสวรรค์ทะยานขึ้นไปอีกสองวาแล้วร่ายรำไม้เท้าเพื่อคุ้มครองก่อนลงสู่พื้น กระบวนท่านี้แสดงให้เห็นกำลังภายในล้ำลึกของนาง
เพียงประมือกระบวนท่าแรกก็เกือบพ่ายแพ้แล้ว แม่นางจูจึงไม่กล้าดูแคลนอีก นางร่ายรำไม้เท้าอย่างรัดกุมเข้าจู่โจม ในการรุกแฝงการถอยไว้ 3 ส่วนมิให้มีช่องว่างให้จู่โจมอีก ไม้เท้าตีสุนัขมีท่าเพลงที่พลิกแพลงพิสดารยิ่งนัก ทั้งมีความเร็วที่เกินหยั่ง เงาไม้เท้าครอบคลุมเวทีการประลองไว้หมดสิ้น แม่นางเหล่งนุศชักกระบี่อีกเล่มออกมาถือ อีกมือหนึ่งก็มีแพรต่วนที่มีกระบี่ เป็นวรยุทธ์พิสดารที่ใช้สองมือแสดงวิชาที่ต่างกัน กระบี่เล่มหนึ่งใช้เพลงกระบี่ช้วนจิน อีกเล่มเป็นเพลงกระบี่ดรุณีใจหยก กระบี่ทั้งสองเล่มรุกรับสอดประสานช่วยเหลือกันและกันราวกับมียอดฝีมือสองคนร่ายรำก็มิปาน ทั้งสองต่างร่ายรำไม้ตายสุดยอดออกมา ผ่ายไปสามสิบเพลงก็ยังไม่เพลี่ยงพล้ำกัน
ปรมาจารย์หลางผิงคำนึงด้วยความประหลาดใจ เราเคยได้ยินว่าในอดีตมียอดฝีมือที่สามารถใช้สองมือใช้สองวิชาพร้อมกันได้ แต่อย่างไรก็เป็นการใช้ในทิศทางเดียวไม่ยากต่อการรับมือ แต่กระบี่สองเล่มนี้แยกห่างกันและอยู่ในทิศทางที่ต่างกัน กระบี่เล่มหนึ่งอยู่ด้านหน้า อีกเล่มที่มีแพรต่วนลอบโจมตีด้านหลังเหมือนมียอดฝีมือสองคนกลุ้มรุมจริง ๆ นับว่ายากต่อการรับมือ วิชาไม้ตีสุนัขมีความรวดเร็วเราคิดมาตลอดว่าเป็นหนึ่งในแผ่นดิน แต่ดูไปแล้วกลับไม่รวดเร็วไปกว่าวิชากระบี่ชุดนี้เลย ยิ่งสู้กันนานไปน่าที่ศิษย์เราจะเพลี่ยงพล้ำปราชัยมากกว่า
ปรมาจารย์หลางใช้ลมปราณพันลี้ถ่ายทอดเสียงไปให้ศิษย์รัก แม่นางจูจึงเก็บไม้เท้าไว้ที่เอวแล้วร่ายรำด้วยวิชาฝ่ามือมังกร 18 ท่าทันที นางฟาดฝ่ามือเข้าใส่เซียวเหล่านุศอย่างไม่นับ แต่แม่นางเหล่งนุศก็ใช้วิชาตัวเบาสามารถหลบหลีกไปได้อย่างง่ายดาย ปรมาจารย์หลางผิงสอนต่อว่า อย่าสนใจความพลิกแพลง ให้ใช้ง่ายชนะยาก หนักชนะเบา อย่าจู่โจมที่ตัว ให้ตัดทางถอยของคู่ต่อสู้แล้วค่อยเอาชัย แม่นางจูไม่สนใจกระบี่ที่ฉวัดเฉวียนรอบตัว มุ่งเน้นร่ายรำเพลงฝ่ามือของตนอย่างไม่ลดละ ทั้งลุยไถปานประหนึ่งมรสุมคลั่ง พลังลมปั่นปวนไปทั่ว แต่ไม่มีกระบวนท่าเดียวที่โจมตีใส่ตัว แต่เซียวเหล่งนุศกลับไม่สามารถใช้วิชาตัวเบาที่ถนัดได้เต็มที่เพราะพลันที่ลอยตัวพ้นจากพื้น กระแสลมก็จะผลักให้ตัวนางเบี่ยงเบนไปเล็กน้อย วิชาสุสานโบราณเน้นหนักที่ความแม่นยำ การผิดเพี้ยนจากตำแหน่งไปเพียงเล็กน้อยก็ทำให้กระบี่ไร้อานุภาพ แม้โจมตีถูกแต่ไม่โดนจุดเส้นที่สำคัญก็ไม่อาจกำชัยได้เพียงแต่สร้างบาดแผลเล็กน้อยให้แก่คู่ต่อสู้ เท่านั้น
แม้นางจูแม้จะโดนกระบี่บาดเข้าผิวกายแต่ก็แค่รอยขีดข่วนเท่านั้น นางจึงไม่หวาดกลัวอีกจึงยิ่งเร่งฝ่ามือให้หนักหน่วงขึ้น จากที่เสียเปรียบก็กลายเป็นได้เปรียบ รัศมีกระบี่ที่ครอบคลุมไปทั้งเวทีก็หดแคบลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะแพรต่วนที่โดนกระแสลมกดดันไม่ให้เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ในที่สุดแม่นางเหล่งนุศก็ต้องรั้งเอากระบี่ที่แพรต่วนกลับมาถือในมือ ร่ายรำกระบี่คุ้มครองกายอย่างเต็มที่
แม่นางจูฉวยโอกาสนี้สืบเท้าเข้าไปเรื่อยๆ และร่ายรำฝ่ามือปิดทางหนี จนผลักดันแม่นางเหล่งนุศไปที่ขอบเวที พลันแม่นางจูก็ฟาดฝ่ามือเข้าใส่ แม่นางเหล่งนุศไม่มีทางเลือกต้องฟาดกระบี่เข้าปะทะกับพลังฝ่ามือที่หนักหน่วงที่ทะลักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง นับเป็นการประลองกำลังภายในอย่างเดียว แม่นางจูสำเร็จกำลังภายในจากคัมภีร์เก้าอิม แต่แม่นางเหล่งนุศแม้เรียนรู้วิชาเก้าอิมเช่นกันแต่ไม่สมบูรณ์ครบถ้วน ทำให้พลังวัตรแตกต่างกันมาก พอนางใช้กระบี่เข้าหักหาญด้วยกำลังก็ไม่อาจทนทานได้นาน พลันกระบี่ในมือนางเล่มหนึ่งหลุดออกไปจากมือ ผลแพ้ชนะปรากฏแล้ว แม่นางจูก็รั้งพลังทั้งมวลกลับยืนประสานมือคารวะกล่าวว่า ออมมือแล้วๆ แม่นางเหล่งนุศก็ล่าวตอบด้วยมารยาทว่า นับถือๆ แล้วก็เดินลงจากเวทีไป
ชัยชนะตกเป็นของพรรคกระยาจกอย่างงดงาม แต่ปรมาจารย์หลางกลับคำนึงว่า ในด้านกระบวนท่าแล้วไม่อาจนับว่าฝ่ายเราได้ชัยแต่อย่างใด แต่ที่ชนะก็เพราะศิษย์เรามีพลังวัตรที่เหนือกว่ามาก พรรคเราแม้ชื่อว่าพรรคกระยาจกแต่จริงแล้วทรัพย์สมบัติมีมหาศาล ศิษย์เรานี้คัดจากศิษย์ที่มีสัดส่วนเหมาะสมต่อการฝึกยุทธ์นับแสน แต่ละวันนางได้รับยาวิเศษทั้งบัวหิมะและโสมวิเศษพันปีตั้งแต่เยาว์วัย ทำให้พลังวัตรรุดหน้าเร็วกว่าปกติถึงสิบเท่า ทราบว่าสำนักสุสานโบราณมีศิษย์ไม่มาก ฝึกกันอย่างตามมีตามเกิด อาหารก็มิเพียงหมั่นโถกับมาม่า ที่ไหนพวกนางจะมีพลังวัตรเทียบกับศิษย์เราได้ หากพวกนางมีพลังวัตรทัดเทียมกับฝ่ายเราแล้ว ก็ยากจะระบุได้ว่าฝ่ายใดจะชนะ เราจะต้องเร่งคิดค้นวิทยายุทธ์ให้เหนือกว่าที่มีอยู่ให้ได้ มิเสียที่ที่เป็นยอดปรมาจารย์แห่งยุค ความคิดย่อมเหนือสามัญเป็นธรรมดา
วอลเลย์ยุทธภพ ตอน พรรคกระยาจกแห่งตงง้วน VS สุสานโบราณแห่งเสียมก๊ก
ในการแข่งประลองวิทยายุทธ์ประจำปีของสมาพันธ์วอลเลย์เพื่อชิงตำแหน่งยอดฝีมืออันดับหนึ่งประจำปีมีสำนักเข้าร่วมประลอง 12 สำนัก ซึ่งต่างส่งศิษย์เอกเข้าร่วมประลองกันฉันท์มิตร แต่ก็มีฝ่ายอธรรมเข้าร่วมชิงชัยด้วย
พรรคกระยาจกเป็นพรรคเก่าแก่ในแผ่นดินตงง้วน มีสมาชิกมากที่สุดในโลกมากกว่าพันล้าน จึงมียอดฝีมือปรากฎนามไม่ขาดในประวัติศาสตร์อันยาวนาน แต่ไม่นานนี้พรรคกระยาจกกลับตกต่ำเพราะประมุขพรรคไร้สามารถทำให้พ่ายแพ้ต่อสำนักต่างๆอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งปรมาจารย์หลางซึ่งเคยชนะเลิศในการประลองยุทธ์ที่ฮั๊วซัวเมื่อกาลก่อนได้รับเชิญให้มาดำรงตำแหน่งประมุข ปรมาจารย์หลางได้เข้ามาปรับปรุงพรรคและรับศิษย์โดยไม่จำกัดว่าเป็นเสื้อสะอาดหรือเสื้อสกปรก ใครสามารถก็ได้รับโอกาส ใครมีฝีมือก็ได้รับตำแหน่งสำคัญในพรรค ศิษย์เอกของปรมาจารย์หลางคือแม่นางจูหยวนจาง ซึ่งได้รับการถ่ายทอดไม้ตีสุนัขและฝ่ามือพิชิตมังกรทำให้สามารถปราบยอดฝีมือไปทั่วแผ่นดิน ทำให้พรรคนี้กลับมาเข้มแข็งพอที่จะช่วงชิงตำแหน่งผู้นำยุทธภพอีกครั้งหนึ่ง
สำนักสุสานโบราณเดิมก็สืบทอดวิชามาจากแผ่นดินตงง้วนเช่นกัน เมื่อกาลก่อนเอี๊ยก๊วยและเซียวเหล่งนึ่งได้ปลีกตัวจากยุทธจักรไม่มีใครพบอีก แต่ปรากฏว่าทั้งสองได้หลีกเร้นมาทางใต้เพื่อใช้ชิวิตอย่างสงบสุข ณ แผ่นดินเสียมก๊ก วิทยายุทธของสำนักนี้จึงสืบทอดมายังชนชาติไทย ซึ่งปัจจุบันมีศิษย์เอกของสำนัก 7 คน มีวิทยายุทธ์สูงล้ำและสวยสง่าราวเทพธิดา ผู้คนจึงขนานนามว่า 7 เซียน ยอดฝีมือที่เข้าร่วมการประลองคือแม่นางเซียวเหล่งนุศ ซึ่งเป็นทายาทโดยตรงของเซียวเหล่งนึ้งในอดีต
ยกแรกของการประลองเป็นประเดิมของพรรคอันดับหนึ่งของยุทธภพคือพรรคกระยาจกกับสำนักสุสานโบราณที่มาแรงในทศวรรษที่ผ่านมา ทั้งสองสำนักมีสัมพันธ์อันดีมาตั้งแต่ครั้งอดีต
แม่นางเซียวเหล่งนุศคารวะกล่าว ซือเจ๋ ท่านสบายดี แม่นางจูหยวนจางก็คาวระตอบ ซือม่วยไม่ต้องเกรงใจ ทั้งสองโอภาปราศัยด้วยน้ำจิตน้ำใจดังพี่น้อง
แม่นางจูชักไม้เท้าเขียวมรกตของวิเศษประจำพรรคเข้าจู่โจม เพียงนางสะบัดคราเดียวก็แฝงการจู่โจมไปยังจุดเส้นด้านหน้าทั้ง 36 ทันที ท่าเพลงนี้เป็นมิได้เป็นท่าไม้ตายเพื่อเอาชัย แต่ใช้ผลักดันให้คู่ต่อสู่ต้องล่าถอยเพื่อชิงความได้เปรียบ จากนั้นท่าเพลงอันร้ายกาจจึงตามมา แต่เซียวเหล่งนุศไม่ได้หวั่น นางเคยฝึกจับนกกระจอกถึง 72 ตัวมาแล้ว เพียงนางใช้วิชาเท้าทองท่องคลื่นก็สามารถหลบหลีกท่าเพลงอันร้ายกาจได้โดยไม่ต้องถอยหลัง แต่เซียวเหล่งนุศกลับเดินหน้าไปในเงาไม้เท้าแล้วสะบัดแพรต่วนทีมีปลายเป็นกระบี่เข้าจี้จุดที่ท้องน้อยอย่างแม่นยำ
แม่นางจูตกใจชักไม้เท้ากลับ แต่ก็สูญเสียสถานะจากฝ่ายรุกเป็นฝ่ายรับ นางไม่ทันที่จะร่ายรำไม้เท้ามาป้องกันตัว ยามคับขันต้องโดดขึ้นเพื่อให้พ้น แต่แพรต่วนราวกับมีชิวิต มันเลื่อนลอยตามติดขึ้นมาอย่างไม่ลดละ ชาวยุทธ์ร้องฮือเห็นว่าแม่นางจูต้องโดนจี้จุดแน่ๆ แต่พลันแม่นางจูหดหน้าท้องวูบเพื่อหลบจุดสำคัญไม่ให้ถูกจี้ แล้วพ่นลมเข้าใส่แพรต่วน ไม่ให้เลื้อยติดตามไปได้อีก แล้วใช้วิชาไต่บันไดสวรรค์ทะยานขึ้นไปอีกสองวาแล้วร่ายรำไม้เท้าเพื่อคุ้มครองก่อนลงสู่พื้น กระบวนท่านี้แสดงให้เห็นกำลังภายในล้ำลึกของนาง
เพียงประมือกระบวนท่าแรกก็เกือบพ่ายแพ้แล้ว แม่นางจูจึงไม่กล้าดูแคลนอีก นางร่ายรำไม้เท้าอย่างรัดกุมเข้าจู่โจม ในการรุกแฝงการถอยไว้ 3 ส่วนมิให้มีช่องว่างให้จู่โจมอีก ไม้เท้าตีสุนัขมีท่าเพลงที่พลิกแพลงพิสดารยิ่งนัก ทั้งมีความเร็วที่เกินหยั่ง เงาไม้เท้าครอบคลุมเวทีการประลองไว้หมดสิ้น แม่นางเหล่งนุศชักกระบี่อีกเล่มออกมาถือ อีกมือหนึ่งก็มีแพรต่วนที่มีกระบี่ เป็นวรยุทธ์พิสดารที่ใช้สองมือแสดงวิชาที่ต่างกัน กระบี่เล่มหนึ่งใช้เพลงกระบี่ช้วนจิน อีกเล่มเป็นเพลงกระบี่ดรุณีใจหยก กระบี่ทั้งสองเล่มรุกรับสอดประสานช่วยเหลือกันและกันราวกับมียอดฝีมือสองคนร่ายรำก็มิปาน ทั้งสองต่างร่ายรำไม้ตายสุดยอดออกมา ผ่ายไปสามสิบเพลงก็ยังไม่เพลี่ยงพล้ำกัน
ปรมาจารย์หลางผิงคำนึงด้วยความประหลาดใจ เราเคยได้ยินว่าในอดีตมียอดฝีมือที่สามารถใช้สองมือใช้สองวิชาพร้อมกันได้ แต่อย่างไรก็เป็นการใช้ในทิศทางเดียวไม่ยากต่อการรับมือ แต่กระบี่สองเล่มนี้แยกห่างกันและอยู่ในทิศทางที่ต่างกัน กระบี่เล่มหนึ่งอยู่ด้านหน้า อีกเล่มที่มีแพรต่วนลอบโจมตีด้านหลังเหมือนมียอดฝีมือสองคนกลุ้มรุมจริง ๆ นับว่ายากต่อการรับมือ วิชาไม้ตีสุนัขมีความรวดเร็วเราคิดมาตลอดว่าเป็นหนึ่งในแผ่นดิน แต่ดูไปแล้วกลับไม่รวดเร็วไปกว่าวิชากระบี่ชุดนี้เลย ยิ่งสู้กันนานไปน่าที่ศิษย์เราจะเพลี่ยงพล้ำปราชัยมากกว่า
ปรมาจารย์หลางใช้ลมปราณพันลี้ถ่ายทอดเสียงไปให้ศิษย์รัก แม่นางจูจึงเก็บไม้เท้าไว้ที่เอวแล้วร่ายรำด้วยวิชาฝ่ามือมังกร 18 ท่าทันที นางฟาดฝ่ามือเข้าใส่เซียวเหล่านุศอย่างไม่นับ แต่แม่นางเหล่งนุศก็ใช้วิชาตัวเบาสามารถหลบหลีกไปได้อย่างง่ายดาย ปรมาจารย์หลางผิงสอนต่อว่า อย่าสนใจความพลิกแพลง ให้ใช้ง่ายชนะยาก หนักชนะเบา อย่าจู่โจมที่ตัว ให้ตัดทางถอยของคู่ต่อสู้แล้วค่อยเอาชัย แม่นางจูไม่สนใจกระบี่ที่ฉวัดเฉวียนรอบตัว มุ่งเน้นร่ายรำเพลงฝ่ามือของตนอย่างไม่ลดละ ทั้งลุยไถปานประหนึ่งมรสุมคลั่ง พลังลมปั่นปวนไปทั่ว แต่ไม่มีกระบวนท่าเดียวที่โจมตีใส่ตัว แต่เซียวเหล่งนุศกลับไม่สามารถใช้วิชาตัวเบาที่ถนัดได้เต็มที่เพราะพลันที่ลอยตัวพ้นจากพื้น กระแสลมก็จะผลักให้ตัวนางเบี่ยงเบนไปเล็กน้อย วิชาสุสานโบราณเน้นหนักที่ความแม่นยำ การผิดเพี้ยนจากตำแหน่งไปเพียงเล็กน้อยก็ทำให้กระบี่ไร้อานุภาพ แม้โจมตีถูกแต่ไม่โดนจุดเส้นที่สำคัญก็ไม่อาจกำชัยได้เพียงแต่สร้างบาดแผลเล็กน้อยให้แก่คู่ต่อสู้ เท่านั้น
แม้นางจูแม้จะโดนกระบี่บาดเข้าผิวกายแต่ก็แค่รอยขีดข่วนเท่านั้น นางจึงไม่หวาดกลัวอีกจึงยิ่งเร่งฝ่ามือให้หนักหน่วงขึ้น จากที่เสียเปรียบก็กลายเป็นได้เปรียบ รัศมีกระบี่ที่ครอบคลุมไปทั้งเวทีก็หดแคบลงเรื่อยๆ โดยเฉพาะแพรต่วนที่โดนกระแสลมกดดันไม่ให้เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ในที่สุดแม่นางเหล่งนุศก็ต้องรั้งเอากระบี่ที่แพรต่วนกลับมาถือในมือ ร่ายรำกระบี่คุ้มครองกายอย่างเต็มที่
แม่นางจูฉวยโอกาสนี้สืบเท้าเข้าไปเรื่อยๆ และร่ายรำฝ่ามือปิดทางหนี จนผลักดันแม่นางเหล่งนุศไปที่ขอบเวที พลันแม่นางจูก็ฟาดฝ่ามือเข้าใส่ แม่นางเหล่งนุศไม่มีทางเลือกต้องฟาดกระบี่เข้าปะทะกับพลังฝ่ามือที่หนักหน่วงที่ทะลักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง นับเป็นการประลองกำลังภายในอย่างเดียว แม่นางจูสำเร็จกำลังภายในจากคัมภีร์เก้าอิม แต่แม่นางเหล่งนุศแม้เรียนรู้วิชาเก้าอิมเช่นกันแต่ไม่สมบูรณ์ครบถ้วน ทำให้พลังวัตรแตกต่างกันมาก พอนางใช้กระบี่เข้าหักหาญด้วยกำลังก็ไม่อาจทนทานได้นาน พลันกระบี่ในมือนางเล่มหนึ่งหลุดออกไปจากมือ ผลแพ้ชนะปรากฏแล้ว แม่นางจูก็รั้งพลังทั้งมวลกลับยืนประสานมือคารวะกล่าวว่า ออมมือแล้วๆ แม่นางเหล่งนุศก็ล่าวตอบด้วยมารยาทว่า นับถือๆ แล้วก็เดินลงจากเวทีไป
ชัยชนะตกเป็นของพรรคกระยาจกอย่างงดงาม แต่ปรมาจารย์หลางกลับคำนึงว่า ในด้านกระบวนท่าแล้วไม่อาจนับว่าฝ่ายเราได้ชัยแต่อย่างใด แต่ที่ชนะก็เพราะศิษย์เรามีพลังวัตรที่เหนือกว่ามาก พรรคเราแม้ชื่อว่าพรรคกระยาจกแต่จริงแล้วทรัพย์สมบัติมีมหาศาล ศิษย์เรานี้คัดจากศิษย์ที่มีสัดส่วนเหมาะสมต่อการฝึกยุทธ์นับแสน แต่ละวันนางได้รับยาวิเศษทั้งบัวหิมะและโสมวิเศษพันปีตั้งแต่เยาว์วัย ทำให้พลังวัตรรุดหน้าเร็วกว่าปกติถึงสิบเท่า ทราบว่าสำนักสุสานโบราณมีศิษย์ไม่มาก ฝึกกันอย่างตามมีตามเกิด อาหารก็มิเพียงหมั่นโถกับมาม่า ที่ไหนพวกนางจะมีพลังวัตรเทียบกับศิษย์เราได้ หากพวกนางมีพลังวัตรทัดเทียมกับฝ่ายเราแล้ว ก็ยากจะระบุได้ว่าฝ่ายใดจะชนะ เราจะต้องเร่งคิดค้นวิทยายุทธ์ให้เหนือกว่าที่มีอยู่ให้ได้ มิเสียที่ที่เป็นยอดปรมาจารย์แห่งยุค ความคิดย่อมเหนือสามัญเป็นธรรมดา