Ep.1 - Huis Ten Bosch บินไปคิวชู แต่ไปโผล่ฮอลแลนด์:
http://ppantip.com/topic/35236051
Ep.2 - ตามหาใบไม้แดงที่ Yutoku Inari:
http://ppantip.com/topic/35263498
Ep.3 - ตามหาหัวใจที่ Nagasaki:
http://ppantip.com/topic/35294708
Ep.4 - ตามหาคุมะมงที่ Kumamoto:
http://ppantip.com/topic/35340828
Ep.5 - พาแฟนไปทัวร์นรก ที่ Beppu:
http://ppantip.com/topic/35416017
Ep. 6 - ใครว่า Yufuin แค่ครึ่งวันก็พอ:
http://ppantip.com/topic/35894794
Ep. 7 - แช่ออนเซ็นท่ามกลางใบไม้แดงที่ Kurokawa:
http://ppantip.com/topic/35951771
Ep.8 - กินเพลินๆ ที่ Fukuoka:
https://ppantip.com/topic/36053342/
Ep 9 - ล่องเรือในชุดกิโมโน ที่ Dazaifu & Yanagawa:
https://ppantip.com/topic/36289772
เริ่มต้นเช้าวันที่ 2 ของ Trip Autumn in Kyushu วันนี้ตามแพลน เราจะเดินทางจาก Nagasaki ย้อนกลับไปที่ Saga เพื่อเที่ยวศาลเจ้าที่ชื่อ Yotoku Inari (โยโตคุ อินาริ) กัน
ออกจากโรงแรม APA Nagasaki Ekimae ตั้งแต่เช้าตรู่ เเต่เเค่เดินข้ามถนนมาก็ถึงสถานีรถไฟ Nagasaki เลย
เรานั่งรถไฟเที่ยว 7:29 ขบวนชื่อ Limited Express Kamome 6 ซึ่งรวมอยู่ใน North Kyushu Pass แล้ว เราจึงไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่มเติม ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึง ก็จะถึงสถานี Hizenkashima ที่เป็นสถานีที่ใกล้ที่สุด หากต้องการเดินทางไปเที่ยวศาลเจ้า Yotoku Inari
ออกจากสถานี เราต้องไปต่อรถบัสประจำทางต่อ สถานที่ขึ้นรถบัสอยู่ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟ ดูจากรูปด้านล่างได้เลย
ด้านในจะมีคุณลุงขายตั๋วรถบัสอยู่ เราก็บอกเค้าว่าจะไปไหน ในนั้นจะมีตารางรถออกให้ดู มีภาษาอังกฤษด้วย ค่าตั๋ว 320 เยน รวมทั้งไปและกลับ ซื้อตั๋วเสร็จก็นั่งรอรถมารับ
หากใครตรงมาเที่ยวที่นี่โดยมีกระเป๋าเดินทางมาด้วย สามารถฝากที่สถานีรถบัสนี้ได้ เขาจะไม่มีล็อกเกอร์ให้ ก็คือต้องฝากกับคุณลุงสถานี เราอ่านดูรีวิวอื่นๆ ทั้งของคนไทยและต่างชาติ เขาก็ฝากกัน ไม่มีปัญหาอะไร แต่เราสองคน ไม่ได้ฝาก เพราะเก็บกระเป๋าไว้ในโรงแรมเรียบร้อยแล้ว
ถึงเวลารถออก รถบัสก็มาตรงเวลาเป๊ะ ตามมาตราฐานคนญี่ปุ่น
หลังจากนั่งไปประมาณ 15 นาที ก็จะถึงบริเวณปากทางเข้าวัด รถจะส่งและรับเรากลับที่จุดเดิม ควรเช็คเวลากลับให้ดีๆ และเผื่อเวลาในการเดินกลับออกมาด้วย เพราะจากป้ายรถบัสไปยังตัวศาลเจ้าใช้เวลาประมาณ 7 นาที
เริ่มออกเดิน มุ่งตรงไปยังศาลเจ้าที่เวลานี้ เงียบสงบมาก ร้านค้าก็ยังไม่ค่อยเปิดกัน แต่สิ่งที่ทำให้เราใจหาย คือเจ้าต้นไม้ที่ไร้ใบพวกนี้ จบกัน Trip Autumn in Kyushu
ไหนหละใบไม้แดงของช้านนนนนน !!
ก่อนออกเดินทางเราก็พอจะรู้ว่าเราอาจจะมาช้าไป เพราะนี่ก็ต้นธันวาเข้าไปแล้ว จริงๆเราควรมาตั้งแต่กลางเดือน ถึงปลายเดือนพฤศจิกายน ถึงจะเป็นช่วงดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ภูมิภาคคิวชูจริงๆ (แต่ด้วยความที่ชีวิตออฟฟิศ จะเที่ยวยาวๆทีก็ต้องรอช่วงวันหยุด เลยต้องมาช่วงต้นธันวา) แต่เราก็ยังแอบหวังว่ามันจะยังมีหลงเหลืออยู่บ้าง
เดินคอตก เสียใจกับเรื่องใบไม้มาจนถึงตัววัด
แต่...พอเงยหน้ามองแล้วมองเข้าไปด้านในวัด ก็ทำให้เรายิ้มได้ เพราะ นั่นไงใบ้ไม้แดง !!!
ยังพอมีหลงเหลืออยู่จริงๆด้วย แถมเสาสีแดงๆของ ศาลเจ้าแห่งนี้ยังช่วยเสริมให้ภาพที่อยู่ตรงหน้าดูสวยงามขึ้น หลังจากเจอใบไม้แดง เราก็ยิ้มออก และมีอารมณ์ถ่ายรูปอีกครั้ง
ตัวอาคารหลักของศาลเจ้า Yotoku Inari แห่งนี้ มีความคล้ายคึงกับ Kiyomizu Dare ในเกียวโตมากทีเดียว ต่างกันตรงที่สีสันที่สดใสกว่า (และจำนวนนักท่องเที่ยวที่น้อยกว่าเยอะ)
แต่อันที่จริงแล้ว Yotoku Inari เป็นหนึ่งในสาม ของศาลเจ้า Inari ที่โด่งดังของญี่ปุ่น อีก 2 ที่ คือ Fushimi Inari (เกียวโต) และ Kasama Inari
ได้มาเห็นที่นี่ ก็ทำให้เราคิดถึงเกียวโตขึ้นมาเลย เสียดายครั้งนี้ไม่ได้ใส่ชุดกิโมโนเหมือนครั้งที่ไปเกียวโตใครมีแพลนไปเกียวโต อ่านรีวิวเราได้นะ Link นี้เลยจ้า Kyoto ย้อนเวลาในชุดกิโมโน -
http://www.2roamwithlove.com/2015/09/day5-kyoto-kimono-kiyomisu-fushimi-inari-gion.html
ศาลเจ้านี้สร้างขึ้นตั้งแต่ ปี 1687 และก็เหมือนศาลเจ้า Inari อื่นๆ คือที่นี่บูชาเทพจิ้งจอก ที่เชื่อกันว่านำพาโชคลาภด้านความอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะการเก็บเกี่ยวพืชพรรณ และการประมง
ก่อนเข้าศาลเจ้า จะมีสะพานเล็ก และบ่อปลาคาร์พ
ที่นี่เปิดให้เข้าชมได้ฟรี ไม่ต้องเสียค่าเข้าใดๆ และตอนนี้ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมกว่า 2.8 ล้านคน และขาดว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
การจะเข้าไปในส่วนศาลเจ้าหลักจะต้องขึ้นบันไดนี้ไป สองข้างทางยังคงเต็มไปด้วยใบไม้แดง สีสวยงาม
บรรยากาศเช้านี้เงียบสงบมาก
เราสองคนจึงใช้เวลา อย่างไม่เร่งรีบ ชื่นชมใบไม้แดงกัน
เดินขึ้นมาไม่ไกลก็จะถึงศาลเจ้า
มาขอพรกันสักหน่อย
แต่ศาลเจ้านี้ไม่ได้มีแค่นี้นะ เดินทะลุออกไปอีกฝั่งหนึ่งจะเจอกับทางเดินที่เต็มไปด้วยเสาโทริสีแดง ดูเชิญชวนให้เดินเข้าไปเป็นอย่างมาก
เสาเรียงราย ขึ้นไปจนถึงภูเขาที่อยู่ด้านหลังศาลเจ้าเลยทีเดียว ถึงตอนนี้ เราถ่ายรูปกันแบบรัวๆ สวยไปทุกมุมเลย
ยิ่งถ้าใครมาตอนเช้า คงได้ถ่ายรูปกันอย่างเต็มที่เลยทีเดียว เพราะไม่มีคนเลย เอาขาตั้งกล้องออกมาตั้งก็ยังได้
จากบนนี้ยังสามารถมองลงไปเห็นวิวบ้านเรือนด้านล่าง และดงใบไม้แดงอีกด้วย
หลังจากเดินเล่นอยู่ด้านบนสักพัก เราก็เริ่มเดินลง เผื่อเวลาในการกลับไปขึ้นรถบัสด้วย
ก่อนกลับเห็นสาวญี่ปุ่น ใส่ชุดกิโมโนมาเที่ยว สวยมาก ตากล้องขอแอบถ่ายรูปมา
โอ๊ะ ! เกือบลืม ที่นี่มีให้ขอพรเรื่องความรักด้วยนะ .... แล้วเราจะพลาดได้อย่างไร รีบไปซื้อแผ่นไม้ขอพรรูปหัวใจ มาเขียนคำอธิฐานทันที
แล้วก็เอามาแขวนไว้ตรงนี้ ตอนแขวนแอบเสียดาย เพราะแผ่นป้ายที่นี่น่ารักมาก บนแผ่นจะมีรูปร่มแห่งรักที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า Ai Ai gasa (แปลตรงตัวว่า Love Love Umbrella ) อยู่ด้วย เชื่อกันว่าคนที่เป็นแฟนกันจะต้องเขียนชื่อของแต่ละคนไว้ใต้ร่ม จะทำให้รักสมหวังนั่นเอง ถือเป็น Sweet Gimmick น่ารักๆ ในการมาเดทที่ศาลเจ้าแห่งนี้
เท่านี้ก็เสร็จเรา .... เอ้ย เสร็จละ เพี้ยง
[CR] Autumn in Kyushu - Ep.2 - ตามหาใบไม้แดงที่ Yutoku Inari
Ep.1 - Huis Ten Bosch บินไปคิวชู แต่ไปโผล่ฮอลแลนด์: http://ppantip.com/topic/35236051
Ep.2 - ตามหาใบไม้แดงที่ Yutoku Inari: http://ppantip.com/topic/35263498
Ep.3 - ตามหาหัวใจที่ Nagasaki: http://ppantip.com/topic/35294708
Ep.4 - ตามหาคุมะมงที่ Kumamoto: http://ppantip.com/topic/35340828
Ep.5 - พาแฟนไปทัวร์นรก ที่ Beppu: http://ppantip.com/topic/35416017
Ep. 6 - ใครว่า Yufuin แค่ครึ่งวันก็พอ: http://ppantip.com/topic/35894794
Ep. 7 - แช่ออนเซ็นท่ามกลางใบไม้แดงที่ Kurokawa: http://ppantip.com/topic/35951771
Ep.8 - กินเพลินๆ ที่ Fukuoka: https://ppantip.com/topic/36053342/
Ep 9 - ล่องเรือในชุดกิโมโน ที่ Dazaifu & Yanagawa: https://ppantip.com/topic/36289772
เริ่มต้นเช้าวันที่ 2 ของ Trip Autumn in Kyushu วันนี้ตามแพลน เราจะเดินทางจาก Nagasaki ย้อนกลับไปที่ Saga เพื่อเที่ยวศาลเจ้าที่ชื่อ Yotoku Inari (โยโตคุ อินาริ) กัน
ออกจากโรงแรม APA Nagasaki Ekimae ตั้งแต่เช้าตรู่ เเต่เเค่เดินข้ามถนนมาก็ถึงสถานีรถไฟ Nagasaki เลย
เรานั่งรถไฟเที่ยว 7:29 ขบวนชื่อ Limited Express Kamome 6 ซึ่งรวมอยู่ใน North Kyushu Pass แล้ว เราจึงไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่มเติม ใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึง ก็จะถึงสถานี Hizenkashima ที่เป็นสถานีที่ใกล้ที่สุด หากต้องการเดินทางไปเที่ยวศาลเจ้า Yotoku Inari
ออกจากสถานี เราต้องไปต่อรถบัสประจำทางต่อ สถานที่ขึ้นรถบัสอยู่ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟ ดูจากรูปด้านล่างได้เลย
ด้านในจะมีคุณลุงขายตั๋วรถบัสอยู่ เราก็บอกเค้าว่าจะไปไหน ในนั้นจะมีตารางรถออกให้ดู มีภาษาอังกฤษด้วย ค่าตั๋ว 320 เยน รวมทั้งไปและกลับ ซื้อตั๋วเสร็จก็นั่งรอรถมารับ
หากใครตรงมาเที่ยวที่นี่โดยมีกระเป๋าเดินทางมาด้วย สามารถฝากที่สถานีรถบัสนี้ได้ เขาจะไม่มีล็อกเกอร์ให้ ก็คือต้องฝากกับคุณลุงสถานี เราอ่านดูรีวิวอื่นๆ ทั้งของคนไทยและต่างชาติ เขาก็ฝากกัน ไม่มีปัญหาอะไร แต่เราสองคน ไม่ได้ฝาก เพราะเก็บกระเป๋าไว้ในโรงแรมเรียบร้อยแล้ว
ถึงเวลารถออก รถบัสก็มาตรงเวลาเป๊ะ ตามมาตราฐานคนญี่ปุ่น
หลังจากนั่งไปประมาณ 15 นาที ก็จะถึงบริเวณปากทางเข้าวัด รถจะส่งและรับเรากลับที่จุดเดิม ควรเช็คเวลากลับให้ดีๆ และเผื่อเวลาในการเดินกลับออกมาด้วย เพราะจากป้ายรถบัสไปยังตัวศาลเจ้าใช้เวลาประมาณ 7 นาที
เริ่มออกเดิน มุ่งตรงไปยังศาลเจ้าที่เวลานี้ เงียบสงบมาก ร้านค้าก็ยังไม่ค่อยเปิดกัน แต่สิ่งที่ทำให้เราใจหาย คือเจ้าต้นไม้ที่ไร้ใบพวกนี้ จบกัน Trip Autumn in Kyushu
ไหนหละใบไม้แดงของช้านนนนนน !!
ก่อนออกเดินทางเราก็พอจะรู้ว่าเราอาจจะมาช้าไป เพราะนี่ก็ต้นธันวาเข้าไปแล้ว จริงๆเราควรมาตั้งแต่กลางเดือน ถึงปลายเดือนพฤศจิกายน ถึงจะเป็นช่วงดูใบไม้เปลี่ยนสีที่ภูมิภาคคิวชูจริงๆ (แต่ด้วยความที่ชีวิตออฟฟิศ จะเที่ยวยาวๆทีก็ต้องรอช่วงวันหยุด เลยต้องมาช่วงต้นธันวา) แต่เราก็ยังแอบหวังว่ามันจะยังมีหลงเหลืออยู่บ้าง
เดินคอตก เสียใจกับเรื่องใบไม้มาจนถึงตัววัด
แต่...พอเงยหน้ามองแล้วมองเข้าไปด้านในวัด ก็ทำให้เรายิ้มได้ เพราะ นั่นไงใบ้ไม้แดง !!!
ยังพอมีหลงเหลืออยู่จริงๆด้วย แถมเสาสีแดงๆของ ศาลเจ้าแห่งนี้ยังช่วยเสริมให้ภาพที่อยู่ตรงหน้าดูสวยงามขึ้น หลังจากเจอใบไม้แดง เราก็ยิ้มออก และมีอารมณ์ถ่ายรูปอีกครั้ง
ตัวอาคารหลักของศาลเจ้า Yotoku Inari แห่งนี้ มีความคล้ายคึงกับ Kiyomizu Dare ในเกียวโตมากทีเดียว ต่างกันตรงที่สีสันที่สดใสกว่า (และจำนวนนักท่องเที่ยวที่น้อยกว่าเยอะ)
แต่อันที่จริงแล้ว Yotoku Inari เป็นหนึ่งในสาม ของศาลเจ้า Inari ที่โด่งดังของญี่ปุ่น อีก 2 ที่ คือ Fushimi Inari (เกียวโต) และ Kasama Inari
ได้มาเห็นที่นี่ ก็ทำให้เราคิดถึงเกียวโตขึ้นมาเลย เสียดายครั้งนี้ไม่ได้ใส่ชุดกิโมโนเหมือนครั้งที่ไปเกียวโตใครมีแพลนไปเกียวโต อ่านรีวิวเราได้นะ Link นี้เลยจ้า Kyoto ย้อนเวลาในชุดกิโมโน - http://www.2roamwithlove.com/2015/09/day5-kyoto-kimono-kiyomisu-fushimi-inari-gion.html
ศาลเจ้านี้สร้างขึ้นตั้งแต่ ปี 1687 และก็เหมือนศาลเจ้า Inari อื่นๆ คือที่นี่บูชาเทพจิ้งจอก ที่เชื่อกันว่านำพาโชคลาภด้านความอุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะการเก็บเกี่ยวพืชพรรณ และการประมง
ก่อนเข้าศาลเจ้า จะมีสะพานเล็ก และบ่อปลาคาร์พ
ที่นี่เปิดให้เข้าชมได้ฟรี ไม่ต้องเสียค่าเข้าใดๆ และตอนนี้ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมกว่า 2.8 ล้านคน และขาดว่าจะได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ
การจะเข้าไปในส่วนศาลเจ้าหลักจะต้องขึ้นบันไดนี้ไป สองข้างทางยังคงเต็มไปด้วยใบไม้แดง สีสวยงาม
บรรยากาศเช้านี้เงียบสงบมาก
เราสองคนจึงใช้เวลา อย่างไม่เร่งรีบ ชื่นชมใบไม้แดงกัน
เดินขึ้นมาไม่ไกลก็จะถึงศาลเจ้า
มาขอพรกันสักหน่อย
แต่ศาลเจ้านี้ไม่ได้มีแค่นี้นะ เดินทะลุออกไปอีกฝั่งหนึ่งจะเจอกับทางเดินที่เต็มไปด้วยเสาโทริสีแดง ดูเชิญชวนให้เดินเข้าไปเป็นอย่างมาก
เสาเรียงราย ขึ้นไปจนถึงภูเขาที่อยู่ด้านหลังศาลเจ้าเลยทีเดียว ถึงตอนนี้ เราถ่ายรูปกันแบบรัวๆ สวยไปทุกมุมเลย
ยิ่งถ้าใครมาตอนเช้า คงได้ถ่ายรูปกันอย่างเต็มที่เลยทีเดียว เพราะไม่มีคนเลย เอาขาตั้งกล้องออกมาตั้งก็ยังได้
จากบนนี้ยังสามารถมองลงไปเห็นวิวบ้านเรือนด้านล่าง และดงใบไม้แดงอีกด้วย
หลังจากเดินเล่นอยู่ด้านบนสักพัก เราก็เริ่มเดินลง เผื่อเวลาในการกลับไปขึ้นรถบัสด้วย
ก่อนกลับเห็นสาวญี่ปุ่น ใส่ชุดกิโมโนมาเที่ยว สวยมาก ตากล้องขอแอบถ่ายรูปมา
โอ๊ะ ! เกือบลืม ที่นี่มีให้ขอพรเรื่องความรักด้วยนะ .... แล้วเราจะพลาดได้อย่างไร รีบไปซื้อแผ่นไม้ขอพรรูปหัวใจ มาเขียนคำอธิฐานทันที
แล้วก็เอามาแขวนไว้ตรงนี้ ตอนแขวนแอบเสียดาย เพราะแผ่นป้ายที่นี่น่ารักมาก บนแผ่นจะมีรูปร่มแห่งรักที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า Ai Ai gasa (แปลตรงตัวว่า Love Love Umbrella ) อยู่ด้วย เชื่อกันว่าคนที่เป็นแฟนกันจะต้องเขียนชื่อของแต่ละคนไว้ใต้ร่ม จะทำให้รักสมหวังนั่นเอง ถือเป็น Sweet Gimmick น่ารักๆ ในการมาเดทที่ศาลเจ้าแห่งนี้
เท่านี้ก็เสร็จเรา .... เอ้ย เสร็จละ เพี้ยง