คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 6
ในสมัยนั้น ยิว ไม่ค่อยแต่งงานข้ามเชื้อชาติกันครับ ยึดถือและภูมิใจในชาติพันธุ์ของตัวเองมาก และกระจายไปทั่วยุโรป
เกาะกลุ่มกันแต่ในเผ่าพันธุ์ของตัวเอง ทั้งภาษา ศาสนา วัฒนธรรม ก็มีเป็นของตัวเองหมด(ยกเว้นแผ่นดิน) ไม่ค่อยเปิดรับชนชาติอื่นๆเท่าใดนัก
ดังนั้นโอกาสที่จะมี"ลูกครึ่ง"แบบบ้านเราจึงมีน้อยตาม (บ้านเราไทย-จีน ผสมกันจนแทบจะแยกไม่ออกแล้ว)
ทำให้รูปลักษณ์ภายนอกจึงไม่ต่างจากเดิมมากนัก (ผมสีเข้ม ตาคมโต จมูกโด่งงุ้ม แก้มเป็นโหนกสัน)
แต่ก็ยังมีบางคนที่โชคที่ยังคล้ายคนท้องถิ่นอยู่บ้าง ยังสามารถอยู่รอดได้ด้วยเอกสารปลอม
ถ้าถามว่าทำไมทุกคนถึงไม่ทำเอกสารปลอมกันหมด จะได้ไม่โดนตามล่า
ก็ต้องตอบว่า ในช่วงต้นๆของสงคราม ยังไม่มีใครรู้ว่า นาซี จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครับ (เรื่องนี้ถือเป็นความลับขั้นสุดยอดของนาซีในช่วงขณะนั้น เพราะถือว่าผิดหลักกฎหมายสงครามอย่างรุนแรง)
ในช่วงต้นของสงคราม นาซีได้แบ่งชาวยิวออกมาจากชนพื้นเมือง หลายๆคนยังคิดแค่ว่า แค่โดนลดชั้นไปเป็นประชาชนชั้น 3 (ชั้นที่ 1 คือเยอรมัน ชั้นที่ 2 คือชนพื้นเมือง)
และยังมองโลกในแง่ดีกันอยู่ ที่ว่า"อย่างน้อยก็ยังได้อยู่กับชาวยิวด้วยกัน" แต่หารู้ไม่ว่า นาซีโหดร้ายกว่านั้นมาก
ตอนที่ขนย้ายชาวยิวไปยังค่ายกักกัน ก็ยังคิดว่าเป็นการ"เปลี่ยนที่อยู่เฉยๆ พอสงครามสงบก็จะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ"
แต่ก็ยังมีบางคนพอมองออกบ้าง ก็ให้คนท้องถิ่นช่วยเหลือแล้วเอาตัวรอดกันไป ในแบบที่เราเห็นในหนังหลายๆเรื่องครับ
เกาะกลุ่มกันแต่ในเผ่าพันธุ์ของตัวเอง ทั้งภาษา ศาสนา วัฒนธรรม ก็มีเป็นของตัวเองหมด(ยกเว้นแผ่นดิน) ไม่ค่อยเปิดรับชนชาติอื่นๆเท่าใดนัก
ดังนั้นโอกาสที่จะมี"ลูกครึ่ง"แบบบ้านเราจึงมีน้อยตาม (บ้านเราไทย-จีน ผสมกันจนแทบจะแยกไม่ออกแล้ว)
ทำให้รูปลักษณ์ภายนอกจึงไม่ต่างจากเดิมมากนัก (ผมสีเข้ม ตาคมโต จมูกโด่งงุ้ม แก้มเป็นโหนกสัน)
แต่ก็ยังมีบางคนที่โชคที่ยังคล้ายคนท้องถิ่นอยู่บ้าง ยังสามารถอยู่รอดได้ด้วยเอกสารปลอม
ถ้าถามว่าทำไมทุกคนถึงไม่ทำเอกสารปลอมกันหมด จะได้ไม่โดนตามล่า
ก็ต้องตอบว่า ในช่วงต้นๆของสงคราม ยังไม่มีใครรู้ว่า นาซี จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครับ (เรื่องนี้ถือเป็นความลับขั้นสุดยอดของนาซีในช่วงขณะนั้น เพราะถือว่าผิดหลักกฎหมายสงครามอย่างรุนแรง)
ในช่วงต้นของสงคราม นาซีได้แบ่งชาวยิวออกมาจากชนพื้นเมือง หลายๆคนยังคิดแค่ว่า แค่โดนลดชั้นไปเป็นประชาชนชั้น 3 (ชั้นที่ 1 คือเยอรมัน ชั้นที่ 2 คือชนพื้นเมือง)
และยังมองโลกในแง่ดีกันอยู่ ที่ว่า"อย่างน้อยก็ยังได้อยู่กับชาวยิวด้วยกัน" แต่หารู้ไม่ว่า นาซีโหดร้ายกว่านั้นมาก
ตอนที่ขนย้ายชาวยิวไปยังค่ายกักกัน ก็ยังคิดว่าเป็นการ"เปลี่ยนที่อยู่เฉยๆ พอสงครามสงบก็จะได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ"
แต่ก็ยังมีบางคนพอมองออกบ้าง ก็ให้คนท้องถิ่นช่วยเหลือแล้วเอาตัวรอดกันไป ในแบบที่เราเห็นในหนังหลายๆเรื่องครับ
แสดงความคิดเห็น
เพิ่งดูเรื่อง The pianist จบ มีข้อสงสัยค่ะ
ทำไม คนยิวไม่ปลอมตัวแต่งตัวแล้วบอกว่าตัวเองเป็นคนเยอรมันคะ
นอกจากการขอดูบัตรประชาชนแล้ว รูปร่างหน้าตา ภาษา ของคนยิว แตกต่างอย่างไรกับคนเยอรมันคะ
ขอบคุณค่ะ